วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ญี่ปุ่นปลื้ม!“นิสสัน มาร์ช”กวาดยอดจอง12,000 คัน

ญี่ปุ่นปลื้ม!“นิสสัน มาร์ช”กวาดยอดจอง12,000 คัน นิสสัน มาร์ช ที่ญี่ปุ่นขายดีไม่แพ้ประเทศไทย หลังเปิดตัว 2 สัปดาห์ มียอดจองกว่า 12,000 คัน คุยมาตรฐานการผลิตจากไทยเป็นที่ยอมรับ รายงานข่าวจากบริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เปิด เผยว่า หลังจากแนะนำรถยนต์ นิสสัน มาร์ช ซึ่งผลิตในประเทศไทย ภายใต้โครงการรถยนต์นั่งประหยัดพลังงาน หรือ Eco-Car ให้กับผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นไปเมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี สามารถสร้างยอดจองได้สูงกว่า 12,000 คันภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์

เดิมนิสสันคาดว่า นิสสัน มาร์ช จะมียอดจองอยู่ที่ประมาณ 4,000 คันต่อเดือนเท่านั้น แต่ปรากฎว่าได้การยอมรับเกินความคาดหมาย ด้วยยอดจองสูงเกินกว่า 3 เท่า ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญของตลาดรถยนต์ในญี่ปุ่น เพราะไม่เพียงจะแสดงให้เห็นถึงการยอมรับในคุณภาพการผลิตรถยนต์ของบริษัท นิสสัน ในประเทศไทย เท่านั้น แต่ยังเป็นการยอมรับในคุณสมบัติของรถยนต์ มาร์ช ที่สามารถชนะใจผู้บริโภคได้อีกด้วย

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ นิสสัน มาร์ช ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค คือ คุณสมบัติในการประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะในการขับขี่คล่องตัว ครบครันด้วยอุปกรณ์ให้ความสะดวก ในราคาที่เหมาะสม โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมและมียอดจองสูงสุดคือ รถยนต์รุ่น 12X (2WD) ซึ่งมีเทคโนโลยี Idle Stop ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีสัดส่วนในการจองสูงถึง 60% อนึ่งนิสสัน มาร์ช ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของนิสสัน ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทยและส่งออกไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้โครงการ Eco-Car ซึ่งรัฐบาลไทยให้การสนับสนุนเพื่อให้เป็น Product Champion ตัวที่ 2 ซึ่ง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการฉลองการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Aston Martin DB9 ปรับนิดเพื่อความสดใหม่


Aston Martin DB9 ปรับนิดเพื่อความสดใหม่ ปิดตัวขายกันมาตั้งแต่ปี 2003 ถึงตอนนี้ ทางแบรนด์แอสตัน มาร์ติน เห็นทีจะต้องขยับตัวเพิ่มความเคลื่อนไหวในตลาดให้กับสปอร์ตรุ่นใหญ่อย่างสาย พันธุ์ DB9 กันสักหน่อย จับทั้งตัวถังคูเป้และเปิดประทุนมาเพิ่มความสดด้วยการปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์...DB9 ได้รับการพัฒนาบนแพล็ตฟอร์มแบบ V/H หรือ Vertical/Horizontal ร่วมกับรถสปอร์ตทุกรุ่นในเครือ โครงสร้างตัวถังแบบ 2+2 ที่นั่งผลิตจากอะลูมิเนียม ล้อแม็กลายใหม่ขนาด 20 นิ้ว ระบบควบคุมการทำงานของระบบกันสะเทือนใหม่ เป็นแบบ ADS-Adaptive Damping System ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ปรับปรุงระบบการทำงานของ Bluetooth ในห้องโดยสาร และมีเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ของ Bang & Olufsen เป็นออพชั่นสำหรับลูกค้าที่ต้องการเสียงเพลงเกรดพรีเมียม เครื่องยนต์ วี12 ทวินแคม 48 วาล์ว 6,000 ซีซี ซึ่งรีดกำลังออกมาได้ 470 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60.1 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะแบบ H-Pattern เหมือนกับเกียร์ธรรมดาทั่วไป หรือว่าจะเลือกขับแบบสบายๆ เท้าซ้ายด้วยเกียร์อัตโนมัติที่มีจำนวนจังหวะเท่ากัน แต่สามารถเปลี่ยนเกียร์ในแบบซีเควนเชียลผ่านทางแป้น +/- ของระบบ Touchtronic ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย สำหรับสมรรถนะมีอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง 4.6 วินาที และ 4.7 วินาทีสำหรับความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความเร็วปลายอยู่ที่ 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง การทำตลาดจะเริ่มในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ โดยทางแอสตัน มาร์ตินเปิดเผยราคาออกมาแล้วสำหรับรุ่นคูเป้อยู่ที่ 122,445 ปอนด์ หรือ 5.99 ล้านบาท และ 131,445 ปอนด์ หรือ 6.44 ล้านบาทสำหรับรุ่นเปิดประทุน หรือ Volante
ที่มา : Manager

