tag:blogger.com,1999:blog-36500614667434525152024-03-13T08:37:23.780+07:00@.ข่าววันนี้.@ข่าววันนี้ newscar newstoday newscliptech newsnewsclipping ข่าวเทคโนโลยี่ ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวรถใหม่ ข่าวก็อซซิป ข่าวดารา ข่าวบันเทิง อ่านข่าวออนไลน์zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comBlogger550125tag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-50665878333112790242012-07-04T22:53:00.000+07:002012-07-04T22:53:32.600+07:00"ตุ๊ก ชนกวนันท์-บ๊วย" รักสะบั้น "หย่า" แยกทางกันแล้ว<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8zDBe0svZ0ADmv09MOHmBKhkjVqIhOiAk6igG_xhhSQPsTzljzjYzcPqTxs5Causo_WJ5BuI8JCdvUN5ZHjPinCTD-L1wFe5OYLGv7R5_BTn5PHPNXijqkbTC-BWaWDaKMoDODPvSfpg/s1600/0.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="215" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8zDBe0svZ0ADmv09MOHmBKhkjVqIhOiAk6igG_xhhSQPsTzljzjYzcPqTxs5Causo_WJ5BuI8JCdvUN5ZHjPinCTD-L1wFe5OYLGv7R5_BTn5PHPNXijqkbTC-BWaWDaKMoDODPvSfpg/s400/0.jpg" width="400" /></a></div>"ตุ๊ก ชนกวนันท์-บ๊วย" รักสะบั้น "หย่า" แยกทางกันแล้ว ส่วน "ดู๋-สัญญา" โต้เปล่ามีกิ๊กนางงาม<br />
ตัดสินใจไปจดทะเบียนหย่ากันที่เขตสะพานสูงและฝ่ายหญิงขอเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนเอง ส่วน"ดู๋" สัญญา คุณากร พิธีกรชื่อดัง ขำกลิ้งหลังมีข่าวลือเตียงหัก ปฏิเสธพัลวัน ไม่ได้กิ๊กนางงาม<br />
<a name='more'></a><br />
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 4 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากผู้จัดการส่วนตัวของ ตุ๊ก-ชนกวนันท์ วัชรคุณ อดีตนางแบบสาว ว่า ตุ๊ก-ชนกวนันท์ กับสามี คือ บ๊วย-เชษฐวุฒิ วัชรคุณ นักแสดงชื่อดัง<div style="display:block;float:Right;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 300x250มีขอบ */
google_ad_slot = "9612261649";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>เพิ่งตัดสินใจไปจดทะเบียนหย่ากันที่เขตสะพานสูงเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา หลังจากมีกระแสข่าวความระหองระแหงกันอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองคนได้มีการตกลงเรื่องลูก และทรัพย์สินเรียบร้อย ซึ่งฝ่ายหญิงจะเป็นผู้เลี้ยงดูลูกทั้งสองคนเอง ตอนนี้สภาพจิตใจของทั้ง 2 คนยังดีอยู่ แต่ยังไม่พร้อมจะออกสื่อ หากพร้อมเมื่อไรจะแจ้งให้ทราบอีกที ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปหา ตุ๊ก-ชนกวนันท์ แต่ปลายสายกลับเป็นเพื่อนสนิท แจ้งว่าตุ๊กยังไม่ขอตอบอะไร เพราะยังเครียดจัดตอนนี้เป็นลมอยู่<br />
<br />
ด้าน นายสัญญา คุณากร หรือดู๋ พิธีกรชื่อดังเปิดเผยหลังมีข่าวลือเตียงหักอีกรายว่า เพิ่งทราบจากสื่อเมื่อไม่นานนี้ ส่วนตัวรู้สึกงงมาก ไม่ทราบว่าข่าวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ยืนยันว่าครอบครัวยังแข็งแรง รักกันอยู่ ไม่มีอะไรขัดแย้งกันเลย ตอนที่ภรรยาทราบยังมาแซวว่าแอบไปกิ๊กมีนางงามจริงหรือ ส่วนตัวทำงานมา 22 ปี ยังไม่เคยมีนางงามคนไหนแสดงตัวว่าชอบเลยซักคน เรื่องนี้จึงไม่เครียด เพราะมันไม่จริง หากเป็นเรื่องจริงคงเครียดไปแล้ว หากไปถามคนที่รู้จักจะรู้ว่าตนไม่มีพฤติกรรมแบบนั้นแน่นอน โดยเฉพาะกับน้องกวาง-ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม อดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี 2550 ซึ่งตกเป็นข่าวด้วยกันนั้นยิ่งไม่ใช่แน่ เพราะหลังร่วมรายการด้วยกันแล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ขอยืนยันอีกครั้งว่าครอบครัวยังรักกันดี ไม่มีแตกแยกยังคุยกับภรรยาอย่างสบายใจเหมือนเดิม.<br />
ที่มา เดลินิวส์<br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-55928020458348739922012-06-07T14:02:00.001+07:002012-06-07T14:03:48.422+07:00เรื่องดีๆในจีนก็มีเหมือนกันชาวเน็ตซึ้งน้ำตาท่วมจอ ภาพ "ลูกกตัญญูบนรถไฟใต้ดิน"<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjT-vRzHUgk7Sfu8Wiw00j8RkZeEJnFpONngtBTAcfKdqm1lQosSLxJ5np2ynXr7dZp9qvqUCxTqIy3iFFvA20tnOIYsoZRWujjNmDNVNJrNyYwpMH42ttio8zsp4u0j-unh7mGJE0zplM/s1600/01.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjT-vRzHUgk7Sfu8Wiw00j8RkZeEJnFpONngtBTAcfKdqm1lQosSLxJ5np2ynXr7dZp9qvqUCxTqIy3iFFvA20tnOIYsoZRWujjNmDNVNJrNyYwpMH42ttio8zsp4u0j-unh7mGJE0zplM/s400/01.JPEG" width="300" /></a><br />
เรื่องดีๆในจีนก็มีเหมือนกัน ชาวเน็ตซึ้งน้ำตาท่วมจอ ภาพ "ลูกกตัญญูบนรถไฟใต้ดิน"<br />
เรื่องดีๆในจีนก็มีเหมือนกันปีที่แล้ว ชาวเน็ตต่างพากันเสียน้ำตาให้กับภาพความอบอุ่นของชายชาวไต้หวันที่อุ้มมารดามารอพบหมอที่โรงพยาบาล <br />
<a name='more'></a>ซึ่งผู้ได้ชมภาพดังกล่าวล้วนสรรเสริญความกตัญญูของชายผู้นั้น ความซึ้งยังไม่จางหาย เมื่อเร็วๆ นี้ ปรากฏภาพทำนองเดียวกันของชายกลางคนผู้หนึ่งที่โอบกอดชายชราซึ่งคาดว่าจะเป็นบิดาของเขา ขณะที่ผู้เฒ่านอนหลับใหลอยู่บนเก้าอี้ในรถไฟไต้ดิน <div style="display:block;float:Right;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 300x250มีขอบ */
google_ad_slot = "9612261649";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ความรักความอบอุ่นที่สะท้อนออกมา กระทบใจผู้พบเห็นจนมีผู้ถ่ายภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ลงบนสังคมออนไลน์จีน(เวยปั๋ว) ภาพดังกล่าวถูกส่งต่อไปในวงกว้างรวมทั้งในเวยปั๋วของสื่อมวลชนและนักแสดงผู้มีชื่อเสียงหลายราย จนกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อยู่ในขณะนี้<br />
<br />
ชาวเน็ตจีนที่ใช้ชื่อในเวยปั๋วว่า "เฟยเฉิงอู้จิ้ง" ผู้นำภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ลงในอินเตอร์เน็ตคนแรก ชี้แจงผ่านสื่อจีนว่า เขาถ่ายภาพนี้บนรถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้ เพราะตนรู้สึกประทับใจกับภาพความอบอุ่น-อ่อนโยนตรงหน้า "ส่วนใหญ่เคยเห็นแต่โอบให้แฟนสาวนอนหลับ บ้างก็กอดกล่อมลูกนอน แต่ลูกชายโอบกอดพ่อให้หลับนี่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก" เฟยเฉิงอู้จิ้ง กล่าว<br />
<br />
"นับถือลูกกตัญญูบนรถไฟใต้ดิน" คือชื่อหัวข้อที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ใช้เผยแพร่ภาพดังกล่าวต่อๆ กันออกไป บ้างว่านี่คือหนึ่งในภาพที่ "สะท้อนใจชาวจีน" ที่สุดภาพหนึ่ง<br />
<br />
"ภาพความซาบซึ้งนี้กระทบความรู้สึกและจิตวิญญาณ ปัจจุบันพฤติกรรมเหล่านี้ลดน้อยลงไปทุกวัน เปรียบง่ายๆ ฉันเองยังเกิดความละอาย เพราะที่ผ่านมาแทบไม่ได้ทำอะไรเพื่อครอบครัวเลย ... ทั้งๆ ที่สิ่งที่พ่อแม่ต้องการก็แค่ให้ลูกๆ ของตนมีความสุขและอยู่ข้างกายพวกเขา" คือข้อความที่ชาวเน็ตรายหนึ่งเขียนระบายความในใจ<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhR0raUrf-K1zJ0lcjeEdNOBv8qKK_TSjefbPb23CeltxEnmqfpdRqSZvP4Rhyphenhyphenivw2jpaVIo22hZ4GQbxFjbL7uMnC4fjsgT-dwfplgDeUgMAdgLzzoFGz7rCa2FSrZnGE6a8GZYqxthYk/s1600/02.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="301" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhR0raUrf-K1zJ0lcjeEdNOBv8qKK_TSjefbPb23CeltxEnmqfpdRqSZvP4Rhyphenhyphenivw2jpaVIo22hZ4GQbxFjbL7uMnC4fjsgT-dwfplgDeUgMAdgLzzoFGz7rCa2FSrZnGE6a8GZYqxthYk/s400/02.JPEG" width="400" /></a><br />
ภาพ "ลูกกตัญญูอุ้มมารดา" ภาพความรักระหว่างแม่-ลูกชาวไต้หวัน ที่เคยเรียกน้ำตาชาวเน็ตทั้งในและต่างประเทศมาแล้ว<br />
ที่มา manager.co.th<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-39209123280677573162012-05-20T11:40:00.000+07:002012-05-20T11:40:34.658+07:00ซัคเกอร์เบิร์ก แต่งงานแล้ว หลังรวย $2 หมื่นล. จากเฟซบุ๊กเข้าตลาดหุ้น<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6Fpp6Gg57I34-IWD7650_08GYFPqHma6QGVvynmwdAFZ3lOOtmSOE313AqApkonxcr-4g5UfUsuc2wuPVw5XQpxqDk8r4TSF9idY5AZ8C24o38Arv9g39XgxCigPoneeWAg_UVLViFj8/s1600/1.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6Fpp6Gg57I34-IWD7650_08GYFPqHma6QGVvynmwdAFZ3lOOtmSOE313AqApkonxcr-4g5UfUsuc2wuPVw5XQpxqDk8r4TSF9idY5AZ8C24o38Arv9g39XgxCigPoneeWAg_UVLViFj8/s400/1.JPEG" width="400" /></a></div>ซัคเกอร์เบิร์ก แต่งงานแล้ว หลังรวย $2 หมื่นล. จากเฟซบุ๊กเข้าตลาดหุ้น เอเยนซี/ASTVผู้จัดการ – เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก “มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก” ประกาศตัวไม่โสดแล้ว ขึ้นสถานะแต่งงานแล้วกับแฟนสาว พริสซิลลา ชาน พร้อมโชว์ภาพหลักฐานเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. หลังเฟซบุ๊กเข้าตลาดหุ้นได้วันเดียว สื่อนอกเผยจัดงานเรียบง่าย แขกไม่ถึงร้อยคน<br />
<a name='more'></a><br />
ช่วงเช้าวันนี้ (20 พ.ค.) ตามเวลาในประเทศไทย นายมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารเฟซบุ๊กที่เพิ่งอายุครบ 28 ปีเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ขึ้นสถานะของตนเองในเฟซบุ๊กโดยระบุว่า “แต่งงานกับพริสซิลลา ชาน” เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. 2555 ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศทุกแห่งก็ทยอยออกมายืนยันว่า งานแต่งงานของเศรษฐีหนุ่มผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กมีขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ ปาโล อัลโต มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีแขกได้รับเชิญเข้าร่วมไม่ถึงหนึ่งร้อยคนเท่านั้น<br />
<div style="display:block;float:Right;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 300x250มีขอบ */
google_ad_slot = "9612261649";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ก่อนหน้านั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 18 พ.ค. (21.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซัคเกอร์เบิร์กเพิ่งลั่นระฆังตามธรรมเนียมการเปิดขายหุ้นหรือ Nasdaq opening bell หน้าสำนักงานใหญ่เฟซบุ๊กในย่าน Menlo Park เมือง Palo Alto ย่านซิลิกอนวัลเลย์ ท่ามกลางพนักงานและผู้บริหารเฟซบุ๊กอย่างเชอร์รีล แซนเบิร์ก (Sheryl Sandberg) ถือเป็นการแหกธรรมเนียมปฎิบัติที่ผู้บริหารบริษัทส่วนใหญ่มักจะเดินทางไปเมืองนิวยอร์ก เพื่อลั่นระฆังจากระเบียงห้องโถงที่ทำการตลาดหุ้นนิวยอร์ก ทั้งนี้จากการเสนอขายหุ้นครั้งแรกหรือ IPO ของเฟซบุ๊กซึ่งบริษัทตั้งไว้ที่ 38 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นนั้นทำให้มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์กมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่ากว่า 1.91 หมื่นล้านเหรียญ (ราว 5.9 แสนล้านบาท) เช่นเดียวกับผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Eduardo Saverin ซึ่งกลายเป็นผู้มีหุ้นเฟซบุ๊กเป็นมูลค่ามากกว่า 4 พันล้านเหรียญ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFGNxGNmXNA6bL8LSphPRZF7a8zA7AicAKsZJ-3FhWq23fTpp0pAl5Cw6mWJiLBQRv1IR6onIhBXje0tbjgGKiiweMRstHeWgaK4ie_xJwYUQvHVfzBRunOhyphenhyphenmoWxiYtpg4-j4AqlUKLQ/s1600/2.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="359" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFGNxGNmXNA6bL8LSphPRZF7a8zA7AicAKsZJ-3FhWq23fTpp0pAl5Cw6mWJiLBQRv1IR6onIhBXje0tbjgGKiiweMRstHeWgaK4ie_xJwYUQvHVfzBRunOhyphenhyphenmoWxiYtpg4-j4AqlUKLQ/s400/2.JPEG" width="400" /></a></div>มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก และ คู่ชีวิตพริสซิลลา ชาน ในงานวิวาห์วานนี้ (19 พ.ค.)<br />
เฟซบุ๊กของซัคเกอร์เบิร์ก แสดงสถานะแต่งงานแล้วเมื่อเช้านี้ (ตามเวลาในประเทศไทย)<br />
ภาพโดย Allyson Magda<br />
การเปิดขายหุ้นดังกล่าว ทำให้ยักษ์ใหญ่เครือข่ายสังคมสามารถระดมทุนเพิ่มถึง 1.6 หมื่นล้านเหรียญในวันเดียว ซึ่งทำสถิติเป็นการขาย IPO ที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์หุ้นสหรัฐ โดยมูลค่าตลาดรวมของเฟซบุ๊กที่จะทยานขึ้นไปแตะระดับ 1.04 แสนล้านเหรียญนั้นทำให้เฟซบุ๊กกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงกว่ายักษ์ใหญ่อย่างอเมซอน (Amazon) รวมถึงดีสนีย์ (Disney) และคราฟท์ (Kraft)<br />
<br />
สำหรับ พริสซิลลา ชาน (Priscilla Chan) ภรรยาของซัคเกอร์เบิร์กนั้นเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในแถบชานเมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยซัคเกอร์เบิร์กรู้จักกับชานขณะเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยทั้งคู่เริ่มออกเดตกันในปี 2546 และคบกันเรื่อยมา โดยสาเหตุหนึ่งที่ซัคเกอร์เบิร์กเริ่มเรียนภาษาจีนกลางก็เพราะแฟนสาวผู้นี้ จนกระทั่งล่าสุดประกาศว่าแต่งงานกันแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา<br />
ที่มา manager.co.th<br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-82054638259637094492012-04-21T12:34:00.000+07:002012-04-21T12:34:17.941+07:00จัดงานศพอาลัยสุนัขใจกล้า-ภักดี โดนคนใจเหี้ยมกว่า 20 คน รุมฟันดับ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEheJ_gQqhR5Urv1mmJ1wnnL0pagL8eynTM7LMjd7EeAe5wCPhcxjikj1SSVlTQgpZ24JNHg2vl0ZBa0Ta2ZF6d1ej_8Pmi0cIybHV_3P5wyeiN9uBICwaClbs8SsPo7iwy1A78OeVL2xiI/s1600/1.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEheJ_gQqhR5Urv1mmJ1wnnL0pagL8eynTM7LMjd7EeAe5wCPhcxjikj1SSVlTQgpZ24JNHg2vl0ZBa0Ta2ZF6d1ej_8Pmi0cIybHV_3P5wyeiN9uBICwaClbs8SsPo7iwy1A78OeVL2xiI/s400/1.JPEG" width="400" /></a></div>จัดงานศพอาลัยสุนัขใจกล้า-ภักดี โดนคนใจเหี้ยมกว่า 20 คน รุมฟันดับ<br />
กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดซีอันจัดงานศพไว้อาลัย "เล่อเล่อ" สุนัขเฝ้ายาม ที่ออกมาทำหน้าที่ของมัน เผชิญหน้ากับคนถือปังตอกว่า 20 คน จนถูกรุมฟันตาย หาไม่แล้ว ก็จะเกิดศึกนองเลือดใหญ่ระหว่างกลุ่มคน (ภาพ เอเจนซี)<br />
<a name='more'></a><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhIXShtle3X0XTQIEq9Qif3liPhQssVKMU_jyOmS5d13WNJTfmpILuoZLs3vzWUSLJZkI8hEfI5GDXK-yB4jAEELXnUf4O8CdM6pZQhBTACKU1ijWUXpd4tLdQ3OW3zBKG02EheSBEKW2Q/s1600/2.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhIXShtle3X0XTQIEq9Qif3liPhQssVKMU_jyOmS5d13WNJTfmpILuoZLs3vzWUSLJZkI8hEfI5GDXK-yB4jAEELXnUf4O8CdM6pZQhBTACKU1ijWUXpd4tLdQ3OW3zBKG02EheSBEKW2Q/s400/2.JPEG" width="400" /></a></div>พ่อค้าแม่ค้าในตลาดซีอัน ร้องไห้อาลัยเจ้าเล่อเล่อ สุนัขเฝ้ายามใจกล้าที่ปกป้องนายจนตาย (ภาพ เอเจนซี)<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiybHKBvtLjXA6fyggm096KpOwjQJnYb1HDJP-mBdb5jAfYnmcpQJZb-wHVAW3ggPgg3A9r_hMZHFDwMS_a06MhCSteVc4JnFxjNQ91KSnQGW4v1I_DHFrIDkt9K6yQPyH1lAQpYgA7xls/s1600/3.JPEG" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiybHKBvtLjXA6fyggm096KpOwjQJnYb1HDJP-mBdb5jAfYnmcpQJZb-wHVAW3ggPgg3A9r_hMZHFDwMS_a06MhCSteVc4JnFxjNQ91KSnQGW4v1I_DHFrIDkt9K6yQPyH1lAQpYgA7xls/s400/3.JPEG" width="302" /></a></div>เอเจนซี-กลุ่มผู้ประกอบการในตลาดทางตะวันออกของเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ได้จัดพิธีศพไว้อาลัยแก่สุนัขยามตัวหนึ่ง ชื่อ "เล่อเล่อ" เล่อเล่อเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน ขณะที่มันวิ่งออกมาขวางผู้บุกรุก จนถูกผู้บุกรุกกว่า 20 คน ใช้มีดฟันทำร้ายจนเสียชีวิต <br />
<br />
“มันได้เผยตัวผู้บุกรุก และการเสียสละของมันทำให้ตลาดของเราไม่ต้องนองเลือด” กลุ่มผู้ประกอบการในตลาดได้จัดพิธีไว้อาลัยให้แก่เล่อเล่อ สุนัขเฝ้ายาม<br />
<br />
ผู้ประกอบการหญิงรายหนึ่งก้มหน้าพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดกล่าวถึงสุนัขตัวนี้ว่า “ความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของของมัน ทำให้ผู้คนซาบซึ้งมาก” คุณโจวเจ้าของเล่อเล่อ สุนัขพันธุ์พื้นบ้านอิตาลี (cane corso) สะอื้นกล่าวว่า “ถ้าไม่มีมัน วันนั้นคนที่บาดเจ็บคงเป็นพวกเรา”<br />
<br />
เมื่อวันศุกร์(13 เม.ย.) ชายท่าทีเอาเรื่องกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาในตลาด เพื่อสะสางปัญหาการค้าและได้มีปากเสียงกัน เจ้าเล่อเล่อได้วิ่งออกจากจากหลังบ้าน เห่าใส่ผู้บุกรุกทันที ผู้ประกอบการ แซ่ห่าว เล่าว่า เมื่อผู้บุกรุกเห็นสุนัขวิ่งออกมา ก็ได้ชักมีดออกมาไล่ฟันเจ้าเล่อเล่อ เจ้าเล่อเล่อมีบาดแผลฉกรรจ์ที่หลังถึงหัว และได้เสียชีวิตในสามวันต่อมา<br />
<br />
คุณโจวเล่าอย่างเจ็บปวดว่า สุนัขตัวนี้จะอยู่ที่ลานบ้านเฝ้าบ้าน มันเป็นมิตรของเหล่าผู้ประกอบการ และคุณห่าวก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ที่ขาข้างซ้ายมีรอยบาดแผลเห็นได้อย่างชัดเจน<br />
<br />
