วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มิตซูบิชิเด้งเชือก ส่งแคมเปญดอกต่ำต้านคู่แข่ง

มิตซูบิชิเด้งเชือก ส่งแคมเปญดอกต่ำต้านคู่แข่ง มิตซูบิชิดิ้นหาทางสู้คู่แข่งทุกทาง ล่าสุดเปิดเกมบุกด้วยแคมเปญดอกเบี้ยต่ำ สำหรับทุกๆ ผลิตภัณฑ์ หวังสร้างศักยภาพด้านการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่ง ซึ่งมิตซูบิชิ ไม่มีผลิตภัณฑ์ในเซ็กเมนท์รถยนต์ขนาดซับคอมแพ็กต์ ดังนั้นการปั้นยอดขายของแลนเซอร์อีเอ็กซ์ ในเซ็กเมนท์ขนาดคอมแพ็กต์ จึงต้องอาศัยแคมเปญเป็นตัวดึงดูด นอกจากนี้การเพิ่มรุ่นพิเศษ ด้วยสีขาว ในทุกผลิตภัณฑ์ก่อนหน้านี้ก็เป็นการดึงดูดความสนใจ ตามเทรนด์ของตลาดที่นิยมสีขาว การรุกด้วยแคมเปญดอกเบี้ยต่ำของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินรายใหญ่ 5 แห่งประกอบด้วย บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) , บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด, บริษัท ทิสโก้ลีสซิ่ง จำกัด , ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โคจิ นากาฮาร่า กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ ระบุกว่า ทั้ง 5 สถาบันการเงินยินดีจะมอบข้อเสนอพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ยต่ำ แก่ผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ทั้งนี้การร่วมมือกันดังกล่าวนอกจากจะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่สนใจแล้วยังมีส่วนช่วยยกระดับการขายพร้อมช่วยขยายฐานลูกค้าของมิตซูบิชิให้กว้างขึ้นอีกด้วย

แคมเปญดังกล่าวเป็นการจัดขึ้นสำหรับในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ดอกเบี้ยต่ำ 0.99% สำหรับมิตซูบิชิ ไทรทัน และ ดอกเบี้ยต่ำสุด 1.69% สำหรับรถมิตซูบิชิรุ่นอื่นๆ โดยมิตซูบิชิเผยว่า เป็นการจัดทำแคมเปญต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ผ่านการจัดกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นโชว์รถในห้างสรรพสินค้า การเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถในสภาพการใช้งานจริง รวมไปถึงการจัดกิจกรรมให้กับลูกค้าปัจจุบันในรูปแบบต่างๆ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และส่งผลให้ยอดขายในช่วง 3 เดือนแรกของมิตซูบิชิอยู่ที่ 7,628 คัน เติบโตขึ้น 97.77 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สำหรับยอดขายของมิตซูบิชิ ในไครมาสแรกที่ผ่านมานั้น อยู่ในลำดับที่ 5 มีส่วนแบ่งตลาด 4.7% ต่อจากค่านนิสสันที่มียอดขาย 9,462 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 5.67% ด้านผลิตภัณฑ์นั้นก่อนหน้านี้ทั้ง 2 มีรถยนต์ในตลาดที่แข่งขันในเซ็กเมนท์เดียวกัน คือกลุ่มปิกอัพ และรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็กต สิ่งที่นิสสันมีและมิตซูบิชิไม่มีคือ รถยนต์นั่งขนาดกลาง แต่มิตซูบิชิเองก็มีรถยนต์เอนกประสงค์ หรือเอ็มพีวี และนิสสันมีรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเอนกประสงค์ขนาดคอมแพ็กต์

ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างของทั้ง 2 แบรนด์นั้น มียอดขายไม่มากมายนัก เนื่องจากเป็นกลุ่มรถยนต์ที่มีราคาค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามการเปิดตัวอีโคคาร์ของนิสสันในรุ่น มาร์ช น่าจะทำให้ยอดขายนิสสันขยับสูงขึ้นกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา และทำให้ส่วนแบ่งตลาดของนิสสันขยับสูงขึ้น นอกจากนี้การแข่งขันในเซ็กเมนท์รถยนต์นั่งขนาดซับคอมแพ็กต์เอง น่าจะส่งผลต่อการทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็กต์ คือ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ของมิตซูบิชิไม่มากก็น้อย แม้จะเป็นตลาดคนละกลุ่มกันก็ตาม ขณะเดียวกันต้องแข่งขันกับคู่แข่งในระดับเดียวกันจากค่ายใหญ่คือ โตโยต้า อัลติส, ฮอนด้า ซีวิค และมาสด้า 3 ยังไม่นับรวมฟอร์ดโฟกัส ที่เริ่มรุกตลาดด้วยการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการในต่างจังหวัด

ดังนั้นการออกแคมเปญดอกเบี้ยต่ำจึงเป็นการสร้างแรงดึงดูดที่น่าสนใจต่อกลุ่มเป้าหมาย และการเข้าถึงตัวผลิตภัณฑ์ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง อีกทั้งการมีสถาบันการเงินรายใหญ่ทั้ง 5 แห่งเข้ามาร่วม ยังเป็นช่วยเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งสถาบันการเงินเองก็มีลูกค้าสินเชื่ออยู่แล้สจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นลูกค้าชั้นดีที่สถาบันการเงินสามารถคัดเลือกมาให้

ทั้งนี้ด้านผลิตภัณฑ์นั้น รถยนต์มิตซูบิชิ ทั้งรถปิกอัพ และรถยนต์นั่ง มีศัยภาพในการแข่งขันกับผลิตภัภณฑ์ในตลาดได้ทั้งในเรื่องรูปร่าง สมรรถนะ และความประหยัด ส่วนด้านตัวแทนจำหน่ายโชว์รูม และศูนย์บริการ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของการทำตลาดรถยนต์ในเมืองไทยนั้น มิตซูบิชิ มีเครือข่ายในระดับเดียวกับค่ายรถขนดกลางเช่น นิสสัน มาสด้า ฟอร์ด และเชฟโรเลต ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบเท่าใดนัก

ส่วนการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในส่วนรถปิกอัพนั้น ไทรทันมีการแต่งเติมเสริมอุปกรณ์ และหน้าตาให้มีความสดใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่แลนเซอร์ อีเอ็กซ์นั้น แม้จะพึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2553 ที่ผ่านมา แต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มีการเพิ่มรุ่นพิเศษ ตกแต่งด้วยสีขาว ซึ่งเป็นเทรนด์ความนิยมของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์เมืองไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น และเพื่อไม่ให้เสียเปรียบคู่แข่งรายใหญ่ คือทั้งโตโยต้า ฮอนด้า และมาสด้า ที่ล้วนทำตลาดรถยนต์สีขาวมาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้การเพิ่มรุ่นพิเศษสีขาว นั้น มิตซูบิชิ เลือกใช้เป็นแคมเปญใหญ่ คือ กำหนดเป็นรุ่นพิเศษสำหรับทุกผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในไลน์ คือ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์, ปิกอัพไทรทัน, เอสยูวี ปาเจโร่ และเอ็มพีวี สเปซแวกอน นอกจากนี้กิจกรรมให้ลูกค้าได้ทดสอบสมรรถนะตามโชว์รูมต่างๆ ก็ยังดำเนินต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์กับรถยนต์ มิตซูบิชิ ในแต่ละรุ่น โดยมีการมอบรางวัลต่างๆ อาทิ บัตรของขวัญ บัตรกำนัลต่างๆ สำหรับแลก หรือซื้อสินค้าตามห้างสรรสินค้าต่างๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า

การเดิมกลยุทธ์ต่างๆ ของมิตซูบิชิ ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ด้วยกิจกรรม หลายๆ รูปแบบ และแคมเปญต่างๆ เป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่มีการแข่งขันกันอย่างรุกแรง ทั้งจากการบุกตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ และการตอบโต้จากบรรดาผู้นำตลาด ซึ่งหากมิตซูบิชิ ไม่สร้างศักยภาพด้านการแข่งขันที่แข็งแกร่ง มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ อาจถูกคู่แข่งเฉือนไปทีละน้อยจนหลุดจากอันดับที่ 5 ในตลาดของตนเอง
ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์