G-Power Typhoon RS SUV ที่เร็วที่สุดในโลก


G-Power Typhoon RS SUV ที่เร็วที่สุดในโลก G-Power ได้เปิดตัวรถ SUV ที่เร็วที่สุดในโลก ภายใต้ชื่อ Typhoon RS Ultimate V10 ที่จะถูกผลิตแค่ 5 คันด้วยราคา 675,000 ยูโร ต่อคัน

พื้นฐานของรถถูกเอามาจาก BMW X6 M โดยได้มีการหย่อนเครื่องยนต์ 5.0 ลิตร V10 ที่ได้ไปยิบยืมมาจากรถ M5 E60 และได้มีการขยายความจุเป็น 5.5 ลิตรด้วยการใส่ลูกสูบฟอร์จ ก้านสูบชุดใหม่ และข้อเหวี่ยงพิเศษ หลังจากนั้นได้เพิ่มซูเปอร์ชาร์จ ASA T1-316 เข้าไป คู่กับอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งทุกอย่างที่ใส่เพิ่มเข้าไปจะถูกควบคุมโดย ECU ปรับแต่งพิเศษ

ของที่เพิ่มเข้าไปสามารถ ทำให้เครื่องยนต์มีพลังกำลังมากถึง 900 แรงม้ากับทอร์ค 870 นิวตันเมตร ทำให้รถสามารถวิ่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4.2 วินาที ผ่านระบบส่งกำลังลูกใหม่แบบธรรมดา 6-สปีด ของ G-Power ที่ส่งกำลังไปยังล้อหลัง ส่วนความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 330 กม./ชม.

ทางด้านการออกแบบนั้นถูกทำขึ้นใหม่หมดรอบคันที่ออกแนวโหด หน้าจรดหลัง และล้อที่เห็นคือขนาด 23 นิ้ว Silverstone RS ทางด้านภายในมีการใส่เบาะบักเก็ตซีตทำจากวัสดุคาร์บอน พวงมาลัยสปอร์ต ชิ้นส่วนคาร์บอน และ หนังพิเศษถักลายเหมือนคาร์บอน
ที่มา : 5uper5onic

Mazda Verisa ไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 รถแฮทช์ทรงสูงสไตล์ crossover


Mazda Verisa ไมเนอร์เชนจ์ปี 2011 รถแฮทช์ทรงสูงสไตล์ crossover แม้ว่าจะเพิ่งแนะนำ Mazda Demio หรือรู้จักในตลาดนอกญี่ปุ่นว่า Mazda 2 แต่ Mazda ยังเดินหน้าเปิดตัว Verisa เวอร์ชั่นทรงสูงสไตล์รถ crossover ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรุ่นปี 2011 ที่มีสีใหม่สำหรับทั้งเบาะหนังและผ้าให้เลือกมากขึ้น แผงอุปกรณ์ได้รับการออกแบบใหม่ที่มีมาตรวัดน้ำมันและใช้ไฟแบบ eco lamp ที่ช่วยให้รถใช้พลังงานน้อยลง ฝาครอบล้อใหม่ อุปกรณ์มาตรฐานได้รับการปรับปรุงสำหรับรุ่นย่อยบางรุ่น โดย Mazda ได้เริ่มขาย Verisa ในญี่ปุ่นแล้ววันนี้ เสียดายมีภาพมาให้ชมแค่ภาพเดียวเท่านั้น