ผู้ประกอบการรายหนึ่งกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะสุนัขตัวนี้ คนที่โดนฟันเลือดตกยางออกก็คือพวกเรา” หวังว่าสำนักงานพิทักษ์สันติราษฎร์จะเร่งดำเนินคดี ให้ผู้ก่อความรุนแรงได้รับโทษตามสมควร และขณะนี้ตำรวจในท้องที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว.<br />
ที่มา http://www.manager.co.th/<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-38672766163363822382012-04-08T23:48:00.000+07:002012-04-08T23:48:15.489+07:00สับเละ! รูปปั้นพระพุทธรูปปางแมคโดนัลด์ว่อนเน็ต จี้หาต้นตอ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHHoQSKvAjOy0B8BpPfrMiASjBb9KTNdM0HkVIso_oLYhJoIpdfZJqeAI1pQ6he1Ui9ZQ35rSaX4P2dCRtiRt6wczfIYgR6gbMls7nOKkkYYZAZqMNgBkfPbSAmgNdPfxVzkQHbOUQ-Wk/s1600/0.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHHoQSKvAjOy0B8BpPfrMiASjBb9KTNdM0HkVIso_oLYhJoIpdfZJqeAI1pQ6he1Ui9ZQ35rSaX4P2dCRtiRt6wczfIYgR6gbMls7nOKkkYYZAZqMNgBkfPbSAmgNdPfxVzkQHbOUQ-Wk/s320/0.jpg" width="232" /></a></div>สับเละ! รูปปั้นพระพุทธรูปปางแมคโดนัลด์ว่อนเน็ต จี้หาต้นตอ<br />
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ รับแจ้งว่ามีการโพสต์ภาพไม่เหมาะสม เป็นรูปปั้นพระพุทธรูปปางสมาธิ แต่รูปปั้นดังกล่าว กลับทำเป็นสีสันและหน้าตาเลียนแบบ “แมคโดนัลด์” อย่างจงใจ บริเวณลำตัวและขาเป็นสีเหลือง ส่วนที่แขนและบริเวณข้อเท้าเพ้นท์เป็นสีแดงสลับขาว บริเวณใบหน้าจงใจตกแต่งให้เหมือนตัวตลกโลโก้ของแมคโดนัลด์เป็นอย่างยิ่ง แต่ที่น่าสะเทือนใจยิ่งกว่า คือที่ศีรษะของรูปปั้นได้ทำเป็นยอดพระเกศที่จงใส่สีแดง ให้เหมือนสีของตัวตลกแมคโดนัลด์ทุกประการ<br />
<br />
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สืบหาข้อเท็จจริงด้วยการเข้าไปตรวจสอบที่เฟซบุ๊กของ McDonald’s Thai และพบว่ามีบุคคลนำภาพดังกล่าวมาโพสต์ เพื่อสอบถามความรับผิดชอบ ระบุข้อความทำนองว่า “ รูปนี้ที่เห็นในเฟซบุ๊ก ได้แชร์มาจากเพื่อนชาวเกาหลี อยากรู้ว่าทำไมแมคโดนัลด์ถึงทำแบบนี้<br />
<a name='more'></a> ต้นตอที่มาจริงๆก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่คนที่เสียหายคือคนพุทธ เพราะพระพุทธรูปเป็นสิ่งที่เราเคารพบูชา ไม่ใช่สิ่งที่น่าเอามาล้อเลียนเศร้าใจกับภาพค่ะ อยากให้แมคโดนัลด์ไทยช่วยหาต้นตอให้หน่อย หากพบว่าแมคโดนัลด์ประเทศอื่นเป็นคนทำก็ควรจะตักเตือน จึงอยากให้ทางแมคโดนัลด์ชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้น”<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 13/8/2554 */
google_ad_slot = "6927842945";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ต่อมา ได้มีผู้ดูแลเฟซบุ๊กของทางแมคโดนัลด์ไทย แจ้งข้อมูลกลับว่าว่า ทางแมคโดนัลด์ไทย ก็รู้สึกตกใจเช่นกันที่เห็นภาพแบบนี้ และอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าได้รูปดังกล่าวมาจากไหน ทางแมคโดนัลด์ไทย จะลองช่วยกันดูว่าจะทำอะไรเพื่อแก้ไขเรื่องนี้กันได้บ้าง ต้องขอขอบคุณสำหรับข้อมูลที่แจ้งเข้ามา<br />
<br />
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้บริหารของแมคโดนัลด์ประจำประเทศไทย พร้อมนำภาพดังกล่าวให้ดู ทางผู้บริหารฯ ได้ยืนยันหนักแน่นกลับมาว่า แมคโดนัลด์ไทยไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว โดยคาดว่าอาจเป็นฝีมือของศิลปินที่ต้องการสร้างงานขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ อย่างไรก็ตาม ในฐานะเป็นชาวพุทธ รู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นภาพดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และจะช่วยตรวจสอบอีกทางว่าต้นตอของภาพนี้มีที่มาอย่างไร<br />
<br />
ส่วนความเห็นถึงภาพดังกล่าวทางอินเทอร์เน็ตมีอย่างหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางที่ไม่เห็นด้วย อย่างเช่นความเห็นที่ระบุว่า ถ้าคิดแบบหวงแหนเคารพบูชาเราคงไม่สบายใจเท่าใดนักเหมือนมีคนมาบิดเบือนความศรัทธาของชาวพุทธทั้งโลก ถ้าเขาตัดยอดพระเกศตรงนั้นออก ก็จะเป็นตัวแมคฯนั่งสมาธิ ความรู้สึกของชาวพุทธก็จะพองโตชื่นชมกับร้านแมคฯนั้นๆเพราะความสงบจากสมาธิเป็นสิ่งดี และจะดูน่ารักมาก ทั่วโลกต้องชอบการนำเสนอชิ้นนี้ เชื่อว่าคนจำนวนมากในโลกต้องไม่ชอบงานศิลป์ชิ้นนี้เช่นกัน<br />
<br />
หรือความเห็นที่ระบุว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งชี้วัดได้อย่างดีว่า ประเทศไทยนี้นับถือพระพุทธเจ้าขนาดไหน ผู้ทำผู้เผยแพร่ นั้นขาดความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ผู้ที่คิดและกระทำสิ่งเหล่านี้ ล้วนมีการศึกษาทั้งสิ้น ที่เขาบอกว่าการศึกษาทำให้คนเป็นคนดีนั้นโกหกทั้งเพ 2 ปีก่อน มีภาพเขียนล่อแหลมต่อพระพุทธศาสนาได้รางวัลระดับประเทศ คนทำ คนให้รางวัล นักวิจารณ์ศิลปะ ศิลปินแห่งชาติหลายคน ล้วนเห็นดีเห็นงาม บอกเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่เคยระลึกถึงหัวอกคนเฒ่าคนแก่ หรือแม่พ่อแม่ของเราเอง ว่าท่านจะคิดอย่างไร คนไทยที่ศรัทธาในพระพุทธเจ้ายังมีอีกมากหลายสิบล้านคน แม้เขาจะมีการศึกษาน้อยกว่า ก็ไม่น่าจะทำร้ายจิตใจเขาเหล่านั้นเลย หากจะแสดงความคิดสร้างสรรค์หรือคิดเล่น เห็นต่าง มีเรื่องอีกแยะ ที่เอามาสำแดงได้<br />
ที่มา เอลินิวส์<br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-65455670320246211802012-03-17T13:39:00.000+07:002012-03-17T13:39:12.865+07:00ช็อก"เฉลียว อยู่วิทยา"เจ้าพ่อกระทิงแดงเสียชีวิตแล้ว<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhH1q-_vmKIl96YO6FBFdZxONeuX_FaGNKcj5lWDe1W-qrmALyWX7ko02ZNubFtU1XTX9zWeUz6g5CpZVhcmlO3vh60r-O-dE6UJd1OSzu-e1Or8cQoX4zerhQ9dSMbEjASaJm_4-h8Vuk/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="215" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhH1q-_vmKIl96YO6FBFdZxONeuX_FaGNKcj5lWDe1W-qrmALyWX7ko02ZNubFtU1XTX9zWeUz6g5CpZVhcmlO3vh60r-O-dE6UJd1OSzu-e1Or8cQoX4zerhQ9dSMbEjASaJm_4-h8Vuk/s400/01.jpg" width="400" /></a></div>ช็อก"เฉลียว อยู่วิทยา"เจ้าพ่อกระทิงแดงเสียชีวิตแล้ว<br />
ช็อก! "เฉลียว อยู่วิทยา" เจ้าพ่อกระทิงแดง มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของไทยเสียชีวิตแล้วด้วยโรคชราที่รพ.ศิริราช ญาติตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดเครือวัลย์ ย่านบางกอกใหญ่<br />
วันนี้(17มี.ค.)มีรายงานข่าวว่านายเฉลียว อยู่วิทยา อายุ 90 ปี เจ้าพ่อกระทิงแดง ได้เสียชีวิตด้วยโรคชราที่รพ.ศิริราชเวลาประมาณ05.00น. ญาติๆกำหนดตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดเครือวัลย์ ย่านบางกอกใหญ่ ฝั่งธนบุรี เบื้องต้นผู้สี่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามทางญาติๆทางโทรศัพท์แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับคาดว่ายังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ<br />
<a name='more'></a><br />
สำหรับประวัติ “เฉลียว อยู่วิทยา” เจ้าของบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง ปัจจุบันมีบุตร 11 คน โดยในปี พ.ศ. 2551 ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ให้เป็นเศรษฐีอันดับ 260 ของโลก และอันดับ 1 ของไทย (รองลงมาคือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเบียร์ช้าง) ซึ่งมูลค่าสินทรัพย์ของนายเฉลียวมีมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์ โดยรวมมูลค่าของหุ้นส่วน อุตสาหกรรมยา (T.C. Pharmaceuticals) และหุ้นส่วนโรงพยาบาล<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>“เฉลียว อยู่วิทยา” มีชื่อจีนว่า "โกเหลียว" มีเชื้อสายจีนไหหลำ ปู่มาจากเมืองจีน ย่าเป็นคนไทย เป็นคนจังหวัดพิจิตรโดยกำเนิด เกิดในครอบครัวยากจน มีอาชีพเลี้ยงเป็ด และค้าขายผลไม้ จากนั้นเข้ามาในกรุงเทพฯ ช่วยพี่ชายทำงานร้านขายยา เป็นเซลส์แมนขายยา "ออริโอมัยซิน" ของบริษัทเอฟ.อี.ซิลลิคฯ จากนั้นได้ลาออกมาเป็นตัวแทนนำเข้ายามาจำหน่ายเอง และต่อมาตั้งโรงงานผสมยาอยู่หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ ราชดำเนิน จากนั้นตั้งบริษัท ทีซีมัยซิน ในช่วงแรก ผลิตแป้ง"แทตทู" ยาเด็ก "เบบี้ดอล" ก่อนจะมาถึงเครื่องดื่ม"กระทิงแดง" ด้วยการทำตลาดแบบถึงลูกถึงคน ทำให้กระทิงแดงตีตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาด<br />
<br />
สมรสกับ นาง นกเล็ก สดสี มีบุตร ด้วยกัน 5 คน ต่อมาสมรสใหม่กับ นาง ภาวนา หลั่งธารา ก่อนจะร่วมกันบุกเบิก เครื่องชูกำลัง กระทิงแดง มีบุตร ด้วยกัน 6 คน ได้แก่ สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา, จิราวัฒน์ อยู่วิทยา, ปนัดดา อยู่วิทยา, สุปรียา อยู่วิทยา, สราวุฒิ อยู่วิทยา และ นุชรี อยู่วิทยา<br />
<br />
ในปี พ.ศ. 2527 นายเฉลียวได้ขยายธุรกิจกระทิงแดงไปต่างประเทศ โดยลงทุนร่วมกับนาย ดีทริช เมเทสซิทซ์ (Dietrich Mateschitz) นักธุรกิจชาวออสเตรีย ก่อตั้งบริษัท Red Bull GmbH. ในประเทศออสเตรีย โดยนายเฉลียวถือหุ้น 49% และนายเฉลิม ลูกชายถือหุ้นอีก 2 % ผลิตและวางจำหน่ายกระทิงแดงในยุโรป ภายใต้ยี่ห้อ เรดบูล และส่งไปขายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก<br />
<br />
ลำดับเศรษฐีของนายเฉลียว<br />
<br />
เศรษฐีของโลกอันดับ 208 ในปี พ.ศ. 2553<br />
<br />
เศรษฐีของโลกอันดับ 260 ในปี พ.ศ. 2551<br />
<br />
เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 1 ในปี พ.ศ. 2551<br />
<br />
เศรษฐีของโลกอันดับ 279 ในปี พ.ศ. 2550<br />
<br />
เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 2 ในปี พ.ศ. 2550<br />
<br />
เศรษฐีของโลกอันดับ 292 ในปี พ.ศ. 2548<br />
<br />
เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 2 ในปี พ.ศ. 2548<br />
<br />
เศรษฐีของโลกอันดับ 356 ในปี พ.ศ. 2547<br />
<br />
เศรษฐีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับ 12 ในปี พ.ศ. 2547<br />
<br />
เศรษฐีของโลกอันดับ 386 ในปี พ.ศ. 2546<br />
<br />
จากการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีของนิตยสารฟอร์บส์ประจำปี 2012 เฉลียว อยู่วิทยา ฟอร์บส์คำนวณว่ามีความมั่งคั่งร่ำรวย ปีนี้อยู่ในระดับ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรืออยู่ในอันดับที่ 205 ของปี 2012<br />
<br />
สำหรับนายเฉลียว ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง “กระทิงแดง” หรือ “เรดบูล” ที่มีข่าวล่าสุดให้คนไทยได้รับรู้คงเป็นเรื่องที่นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐได้จัดอันดับประจำปีสำหรับอภิมหาเศรษฐีโลกประจำปีค.ศ.2012 พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 1,226 คน โดยนายเฉลียว ถูกจัดอันดับอยู่อันดับที่ 205 ขยับขึ้นจากปีค.ศ. 2011 มา 1 อันดับ จากอันดับที่ 206 ส่วนมูลค่าทรัพย์สินยังคงอยู่ในระดับเดิม คือประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือ150,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 มหาเศรษฐีของประเทศไทย โดยอันดับ 1 คือ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ที่ขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 152 ของปีที่แล้ว อยู่ที่อันดับที่ 133 ทรัพย์สิน 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 210,000 ล้านบาท ตามมาด้วยนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มตราช้าง อันดับ 184 ทรัพย์สิน 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 165,000 ล้านบาทและเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของไทยนั้นเอง<br />
ที่มาเดลินิวส์<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-23825972954877487182012-03-13T23:25:00.000+07:002012-03-13T23:25:09.354+07:00เกาหลีใต้-รัสเซียจับมือโคลนนิ่งแมมม็อธ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjH6WH6vLDAaUa1YPJnV1IJ_Eu4BvB-w5I2MwFEXcOLEW2Hcybbl-xofjroGrthbcZMD5rldUT2CRFXjpu5gWN4kJjCdFrxADZsfxd6JwMq96rHaKzVIX_DYHxUVQpiT7TrcTq5b9sT-pM/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="215" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjH6WH6vLDAaUa1YPJnV1IJ_Eu4BvB-w5I2MwFEXcOLEW2Hcybbl-xofjroGrthbcZMD5rldUT2CRFXjpu5gWN4kJjCdFrxADZsfxd6JwMq96rHaKzVIX_DYHxUVQpiT7TrcTq5b9sT-pM/s400/01.jpg" width="400" /></a></div>เกาหลีใต้-รัสเซียจับมือโคลนนิ่งแมมม็อธ<br />
คณะนักวิทยาศาสตร์รัสเซียและเกาหลีใต้ ลงนามข้อตกลง ร่วมมือโครงการโคลนนิ่งช้างแมมม็อธ ที่สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน ให้กลับมีชีวิตบนโลกอีกครั้ง<br />
วันนี้(13 มี.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ว่า คณะนักวิทยาศาสตร์รัสเซียและเกาหลีใต้ ลงนามในข้อตกลงที่กรุงโซลในวันนี้<br />
<a name='more'></a> เพื่อร่วมมือในโครงการวิจัย ที่มีเป้าหมายให้ช้างแมมม็อธ ที่สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน กลับมีชีวิตบนโลกอีกครั้งด้วยกรรมวิธีโคลนนิ่ง<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>โดยการลงนามความร่วมมือ นำโดยนายวาซิลี วาสิเลียฟ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ธ-อีสเทิร์น เฟเดอรัล ในแคว้นซาฮาของรัสเซีย กับนายฮวาง วู-ซุค นักวิทยาศาสตร์เกาหลีใต้ ผู้บุกเบิกการโคลนนิ่ง แห่งมูลนิธิการวิจัยไบโอเทคซูอัม ที่เคยสร้างความฮือฮาจากการโคลนนิ่งสัตว์หลายชนิด<br />
<br />
สำหรับแนวคิดโครงการโคลนนิ่งแมมม็อธ เกิดขึ้นหลังจากภาวะโลกร้อนทำให้ทุ่งน้ำแข็งในแคว้นไซบีเรียของรัสเซียละลาย และมีการค้นพบซากช้างแมมม็อธจำนวนมาก มูลนิธิซูอัมกล่าวว่า โครงการนี้จะมีสถาบันจีโนมิกส์ปักกิ่งของจีนร่วมมือด้วย โดยจะเริ่มโครงการโคลนนิ่งภายในปีนี้ ถ้ามหาวิทยาลัยของรัสเซียขนส่งแมมม็อธทางเรือไปยังเกาหลีใต้ได้ การโคลนนิ่งจะกระทำจากเนื้อเยื่อซากแมมม็อธ ที่ยีนไม่ถูกทำลาย<br />
ที่มา เดลินิวส์zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-25271145858721090222012-03-13T12:06:00.000+07:002012-03-13T12:06:56.836+07:00ข่าว แสงประหลาด UFO โผ่ขณะรายงานข่าวสภาพจาราจรทางทีวีสถานีฟ็อกซ์ ช่อง10<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivscWIDn3fhRgCxtyudWfO6HxEhgx4wNuhEHJLtmLOdI6riqzgDkhdG7Zrl5kI4xv5_E7c-p3lQxaE7svtp4y00sVe73jWNMb_KtYST1dgNT7DzCsDCeNpHKXqsFQomgLCEHGsqAEqxuA/s1600/1.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="344" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivscWIDn3fhRgCxtyudWfO6HxEhgx4wNuhEHJLtmLOdI6riqzgDkhdG7Zrl5kI4xv5_E7c-p3lQxaE7svtp4y00sVe73jWNMb_KtYST1dgNT7DzCsDCeNpHKXqsFQomgLCEHGsqAEqxuA/s400/1.JPEG" width="400" /></a></div>ข่าว แสงประหลาด UFO โผ่ขณะรายงานข่าวสภาพจาราจรทางทีวีสถานีฟ็อกซ์ ช่อง10 <br />
ฝรั่งตื่น!! แสงระเบิดลึกลับโผล่ทีวี ครบรอบ 15 ปีพบเห็น UFO กลางเมือง กระแสข่าวลือเกี่ยวกับวัตถุวัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษณ์สะพัดขึ้นมาอีกครั้งในเมืองฟีนิกซ์ มลรัฐแอริโซนา สหรัฐฯ หลังเกิดแสงคล้ายกับการระเบิดครั้งใหญ่ลุกวาบขึ้นกลางรายการทีวีขณะที่ผู้สื่อข่าวสาวกำลังรายงานสภาพการจราจรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นใกล้วาระครบรอบ 15 ปีแห่งการพบเห็นยูเอฟโอครั้งโด่งดังของเมืองพอดี<br />
<a name='more'></a><br />
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ อันเดรีย โรบินสัน ผู้สื่อข่าวสาวของช่องฟินิกซ์ ฟ็อกซ์ 10 กำลังรายงานสภาพการจราจรโดยมีถนนสายหนึ่งและเมืองเป็นฉากหลัง<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>โดยระหว่างนั้นเองก็พบเห็นแสงคล้ายกับการระเบิดลูกใหญ่ลุกวาบจากระยะไกล ขณะที่เบื้องต้นพนักงานของสถานีคิดว่ามันอาจเกิดจากหม้อแปลงไฟขนาดใหญ่ระเบิด<br />
<br />
อย่างไรก็ตาม ทาง ฟ็อกซ์นิวส์ ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ไปยังบริษัทเอพีเอส ผู้ดำเนินการสาธารณูปโภคไฟฟ้าท้องถิ่น และทางเอพีเอสยืนยันว่าไม่มีหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดในพื้นที่นั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ในฟินิกซ์ต่างพากันงงงวยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยิ่งเป็นปริศนามากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุที่มันเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้าวาระครบรอบ 15 ปีแห่งการพบเห็นยูเอฟโอครั้งโด่งดังของเมือง<br />
<br />
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 1997 กลุ่มวัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษณ์เคลื่อนไหวในรูปตัว V ถูกพบเห็นเหนือท้องฟ้าฟินิกซ์ โดยแสงประหลาดนั้นถูกบันทึกภาพเอาไว้ได้และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “Phoenix Lights” อันนำมาซึ่งการวิเคราะห์ไปต่างๆ นานาและโต้เถียงกันนับตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน<br />
PHOENIX LIGHTS: Mysterious Light Flashes During Traffic in Phoenix?!<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="369" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/33wST0WHuvM?rel=0" width="500"></iframe><br />
มีรายงานการพบเห็นแสงประหลาดในแถบดังกล่าวอีกครั้งในปี 2007 และ 2008 ทว่าสองเหตุการณ์นี้ก็มีคำชี้แจงออกมาอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2007 เป็นเพียงแสงจากเครื่องบินรบ ส่วนในปี 2008 เป็นแสงของบอลลูนตรวจสภาพอากาศที่ปล่อยโดยพลเมืองรายหนึ่ง<br />
<br />
แอริโซนา ยังเป็นถิ่นที่อยู่ของนาย ทราวิส วัตสัน ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังหลังอ้างว่าถูกยูเอฟโอลักพาตัวไปในปี 1975 ทั้งนี้เขาได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับจานบินของมนุษย์ต่างดาวออกมาหลายเล่ม และในปี 1993 ก็มีการนำเรื่องของเขามาทำภาพยนตร์ ในเรื่อง 'Fire in the Sky'<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์,www.youtube.com<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-63847601314030895842012-01-07T14:48:00.000+07:002012-01-07T14:48:47.677+07:00ช่าววันนี้-กทม.เล็งหาพื้นที่ทำตลาดนัดแห่งใหม่ ซัด ร.ฟ.ท.ไม่พร้อมบริหารเจเจกทม.เล็งหาพื้นที่ทำตลาดนัดแห่งใหม่ ซัด ร.ฟ.ท.ไม่พร้อมบริหารเจเจ<br />
กทม.เผยเจรจาทรัพย์สินตลาดจตุจักรกับการรถไฟฯ สัปดาห์หน้า รู้ชื่อย่อ “ม.” เก็บค่าที่จตุจักร ซัด ร.ฟ.ท.รีบเกินไปไม่พร้อมบริหารทำให้เกิดปัญหา เล็งพื้นที่ทำตลาดนัดแห่งใหม่ <br />
<table cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="float: left; margin-right: 1em; text-align: left;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8A5kDCJ3fL-lnl0AI8zZhWlJr_cRPVx6fP_mCH8oNMCWqjuAnZ-_64_DUtWmU_crIaNyTO-nABnX_ZUNoffbRywc_IwqCsqRl5YOV_b2nIA-Ft2N1muTStpD8oF388P88d3OYpxKTuBM/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="106" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8A5kDCJ3fL-lnl0AI8zZhWlJr_cRPVx6fP_mCH8oNMCWqjuAnZ-_64_DUtWmU_crIaNyTO-nABnX_ZUNoffbRywc_IwqCsqRl5YOV_b2nIA-Ft2N1muTStpD8oF388P88d3OYpxKTuBM/s200/01.jpg" width="200" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ตลาดนัดจตุจักร</td></tr>
</tbody></table>วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ได้เรียกประชุมคณะกรรมการเจรจาการส่งมอบพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักรให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งทางคณะกรรมการฯจะสรุปกรอบการเจรจาเกี่ยวเรื่องทรัพย์สิน และบุคลากรภายในตลาดนัดว่าจะมีทรัพย์สินส่วนใดที่การรถไฟฯ จะใช้ต่อไป โดยในส่วนของการประเมินราคามูลค่าทรัพย์สินที่อยู่ในตลาดฯ จะมีกรรมการอีกชุดหนึ่งซึ่งมีสำนักการโยธาเป็นประธานในการพิจารณา โดยคาดว่าจะมีการนัดหมายเจรจากับคณะกรรมการของการรถไฟฯ ได้ภายในสัปดาห์หน้า<br />
<a name='more'></a><br />
นายทวีศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับการบริหารจัดการตลาด ขณะนี้ถือว่าการบริหารงานอยู่ภายในความดูแลของรฟม.ตั้งแต่ วันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมาแล้ว โดยในวันที่ 7 ม.ค.นี้ซึ่งเป็นวันเปิดทำการวันแรก ภายใต้การดำเนินการของการรถไฟฯ ดังนั้น กทม.จะลดจำนวนเจ้าหน้าที่ให้เหลืออยู่เฉพาะเท่าที่จำเป็นในการช่วยดูแลอำนวยความสะดวกตามที่รฟม.ร้องขอ<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 9/10/54 */
google_ad_slot = "2041788432";
google_ad_width = 250;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>“เรื่องนี้เป็นการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดทั้งนี้สำหรับบุคลากร ลูกจ้างของตลาดนัดจตุจักร หากยังต้องการทำงานกับ กทม. กทม.ก็พร้อมดูแลต่อซึ่งยังมีตลาดนัดมีนบุรีและตลาดสนามหลวง 2 รองรับ แต่หากอยากจะทำงานที่จตุจักรต่อไป กทม.ก็จะเจรจากับทางการรถไฟฯ ให้เรียบร้อย”นายทวีศักดิ์กล่าว<br />
<br />
ด้านนายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกทม. กล่าวว่า ตลาดนัดจตุจักรอยู่ในการบริหารของ ร.ฟ.ท.แล้ว กทม.มีหน้าที่ดูแลเพียงทรัพย์สินในตลาดเท่านั้น ทั้งนี้ตนไม่ได้รับแจ้งว่ามีคนของกทม.เข้าไปเก็บค่าแผงค้า หากผู้ค้าพบเห็นควรแจ้งความดำเนินคดี ถึงขนาดรู้ว่าชื่อ ม. จะหาตัวตนก็คงไม่ยาก แต่น่าสังเกตว่าทำไมในช่วงที่ตลาดนัดอยู่การดูแลของ กทม.ไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ทั้งเพลิงไหม้ และเรื่องผู้มีอิทธิพลหรือเป็นการจงใจทำลายความน่าเชื่อถือ กทม. ส่วนแผงค้าทั้งหมดซึ่งถือเป็นทรัพย์สิน กทม. จะขายต่อให้ ร.ฟ.ท.หรือไม่นั้น ต้องให้คณะกรรมการร่วมหารือกัน ซึ่งถ้าตกลงให้เป็นไปตามสัญญา กทม.ก็พร้อมจะรื้อถอนและคืนพื้นที่ในสภาพเดิม<br />
<br />
นายวสันต์กล่าวต่อว่า กทม.ไม่อยากยื้อตลาดไว้ ถึงแม้จะมีเวลาอีก 6 เดือนก่อนส่งมอบพื้นที่ แต่ กทม.ก็พร้อมส่งมอบพื้นที่ให้ทันที เนื่องจากผู้ว่าฯ กทม.ไม่อยากให้กระทบต่อผู้ค้าและประชาชนการบริหารตลาดจึงจะหยุดไม่ได้ ต้องดำเนินการต่อเนื่องไม่ใช่ว่า กทม.ไม่อยากบริหารตลาดนัดจตุจักรแล้วแต่ถ้ายื้อไปก็อาจถูกมองว่ามีผลประโยชน์หรือไม่ ทั้งๆที่เป็นพื้นที่ของ ร.ฟ.ท. หรือ กทม.จะจ่าย 420 ล้าน ตามที่ ร.ฟ.ท.เรียกเก็บก็ได้ แต่ผู้ว่าฯ กทม.เกรงว่าจะกระทบกับผู้ค้าเพราะต้องขึ้นค่าเช่าแผง และอาจต้องพัฒนาให้ตลาดเป็นแบบคอมมิวนิตี้มอลล์แต่ กทม. ก็ไม่อยากทำอย่างนั้น อยากให้จตุจักรเป็นวิถีของตลาดนัดที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม กทม. ก็มีแนวคิดหาพื้นที่สร้างตลาดนัดแห่งใหม่<br />
<br />
“ที่ผ่านมา กทม.ก็ทำหน้าที่ดูแลจตุจักรอย่างดีที่สุด หากบริหารตลาดไม่ดีตลาดนัดจตุจักรคงไม่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก ร.ฟ.ท.เองมีหน้าที่หลักอย่างไรก็ควรทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด ไม่รู้ว่าเขาจะรีบร้อนเอาไปทำไม ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมบริหาร จะให้ กทม.ดูแลก่อน เมื่อพร้อมบริหารต่อแล้วค่อยเอาไปก็ได้ กทม.ไม่ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว แต่นี่ยังไม่พร้อม พอเอาไปก็เกิดปัญหา” นายวสันต์กล่าว<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-42846587446937275462012-01-02T09:32:00.001+07:002012-01-02T09:32:53.624+07:00อ้างถ่ายติดUFO!!บินสำรวจงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ไต้หวัน(ชมคลิป)อ้างถ่ายติดUFO!!บินสำรวจงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ไต้หวัน(ชมคลิป)<br />
เอกแซมิเนอร์ - นักเขียนด้านสิ่งลี้ลับนอกโลกชาวสหรัฐฯ อ้างถ่ายติดยูเอฟโอในกรุงไทเป ไต้หวัน ระหว่างที่มันกำลังบินอยู่เหนืออาคารที่ใช้เคาน์ดาวน์นับถอยหลังส่งท้ายปี ไม่กี่นาทีก่อนที่จะมีการจุดพลุไฟเฉลิมฉลองต้อนรับปี 2012<br />
<a name='more'></a><br />
เว็บไซต์เอกแซมิเนอร์รายงานว่าภาพในวิดีโอนี้บันทึกไว้ได้โดยนายสกอตต์ ซี.วาร์นิง นักเขียนจากยูเอฟโอ ไซช์ติง เดลี เว็บบล็อกที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการพบเห็นวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์(UFO) ทั่วโลก<br />
<br />
นายวาร์นิง บรรยายการพบเห็นยูเอฟโอครั้งนี้ของเขาว่า "ตอนนั้นผมกับครอบครัวอยู่ที่ไต้หวัน และระหว่างที่รอการจุดพลุอยู่นั้น ภรรยาของผมตะโกนให้ผมหันไปมอง ผมจึงมองไปที่ตึกไทเป101 (ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาคารสูงที่สุดในโลก) และผมเห็นวัตถุกลมๆสีขาวลอยมาจากท้องฟ้า"<br />
<br />
"มันเคลื่อนที่มุ่งไปหาตัวตึก มันดูเหมือนว่ามันจะเข้าไปจอดข้างในหรือไม่ที่ก็อาจบินอยู่อีกฝากหนึ่งของอาคารซึ่งผมไม่แน่ใจ แต่พอถึงช่วงเวลานับถอยหลังก่อนจุดพลุรับปีใหม่ ยูเอฟโอลำนี้ก็ค่อยๆบินออกมา ทว่าตอนที่พลุไฟสว่างไสวขึ้น มันก็คลาดสายตาผมไปจนได้"<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="285" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/IooErp5UDcc?rel=0" width="480"></iframe> <br />
วิดีโอดังกล่าวถูกนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์สังคมออนไลน์หลายแห่งนี้ อย่างไรก็ตามมีผู้โพสต์บางส่วนออกมาแสดงความคิดเห็นตั้งข้อสังเกตุว่าจุดแสงเคลื่อนที่ที่นายวาร์นิงเห็นนั้น อาจเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังบินบันทึกภาพการนับถอยหลังต้อนรับปีใหม่หรือไม่ก็อาจเป็นเพียงแสงจากเวทีคอนเสิร์ตแถวนั้น<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-65584317569148135462011-12-30T12:54:00.001+07:002011-12-30T12:55:41.021+07:00ตะลึงพบพระพุทธรูปเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ที่เพชรบูรณ์<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyfdcLBl1mNGIXXRpW1CBrtdIZ_Jy8ztTNdvVkLRjI-ObcnN-0zIYemeVv3QHUcT2z7C5_vTw94GvdPbFkiSLBvG6TGvUo_kZ_KWysx3ny9oTDZCa8Xh2S5zCXxKytrZifr5O0djiFLaQ/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="215" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyfdcLBl1mNGIXXRpW1CBrtdIZ_Jy8ztTNdvVkLRjI-ObcnN-0zIYemeVv3QHUcT2z7C5_vTw94GvdPbFkiSLBvG6TGvUo_kZ_KWysx3ny9oTDZCa8Xh2S5zCXxKytrZifr5O0djiFLaQ/s400/01.jpg" width="400" /></a></div>ตะลึงพบพระพุทธรูปเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ที่เพชรบูรณ์<br />
ชาวเพชรบูรณ์ ตื่น ขุดพบพระพุทธรูปศิลาแลงเก่าแก่อายุหลายร้อยปี <br />
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากพระอาจารย์กิตติ ประภัสโร อายุ 35 ปี เจ้าสำนักสงฆ์นครเดิด หมู่10 ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ <br />
<a name='more'></a>ว่าพบพระพุทธรูปเก่าแก่อายุหลายร้อยปี 3 องค์ ถูกฝังไว้ใกล้บริเวณวัดจึงไปตรวจสอบโดยได้รับการเปิดเผยจากพระอาจารย์กิตติว่า เมื่อไม่นานมานี้ อาตมาฝันว่าพ่อขุนผาเมืองได้มาพบและบอกว่า <div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ที่บริเวณสนามกีฬาของโรงเรียนนครเดิด ติดสำนักสงฆ์แห่งนี้ มีพระพุทธรูปโบราณอายุหลายร้อยปีฝังอยู่ให้อาตมานำชาวบ้านไปขุดขึ้นมา จะช่วยให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง จึงนำความฝันไปเล่าให้ญาติโยมฟัง และทราบว่ามีคนที่ฝันคล้ายกันคือนายเปล่ง กางพรม และแม่ชีสมศรี ขุนภักดี อายุ70ปี ซึ่งเล่าให้ฟังว่าเห็นลำแสงประหลาดพุ่งขึ้นจากบริเวณดังกล่าวในเวลากลางคืนด้วย <br />
<br />
พระอาจารย์กิตติ กล่าวต่อไปว่า อาตมาได้ปรึกษากับชาวบ้านในพื้นที่ และทำการขุดพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่งพบพระพุทธรูปศิลาแลง 3 องค์ ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว มีลักษณะคล้ายพระพุทธมหาธรรมราชาประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี พระพุทธรูป หน้าตัก 5 นิ้ว เป็นลักษณะสมัยเก่าแก่ และขนาดหน้าตัก 9 นิ้วมีลักษณะคล้ายพระพุทธมหาธรรมราชาแต่ไม่มีฐานเหมือนองค์แรก จึงนำมาไว้ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ และได้รายงานให้เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์มาตรวจสอบ เพื่อให้ช่วยประสานกรมศิลปากรเข้าตรวจสอบว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยใดกันแน่.<br />
ที่มา เดลินิวส์zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-12493308353887142782011-12-21T09:33:00.000+07:002011-12-21T09:33:00.207+07:00เปิดตัวเด็กแฝดแปดคนแห่งกว่างตง<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqn2Ubel0kr2Ns5bmW5FKh9VpP_0sjwU6wV8_sRTAQncBBoh8wP4T-GSh-C2nm1I4VG34pXqhd7dTcvfIa0W96GdAjRQx6nQTnNT4wY15m_z-7stDX0VOc8_w3O1uJ9BsKMXAJOa39BSc/s1600/8.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="151" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqn2Ubel0kr2Ns5bmW5FKh9VpP_0sjwU6wV8_sRTAQncBBoh8wP4T-GSh-C2nm1I4VG34pXqhd7dTcvfIa0W96GdAjRQx6nQTnNT4wY15m_z-7stDX0VOc8_w3O1uJ9BsKMXAJOa39BSc/s400/8.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">พี่น้องฝาแฝดทั้งแปดของคู่สามี-ภรรยาในกว่างตง (ภาพ เอเจนซี) </td></tr>
</tbody></table>เปิดตัวเด็กแฝดแปดคนแห่งกว่างตง<br />
กลุ่มสื่อจีนรายงานวันนี้(20 ธ.ค.) คู่สามี-ภรรยาที่มั่งคั่งในเขตพานอี๋ว์ของมณฑลก่วงตง หรือกวางตุ้ง แต่งงานมาหลายปี ก็ยังไร้วี่แววทายาทสืบสกุล ในที่สุดก็ได้หันไปพึ่งเทคโนโลยีเด็กหลอดแก้ว <br />
<a name='more'></a>และประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย การผสมไข่และเชื้อสุจิในหลอดทดลองปฏิสนธิเจริญเป็นตัวอ่อน 8 ตัว พวกเขาได้ทะยอยลืมตาออกมาดูโลกในเดือนก.ย.และเดือนต.ค.ปีที่แล้ว(2553) เป็นอาตี๋ 4 คน และอาหมวย 4 คน <br />
<br />
คนที่ใกล้ชิดกับครอบครัวแฝดแปดเล่าว่า คู่สามี-ภรรยาไม่ได้ตั้งใจจะมีลูกมากถึงแปดคนเช่นนี้ ตามสถิติทางการแพทย์ระบุการทำเด็กหลอดแก้วมีอัตราประสบความสำเร็จประมาณร้อยละ 30 ทีแรกคู่สามี-ภรรยาคิดว่าจะประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน 2-3 ตัว ก็โชคดีแล้ว แต่ปรากฏว่าได้ตัวอ่อนทารกเจริญเติบโตรอดชีวิตถึง 8 ตัว<br />
<br />
ด้วยฐานะทางครอบครัวที่มั่งคั่ง คู่สามี-ภรรยา จึงตัดสินใจให้ตัวอ่อนทารกเติบโตและออกมาดูโลก คุณแม่ตัวจริงรับอุ้มท้อง 3 คน และได้ว่าจ้างหญิงรับจ้างตั้งครรภ์หรือแม่อุ้มบุญ 2 คน คนหนึ่งอุ้มบุญ 3 คน และอีกคนอุ้มบุญ 2 คน ทารกน้อยทั้งแปดคลอดทะยอยคลอดออกมาในระหว่างเดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยคุณแม่ตัวจริงคลอดก่อนเป็นคนแรก ในที่สุด ก็ได้อาตี๋ 4 คน อาหมวย 4 คน<br />
<br />
ปีนี้ แปดพี่น้องก็อายุครบขวบปี คุณพ่อคุณแม่ต้องว่าจ้างแม่นมพี่เลี้ยง 11 คน มารับมือจอมซนทั้งแปดอย่างคึกคัก.<br />
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-59567617999083947072011-12-21T01:37:00.001+07:002011-12-21T01:38:15.497+07:00ข่าววันนี้-ปิดตำนาน "เจ้าแม่ช่อง 7 สี" ช่อง 7 ปลด "คุณแดง" แล้ว<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhMiO2EuoE8fjHOkTAWU5xzF_hkGDI4jYmpeWbKHXKnYvOziOAqeNRjsZ1wA-KRorjHcwjSQKkEbGUE3c3bMcrqgEJqox3j_BCPAIcHtuHZspb_mlKcrfd-ALH-flBanUKL7aDvwlpg_U/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="324" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhMiO2EuoE8fjHOkTAWU5xzF_hkGDI4jYmpeWbKHXKnYvOziOAqeNRjsZ1wA-KRorjHcwjSQKkEbGUE3c3bMcrqgEJqox3j_BCPAIcHtuHZspb_mlKcrfd-ALH-flBanUKL7aDvwlpg_U/s400/01.jpg" width="350" /></a></div>ข่าววันนี้-ปิดตำนาน "เจ้าแม่ช่อง 7 สี" ช่อง 7 ปลด "คุณแดง" แล้ว<br />
ประธานช่อง 7 ลงนามไม่ต่อสัญญา "คุณแดง สุรางค์" มีผล 1 มกราฯ ปีหน้า พร้อมดัน "ศรัณย์ วิรุฒมวงศ์" รองกรรมการฯ รักษาการแทน ขณะที่ "เจ้าแม่ 7 สี" เก็บตัวเงียบด้านคนใกล้ชิดเผยไม่รู้ตัวมาก่อน<br />
<a name='more'></a><br />
หลังมีกระแสข่าวเป็นระยะๆ วันนี้(20) "กฤษณ์ รัตนรักษ์" ประธานบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (บีบีทีวี) ผู้ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ก็ได้ลงนามไม่ต่อสัญญากับ คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการฯ แล้วโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2555 เป็นต้นไป พร้อมแต่งตั้ง นายศรัณย์ วิรุตมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการแทน<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* น้ำเงิน-ส้ม */
google_ad_slot = "2482170379";
google_ad_width = 160;
google_ad_height = 600;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>โดยหลังจากที่คำสั่งดังกล่าวเผยแพร่เป็นข่าวออกมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังคุณแดงปรากฏว่าเจ้าตัวยังคงเก็บตัวเงียบไม่ยอมออกมาให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ขณะที่แหล่งข่าวคนใกล้ชิดเผยว่าที่ผ่านมาทางผู้บริหารคนสำคัญไม่เคยรับทราบเรื่องนี้ล่วงหน้ามาก่อนและคาดว่าน่าจะตกใจกับเรื่องดังกล่าวพอสมควร นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าการไม่ต่อสัญญาในครั้งนี้น่าจะมีผลทำให้บุคคลากรในสายงานต่างๆ ที่มีความผูกพันกับทางด้านเจ้าแม่ 7 สีนั้นพิจารณาลาออกตามไปเป็นจำนวนพอสมควรทีเดียว<br />
<br />
ทั้งนี้กระแสข่าวของการสั่งปลดผู้บริหารคนสำคัญฉายา "เจ้าแม่ 7 สี" คนนี้เริ่มมีออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การเสียชีวิตของ ชาติเชื้อ กรรณสูต และการเข้ามาของ "กฤษณ์ รัตนรักษ์" อดีตผู้บริหารใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ได้ประกาศวางมือจากธุรกิจการเงินแล้วเข้ามาดูแล "ช่อง 7 สี" ที่ถือหุ้นใหญ่โดย 2 ตระกูล "รัตนรักษ์" และ "กรรณสูต" ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมาทางด้านของคุณแดงก็ถูกลดบทบาทในการบริหารงานมาโดยตลอด<br />
<br />
เดือนพฤศจิกายน 2550 ได้มีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในช่อง 7 เมื่อทาง “กฤตย์” ในฐานะประธานช่อง 7 ได้แต่งตั้งให้ “สมพงษ์ อัชฌานุเคราะห์” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เป็นผู้จัดการฝ่ายรายการช่วงเวลานอกไพร์มไทม์ แทน “พลากร สมสุวรรณ” คนสนิทของ “คุณแดง” โดยให้ “พลากร” ไปนั่งในตำแหน่งที่ตั้งขึ้นใหม่ คือผู้จัดการฝ่ายสังกัดสำนักประธานกรรมการดูแลงานด้านกลยุทธ์ แผนงาน โครงการพิเศษ งานด้านประชาสัมพันธ์และงานสื่อสารองค์กร<br />