ที่มา : autospinn

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ราคารถNew Honda ฮอนด้าใหม่ (ราคารถใหม่ ล่าสุด)


ราคารถNew Honda ฮอนด้าใหม่ (ราคารถใหม่ ล่าสุด)
รุ่นรถยนต์ เครื่องยนต์ ระบบถ่ายทอดกำลัง ราคา(บาท)
สูบ ความจุ(cc) แรงม้า เกียร์/จังหวะ ขับเคลื่อน
Accord รถเก๋ง กลาง/ใหญ่
2.0 I-VTEC E L4 1,997 156 A5 FWD 1,240,000
2.0 I-VTEC E L4 2,354 180 A5 FWD 1,376,000
2.0 I-VTEC EL L4 2,354 180 A5 FWD 1,507,000
2.0 I-VTEC EL Navi L4 2,354 180 A5 FWD 1,647,000
3.0 V6 VTEC V6 3,471 275 A5 FWD 2,880,000
CITY รถเก๋งเล็ก
1.5 I-VTEC S L4 1,496 120 A5 FWD 564,000
1.5 I-VTEC S L4 1,496 120 M5 FWD 524,000
1.5 I-VTEC SV SRS L4 1,496 120 A5 FWD 694,000
1.5 I-VTEC V L4 1,496 120 A5 FWD 619,000
1.5 I-VTEC V AS L4 1,496 120 A5 FWD 644,000
CIVIC รถเก๋งเล็ก/กลาง
1.8 I-VTEC E L4 1,799 140 A5 FWD 909,000
1.8 I-VTEC E NAVI L4 1,799 140 A5 FWD 964,000
1.8 I-VTEC S L4 1,799 140 A5 FWD 789,000
1.8 I-VTEC S L4 1,799 140 M5 FWD 749,000
1.8 I-VTEC S AS L4 1,799 140 A5 FWD 831,000
2.0 I-VTEC EL L4 1,998 155 A5 FWD 1,046,000
2.0 I-VTEC EL NAVI L4 1,998 155 A5 FWD 1,101,000
CR-V รถกิจกรรมกลางแจ้ง
2.0 I-VTEC E L4 1,997 150 A5 4WD 1,205,000
2.0 I-VTEC S L4 1,997 150 A5 FWD 1,111,000
2.4 I-VTEC EL L4 2,354 170 A5 4WD 1,379,000
JAZZ รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู เล็ก
1.5 I-VTEC S L4 1,496 120 A5 FWD 597,000
1.5 I-VTEC S L4 1,496 120 M5 FWD 560,000
1.5 I-VTEC SV SRS L4 1,496 120 A5 FWD 705,000
1.5 I-VTEC V L4 1,496 120 A5 FWD 630,000
1.5 I-VTEC V AS L4 1,496 120 A5 FWD 650,000
ที่มา autospinn.com