<br />
มกราคม 2551 เก้าอี้ของคุณแดงที่นั่งมาตั้งแต่ปี 2524 ก็ถึงคราสั่นสะเทือนครั้งใหญ่หลังประธานช่อง 7 ได้แต่งตั้งให้ “สมพงษ์” เป็นผู้จัดการฝ่ายรายการ มานั่งคุมผังรายการของช่อง 7 แทนซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นการลดทอนเจ้าแม่ 7 สีโดยตรงเพราะแม้เจ้าตัวจะยังคงนั่งเก้าอี้ "กรรมการผู้จัดการ" แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า ผังรายการนั้นคือหัวใจของสถานีโทรทัศน์นั่นเอง<br />
<br />
นอกจากนี้ในเดือนมีนาคมปีเดียวกันช่อง 7 ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายข่าวโดยมีการแต่งตั้งให้ “สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง” รองผู้จัดการฝ่ายข่าว ไปเป็นรักษาการผู้จัดการฝ่ายข่าวแทนผู้จัดการคนเดิมที่โยกไปอยู่ในสำนักประธาน กรรมการกับ “พลากร” โดยว่ากันว่าเป้าหมายต่อไปก็คือการปรับเปลี่ยนตัวของ "คุณแดง" ซึ่งก็มาถึงในวันนี้จนได้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3mrP6MRl3Xfkc9TNi5CYyN7SOEP_m6ziMZJPxwfc1rzDBnFDlPJWMWF8_EnlcOrQE9um_x3699rRIvnVjpxks3Du9Buf8TONvWKWhcsiiX-TIOAFGYQWBPHlWH9gr3NOoj3nMSHVZrtY/s1600/001.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3mrP6MRl3Xfkc9TNi5CYyN7SOEP_m6ziMZJPxwfc1rzDBnFDlPJWMWF8_EnlcOrQE9um_x3699rRIvnVjpxks3Du9Buf8TONvWKWhcsiiX-TIOAFGYQWBPHlWH9gr3NOoj3nMSHVZrtY/s400/001.jpg" width="299" /></a></div>สำหรับคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ นั้นได้เข้าทำงานในช่อง 7 สี ตั้งแต่ปี 2524 เริ่มที่ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายรายการของสถานีฯ จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2537 ขึ้นเป็นกรรมการรองผู้จัดการบริษัทฯ อีกตำแหน่งหนึ่ง ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ แทนนายชาติเชื้อ พี่ชายที่ล้มป่วยลง ด้วยอาการอัมพาต ในปี 2541<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-29904451559966049922011-12-19T12:32:00.000+07:002011-12-19T12:32:47.961+07:00ไว้อาลัย ‘ปาร์ก แตจูน’ผู้สร้างอุตสาหกรรมเหล็กกล้าเกาหลีใต้ (ตอนจบ)<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1KUZgeZ00BRODXsbkbSPgUmWynVlZwX5N3EMi941vCSAs8EVcVfkWICRJeDIl3vTZo_A3h_w9VYxcQUC9iHIVECgxXg8_pVI_L3x6uhXL6kLpgfX5dqw2cpEbbyd-4x1Iq5e3yWtHu4I/s1600/3.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="167" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1KUZgeZ00BRODXsbkbSPgUmWynVlZwX5N3EMi941vCSAs8EVcVfkWICRJeDIl3vTZo_A3h_w9VYxcQUC9iHIVECgxXg8_pVI_L3x6uhXL6kLpgfX5dqw2cpEbbyd-4x1Iq5e3yWtHu4I/s200/3.jpg" width="200" /></a></div>ไว้อาลัย ‘ปาร์ก แตจูน’ผู้สร้างอุตสาหกรรมเหล็กกล้าเกาหลีใต้ (ตอนจบ)<br />
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com) <br />
Man of steel, Park Tae-joon <br />
By Yong Kwon <br />
15/12/2011 <br />
ปาร์ก แตจูน (Park Tae-joon) ผู้ถึงแก่มรณกรรมเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผู้ที่กล้าขัดขืนดื้อดึงโดยไม่พะวักพะวนกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เย้ยเยาะ เขาลงมือดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของเกาหลีใต้จากหลักกิโลเมตรที่ 0 จนกระทั่งกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่สามารถแข่งขันเอาชนะทั่วโลกได้ภายในเวลาไม่กี่ปี<br />
<a name='more'></a> อีกทั้งมีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้ประเทศชาติของเขาสามารถทำการปรับตัวเปลี่ยนแปลงทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นนักอุตสาหกรรมระดับตำนานคนหนึ่งของเอเชีย<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* น้ำเงิน-ส้ม */
google_ad_slot = "2482170379";
google_ad_width = 160;
google_ad_height = 600;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>มรดกแห่งความสำเร็จของเขาซึ่งสร้างขึ้นมาด้วยระเบียบวินัยแบบทหารและความมุ่งมั่นแน่วแน่แบบสัตว์ป่า จักยืนตระหง่านสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ชาวเกาหลีใต้รุ่นต่อๆ ไป<br />
<br />
*ข้อเขียนนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนจบ*<br />
<br />
(ต่อจากตอนแรก)<br />
<br />
ปาร์ก แตจูน เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความเชื่อมั่นศรัทธาอย่างล้ำลึกในเรื่องการที่เกาหลีใต้จะต้องพึ่งตนเองให้ได้ทางด้านเหล็กกล้า โดยที่เขาเรียกเหล็กกล้าว่าเป็นเสมือน “ข้าวของอุตสาหกรรม” ทั้งหลาย ในปี 1965 เขาเริ่มต้นทำการศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในต่างประเทศ และพอถึงปี 1968 ปาร์ก แตจูน ก็ได้ตระเวนเดินทางไปตามประเทศต่างๆ หลายหลากอย่างกระตือรือร้น เพื่อเสาะแสวงหาเงินทุนและเทคโนโลยีอันจำเป็นสำหรับการเริ่มต้นก่อสร้างโรงงานเหล็กกล้าในเกาหลีใต้<br />
<br />
เมื่อพิจารณากันอย่างปราศจากอคติใดๆ แล้ว ย่อมเป็นเรื่องยากเย็นที่จะมีองค์การใดๆ ยอมปล่อยเงินกู้หรือทำการลงทุนด้วยเม็ดเงินมากมายมหาศาลตามที่ร้องขอ ให้แก่ประเทศที่เศรษฐกิจยังด้อยพัฒนาแบบโลกที่สามเฉกเช่นเกาหลีใต้ในเวลานั้น ประธานของธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาระหว่างประเทศ (International Bank for Reconstruction and Development) [4] ได้บอกกับ ปาร์ก แตจูน ว่า ยังไม่ถึงเวลาหรอกที่เกาหลีใต้จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงถึงขนาดนั้น พร้อมกับเสนอแนะว่าเขาควรจะทุ่มเทความพยายามรวมศูนย์ไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตประเภทที่เน้นการใช้แรงงานมากกว่า คำแนะนำเช่นนี้ของ IBRD นับเป็นการสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกขององค์กรให้เงินกู้ระหว่างประเทศรายอื่นๆ ด้วย เมื่อถูกโลกปฏิเสธเช่นนี้ ปาร์ก แตจูนก็ตัดสินใจที่จะหันมาหาแหล่งเงินทุนอีกแหล่งหนึ่ง<br />
<br />
ประมาณสองสามปีก่อนหน้านั้น กรุงโซลกับกรุงโตเกียวได้ลงนามกันใน “สนธิสัญญาว่าด้วยความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างญี่ปุ่นกับสาธารณรัฐเกาหลี” (Treaty on Basic Relations between Japan and the Republic of Korea) โดยที่ฝ่ายญี่ปุ่นให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือในรูปเงินให้เปล่าและเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำแก่รัฐบาลเกาหลีใต้ ปาร์ก แตจูน จึงหารือกับ ปาร์ก จุงฮี และชักชวนโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีกันเอาส่วนหนึ่งของเงินทุนจากญี่ปุ่นดังกล่าว ที่เตรียมไว้สำหรับโครงการการพัฒนาทางการเกษตร มาใช้จ่ายเพื่อก่อสร้างโรงงานเหล็กกล้าขึ้นที่เมืองชายทะเลเล็กๆ เงียบสงบแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า โปฮัง (Pohang)<br />
<br />
การกระทำเช่นนี้ก่อให้เกิดการโต้แย้งถกเถียงกันอย่างหนักหน่วงที่สุด พวกข้าราชการในกรุงโซลตั้งคำถามด้วยความระแวงสงสัยในการตัดสินใจทุกๆ อย่างของเขา และจับตามองวิสาหกิจผลิตเหล็กกล้าแห่งนี้ด้วยความข้องใจ ทางฝ่ายกรุงโตเกียวก็แสดงอาการระมัดระวังตัวมากจากการที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงกู้ยืมทางการเงินซึ่งได้มีการตกลงอนุมัติกันไปเรียบร้อยแล้วเช่นนี้ แม้กระทั่ง ปาร์ก จุงฮี เองก็ไม่เห็นด้วยกับเขาในประเด็นเกี่ยวกับระดับความเกี่ยวข้องของรัฐบาลในบริษัทเหล็กกล้าที่กำลังจะจัดตั้งกันขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ปาร์ก แตจูน ใช้ความพยายามอย่างหนักจนกระทั่งประสบความสำเร็จในการเกลี้ยกล่อมชักชวนให้ทุกๆ ฝ่ายที่ให้ร้ายกล่าวโทษเขา หันมาเห็นพ้องกับแผนการของเขา<br />
<br />
เพื่อย้ำเตือนให้เกิดความตระหนักสำนึกว่าเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินงานคราวนี้เป็นตัวแทนของอะไร เขาได้ยื่นคำขาดต่อบรรดาคนงานของเขาในวันที่การก่อสร้างโรงงานเหล็กกล้าแห่งนี้เริ่มต้นขึ้น โดยประกาศว่า “เรากำลังใช้เงินทุนที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งซึมซับเอาไว้ด้วยหยดเลือดและหยาดเหงื่อของพ่อพวกเราของปู่พวกเรา ถ้าเราประสบความล้มเหลวไม่สามารถสร้างโรงงานเหล็กกล้าแห่งนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ได้ … ขอให้พวกเราทั้งหมดไปกระโดดน้ำตายในทะเลตะวันออกกันเถิด!” นี่แหละคือการเริ่มต้นของบริษัทโปฮัง เหล็กและเหล็กกล้า (Pohang Iron and Steel Company ใช้อํกษรย่อว่า POSCO)<br />
<br />
มันเป็นความมุมานะพยายามที่มีอนาคตของเกาหลีใต้เป็นเดิมพัน และไม่มีใครอีกแล้วที่ถือโครงการนี้เป็นเรื่องที่ต้องทุ่มเทอย่างจริงจังยิ่งไปกว่า ปาร์ก แตจูน เมื่อไปตรวจเยี่ยมสถานที่ก่อสร้าง เขาจะสวมเครื่องแบบทหาร และถือคทาประจำตัวนายทหารระดับผู้บัญชาการไปด้วย เขาถือว่าระเบียบวินัยแบบทหารเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่นั้น เขากำลังพยายามเริ่มต้นอุตสาหกรรมหนักของประเทศขึ้นมาในสนามอันว่างเปล่า โดยอาศัยผู้คนซึ่งแทบไม่มีประสบการณ์ หรือกระทั่งไม่มีประสบการณ์เลย<br />
<br />
ประชาคมระหว่างประเทศเฝ้าจับตาดูวิสาหกิจโรงงานเหล็กกล้าแห่งนี้ด้วยความข้องใจสงสัย พวกบริษัทญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้จัดหาเทคโนโลยีอันสำคัญยิ่งสำหรับการทำเหล็กกล้า ต่างมีข้อกังขาเกี่ยวกับความสามารถของเกาหลีใต้ในการสร้างอุตสาหกรรมชนิดที่ต้องสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ขึ้นมา พวกนักเศรษฐศาสตร์เกาหลีเองก็รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ –อันที่จริงนักเศรษฐศาสตร์โสมขาวจำนวนมากก็ทัศนะข้อสรุปกันไปแล้วว่า โครงการสร้างทางหลวงของประธานาธิบดีปาร์ก เป็นโครงการล้างผลาญเงินทุนภาคสาธารณะไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่นี่งบประมาณสำหรับการสร้างโรงงานเหล็กกล้าที่โปฮัง สูงเป็นสามเท่าตัวของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการก่อสร้างทางหลวงสายโซล-ปูซาน ทีเดียว<br />
<br />
ในเดือนเมษายนของปี 1971 ปาร์ก แตจูน เริ่มเดินเครื่องเปิดโรงงานเหล็กกล้าแห่งแรก และพอถึงปี 1973 เขาก็ทำให้พวกว่าร้ายกล่าวโทษเขาทุกๆ คนรู้สึกเซอร์ไพรซ์กันไปหมด POSCO ได้วางรากฐานให้แก่อุตสาหกรรมการต่อเรือของเกาหลีใต้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในหลุมต่างๆ ที่ขุดลงไปในชายหาดหลายแห่งบริเวณใกล้ๆ เมืองโปฮัง ภายในเวลาไม่กี่สิบปี เกาหลีใต้ก็มีฐานะเป็นพี่เบิ้มครอบงำครองส่วนแบ่งอุตสาหกรรมการต่อเรือของโลก แซงหน้าทั้งญี่ปุ่นและอังกฤษ<br />
<br />
นอกจากนั้น POSCO ยังแสดงตัวเป็นเครื่องจักรศึ่งขับดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังเติบโตขยายตัว สามารถเคลื่อนไปข้างหน้า ทั้งนี้การส่งออกของอุตสาหกรรมรถยนต์ก็มีส่วนสำคัญที่สร้างโมเมนตัมให้แก่การไต่ระดับทางเศรษฐกิจอันรวดเร็วของเกาหลีใต้<br />
<br />
มาถึงตอนนี้มีคนจำนวนมากเริ่มเรียก ปาร์ก แตจูน ว่าเป็น แอนดรูว์ คาร์เนกี (Andrew Carnegie) [5] แห่งเกาหลีใต้ ทว่านี่อาจจะเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ค่อยยุติธรรมนัก เราต้องไม่ลืมว่าคาร์เนกีนั้นสร้างโรงงานเหล็กกล้าต่างๆ ของเขาขึ้นมาในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีเทคโนโลยี โนว-ฮาว ในเรื่องนี้ ตลอดจนมีพื้นฐานทางอุตสาหกรรมสำหรับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็นอยู่แล้ว<br />
<br />
ปาร์ก แตจูน สร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ขึ้นมาโดยอาศัยพลังแห่งความมุ่งมั่นแบบสัตว์ป่า และ POSCO ในขณะที่เขานั่งเป็นประธานบริษัทอยู่นั้น ก็สามารถผลิตเหล็กกล้าได้ 21 ล้านตัน เกือบเป็น 2 เท่าของปริมาณที่โรงงานเหล็กกล้าของคาร์เนกีผลิตได้ในเวลา 35 ปี เมื่อถึงตอนที่ ปาร์ก แตจูน อำลาจากตำแหน่งประธานของ POSCO วิสาหกิจที่อยู่ในสภาพลูกผีลูกคนในตอนก่อตั้งแห่งนี้ ก็ได้ผงาดเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่อันดับสามของโลกไปเรียบร้อยแล้ว<br />
<br />
ผลงานความสำเร็จของเขา ทำให้ในแวดวงนักอุตสาหกรรมยกย่องนับถือในระดับที่เขาเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้ตั้งแต่ตอนช่วงปลายทศวรรษ 1970 แล้วด้วยซ้ำ มีเรื่องเล่ากันว่า ในปี 1978 ขณะที่กำลังเยี่ยมชมโรงงานเหล็กกล้าแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำคนสำคัญที่สุดของจีน ได้สอบถาม โยชิฮิโร อินายามะ (Yoshihiro Inayama) ประธานบริษัทนิปปอน สตีล (Nippon Steel Corporation) ว่า เขาสามารถที่จะสร้างโรงงานเหล็กกล้าทำนองเดียวกันนี้ขึ้นในประเทศจีนได้หรือไม่ ปรากฏว่า อินายามะ ตอบว่า ภารกิจเช่นนี้คงจะทำไม่สำเร็จหรอก เพราะจีนไม่มี ปาร์ก แตจูน –แล้วเติ้งก็หยอกมุกกลับมาว่า ก็ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรเลย เขาก็แค่ต้องนำเอา ปาร์ก เข้าไปในจีนเท่านั้นเอง<br />
<br />
สิ่งที่ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาคุณูปการต่ออุตสาหกรรมโสมขาวของเขา ก็คือการที่ ปาร์ แตจูน มีความตระหนักรับรู้อย่างล้ำลึกถึงความสำคัญของการให้การศึกษาอบรมแก่คนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต และได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยโปฮังแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Pohang University of Science and Technology) ขึ้นมาในปี 1986 และ สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (Research Institute of Industrial Science & Technology) ในปี 1987 สถาบันทั้งสองต่างก็เป็นสถาบันระดับแนวหน้าทั้งทางด้านการศึกษา, การวิจัยและการพัฒนาในเกาหลีใต้<br />
<br />
ภายหลังการถึงแก่อสัญกรรมด้วยการถูกลอบสังหารของ ปาร์ก จุงฮี ในปี 1979 ปาร์ก แตจูน ก็ได้เข้าสู่วงการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( National Assembly) [6] และกลายเป็นสมาชิกคนสำคัญยิ่งในคณะรัฐบาลผสมซึ่งทำให้เกิดทั้งรัฐบาลประธานาธิบดี โรห์ แตวู (Roh Tae-woo ครองอำนาจระหว่างปี 1988 - 1993) และรัฐบาลประธานาธิบดี คิม แดจุง(Kim Dae-jung ครองอำนาจระหว่างปี 1999 - 2006) ในเวลาต่อมา<br />
<br />
เขาถูกบังคับให้ออกจากวงการเมืองในปี 1992 เนื่องจากถูกประธานาธิบดีคิม ยังซัม (Kim Young-sam ครองอำนาจระหว่างปี 1993 – 1999) สั่งสอบสวนด้วยข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นหลายคดี ซึ่งต่อมาก็ปรากฏว่าเป็นข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ เขาหวนกลับเข้าไปทำงานในคณะรัฐบาลอีกครั้งระหว่างที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้ประสบความเพลี่ยงพล้ำย่ำแย่หนักในปี 1997 โดยมุ่งมั่นทำงานเพื่อแก้ไขคลี่คลายวิกฤตเศรษฐกิจคราวนั้น และได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ช่วงสั้นๆ ในปี 2000 ก่อนที่จะถูกบีบบังคับให้ออกจากตำแหน่งด้วยข้อหาใช้อำนาจหน้าที่มาเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์<br />
<br />
กระนั้นก็ตาม จวบจนถึงเวลานี้ไม่มีอะไรเลยที่บ่งชี้ให้เห็นว่า เขาได้ใช้สายสัมพันธ์อันล้ำลึกที่มีอยู่กับผู้คนในแวดวงรัฐบาลหรือในวงการอุตสาหกรรม ไปในทางหาผลประโยชน์ส่วนตัว<br />
<br />
ผู้ที่รู้จักเขาต่างก็มีความเข้าใจเป็นอย่างดีถึงความสำคัญของเขา –อดีตประธานาธิบดีฟรังซัวส์ มิตแตรองด์ (Francois Mitterrand) ของฝรั่งเศส ครั้งหนึ่งเคยพูดถึงปาร์ก แตจูน ว่า “เมื่อตอนที่เกาหลีต้องการกองทัพ เขาก็เข้าเป็นนายทหาร เมื่อตอนที่ประเทศต้องการยกระดับเศรษฐกิจให้เติบใหญ่ เขาก็เข้าเป็นนักธุรกิจ เมื่อประเทศต้องการมีวิสัยทัศน์ เขาก็เข้าเป็นนักการเมือง”<br />
<br />
ไม่ใช่เป็นการกล่าวเกินจริงแต่อย่างใดที่เราจะระบุว่า เขามีส่วนสำคัญในการทำให้เกาหลีใต้สามารถทำการปรับตัวเปลี่ยนแปลงทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ นับตั้งแต่ที่สถาปนาประเทศนี้ขึ้นมาทีเดียว เขาใช้ชีวิตอย่างไม่ปล่อยให้ลมหายใจแม้ชั่วขณะต้องสูญเปล่า ผู้ร่วมงานใกล้ชิดกับเขาจำนวนมากต่างพูดว่าสิ่งเดียวที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเหล็กกล้าหลอมละลายในโรงงานเหล็กกล้าแห่งโปฮัง ก็คืออารมณ์อันร้อนแรงของ ปาร์ก แตจูน เขาเป็นจุดศูนย์กลางของอาณาจักรอุตสาหกรรมแห่งนั้น และทุกวันนี้หัวจิตหัวใจแบบวีรบุรุษเฮอร์คิวลิสของเขา ก็ยังคงเต้นต่อไปเพื่อหล่อหลอมสร้างสรรค์อนาคตของเกาหลีใต้<br />
<br />
เขาอำลาจากไป เหลือเพียงภรรยาของเขา บุตรอีก 5 คน และประเทศชาติที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น<br />
<br />
*หมายเหตุผู้แปล*<br />
<br />
[4] ธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาระหว่างประเทศ ใช้อักษรย่อว่า IBRD เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ได้จัดตั้งขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกได้ทำการฟื้นฟูประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเร่งรัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ มักนิยมเรียกกันทั่วไปว่า ธนาคารโลก (World Bank) แต่ถ้าหากใช้คำกันอย่างเคร่งครัดแล้ว ธนาคารโลก มีความหมายครอบคลุมทั้ง IBRD และ สมาคมเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ( International Development Association ใช้อักษรย่อว่า IDA) ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเหลือประเทศยากจนที่สุดของโลก<br />
[5] แอนดรูว์ คาร์เนกีนักอุตสาหกรรมชาวอเมริกันผู้มีชีวิตอยู่ในระหว่างปี 1835 – 1919 เขาเป็นผู้นำในการขยายอุตสาหกรรมเหล็กกล้าอเมริกันไปอย่างมากมายใหญ่โตในช่วงปลายศตวรษที่ 19<br />
[6] ชื่อรัฐสภาของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่รัฐสภามีสภาเดียว<br />
<br />
ยง ควอน เป็นนักเขียนอิสระ ซึ่งชำนาญเรื่องเกี่ยวกับกิจการของเกาหลี, รัสเซีย, และเอเชียกลาง<br />
ที่ีมาผู้จัดการ Online<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-15430114869956841912011-12-19T12:29:00.001+07:002011-12-19T12:33:37.623+07:00ไว้อาลัย ‘ปาร์ก แตจูน’ผู้สร้างอุตสาหกรรมเหล็กกล้าเกาหลีใต้ (ตอนแรก)<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTT1uH-KOUemRRLVIDoZWCkqcbMLourLnUu7-KB3-hM-h04rvRlfOsm-Oy6OhOVlB6nrv7YmfHyeLannr0qnmz1UcJO2KX3ODc8TPVc7Px3tfrBm-Ex7btDUsgCYCJulmEKxdugjHMkHA/s1600/2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTT1uH-KOUemRRLVIDoZWCkqcbMLourLnUu7-KB3-hM-h04rvRlfOsm-Oy6OhOVlB6nrv7YmfHyeLannr0qnmz1UcJO2KX3ODc8TPVc7Px3tfrBm-Ex7btDUsgCYCJulmEKxdugjHMkHA/s400/2.jpg" width="345" /></a></div>ไว้อาลัย ‘ปาร์ก แตจูน’ผู้สร้างอุตสาหกรรมเหล็กกล้าเกาหลีใต้ (ตอนแรก)<br />
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com) <br />
Man of steel, Park Tae-joon <br />
By Yong Kwon <br />
15/12/2011<br />
<a name='more'></a><br />
ปาร์ก แตจูน (Park Tae-joon) ผู้ถึงแก่มรณกรรมเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผู้ที่กล้าขัดขืนดื้อดึงโดยไม่พะวักพะวนกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เย้ยเยาะ เขาลงมือดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของเกาหลีใต้จากหลักกิโลเมตรที่ 0 จนกระทั่งกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่สามารถแข่งขันเอาชนะทั่วโลกได้ภายในเวลาไม่กี่ปี อีกทั้งมีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้ประเทศชาติของเขาสามารถทำการปรับตัวเปลี่ยนแปลงทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นนักอุตสาหกรรมระดับตำนานคนหนึ่งของเอเชีย มรดกแห่งความสำเร็จของเขาซึ่งสร้างขึ้นมาด้วยระเบียบวินัยแบบทหารและความมุ่งมั่นแน่วแน่แบบสัตว์ป่า จักยืนตระหง่านสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ชาวเกาหลีใต้รุ่นต่อๆ ไป<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนแรก *<br />
<br />
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา บุคคลผู้สร้างปาฏิหาริย์แห่งยุคสมัยใหม่ผู้หนึ่ง ได้อำลาจากไปอยู่กับประวัติศาสตร์ คุณูปการของเขาที่มีต่อความสำเร็จของเกาหลีใต้ในการเลื่อนชั้นทางเศรษฐกิจอย่างชนิดเป็นมหากาพย์ยิ่งใหญ่นั้น ส่วนมากทีเดียวมักถูกบดบังรัศมีจากมรดกที่เหลือทิ้งไว้ให้แก่แดนโสมขาวของประธานาธิบดีปาร์ก จุงฮี (Park Chung-hee)<br />
<br />
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีสายตามองเห็นแต่ผลงานความสำเร็จของอดีตจอมเผด็จการผู้ล่วงลับผู้นั้น พวกเขาควรที่จะสังเกตเห็นด้วยว่า ถ้าหากปราศจากความบากบั่นพยายามของคนแซ่ปาร์กอีกผู้หนึ่งแล้ว พลังขับดันไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ก็อาจจะหมดแรงสูญสลายไปตั้งแต่ตอนที่เริ่มต้นเดินหน้าไปไม่นานแล้ว นามของวีรชนผู้เพิ่งล่วงลับไปผู้นี้คือ ปาร์ก แตจูน (Park Tae-joon)<br />
<br />
เขาเกิดเมื่อปี 1927 ใกล้ๆ กับเมืองปูซาน (Busan) เมืองท่าที่กำลังเติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลานี้ ในปี 1933 เขาเดินทางข้ามช่องแคบเกาหลีเพื่อไปสมทบกับบิดาของเขา ผู้ซึ่งได้อพยพไปพำนักอาศัยในญี่ปุ่นด้วยเห็นว่าจะมีโอกาสดีกว่าในการทำงานประกอบอาชีพ ผลงานการเล่าเรียนของปาร์กขณะอยู่ที่ญี่ปุ่น อยู่ในระดับดีเยี่ยม จนกระทั่งเขาได้เข้าศึกษาในด้านวิศวกรรมเครื่องกล ณ มหาวิทยาลัยวาเซดะ (Waseda University) ในปี 1945 แต่แล้วก็ต้องเลิกเรียนกลางคันและถูกส่งตัวกลับมายังเกาหลีในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง<br />
<br />
ในท่ามกลางความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองภายหลังจากเกาหลีใต้ได้รับการปลดปล่อย [1] ปาร์กได้เข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อยทหารบกเกาหลี (Korea Military Academy) ที่นั่นเองเขาได้พบกับ ปาร์ก จุงฮี ผู้ซึ่งในเวลานั้นเป็นอาจารย์สอนวิชาการเคลื่อนที่ของกระสุนปืนและจรวด (ballistics) ปาร์ก แตจูน เคยพรรณนาถึงบรรยากาศของการพบหน้ากันครั้งแรกระหว่างเขากับผู้ที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในอนาคตผู้นี้ว่า ตัวเขามีความรู้สึก “เหมือนกับความหนาวยะเยือกของอากาศในตอนเช้ากำลังพัดกระหน่ำผ่านเข้ามาทางประตูหน้า” มันเป็นการเริ่มต้นของการจับมือเป็นพันธมิตรกันที่เต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิตชีวา<br />
<br />
ภายหลังปฏิบัติภารกิจทางทหารด้วยความโดดเด่นในสงครามเกาหลีในช่วงต้นทศวรรษ 1950 ปาร์ก แตจูน ก็ได้กลับมารวมตัวกับ ปาร์ก จุงฮี อีกคำรบหนึ่ง และได้ทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการ ปาร์ก จุงฮี ซึ่งเวลานั้นเป็นนายทหารยศพันเอก ได้ยกย่องระเบียบวินัยในการทำงาน ตลอดจนความมุ่งมั่นถึงขั้นหลงใหลที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สมบูรณ์แบบของปาร์ก แตจูน และพูดพรรณนาถึงเขาว่าเป็น “เหล็กกล้าอันแข็งแกร่งชิ้นหนึ่ง”<br />
<br />
ความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งของชายแซ่ปาร์กทั้งสองคนนี้ ยิ่งปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจปี 1961 [2] ตามเกร็ดประวัติที่เล่าขานกัน ปาร์ก จุงฮี ได้ขอร้องอดีตนักเรียนนายร้อยที่เขาเคยสอนผู้นี้ว่า อย่าได้เข้าไปร่วมการก่อการลุกฮือของฝ่ายทหารในคราวนั้นเลย เพื่อที่เขาจะได้สามารถดูแลครอบครัวของปาร์ก จุงฮี ได้ถ้าหากการก่อการรัฐประหารประสบความล้มเหลว อย่างไรก็ดี ในขณะที่กองกำลังของปาร์ก จุงฮี เดินทัพเข้าไปในกรุงโซลในช่วงก่อนรุ่งสางของวันที่ 16 พฤษภาคม 1961 ปาร์ก แตจูน ก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ในกองบัญชาการของกองกำลังโค่นล้มรัฐบาล เป็นการประกาศทุ่มเทชนิดสุดตัวที่จะฝากชะตาชีวิตของเขาไว้กับผู้บังคับบัญชาผู้นี้<br />
<br />
พฤติการณ์อย่างขัดขืนดื้อดึงคราวนั้น ทำให้ปาร์ก แตจูน ได้เข้าไปอยู่วงในของระบอบปกครองใหม่ของเกาหลีใต้อย่างมั่นคง และอีกไม่นานต่อมาเขาก็ได้รับการเลื่อนระดับให้ไปอยู่ในตำแหน่งอันสำคัญตำแหน่งหนึ่งในสภาสูงสุดเพื่อการฟื้นฟูบูรณะประเทศชาติ (Supreme Council for National Reconstruction) องค์กรปกครองของคณะทหารผู้ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจ ซึ่งได้แผ้วถางทางให้แก่สาธารณรัฐที่สาม (Third Republic) ของปาร์ก จุงฮี [3]<br />
<br />
ภายหลังที่ได้ช่วยเหลือจัดทำแผนการระยะห้าปี (Five Year Plan) ฉบับแรก (ปี1962 – 1966) ของประธานาธิบดีปาร์ก จุงฮี แล้ว ปาร์ก แตจูน ก็เปลี่ยนภารกิจจากการบังคับบัญชาทหาร มาสู่การฟูมฟํกบ่มเพาะอุตสาหกรรมที่ยังอยู่ในขั้นเดินเตาะแตะของเกาหลี ในปี 1964 เขากลายเป็นนายใหญ่ของบริษัท โคเรีย ทังสเตน (Korea Tungsten Company) บรรพบุรุษของบริษัท แตกูเทค (TaeguTec) ในทุกวันนี้ และเข้าบริหารจัดการหนึ่งในบริษัทขี้โรคอ่อนแอจำนวนไม่กี่แห่งของโสมขาว ซึ่งมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ<br />
<br />
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนายทหารและนักวางแผนเศรษฐกิจที่มีพรสวรรค์ แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในโลกแห่งบริษัทธุรกิจต่างหาก ที่ทำให้ทักษะอันเลอเลิศของปาร์ก แตจูน ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่จนเป็นที่ประจักษ์กันอย่างแท้จริง พวกนักวางแผนเศรษฐกิจของประธานาธิบดีปาร์กในตอนนั้นตัดสินใจว่า เกาหลีใต้จำเป็นที่จะต้องพึ่งตนเองในเรื่องเหล็กกล้าให้สำเร็จ เพื่อให้เป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ<br />
<br />
อย่างไรก็ดี ต้นทุนอันสูงลิ่วทะลุฟ้าของการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตลอดจนขนาดและความยากลำบากอันมหึมาของโครงการนี้ ได้ทำให้พวกนักอุตสาหกรรมภายในประเทศจำนวนมากเกิดความระย่อครั่นคร้าม ประเทศที่ยังมีรายได้ประชาชาติเฉลี่ยต่อประชากรแต่ละคนเพียงแค่เท่ากับปีละ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ มีความเป็นไปได้และมีความเหมาะสมแน่ๆ แล้วหรือที่จะกระโจนเข้าไปเล่นเกมเสี่ยงซึ่งมีมูลค่าเดิมพันมหาศาลลิบลิ่วขนาดนั้น?<br />
<br />
ดังนั้น ประธานาธิบดีปาร์ก จึงหันมาหา ปาร์ก แตจูน<br />
<br />
*หมายเหตุผู้แปล*<br />
[1] เกาหลีถูกญี่ปุ่นยึดครองเป็นอาณานิคมอยู่นาน 35 ปี ในระหว่างปี 1910 ถึง 1945 จนกระทั่งเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงด้วยความปราชัยของจักรวรรดิญี่ปุ่น กองทัพสหภาพโซเวียตได้เข้าปลดปล่อยและยึดครองเกาหลีภาคเหนือชั่วคราว ขณะที่กองทัพอเมริกันก็กระทำอย่างเดียวกันกับเกาหลีภาคใต้ ทว่าในที่สุดแล้วไม่ได้มีการปฏิบัติตามแผนการที่จะให้มีการจัดตั้งคณะรัฐบาลชั่วคราวของเกาหลี ตลอดจนการจัดการเลือกตั้งในเกาหลีทั้งสองส่วน และเกาหลีก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศ นั่นคือ เกาหลีเหนือ หรือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี และ เกาหลีใต้ หรือ สาธารณรัฐเกาหลี จวบจนกระทั่งทุกวันนี้<br />
[2] การรัฐประหารของฝ่ายทหารโดยที่มี ปาร์ก จุงฮี ซึ่งเวลานั้นมียศพลตรี เป็นผู้นำ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1961<br />
[3] องค์กรปกครองของคณะทหาร ซึ่งใช้ชื่อว่า สภาสูงสุดเพื่อการฟื้นฟูบูรณะประเทศชาติ และมีปาร์ก จุงฮี เป็นประธาน ได้เข้าปกครองเกาหลีใต้เป็นเวลา 3 ปี จากนั้นจึงมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐที่สามของเกาหลีใต้ ในตอนแรก ปาร์ก จุงฮี บอกว่าหลังจากจัดการเลือกตั้งและจัดตั้งคณะรัฐบาลพลเรือนตามรัฐธรรมนูญแล้ว เขาก็จะกลับเข้ากรมกอง แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ ประกาศปลดตนเองออกจากการเป็นนายทหารประจำการ แล้วลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเขาได้รับชัยชนะ แต่เขาไม่ได้หยุดเพียงแค่การเป็นประธานาธิบดีครบสองสมัยตามที่กำหนดเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เขาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สาม และตามมาด้วยการทำรัฐประหารยึดอำนาจตนเอง ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เผด็จการเต็มตัว ระบอบปกครองของปาร์ก จุงฮี สิ้นสุดลงด้วยการที่เขาถูกผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางเกาหลีใต้ยิงเสียชีวิตในวันที่ 26 ตุลาคม 1979 ปาร์ก จุงฮี เป็นบุคคลที่ก่อให้เกิดการโต้เถียงขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในดินแดนโสมขาวแม้กระทั่งจนถึงปัจจุบันนี้ โดยมีทั้งฝ่ายที่ชื่นชมซึ่งยกย่องสรรเสริญเขาที่เป็นผู้นำในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจนทำให้เกาหลีก้าวขึ้นสู่ความเป็นชาติอุตสาหกรรมใหม่ แต่ก็มีฝ่ายที่ชิงชังซึ่งประณามความเป็นเผด็จการและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงของเขา<br />
<br />
ยง ควอน เป็นนักเขียนอิสระ ซึ่งชำนาญเรื่องเกี่ยวกับกิจการของเกาหลี, รัสเซีย, และเอเชียกลาง(อ่านต่อตอน 2 ซึ่งเป็นตอนจบ)<br />
ที่ีมาผู้จัดการ Online<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-13555450247104458322011-12-19T12:25:00.000+07:002011-12-19T12:25:19.450+07:00เกาหลีเหนือประกาศผู้นำ “คิม จอง อิล” ถึงแก่อสัญกรรม<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggseKLugwd0tHdP-WX8O7XYpGo_7zYND7aC6ch4tG7RxQXF6Em-HAJMqGMfpDPgjWIWNEXOp47BdaHY3J7x34FqRF_u6jcNp_UmGwa9DpCrvFxgTXnmQJFCa_b4_u0ayiqkEnDQnWcV3w/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="366" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggseKLugwd0tHdP-WX8O7XYpGo_7zYND7aC6ch4tG7RxQXF6Em-HAJMqGMfpDPgjWIWNEXOp47BdaHY3J7x34FqRF_u6jcNp_UmGwa9DpCrvFxgTXnmQJFCa_b4_u0ayiqkEnDQnWcV3w/s400/1.jpg" width="400" /></a></div>เกาหลีเหนือประกาศผู้นำ “คิม จอง อิล” ถึงแก่อสัญกรรม<br />
สถานีโทรทัศน์ KCNA ของเกาหลีเหนือ ประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำ คิม จอง อิล วันนี้(19) พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามอบความจงรักภักดีต่อ คิม จอง อุน บุตรชายคนเล็กของผู้นำ คิม <br />
<a name='more'></a><br />
เอเอฟพี - สถานีโทรทัศน์แห่งชาติเกาหลีเหนือประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำ คิม จอง อิล วันนี้(19) ซึ่งทำให้สถานการณ์ความมั่นคงในดินแดนโสมแดงตกอยู่ในความไม่แน่นอนอีกครั้ง ขณะที่อำนาจปกครองสูงสุดจะถูกถ่ายโอนสู่ผู้นำรุ่นที่ 3<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* น้ำเงิน-ส้ม */
google_ad_slot = "2482170379";
google_ad_width = 160;
google_ad_height = 600;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ประกาศว่า ผู้นำคิม “พ้นจากความตึงเครียดด้านร่างกายและจิตใจ” ไปเมื่อเวลา 8.30 น. ของวันเสาร์(17) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะเดินทางโดยรถไฟเพื่อไป “มอบคำแนะนำ” นอกสถานที่<br />
<br />
เคเอ็นซีเอ เรียกร้องให้ประชาชนเกาหลีเหนือมอบความจงรักภักดีต่อ คิม จอง อุน บุตรชายคนเล็กของ คิม ซึ่งอยู่ในวัย 20 ปลายๆ และถูกยกให้เป็นทายาททางการเมืองของผู้นำเกาหลีเหนือมาได้ระยะหนึ่งแล้ว<br />
<br />
“สมาชิกพรรคทุกฝ่าย, ทหาร และประชาชน ควรปฏิบัติตามการนำของ คิม จอง อุน ด้วยความศรัทธา และจงปกป้อง และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์, กองทัพ และปวงชน” ผู้ประกาศข่าวของ เคซีเอ็นเอ เรียกร้องทั้งน้ำตา<br />
<br />
ผู้นำ คิม ถึงแก่อสัญกรรม “ด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ร่วมกับอาการหัวใจวาย” โดยมีการชันสูตรพลิกศพ เมื่อวานนี้(18) เคซีเอ็นเอ ระบุ<br />
<br />
คิม จอง อิล เคยป่วยด้วยโรคเส้นเลือดสมองตีบเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2008 ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวแขนและขาได้ตามปกติอีกต่อไป<br />
<br />
พิธีศพของผู้นำ คิม จะถูกจัดขึ้นที่กรุงเปียงยางในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ โดยไม่มีการเชิญผู้แทนต่างชาติเข้าร่วม ขณะที่รัฐบาลประกาศช่วงเวลาไว้ทุกข์แก่ผู้นำ คิม ตั้งแต่วันที่ 17-29 ธันวาคม เคซีเอ็นเอ รายงาน<br />
<br />
รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ และประกาศให้กองทัพเฝ้าระวังสถานการณ์เป็นพิเศษทันทีที่สื่อเกาหลีเหนือเผยการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำ คิม ส่วนประธานาธิบดี ลี เมียงบัค ก็ยกเลิกหมายกำหนดการทำงานทั้งหมด<br />
<br />
ประธานเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ ระบุว่า กองทัพเพิ่มการเฝ้าระวังบริเวณแนวชายแดนร่วมกับทหารสหรัฐฯที่ประจำการอยู่ในประเทศ ทว่ายังไม่พบสัญญาณผิดปกติใดๆ<br />
<br />
สงครามเกาหลีที่ยุติลงด้วยสนธิสัญญาหยุดยิงในปี 1953 ทำให้ในทางเทคนิคแล้วเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังถือว่าอยู่ระหว่างสงคราม<br />
<br />
แถลงการณ์จากคณะกรรมการจัดพิธีศพซึ่งมี คิม จอง อุน เป็นประธาน ระบุว่า ร่างของผู้นำ คิม จะถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่ทำเนียบคัมคูซาน (Kumkusan Palace) ซึ่งเป็นสถานที่เก็บศพอดีตประธานาธิบดี คิม อิลซุง โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าทำความเคารพศพผู้นำ คิม ได้ระหว่างวันที่ 20-27 ธันวาคม<br />
<br />
หลังผ่านพ้นพิธีศพ ก็จะมีพิธีไว้อาลัยในวันที่ 29 ธันวาคม โดยมีการยิงสลุตและยืนสงบเป็นเวลานิ่ง 3 นาที ส่วนรถไฟและเรือก็จะเปิดหวูดเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้นำ คิม ด้วย<br />
<br />
คิม จอง อิล ดำรงตำแหน่งผู้นำเกาหลีเหนือต่อจากประธานาธิบดี คิม อิล ซุง ในปี 1994 ต่อมาในช่วงกลางถึงปลายทศวรรษที่ 1990 ก็เกิดภัยแล้งที่คร่าชีวิตชาวโสมแดงไปนับแสนคน ภาวะขาดแคลนอาหารที่ไม่ได้รับการแก้ไขทำให้องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ประเมินว่า มีเด็กเกาหลีเหนือถึง 1 ใน 3 ที่อยู่ในภาวะทุพโภชนาการ<br />
<br />
กระนั้นก็ดี ผู้นำ คิม ยังคงสามารถสรรหาทรัพยากรมาพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ และทำการทดสอบอาวุธระหว่างปี 2006-2009<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-1826320344334831612011-12-16T22:54:00.000+07:002011-12-16T22:54:07.579+07:00ดารา สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ เกิดอุบัติเหตุชนประสานงาปิกอัพเจ็บสาหัส<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJ-kPeZ0KyOyWidvXTEiTQvHTM2Q6ytjpFYH7U8KeFrN8TpEdQfS2FwWHCJHj5uvIjPtNnudVZeVsKN9SwsVJTY2MDkYisIL-HmoKOwwkv2yjlwE_pGm85FXnJjN3KU2e8tYMVSgOWoTI/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="215" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJ-kPeZ0KyOyWidvXTEiTQvHTM2Q6ytjpFYH7U8KeFrN8TpEdQfS2FwWHCJHj5uvIjPtNnudVZeVsKN9SwsVJTY2MDkYisIL-HmoKOwwkv2yjlwE_pGm85FXnJjN3KU2e8tYMVSgOWoTI/s400/01.jpg" width="400" /></a></div>ดารา สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ เกิดอุบัติเหตุชนประสานงาปิกอัพเจ็บสาหัส ดาราสาว"สะแกวัลย์"หวิดดับรถเก๋งชนประสานงาปิกอัพไฟลุกท่วม โชเฟอร์ตายคาที่ ส่วนคนขับคู่กรณีไม่รอดเช่นกัน<br />
<a name='more'></a><br />
เมื่อเวลา 16.35 น.วันที่ 16 ธ.ค. พ.ต.ท.ธีรพล กิจยะกานนท์ พงส.(สบ.3) สภ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันจนไฟลุกท่วม มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรและหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคม ที่เกิดเหตุอยู่บนเนินถนนสายบ้านชากนา – คลองสิบแปด หมู่ 3 ต.เขาซก พบซากรถโตโยต้า วิช ทะเบียน กธ-142 ระยองที่ไฟลุกไหม้เสียหายยับเยิน ไม่ทราบสี ชนประสานงารถปิกอัพโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ๊กซ์ สีเขียว เลขทะเบียน บจ-585 ระยอง ที่บรรทุกปาล์มมาเต็มคันรถและไฟกำลังลุกไหม้รถโตโยต้าวิช อย่างรุนแรง พบผู้บาดเจ็บที่มากับรถโตโยต้าวิชคือ ดาราสาวชื่อดัง "สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ" พลเมืองดีช่วยนำออกจากซากรถยนต์ที่กำลังถูกเพลิงเผาไหม้ได้อย่างหวุดหวิด แต่อาการสาหัสได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกและซี่โครงด้านซ้ายหักหลายซี่ นำส่งรพ.หนองใหญ่ ก่อนส่งต่อรพ.ชลบุรี ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายนางลิวรรณ บุญนากร อาย 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่.3 ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง บาดเจ็บหลายแห่งและมีเลือดออกในช่องท้อง นำส่งรพ.วังจันทร์ จ.ระยอง<br />
<br />
หลังจากเจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำจนเพลิงสงบ จึงเข้าตรวจสอบพบศพนายมิตรชัย เขียวชอุ่ม อายุ 47 ปี ผู้ขับรถโตโยต้าวิชให้น.ส.สะแกวัลย์ ไม่ทราบบ้านเลขที่ ถูกไฟไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกที่เบาะคนขับ สภาพกะโหลกแตก แขนและขาถูกไฟไหม้เกือบหมด ส่วนรถปิกอัพพบศพนายบุญเชิด บุญนากร อายุ 51 ปี คนขับเสียชีวิตคาเบาะที่นั่งคนขับเช่นกัน สภาพถูกอัดก๊อบปี้ ติดอยู่คาซากรถ<br />
สอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า รถโตโยต้าวิชของดาราสาว โชเฟอร์ขับมาด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปทางคลองพลู โดยใช้เส้นทางบ้านชากนา–คลองสิบแปด ระหว่างที่ขับขึ้นเนินเขาเลยเบรกไม่อยู่เกิดชนประสานงากับรถปิกอัพที่บรรทุกปาล์มเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้ไฟลุกท่วม ดาราสาวบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนขับรถทั้งสองคันเสียชีวิตคาที่ ส่วนนางลิวรรณ ที่นั่งมาด้วยและบาดเจ็บสาหัส เป็นภรรยาของนายบุญเชิด ไปช่วยสามีบรรทุกปาล์มส่งโรงงานก่อนเกิดเหตุสลดดังกล่าว <br />
<br />
ทั้งนี้ล่าสุด”สะแกวัลย์” เพิ่งรับบทดังเป็นสาวใช้คนสนิทของแอ็ป ทักษอร ในละครดัง”รอยไหม” ช่อง 3 เป็นคู่ปรับ”อีเม้ย” ที่เพิ่งลาจอไปไม่นานzennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-62567935651348127132011-10-26T16:21:00.000+07:002011-10-26T16:21:18.121+07:00เส้นทางน้ำ 14 คลอง 7 อุโมงค์ยักษ์ ตัวช่วย กทม. พ้น ‘น้ำท่วม’ ได้แค่ไหน?<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiaG_uDD8GYZ4mQ4MAx2beZnSZxY3dRkhfzeJA6v1hAzi4aW3PScnJaTY6viB4SSGSz-98KvXQwmrMvZFZ9CtOIuw_aK79ESz5E26htNCyiY6Wat91PLEBjoqzkJZcBdDSgQgeWphVcRcM/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="173" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiaG_uDD8GYZ4mQ4MAx2beZnSZxY3dRkhfzeJA6v1hAzi4aW3PScnJaTY6viB4SSGSz-98KvXQwmrMvZFZ9CtOIuw_aK79ESz5E26htNCyiY6Wat91PLEBjoqzkJZcBdDSgQgeWphVcRcM/s320/01.jpg" width="260" /></a></div>เส้นทางน้ำ 14 คลอง 7 อุโมงค์ยักษ์ ตัวช่วย กทม. พ้น ‘น้ำท่วม’ ได้แค่ไหน? กรุงเทพมหานคร จุดศูนย์กลางของประเทศ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ไม่อาจรอดพ้นอุทกภัยครั้งใหญ่นี้ไปได้ แม้ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามป้องกันเมืองชั้นในและสถานที่สำคัญเอาไว้ แต่ก็มิอาจการันตีได้เต็มร้อย<br />
<a name='more'></a><br />
พื้นที่ทั้งหมดของกทม. ประกอบด้วย 50 เขต คือ พระนคร ดุสิต หนองจอก บางรัก บางเขน บางกะปิ ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระโขนง มีนบุรี ลาดกระบัง ยานนาวา สัมพันธวงศ์ พญาไท ธนบุรี บางกอกใหญ่ ห้วยขวาง คลองสาน ตลิ่งชัน บางกอกน้อย บางขุนเทียน ภาษีเจริญ หนองแขม ราษฎร์บูรณะ บางพลัด ดินแดง บึงกุ่ม สาทร บางซื่อ จตุจักร บางคอแหลม ประเวศ คลองเตย สวนหลวง จอมทอง ดอนเมือง ราชเทวี ลาดพร้าว วัฒนา บางแค หลักสี่ สายไหม คันนายาว สะพานสูง วังทองหลาง คลองสามวา ทุ่งครุ บางบอน บางนา และทวีวัฒนา <br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>มีเส้นทางน้ำที่สัมพันธ์กับคลองต่าง ๆ 14 สาย ได้แก่ บางซื่อ จตุจักร หลักสี่ เจอคลองบางเขน, บางซื่อ จตุจักร ดินแดง เจอคลองบางซื่อ, บางซื่อ จตุจักร ดอนเมือง เจอคลองเปรมประชากร, วังทองหลาง ลาดพร้าว เจอคลองลาดพร้าว, ดุสิต พญาไท ราชเทวี ห้วยขวาง เจอคลองสามเสน, ป้อมปราบฯ วัฒนา วังทองหลาง บึงกุ่ม เจอคลองแสนแสบ, ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา เจอคลองมหาสวัสดิ์, รัชดาภิเษก เจอคลองน้ำแก้ว, ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา เจอคลองบางพรม, ทวีวัฒนา เจอคลองบางเชือกหนัง, ทวีวัฒนา บางแค หนองแขม เจอคลองบางแวก, บางบอน เจอคลองพระยาราชมนตรี, ภาษีเจริญ บางแค เจอคลองบางจาก และบางขุนเทียน เจอคลองพิทยาลงกรณ์<br />
<br />
พ่อเมืองกรุงเทพฯ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร วางแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแบบระบบพื้นที่ปิดล้อม โดยก่อสร้างคันกั้นน้ำล้อมรอบพื้นที่ เพื่อป้องกันน้ำจากภายนอก ไม่ให้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ ซึ่งขีดความสามารถของคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถป้องกันระดับน้ำในแม่น้ำฯ ได้ที่ +2.50 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) หรืออัตราการไหลของน้ำในแม่น้ำประมาณ 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที กรณีมีฝนตกหนักในพื้นที่ก็จะก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อระบายน้ำท่วมขังลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา <br />
<br />
สำหรับแนวป้องกันน้ำท่วม มีการก่อสร้างคันน้ำด้านตะวันออกตามแนวพระราชดำริ เพื่อป้องกันน้ำบ่าจากทุ่งด้านเหนือและด้านตะวันออก ความยาว 72 กม. และแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อยและคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อป้องกันน้ำเหนือหลากและน้ำทะเลหนุน เข้าท่วมพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ความยาว 77 กม.<br />
<br />
ส่วนการระบายน้ำแบ่งได้ดังนี้ 'ท่อระบายน้ำ' เพื่อระบายน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ มีความยาว รวม 6,400 กม. ตลอดจน 'คู คลอง ระบายน้ำ' เพื่อระบายน้ำฝนออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 1,682 คลอง ยาว 2,604 กม. 'สถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำ' เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ มีขีดความสามารถระบายน้ำ 1,584 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบไปด้วย สถานีสูบน้ำ 158 แห่ง ประตูระบายน้ำ 214 แห่ง บ่อสูบน้ำ 180 แห่ง ยังมี 'การเตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่' ติดตั้งในจุดอ่อนน้ำท่วม และพื้นที่วิกฤต รวม 1,152 เครื่อง ประสิทธิภาพ รวม 692 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และวิธี 'พร่องน้ำในแก้มลิง 21 แห่ง' เตรียมรองรับน้ำฝนได้ 12.75 ล้าน ลูกบาศก์เมตร<br />
<br />
นอกจากนี้ก็มี 'ช่องทางระบายที่สำคัญอุโมงค์ระบายน้ำ' ทั้งหมดที่เปิดดำเนินการขณะนี้ 7 แห่ง อันประกอบด้วย อุโมงค์ระบายน้ำซอยสุขุมวิท 26 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.00 เมตร ยาว 1,100 เมตร แล้วเสร็จตั้งแต่ พ.ศ. 2526 อุโมงค์ระบายน้ำ ถนนประชาราษฎร์ 2 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.40 เมตร ยาว 1,880 เมตร แล้วเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 อุโมงค์ระบายน้ำพื้นที่เขตพญาไท ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.40 เมตร ยาว 679 เมตร และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.50 เมตร ยาว 1,900 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2546 <br />
<br />
อุโมงค์ระบายน้ำซอยสุขุมวิท 36 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.80 เมตร ยาว 1,320 แล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2544 อุโมงค์ระบายน้ำซอยสุขุมวิท 42 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.80 เมตร ยาว 1,100 เมตร แล้วเสร็จเดือนเมษายน พ.ศ. 2545 อุโมงค์ระบายน้ำบึงมักกะสัน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.60 เมตร ยาวประมาณ 5.98 เมตร แล้วเสร็จเดือนกันยายน พ.ศ. 2550<br />
<br />
ล่าสุด อุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบและคลองลาดพร้าว หรือ อุโมงค์ยักษ์ พระราม9-รามคำแหง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.00 เมตร ยาวประมาณ 5.1 กิโลเมตร แล้วเสร็จเปิดดำเนินการเมื่อ เดือนมกราคม พ.ศ. 2554 เป็นอุโมงค์ระบายน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดที่กทม.เคยมีมา ระบายน้ำได้ปริมาณมากกว่า 60 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จุดเริ่มต้นการสูบน้ำที่คลองลาดพร้าว คลองแสนแสบ และ คลองประเวศ ลงสู่คลองพระโขนง ก่อนจะผันน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยะ<br />
<br />
หากรวมทั้ง 7 อุโมงค์ที่แล้วเสร็จระยะทาง 19.13 กิโลเมตร ระบายน้ำได้ 155.5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที<br />
<br />
ทำอย่างไรต่อไปเมื่อมวลน้ำทั้งหมดไหลลงมาสู่กรุงเทพฯ? นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แนะนำวิธีการระบายน้ำออกทะเลไว้อย่างน่าสนใจ โดยการแบ่งพื้นที่กรุงเทพฯต้องแบ่งเป็น 3 ลำดับ คือ กรุงเทพฯชั้นใน รักษาพื้นที่ให้น้ำผ่านเข้า คลองแสนแสบ คลองพระโขนง คลองประเวศ เท่านั้น แต่ต้องให้น้ำอยู่ในระดับคันคลอง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯชั้นใน ไม่ได้เตรียมไว้เพื่อรองรับน้ำหลาก หากน้ำล้นเข้าไปมากเกินไปเวลาจะเอาน้ำออกจะลำบาก<br />
<br />
ส่วน กรุงเทพฯฝั่งตะวันออก เช่น มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง คลองสามวา ต้องเป็นฟัดส์เวย์ทางน้ำผ่านออกบางปะกง แต่ต้องควบคุมไม่ให้น้ำเข้ามามาก เพราะอาจกระทบสนามบินสุวรรณภูมิได้ ด้าน กรุงเทพฯย่านฝั่งธนบุรี ใช้เป็นพื้นที่รับน้ำหลากได้ เพราะมีคลองย่อยหลายสาขาที่สามารถผลักดันน้ำออกทะเลท่าจีนได้เร็ว<br />
<br />
ณ วินาทีนี้ ก็จะต้องติดตามดูว่า การบริหารจัดการน้ำที่ผ่านเข้าคลองต่าง ๆ 14 สายที่เชื่อมสัมพันธ์กัน พร้อมทั้ง 7 อุโมงค์ยักษ์ของ กทม. จะสามารถผลักดันมวลน้ำมหาศาลออกสู่ทะเลได้มากน้อยเพียงใด<br />
<br />
ถ้าผนึกกันแก้ไขปัญหาอย่างเป็นเอกภาพ น้ำอาจจะไม่ท่วมเต็มพื้นที่กทม. อาจท่วมแค่ 50-50 ตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้<br />
<br />
แต่ที่ชาวกทม.ลุ้นระทึกอยู่ทุกวันนี้ก็คือ น้ำจะท่วมบ้านตนเมื่อไหร่?<br />
<br />
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-71417899874115319712011-10-15T20:54:00.000+07:002011-10-15T20:54:29.013+07:00นายกรัฐมนตรีหญิง ปู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขำกลิ้ง ภาพเบะหน้า ยันไม่ได้ร้องไห้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3wHi5ynKktrbmquwy2CAlflMVryrY3I8UUm9YSf1MfTMTTMrvwzQkEN4rdOCApUvfnNREMVKq33WRrrhEe1h7Yl4j4LP-ocedoaV2Yv1LIc2H0w-5WR2Rb-oTz8hLhia7EYJZt0QPtIk/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="383" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3wHi5ynKktrbmquwy2CAlflMVryrY3I8UUm9YSf1MfTMTTMrvwzQkEN4rdOCApUvfnNREMVKq33WRrrhEe1h7Yl4j4LP-ocedoaV2Yv1LIc2H0w-5WR2Rb-oTz8hLhia7EYJZt0QPtIk/s400/01.jpg" width="400" /></a></div>นายกรัฐมนตรีหญิง ปู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขำกลิ้ง ภาพเบะหน้า ยันไม่ได้ร้องไห้ ไขภาพ"ปู" ทำหน้าเหมือนร้องไห้ ที่แท้สาเหตุมาจากพยายามจะแกะสายไมโครโฟน ไม่ได้เบะหน้าเพราะเครียดจัดจากปัญหาน้ำท่วมดังที่หลายคนคิด เผยเจ้าตัวเห็นภาพถึงกับหัวเราะลั่น พร้อมยืนยันไม่ได้ร้องไห้ <br />
<a name='more'></a><div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* kpop */
google_ad_slot = "1976346401";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนักข่าวนำภาพนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงสีหน้าราวกับจะร้องไห้ ในเฮลิคอปเตอร์ระหว่างจะเดินทางไปตรวจน้ำท่วมทางด้านภาคกลางตอนเหนือ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในแวดวงโซเชียลมีเดีย ต่างๆนานาว่าเกิดอะไรขึ้น<br />
<br />
ต่อมามีข่าวว่าผู้ติดตามใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ได้นำภาพดังกล่าวไปให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูพร้อมกับสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้น โดยทันทีที่นายกฯ เห็นภาพถึงกับหัวเราะ พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้ร้องไห้ พร้อมอธิบายว่าจำไม่ได้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำสีหน้าเช่นนั้น แต่น่าจะมาจากสาเหตุที่พยายามจะแกะสายไมโครโฟนไวร์เลส (wireless) ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ติดมากับตัวหลังออกทีวีพูล<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-42217104939920973002011-10-14T13:26:00.000+07:002011-10-14T13:26:54.636+07:00น้ำตานายกฯหญิง??<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNPz5tVklLQGqKQoRhTk4V039Hvrxh42dwZoLuGpWk10tj7cbr1gCHWzlFfA_Sv-o2o2Fe1up29kIZaJVu75AFYcTEXIYYFVjkSDFlDjqI3yXBTw5LpwrJXPFTIY6O9ng6chh0_rtrtfo/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="383" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNPz5tVklLQGqKQoRhTk4V039Hvrxh42dwZoLuGpWk10tj7cbr1gCHWzlFfA_Sv-o2o2Fe1up29kIZaJVu75AFYcTEXIYYFVjkSDFlDjqI3yXBTw5LpwrJXPFTIY6O9ng6chh0_rtrtfo/s400/1.jpg" width="400" /></a></div>"ยิ่งลักษณ์" แสดงอาการคล้าย "ร่ำไห้" ขณะขึ้น ฮ. ตรวจดูสภาพน้ำท่วมภาคกลางตอนบน น้ำตานายกฯหญิง??ช่างภาพมติชนซึ่งติดตามตรวจน้ำท่วมของนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร<br />
<a name='more'></a><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFTmi2dxnFOPP3XManPyt-1y5-G-NJ4S8A1soJ4lpeoDh23O8RZ4xRcv_VkMSyp1wJJN32uppf2RMzexc3xYwrme31FzXuo0WkAnnuQJX6u_OXE1BncpMJ-nywO3webQFWHeceaM-tLoA/s1600/2.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFTmi2dxnFOPP3XManPyt-1y5-G-NJ4S8A1soJ4lpeoDh23O8RZ4xRcv_VkMSyp1wJJN32uppf2RMzexc3xYwrme31FzXuo0WkAnnuQJX6u_OXE1BncpMJ-nywO3webQFWHeceaM-tLoA/s200/2.jpg" width="200" /></a></div>ได้บันทึกภาพขณะที่เฮลิคอปเตอร์ กองบินปีกหมุนที่ 9 ซึ่งนำนายกฯและคณะไปดูสภาพน้ำท่วมบริเวณภาคกลางตอนบนและแม่น้ำท่าจีน ขณะที่เดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์นายกรัฐมนตรีหญิง ยังมีสีหน้าสดชื่นและยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นอันดี แต่พอขึ้นประจำที่นั่งและประตูเฮลิคอปเตอร์กำลังเลื่อนจะปิด สีหน้านายกฯก็เปลี่ยนไปในทันที จากรอยยิ้มกลายเป็นรอยแบะ ก้มหน้ามองมือตัวเองสีหน้า "ราวกับร้องไห้" ยากจะเดาได้ถึงสีหน้า?...ในใจนายกฯหญิงนั้นคิดอะไรอยู่ ความทุกข์ความเดือดร้อนของชาวบ้าน หรือพลังมวลน้ำที่จ่อถล่มกรุง หรือแค่เผอิญนิ้วเจ็บเล็บฉีกพอดี?<br />
<br />
ก่อนหน้านี้ก็มีคลิปนายกฯหลุดขำในลิฟท์ที่ทำเนียบรัฐบาลโดยมีช่างภาพบันทึกไว้ได้ ในฐานะผู้นำประเทศย่อมแสดงภาพความเข้มแข็งต่อหน้าสาธารณะชนไม่สามารถแสดงความอ่อนแอได้แต่นายกฯก็เหมือนกับคนทั่วๆไปที่มีอารมณ์ความรู้สึกเศร้าได้หัวเราะได้ <br />
<br />
ขณะเดียวกันอีกซีกที่จ.อยุธยา ผู้ชายอกสามศอก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สวมกอดร่ำไห้กับผู้บริหารบริษัทในประเทศไทย และผู้บริหารชาวต่างชาติ รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถหยุดยั้งการไหลบ่าเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้าที่มีนักลงทุนจากต่างชาติมาลงทุนมหาศาล แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกัน<br />
<br />
น้ำตาลูกผู้ชายอกสามศอกจึงหลั่งริน... <br />
ที่มา <a href="http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318523691&grpid=&catid=01&subcatid=0100">มิติชน</a><br />
<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-53886950440437058602011-10-14T00:49:00.000+07:002011-10-14T00:49:06.314+07:00พสกนิกรชื่นมื่น! กษัตริย์จิกมีทรงอภิเษกสมรส “เจ็ตซัน เปมา” เป็นพระราชินีภูฏาน<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGKErzYg1nkB8kwJt9x4cC-GQ1vlSsp9IiVg4O5QHJ9CM74NfTcCAbYOK5Gg0ZzeVrjSozBFN-zTBvhzMA3X9Hi33AJ4YIQjSd51mMFSifFukh0_3C-ZcllhEPDIgLQ_WlfNncdN4ERxo/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="235" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGKErzYg1nkB8kwJt9x4cC-GQ1vlSsp9IiVg4O5QHJ9CM74NfTcCAbYOK5Gg0ZzeVrjSozBFN-zTBvhzMA3X9Hi33AJ4YIQjSd51mMFSifFukh0_3C-ZcllhEPDIgLQ_WlfNncdN4ERxo/s400/1.jpg" width="400" /></a></div>พสกนิกรชื่นมื่น! กษัตริย์จิกมีทรงอภิเษกสมรส “เจ็ตซัน เปมา” เป็นพระราชินีภูฏาน เอเอฟพี - สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับ น.ส.เจ็ตซัน เปมา วัย 21 ปี ณ ลานพระราชพิธีซึ่งจัดขึ้นภายในป้อมปราการเมืองพูนาคา วันนี้ (13)<br />
<a name='more'></a><br />
บรรยากาศพระราชพิธีอภิเษกสมรสเป็นไปอย่างเรียบง่ายและถูกต้องตามโบราณราชประเพณีแห่งภูฏาน โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการระดับสูง ร่วมเป็นสักขีพยานโดยพร้อมเพรียง<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 9/10/54 */
google_ad_slot = "2041788432";
google_ad_width = 250;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ในการนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา น.ส.เจ็ตซัน เปมา ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน<br />
<br />
จากนั้น สมเด็จพระราชิธิบดีทรงจูงพระหัตถ์พระราชินีเสด็จฯ เข้าไปยังแท่นสักการะภายในป้อมพูนาคา เพื่อทรงรับพรและประกอบพิธีสวดมนต์ตามคติทางพุทธศาสนา เนื่องในวโรกาสการสถาปนาสมเด็จพระราชินีพระองค์ใหม่<br />
<br />
หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีอภิเษกสมรส สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี และสมเด็จพระราชินี เจ็ตซัน เปมา จะเสด็จออกทักทายผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ในพิธีเฉลิมฉลองซึ่งจะเปิดให้สาธารณชนเข้าร่วมด้วย<br />
<br />
รัฐบาลภูฏานจัดการถ่ายทอดสดพระราชพิธีอภิเษกสมรสไปทั่วประเทศ เพื่อให้พสกนิกรกว่า 700,000 คนได้ซึมซับบรรยากาศอันน่าประทับใจกันโดยถ้วนหน้า และใน 3 วันหลังจากนี้ก็จะมีการจัดงานรื่นเริงตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทั่วภูฏาน<br />
<br />
ชนเผ่านอมาดส์ (Nomads) ซึ่งอาศัยอยู่ตามเขตภูเขาสูงของภูฏานเกือบตลอดทั้งปี ก็ลงมายังพื้นราบเพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์จิกมี เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปซึ่งมาจับจองพื้นที่ริมฝั่งถนนที่จะเสด็จพระราชดำเนินผ่านกันตั้งแต่เช้า<br />
<br />
เจ้าหน้าที่ภูฏานมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และตรวจตรารถยนต์ทุกคันที่เข้ามาใกล้บริเวณพระราชพิธี หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(10) กลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งภูฏาน (ยูอาร์เอฟบี) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายเนปาล ได้ก่อเหตุระเบิดที่ไม่รุนแรง 2 ครั้งบริเวณชายแดนภูฏานฝั่งที่ติดกับอินเดีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย<br />
<br />
สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ซึ่งปกครองภูฏานมานานกว่า 100 ปี และสถาบันกษัตริย์นี้เองที่เป็นพลังสำคัญในการนำความมั่นคงมาสู่ดินแดนซึ่งเคยร้อนระอุด้วยไฟสงคราม และทำให้ภูฏานคงความเป็นเอกราชอยู่ได้ท่ามกลางวงล้อมของชาติมหาอำนาจ ขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น<br />
<br />
ข่าวการหมั้นหมายระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดี และ เจ็ตซัน เปมา เมื่อเดือนพฤษภาคม อาจทำให้สาวๆ ชาวไทยที่ชื่นชมในพระจริยวัตรอันงดงามต้องอกหักไปตามๆ กัน ทว่า สำหรับชาวภูฏานซึ่งรักและเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งใด ประกาศดังกล่าวถือเป็นข่าวมหามงคลที่นำความปลาบปลื้มยินดีมาสู่พวกเขา<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLiSMhc3fCNn2lH_QtyEPmSEqCwBIhR6goGxYq-MPOS6OBnwr9nMhHx1-3UwdgGwfZXhrD_82rR99vY32nd4iSoni9V8SXATP6rSLGAvcSQ6tORtNKZ83Rs0RYpr53pRaNQeRcwwZJ0Dk/s1600/3.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLiSMhc3fCNn2lH_QtyEPmSEqCwBIhR6goGxYq-MPOS6OBnwr9nMhHx1-3UwdgGwfZXhrD_82rR99vY32nd4iSoni9V8SXATP6rSLGAvcSQ6tORtNKZ83Rs0RYpr53pRaNQeRcwwZJ0Dk/s400/3.jpg" width="277" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioWxLl2dnRVFvRWOKDKkq2eDJcUAucXRLGC7pymoyS4Bo44Nk04TIlcRP6R62knN3kymRqKgTnkofJAl29pSowuUnt5bJx0W5BzjDwzJKyrIimoo2X6tjW3KInMIqYKoaOS6x2_uTeVk8/s1600/2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="236" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioWxLl2dnRVFvRWOKDKkq2eDJcUAucXRLGC7pymoyS4Bo44Nk04TIlcRP6R62knN3kymRqKgTnkofJAl29pSowuUnt5bJx0W5BzjDwzJKyrIimoo2X6tjW3KInMIqYKoaOS6x2_uTeVk8/s400/2.jpg" width="400" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgYWdG14XyYatBJNtYrhOyPrKG-fDgwhjtLZQSH3JvaYqTwzPd7aRmaR0iEl3UhFDzs-GDlni9kRbei-Pr7lkkOl4B2dNpHfWfz6zg3NvauoM6DrSg-ScrtE3jaJt-_EdmpZBoSgVduRI0/s1600/4.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgYWdG14XyYatBJNtYrhOyPrKG-fDgwhjtLZQSH3JvaYqTwzPd7aRmaR0iEl3UhFDzs-GDlni9kRbei-Pr7lkkOl4B2dNpHfWfz6zg3NvauoM6DrSg-ScrtE3jaJt-_EdmpZBoSgVduRI0/s400/4.jpg" width="278" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-QwvIX9-4xvZ3nyeX4SAwQHJBY583YOyhp8NeY769OeB-NaCJFQXoYF6s2NkPopLwMLrKEOSL63yM1y0ghLf1EZNtwkDwmSUoTsiC6t-6XBXshuSXIkMq9UrojCsvO6ND2AWP7rvz6u4/s1600/8.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="267" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-QwvIX9-4xvZ3nyeX4SAwQHJBY583YOyhp8NeY769OeB-NaCJFQXoYF6s2NkPopLwMLrKEOSL63yM1y0ghLf1EZNtwkDwmSUoTsiC6t-6XBXshuSXIkMq9UrojCsvO6ND2AWP7rvz6u4/s400/8.jpg" width="400" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYsHLrg3g3N4s1ENw_HVO7IzPSOMOBm7B2u1hzLqF29X2fPmzukcRHgf8vlH7eO5P8WTcdTMDVCYMbc_0SQ_zuJm-MHdja7CwsEswTsKTT0FvTMXRQsbf4vN7hJ0o-d7mSam_v1DfyWEk/s1600/7.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="258" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYsHLrg3g3N4s1ENw_HVO7IzPSOMOBm7B2u1hzLqF29X2fPmzukcRHgf8vlH7eO5P8WTcdTMDVCYMbc_0SQ_zuJm-MHdja7CwsEswTsKTT0FvTMXRQsbf4vN7hJ0o-d7mSam_v1DfyWEk/s400/7.jpg" width="400" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOvr4e_h0ljgBXYYFmi9-Hhe9Ji7FsqxMiVAjM-YO_KAJXBH6KcblBnKYMr3OZ8EAnoGI08OPmjx7jn_irfXx2q1S-2Jwzek9dhXdrUN3W1JJJnV4FY40HLZnGjV3zt1Mxigp_xuonuLo/s1600/6.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOvr4e_h0ljgBXYYFmi9-Hhe9Ji7FsqxMiVAjM-YO_KAJXBH6KcblBnKYMr3OZ8EAnoGI08OPmjx7jn_irfXx2q1S-2Jwzek9dhXdrUN3W1JJJnV4FY40HLZnGjV3zt1Mxigp_xuonuLo/s400/6.jpg" width="259" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6f-_cSvVeUaluurY2rMYMGOWJBbFLnnqO4GpD0Ku0J2mrlGrbtTYgDb155fd21UBSOOgLzmOqnABLKbkJokfQymE8p452aVEKhvnlMab8U9CuMben4nUG1-LoMJ4v7D5PhcwRZAHZzNY/s1600/5.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="275" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6f-_cSvVeUaluurY2rMYMGOWJBbFLnnqO4GpD0Ku0J2mrlGrbtTYgDb155fd21UBSOOgLzmOqnABLKbkJokfQymE8p452aVEKhvnlMab8U9CuMben4nUG1-LoMJ4v7D5PhcwRZAHZzNY/s400/5.jpg" width="400" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhWc5rWd5NpLOtGwzUXInZPCIBhKF8z0PbEsKF6NueKKxyhwWGaIyxkmsJsFyD-OCMWSDkxIk5rwZlVPmaOg_fH0d7ANPZxgxGUpFv8h-iMQid0ONXLaaRNHNQ40rNMjFLMiQmytmUtf-8/s1600/9.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhWc5rWd5NpLOtGwzUXInZPCIBhKF8z0PbEsKF6NueKKxyhwWGaIyxkmsJsFyD-OCMWSDkxIk5rwZlVPmaOg_fH0d7ANPZxgxGUpFv8h-iMQid0ONXLaaRNHNQ40rNMjFLMiQmytmUtf-8/s400/9.jpg" width="271" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgahqD_xK0GYxfbsoN5m87tHSVir_aFPuEDi__BYu-1m7offx27VcN5GjdutxnQq2fXIdNns_ydhNgFE1B7XA_qv95dXqO1vmFRBtUXITlERtnrfNH2pH_dQmlvUHwPJ4xNU6hqlPTwCsE/s1600/13.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="295" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgahqD_xK0GYxfbsoN5m87tHSVir_aFPuEDi__BYu-1m7offx27VcN5GjdutxnQq2fXIdNns_ydhNgFE1B7XA_qv95dXqO1vmFRBtUXITlERtnrfNH2pH_dQmlvUHwPJ4xNU6hqlPTwCsE/s400/13.jpg" width="400" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnxi-HKn-dOL3urMA02g5MO6ssSPqgbaxtRC6NQycajxOVA0JGQsq_xbFQhLV-JlXyDXogOKppvz3MC5OuuEkIUAOIG4h9iQSbcIlY47-zLVWHu4IYVzfc8HXJpweCQe_WSXyytpRalec/s1600/12.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="257" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnxi-HKn-dOL3urMA02g5MO6ssSPqgbaxtRC6NQycajxOVA0JGQsq_xbFQhLV-JlXyDXogOKppvz3MC5OuuEkIUAOIG4h9iQSbcIlY47-zLVWHu4IYVzfc8HXJpweCQe_WSXyytpRalec/s400/12.jpg" width="400" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3XgkUTefuoHBVnoAItjArkt1qaPYA-xPSo2amqMwtUNLoCIS0CB8GmPEhjNqrJMHIxToCMVSi6m4V7GjzNv-NMiMBZjPCY7Pm_eebIlobA0cYl4IoiOEJraYNUuvOOESJhcqHpi1mfNo/s1600/11.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="226" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3XgkUTefuoHBVnoAItjArkt1qaPYA-xPSo2amqMwtUNLoCIS0CB8GmPEhjNqrJMHIxToCMVSi6m4V7GjzNv-NMiMBZjPCY7Pm_eebIlobA0cYl4IoiOEJraYNUuvOOESJhcqHpi1mfNo/s400/11.jpg" width="400" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjEOVxhg37zUrNt2oLXzUguwXAhfqeAYDvGEHCyj699LKrkDWi53v_NRzSwC-Prmlj9mka5C2HjdTDLOWyJfqMSnhD2rXhXYds8Yig1bqo5wpFnMb8Ik0rOfxNalGARXuhs0GLl85Uy9iY/s1600/10.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="256" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjEOVxhg37zUrNt2oLXzUguwXAhfqeAYDvGEHCyj699LKrkDWi53v_NRzSwC-Prmlj9mka5C2HjdTDLOWyJfqMSnhD2rXhXYds8Yig1bqo5wpFnMb8Ik0rOfxNalGARXuhs0GLl85Uy9iY/s400/10.jpg" width="400" /></a></div>ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-16578146512667029642011-10-14T00:37:00.001+07:002011-10-14T00:39:38.923+07:00กษัตริย์จิกมี อภิเษกสมรส เจ็ตซัน ทรงยืนยัน ราชินี องค์นี้คือ คนที่ใช่<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggNcaGwXX57-PWLoR9I0rUm3dhjICByZUZHrk8ONzWUWl11hDay-BNNVA-cqn90j28HUMlY6Pp02xZwyf3kIfP4T0NmJp54Olyyhlr0mLpj0TQtdFCBCOQDeZiSJR5E8w-zMNat6tdsRo/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggNcaGwXX57-PWLoR9I0rUm3dhjICByZUZHrk8ONzWUWl11hDay-BNNVA-cqn90j28HUMlY6Pp02xZwyf3kIfP4T0NmJp54Olyyhlr0mLpj0TQtdFCBCOQDeZiSJR5E8w-zMNat6tdsRo/s320/01.jpg" width="228" /></a></div>กษัตริย์จิกมี อภิเษกสมรส เจ็ตซัน ทรงยืนยัน ราชินี องค์นี้คือ คนที่ใช่ สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับ น.ส.เจ็ตซัน เปมา วัย 21 ปี ณ ลานพระราชพิธีซึ่งจัดขึ้นภายในป้อมปราการเมืองพูนาคา <br />
<br />
เอเอฟพี - สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับ น.ส.เจ็ตซัน เปมา วัย 21 ปี ณ ลานพระราชพิธีซึ่งจัดขึ้นภายในป้อมปราการเมืองพูนาคา วันพฤหัสบดี (13) <br />
<br />
บรรยากาศพระราชพิธีอภิเษกสมรสเป็นไปอย่างเรียบง่ายและถูกต้องตามโบราณราชประเพณีแห่งภูฏาน โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการระดับสูง ร่วมเป็นสักขีพยานโดยพร้อมเพรียง<br />
<a name='more'></a><br />
ในการนี้สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา น.ส.เจ็ตซัน เปมา ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 9/10/54 */
google_ad_slot = "2041788432";
google_ad_width = 250;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>จากนั้น สมเด็จพระราชิธิบดีทรงจูงพระหัตถ์พระราชินีเสด็จฯ เข้าไปยังแท่นสักการะภายในป้อมพูนาคา เพื่อทรงรับพรและประกอบพิธีสวดมนต์ตามคติทางพุทธศาสนา เนื่องในวโรกาสการสถาปนาสมเด็จพระราชินีพระองค์ใหม่<br />
<br />
หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีอภิเษกสมรส สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี และสมเด็จพระราชินี เจ็ตซัน เปมา เสด็จออกทักทายผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ในพิธีเฉลิมฉลองซึ่งเปิดให้สาธารณชนเข้าร่วมด้วย<br />
<br />
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ได้ทรงมีพระราชปฏิสันถารอย่างผ่อนคลายสบายๆ กับผู้สื่อข่าวกลุ่มเล็กๆ ระหว่างที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปรอบๆ ภายหลังเสวยพระกระยาหารกลางวัน ซึ่งเป็นพระราชจริยวัตรที่ทรงโปรดปราน<br />
<br />
“เรามีความสุขมาก เราเฝ้ารอเวลานี้มาระยะหนึ่งแล้ว มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะแต่งงานเมื่อใด ตราบเท่าที่เป็นการแต่งงานกับคนที่ใช่” กษัตริย์จิกมีมีพระราชดำรัส “สำหรับเราแล้ว แน่นอนที่สุดว่าเราได้แต่งงานกับคนที่ใช่”<br />
<br />
มีรายงานว่า กษัตริย์จิกมี ทรงพบ เจ็ตซัน เป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน โดยขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 17 พรรษา ส่วน “เจ็ตซัน” ซึ่งเป็นบุตรของกัปตันสายการบิน ดรุก แอร์ ของภูฏาน ก็ยังเป็นเด็กหญิงวัย 7 ขวบเท่านั้น<br />
<br />
สมเด็จพระราชินีองค์ใหม่ ดูจะทรงปรากฏอาการประหม่าอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสที่อุดมไปด้วยสัญลักษณ์ที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล<br />
<br />
พระองค์ทรงแย้มพระสรวลอย่างกระวนกระวาย ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีทรงสวมพระมหามงกุฎให้ โดยที่ในช่วงแรกๆ เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีทรงพยายามจัดพระมหามงกุฎที่ประดับประดาด้วยผ้าไหมให้เข้ากับพระเศียรสมเด็จพระราชินี ปรากฏว่าพระมหามงกุฎกลับเลื่อนไหลลงมาหลายครั้งหลายหน ก่อนที่จะเข้าที่เข้าทางในที่สุด<br />
<br />
“พระราชินีทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของเธอได้อย่างวิเศษสุด เรามีความภาคภูมิใจในพระราชินีมาก” กษัตริย์จิกมี ทรงตรัสกับผู้สื่อข่าว “พระราชินีเป็นมนุษย์ที่มหัศจรรย์ มีความเฉลียวฉลาด พระราชินีและเรามีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่เหมือนๆ กัน นั่นคือ ความรักและความหลงใหลในศิลปะ”<br />
<br />
รัฐบาลภูฏานจัดการถ่ายทอดสดพระราชพิธีอภิเษกสมรสไปทั่วประเทศ เพื่อให้พสกนิกรกว่า 700,000 คนได้ซึมซับบรรยากาศอันน่าประทับใจกันโดยถ้วนหน้า และใน 3 วันหลังจากนี้ก็มีการจัดงานรื่นเริงตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทั่วภูฏาน<br />
<br />
ชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ตามเขตภูเขาสูงของภูฏานเกือบตลอดทั้งปี ก็ลงมายังพื้นราบเพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์จิกมี เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปซึ่งมาจับจองพื้นที่ริมฝั่งถนนที่จะเสด็จพระราชดำเนินผ่านกันตั้งแต่เช้า<br />
<br />
เจ้าหน้าที่ภูฏานมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และตรวจตรารถยนต์ทุกคันที่เข้ามาใกล้บริเวณพระราชพิธี หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(10) กลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งภูฏาน (ยูอาร์เอฟบี) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายเนปาล ได้ก่อเหตุระเบิดที่ไม่รุนแรง 2 ครั้งบริเวณชายแดนภูฏานฝั่งที่ติดกับอินเดีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย<br />
<br />
สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ซึ่งปกครองภูฏานมานานกว่า 100 ปี และสถาบันกษัตริย์นี้เองที่เป็นพลังสำคัญในการนำความมั่นคงมาสู่ราชอาณาจักรเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ร้อนระอุด้วยความขัดแย้งแห่งนี้ และทำให้ภูฏานคงความเป็นเอกราชอยู่ได้ท่ามกลางวงล้อมของชาติมหาอำนาจ ขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น<br />
<br />
ข่าวการหมั้นหมายระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดี และ เจ็ตซัน เปมา เมื่อเดือนพฤษภาคม อาจทำให้สาวๆ ชาวไทยที่ชื่นชมในพระจริยวัตรอันงดงามต้องอกหักไปตามๆ กัน ทว่า สำหรับชาวภูฏานซึ่งรักและเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งใด ประกาศดังกล่าวถือเป็นข่าวมหามงคลที่นำความปลาบปลื้มยินดีมาสู่พวกเขา<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript">
<!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 336x280, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 1/18/10 */
google_ad_slot = "3710438167";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-79317850844459853602011-10-11T15:12:00.001+07:002011-10-11T15:14:05.449+07:00นับถอยหลังสู่วันอภิเษกสมรส “กษัตริย์จิกมี” แห่งภูฏาน<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgtnUAOHXMDwRZbNiH_7U4awrn5fvQZJfCte7h-_kxPRHWoXRvFzZr8b_g7QUilapFuEafcJB8ddVTS78ke6FhHwFl3JDHdb_CF_O7hLQOzO7BqKvEonQe8EG7UInOQFnjRAMOIDIO5P_w/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgtnUAOHXMDwRZbNiH_7U4awrn5fvQZJfCte7h-_kxPRHWoXRvFzZr8b_g7QUilapFuEafcJB8ddVTS78ke6FhHwFl3JDHdb_CF_O7hLQOzO7BqKvEonQe8EG7UInOQFnjRAMOIDIO5P_w/s400/1.jpg" width="290" /></a></div>นับถอยหลังสู่วันอภิเษกสมรส “กษัตริย์จิกมี” แห่งภูฏาน ภาพถ่ายคู่ของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก และ น.ส.เจ็ตซัน เปมา ซึ่งเผยแพร่ในวันประกาศหมั้นหมาย <br />
<br />
เอเอฟพี - ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งจะเป็นวันที่กษัตริย์หนุ่มแห่งภูฏาน ผู้ทรงเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และได้รับสมญานามว่า “เจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์จากแดนหิมาลัย” <br />
<a name='more'></a>จะทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับหญิงสาวสามัญชนคู่พระทัย อันเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่พสกนิกรชาวภูฏานกว่า 700,000 คนกำลังรอคอยด้วยความปลื้มปีติ<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* kpop */
google_ad_slot = "1976346401";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก ซึ่งมีพระชนมายุ 31 พรรษา และทรงโปรดปรานการขี่จักรยานเสือภูเขา รวมถึงบทเพลงของ เอลวิส เพรสลีย์ เป็นที่สุด จะทรงอภิเษกสมรสกับนักศึกษาสาวนาม เจ็ตซัน เปมา บุตรีของอดีตกัปตันสายการบิน ดรุก แอร์ ซึ่งอ่อนวัยกว่าพระองค์เองถึง 10 ปี<br />
<br />
พระราชพิธีอภิเษกสมรสครั้งประวัติศาสตร์จะถูกจัดขึ้น ณ ป้อมปราการเมืองพูนาคา (Punakha Dzong) อาคารเก่าแก่อายุร่วม 400 ปี ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำ 2 สาย<br />
<br />
ข่าวการหมั้นหมายระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีและ เจ็ตซัน เปมา เมื่อเดือนพฤษภาคม อาจทำให้สาวๆชาวไทยที่ชื่นชมในพระจริยวัตรอันงดงามต้องอกหักไปตามๆกัน ทว่าสำหรับชาวภูฏานซึ่งรักและเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งใด ประกาศดังกล่าวถือเป็นข่าวมหามงคลที่นำความปลาบปลื้มยินดีมาสู่พวกเขา<br />
<br />
บรรยากาศแห่งความรื่นเริงอบอวลไปทั่วดินแดนซึ่งเลือกใช้ “ดัชนีความสุขมวลรวมประชาชาติ” เป็นเครื่องวัดความกินดีอยู่ดีของพลเมือง แทนที่จะวัดด้วยมูลค่าของวัตถุที่ครอบครอง<br />
<br />
“ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน แต่รู้สึกดีมากๆ” เช็นโช ดอร์จี นักศึกษาวัย 21 ปีในกรุงทิมพู ให้สัมภาษณ์<br />
<br />
“ทรงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด” เขากล่าว<br />
<br />
เหตุระเบิด 2 ครั้งซึ่งเกิดขึ้นบริเวณชายแดนภูฏานฝั่งที่ติดกับอินเดีย เมื่อค่ำวานนี้(10) เป็นการโจมตีครั้งล่าสุดหลังจากที่เคยเกิดมาแล้วก่อนการเลือกตั้งในปี 2008 และทำให้บรรยากาศแห่งความสุขของชาวภูฏานพร่องไปเล็กน้อย โดยโฆษกรัฐบาลระบุว่า ตำรวจยังไม่สามารถชี้ตัวมือระเบิดได้<br />
<br />
สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ซึ่งปกครองภูฏานมานานกว่า 100 ปี และสถาบันกษัตริย์นี้เองที่เป็นพลังสำคัญในการนำความมั่นคงมาสู่ดินแดนซึ่งเคยกรุ่นไฟสงคราม และทำให้ภูฏานคงความเป็นเอกราชอยู่ได้ท่ามกลางวงล้อมของชาติมหาอำนาจ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น<br />
<br />
เท็มปา เกลท์เช็น ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมคนงาน 40 คนในการตระเตรียมสนามกีฬาเพื่องานรื่นเริงในวันเสาร์นี้(15) บอกว่า พระราชพิธีอภิเษกสมรสจะเป็นสิ่งที่รับประกันว่า ชาวภูฏานจะยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป<br />
<br />
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับสมเด็จพระราชาธิบดีของเรา แล้วใครจะครองราชย์ต่อเล่า?” เขาตั้งคำถาม ในขณะที่คนงานอื่นๆกำลังตั้งเต็นท์สำหรับแขกวีไอพี และตบแต่งอาคารไม้สลักซึ่งจะเป็นที่ประทับสำหรับกษัตริย์และว่าที่พระชายาอย่างขะมักเขม้น<br />
<br />
“สิ่งที่เราทุกคนคาดหวัง ก็คือ พระราชโอรส-ธิดาของทั้งสองพระองค์” เขากล่าว<br />
<br />
ทีมผู้จัดงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสรับรองว่า รูปแบบพิธีจะต้องออกมา “เรียบง่าย และถูกต้องตามธรรมเนียมของภูฏาน”<br />
<br />
ทั้งนี้ จะไม่มีการเชิญประมุขรัฐหรือพระราชวงศ์ต่างแดน แม้แต่รัฐมนตรีของภูฏานก็ยังถูกขอร้องมิให้พาภริยามาร่วมพระราชพิธีซึ่งจัดขึ้นเป็นการส่วนพระองค์ในวันพฤหัสบดี(13) เนื่องจากที่นั่งไม่เพียงพอ<br />
<br />
ความสมถะและการเข้าถึงพสกนิกรทุกชนชั้นเป็นคุณสมบัติอันน่าดึงดูดใจของพระราชวงศ์ภูฏาน โดยเฉพาะกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งทรงเลือกที่จะประทับในตำหนักเล็กๆกลางกรุงทิมพู แทนที่จะเป็นพระราชวังหลวง<br />
<br />
ภูฏานเพิ่งมีการตัดถนนและใช้ระบบเงินตราในช่วงทศวรรษที่ 1960 ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่อย่างโทรทัศน์เพิ่งจะเข้าถึงดินแดนอันเงียบสงบแห่งนี้ เมื่อปี 1999<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcslZ5hUEnAw0XW_kFp-HE9f0vuVLgraGxej265lHrQksZPYE5Law4VLVPCjJNEw6OUVEniHLvGsvMGNjRYgvIZ2GXat94jX1RBjO-TmnnXvujGDxaAOIePS8FlbOiCW2M41kQeayFMJU/s1600/2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="264" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcslZ5hUEnAw0XW_kFp-HE9f0vuVLgraGxej265lHrQksZPYE5Law4VLVPCjJNEw6OUVEniHLvGsvMGNjRYgvIZ2GXat94jX1RBjO-TmnnXvujGDxaAOIePS8FlbOiCW2M41kQeayFMJU/s400/2.jpg" width="400" /></a></div>ป้อมปราการแห่งพูนาคา หรือ พูนาคาซอง ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรส<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAJfb1_V6ILcdOYTAi6LUq0hNhD0ZLKTRubTczinEpUGyHfCcQtc_voIKd3vf8e3mM_Lk7cTZ5PkgVspS2EoZzhdKC_5GfGzM7xP46T2_qvLr06OdKYDlztxpaYWJow0NxAIHzspI2PkI/s1600/3.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAJfb1_V6ILcdOYTAi6LUq0hNhD0ZLKTRubTczinEpUGyHfCcQtc_voIKd3vf8e3mM_Lk7cTZ5PkgVspS2EoZzhdKC_5GfGzM7xP46T2_qvLr06OdKYDlztxpaYWJow0NxAIHzspI2PkI/s400/3.jpg" width="283" /></a></div>ภาพของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี และพระคู่หมั้นถูกนำไปประดับตามวงเวียนบนถนนในกรุงทิมพู<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjsUrz6jHtFaZml_59yER-Lyi1JFiIYl3ETh6VZNfsTNG-RpjaU_zfJDWemRn-U85tW0pK4Vd-JJinBLazebVZ1Jd8dQBQLFlOaT6nxSnYLXpZZgAm40cjQrpqMk4sPavoGPjlkR0GB2DQ/s1600/4.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="214" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjsUrz6jHtFaZml_59yER-Lyi1JFiIYl3ETh6VZNfsTNG-RpjaU_zfJDWemRn-U85tW0pK4Vd-JJinBLazebVZ1Jd8dQBQLFlOaT6nxSnYLXpZZgAm40cjQrpqMk4sPavoGPjlkR0GB2DQ/s400/4.jpg" width="400" /></a></div>เด็กชาวภูฏานฝึกซ้อมการแสดง ซึ่งจะใช้ในงานเฉลิมฉลองวันที่ 15 ตุลาคม<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCyJhfZrQX6PtsBh37yeRIeCfaFrQ2OspEbpf589AjdCrQWLYV-A69pA1ryEP3GmXu1iZj_Jha6JeKN6w3WCohsIBoAoHctV6JmvxXcc6cm3OHi7b4gTvOoaSkTj_FVeUY6lYJ4tgJnEA/s1600/5.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCyJhfZrQX6PtsBh37yeRIeCfaFrQ2OspEbpf589AjdCrQWLYV-A69pA1ryEP3GmXu1iZj_Jha6JeKN6w3WCohsIBoAoHctV6JmvxXcc6cm3OHi7b4gTvOoaSkTj_FVeUY6lYJ4tgJnEA/s400/5.jpg" width="256" /></a></div>ผู้โดยสารสายการบิน ดรุก แอร์ จากกรุงนิวเดลี แสดงใบขาเข้าของภูฏาน ซึ่งมีภาพสมเด็จพระราชาธิบดีและพระคู่หมั้น<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-27599212302175313452011-10-10T16:13:00.001+07:002011-10-10T16:14:00.563+07:00หนุ่มลาวลากปลาฝายักษ์หนักกว่า 300 กก. ขึ้นจากน้ำโขง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiipcz32zmZ7lnGBkGWwyt8qMDBywk0WWI5j-blw743P-7qSOjyxphCD9NiC-TrnUg3sa9qDuRhaFLftAt0PVaccR2JaA_Zi4-4GheYQU7Xiv99JXevuauZOJ-RmSELyuy_UNATLxeUbPg/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiipcz32zmZ7lnGBkGWwyt8qMDBywk0WWI5j-blw743P-7qSOjyxphCD9NiC-TrnUg3sa9qDuRhaFLftAt0PVaccR2JaA_Zi4-4GheYQU7Xiv99JXevuauZOJ-RmSELyuy_UNATLxeUbPg/s320/01.jpg" width="216" /></a></div>หนุ่มลาวลากปลาฝายักษ์หนักกว่า 300 กก. ขึ้นจากน้ำโขง ภาพจากเว็บไซต์ Loa Rock Photo นายคำไต เพียนสาขา กับ "ปลาฝา" หรือ ปลากระเบนยักษ์ที่ชาวบ้านในย่านดอนโขงลากขึ้นมาจากน้ำหลังจากเย่อกันอยู่นาน 3 วัน เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ใครๆ ได้ดูแล้วต่างบอกว่าตัวขนาดนี้ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในแม่น้ำโขง นายคำไตนำเข้านครเวียงจันทน์ ปลาน้ำหนัก 300 กก.ได้สิ้นใจลงระหว่างทาง ปัจจุบันดองน้ำยาเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู.<br />
<br />
หนุ่มวัย 22 ปีตก "ปลาฝา" หรือ ปลากระเบนขนาดน้ำหนักกว่า 310 กก.ได้ปลายเดือนที่แล้ว ในเขตดอนโขง แขวงจำปาสัก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นปลากระเบนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับได้ในประเทศนี้ <br />
<a name='more'></a>แต่ปลาเจ้ากรรมสิ้นชีวิตลงขณะนำเข้านครเวียงจันทน์ และเจ้าของได้ทำการอนุรักษ์ไว้ด้วยการแช่น้ำยา เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ดู สื่อของทางการกล่าว<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* kpop */
google_ad_slot = "1976346401";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>นายคำไต เพียนสาขาเจ้าของบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้าในนครเวียงจันทน์บอกกับหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์ฉบับภาษาอังกฤษว่า ราษฎรที่ชาวบ้านตุ้ม บนดอน (เกาะ) ไซ ในเขตเมือง (อำเภอ) สุขุมาจับปลาตัวนี้ได้เมื่อวันที่ 28 ก.ย. และต้องใช้เวลาถึง 3 วันกับคนจำนวนมากจึงสามารถลากเข้าฝั่งได้ในที่สุด ซึ่งภาพที่เห็นทำให้ทุกคนตกใจและแปลกใจ<br />
<br />
ญาติของนายคำไตได้แจ้งให้เทราบ เขาจึงตัดสินใจขอซื้อปลากระเบนยักษ์ด้วยเงินราว 8 ล้านกีบ (ราว 30,000 บาท) ตั้งใจจะนำไปเลี้ยงไว้ให้คนทั่วไปได้เข้าชม แต่ปลาได้ตายลงระหว่างเดินทางเข้าเมืองหลวงในวันที่ 1 ต.ค.ศกนี้ ซึ่งเข้าใจว่าจะเกิดจากความบอบช้ำขณะต่อสู้ดิ้นรนเพื่ออิสรภาพตลอดเวลา 3 วัน จึงได้ปรึกษานายแพทย์ที่โรงพยาบาลในท้องถิ่นเกี่ยวกับวิธีที่จะอนุรักษ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ตัวนี้เอาไว้ให้ให้คนรุ่นหลังได้เห็น<br />
<br />
"ผมให้คนได้ดูทั้งที่จำปาสักและในเวียงจันทน์ มีแต่คนบอกว่าไม่เคยเห็นปลาฝาตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน" นายคำไตกล่าว<br />
<br />
หัวหน้าแผนกปศุสัตว์และการประมงเมืองไซทานี นครเวียงจันทน์กล่าวว่า "ชาวประมงจับปลาฝาขนาด 30 กก.ได้ในแม่ลำย้ำงึม ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นทั่วไป แต่ขนาด 310 กก.ขึ้นไป และจับได้ในแม่น้ำโขง ไม่เคยมีมาก่อน"<br />
<br />
แม่น้ำโขงอันกว้างใหญ่ในช่วงที่เรียกว่ามหานทีสีพันดอนทางตอนใต้สุดของลาวอุดมไปด้วยสัตว์น้ำหลากชนิด รวมทั้ง “ปลาข่า” หรือโลมาพันธุ์อิรวดี ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่เกือบจะไม่มีใครพบเห็นมานานแล้วในช่วงปีหลังๆ และเชื่อกันว่าจะเหลืออยู่ฝูงสุดท้ายในแม่น้ำโขงช่วง จ.สตึงแตรง กับ จ.กระแจ๊ะ ในกัมพูชาที่อยู่ใต้ลงไป<br />
<br />
ปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างเขื่อน 2 แห่งกั้น “ฮูน้ำ” หรือ ร่องน้ำในเขตสี่พันดอนที่แม่น้ำโขงไหลแยกเป็นหลายสาขาทำให้เกิดเกาะขึ้นมา รวมทั้งเขื่อนดอนสะโฮงที่สร้างกั้นฮูสะโฮง ที่กลุ่มอนุรักษ์กล่าวว่า กำลังจะปิดกั้นเส้นทางอพยพใหญ่ที่สุดของปลาในแม่น้ำสายนี้<br />
<br />
อย่างไรก็ตามทางการลาวกำลังเร่งพัฒนาเขตนทีสี่พันดอนให้เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะอีกแห่งหนึ่งเพื่อให้เป็นเขตท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กำลังจะมีการก่อสร้างสะพานขนาดใหญ่กั้นแม่น้ำโขงในช่วงดังกล่าว กับสร้างสนามบินอีก 1 แห่ง ในเมืองโขง ด้วยความช่วยเหลือจากจีน<br />
Laos' Large Mekong Stingray: An Interview with Its Owner <br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="305" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/G8p5VJ_c838?rel=0" width="530"></iframe> <br />
สำหรับปลากระเบนขนาดใหญ่ยังหาพบได้ทั่วไปในลำน้ำหลายแห่งในประเทศไทย แหล่งตกปลากระเบนยักษ์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกคือ แม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา.<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* สีน้ำเงินเล็ก */
google_ad_slot = "8528008251";
google_ad_width = 468;
google_ad_height = 60;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3650061466743452515.post-47546129771901637072011-10-10T16:05:00.001+07:002011-10-10T16:07:20.169+07:00มายังไง!? เข็มกล้าหาญ "คิตตี้" ในพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiXzrcQeCh4SDIL5JuwMeWhgAPvrfYEyz35hFiBpRO18_4wyiIiSJbUJ_V1qPvs1JJv9MuafHCiRWZu7Kvgl6gDH_slnu5z0J3V3-xxh0jS1RB_8hz9fXkyr9vmT2K4v-PezJ2QFUZ_Kk/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiXzrcQeCh4SDIL5JuwMeWhgAPvrfYEyz35hFiBpRO18_4wyiIiSJbUJ_V1qPvs1JJv9MuafHCiRWZu7Kvgl6gDH_slnu5z0J3V3-xxh0jS1RB_8hz9fXkyr9vmT2K4v-PezJ2QFUZ_Kk/s320/01.jpg" width="238" /></a></div>มายังไง!? เข็มกล้าหาญ "คิตตี้" ในพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เหรียญการ์ตูน "Hello Kitty" ที่ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามแน่นอน และน่าจะมาอยู่ตรงนี้ด้วยความสะเพร่าของพนักงานประกอบวัตถุจัดแสดง (ภาพ yunnan.cn) <br />
<br />
<br />
เอเยนซี - สื่อออนไลน์จีน เผยภาพเข็มกลัด "Hello Kitty" ที่หลงไปผิดที่ผิดทางอยู่ในพิพิธภัณฑ์ นิทรรศการสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน)<br />
<br />
รายงานข่าว (11 ต.ค.) กล่าวว่า เข็มกลัดสลัก Hello Kitty ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนดังของญี่ปุ่นนี้ เพิ่งถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ.1974 ไหงไปอยู่ในนิทรรศการต่อต้านสงครามโลกครั้งที่ 2<br />
<a name='more'></a> ซึ่งเกิดและสิ้นสุดในช่วงปี ค.ศ.1945 ได้ โดย Chinanews.com.cn ซึ่งเผยภาพและข้อมูลประกอบวัตถุจัดแสดงนี้ ยังทำให้ชาวเน็ตฯ ถึงกับถกกันว่า ผู้จัดและฝ่ายข้อมูลนิทรรศการ อำกันได้แรงทีเดียว<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* kpop */
google_ad_slot = "1976346401";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ทั้งนี้ข้อมูลจัดแสดงระบุว่า เหรียญตรานี้ เป็นของหน่วยทหารสหรัฐฯ ซึ่งปฏิบัติภารกิจสร้างถนนสติลเวลล์ เชื่อมเมืองคุนหมิง กับทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย เมื่อปี 1943 อันเป็นเวลาก่อนหน้าที่โลกจะได้รู้จัก คิตตี้ ตั้งสามสิบปี<br />
<br />
เจ้าหน้าที่ฯ ผู้รับผิดชอบจัดแสดงนิทรรศการต่อต้านสงครามนี้ ยืนยันทันทีว่า เหรียญการ์ตูนนี้ ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามแน่นอน และน่าจะมาอยู่ตรงนี้ด้วยความสะเพร่าของพนักงานประกอบวัตถุจัดแสดง ซึ่งตอนนี้ก็ได้รีบปลดเข็มเหมียวนี้ออกไปแล้ว<br />
<br />
ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์ ยอมรับว่า พิพิธภัณฑ์ไม่ควรมีปัญหาแบบนี้ และกล่าวว่าอุปกรณ์วัตถุจัดแสดงต่างๆ เป็นของเอกชนให้มา และทางทีมงานก็จัดแสดงโดยขาดความรู้หรือไม่ได้ตรวจสอบละเอียด<br />
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>zennewshttp://www.blogger.com/profile/05849372125213451107noreply@blogger.com