New Mazda 2 ใหม่ ราคาลงตัว เริ่มที่ 5.5 แสน ท็อปสุด 7.15 แสน


New Mazda 2 ใหม่ ราคาลงตัว เริ่มที่ 5.5 แสน ท็อปสุด 7.15 แสน ไม่ต้องลุ้นกันอีกต่อไปเมื่อ Mazda ประเทศไทย ได้ข้อสรุปเรื่องการเปิดตัวรถเล็กอย่าง Mazda 2 ที่เตรียมออกมาชน Honda Jazz และ Toyota Yaris หรือแม้แต่รถเล็กในระดับใกล้เคียงกัน งานนี้ Mazda จัดให้ในราคาเริ่มต้นที่ 5.5-5.7 แสนบาท สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา รุ่น S MT โดยมีราคารุ่นท็อปสุดอยู่ที่ประมาณ 7.15 แสนบาท คือรุ่น R AT ซึ่ง Mazda เตรียมเผยโฉมในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ แต่ตอนนี้ผู้ที่สนใจสามารถทำการจองได้ทุกโชว์รูมครับ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2458 03 ก.ย.- 05 ก.ย.2552

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นิสสัน มาร์ชกับเครื่องยนต์ใหม่สุดประหยัดน้ำมัน

นิสสัน มาร์ชกับเครื่องยนต์ใหม่สุดประหยัดน้ำมัน นิสสัน มอเตอร์ วางเป้าหมายเครื่องยนต์บล็อกใหม่รหัส HR12DDR จะเป็นขุมพลังเบนซินที่มีความประหยัดน้ำมันมากที่สุดในโลก และเตรียมนำมาติดตั้งกับซิตี้คาร์รุ่นดังอย่างมาร์ช หรือไมครา ที่เพิ่งเปิดตัวขายเมื่อต้นปี 2010

เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากพื้นฐานรหัส HR12DE ซึ่งเป็นแบบ 3 สูบ 1,200 ซีซี ติดตั้งซูเปอร์ชาร์จ พร้อมกับปรับปรุงระบบการเผาไหม้มาเป็นแบบ Miller Cycle ใช้ระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน หรือ Gasoline Direct Injection system (DIG) มีการเพิ่มอัตราส่วนการอัด หรือ Compression Ratio ขึ้นมาอยู่ในระดับ 13.0 : 1 ] สำหรับแหวนลูกสูบมีการเคลือบวัสดุที่เรียกว่า DLC หรือ Diamond-Like Carbon ซึ่งจะช่วยลดการเสียดทานของชิ้นส่วนลงได้ 30% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบที่มีการผลิตกำลังขับเคลื่อนในระดับเดียวกัน

นอกจากนั้น ยังมีการติดตั้งระบบ Auto Start/Stop ซึ่งจะมีการดับเครื่องยนต์ เมื่อจอดติดอยู่กับที่ เพื่อลดการกินน้ำมัน และช่วยในเรื่องการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศ

เรื่องกำลังขับเคลื่อน ทางนิสสันไม่ได้เผย บอกแค่ว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ได้จากเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี พร้อมระดับการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 95 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบรูปแบบใหม่ของยุโรป หรือ New European Drive Cycle โดยการพัฒนาครั้งนี้เป็นไปตามแนวทางโปรแกรม Nissan Green Program 2010 (NGP 2010) ในการพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นิสสันเผยว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้จะถูกนำมาติดตั้งในมาร์ช หรือไมคราที่ขายอยู่ในยุโรป โดยจะเริ่มทำตลาดช่วงกลางปี 2011 เป็นต้นไป
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ฮอนด้าปรับเป้าขายทะลุ 1.1 แสนคัน

ฮอนด้าปรับเป้าขายทะลุ 1.1 แสนคัน ฮอนด้า ประเมินสถานการณ์ตลาดใหม่ ปรับเป้ายอดขายตัวเองเป็น 110,000 คัน เพิ่มจากตัวเลขเดิม 95,000 คัน สอดคล้องยอดขายตลาดรวม โต20% เมื่อเทียบกับปี 2552 อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ฮอนด้าช่วงหกเดือนแรกของปี (ม.ค.-มิ.ย.2553) ทำได้ 51,782 คัน เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (39,967 คัน) และจากกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมของผู้บริโภค ที่มีต่อแบรนด์และคุณภาพรถยนต์ ล่าสุดบริษัทฯปรับเป้ายอดขายปี 2553 เพิ่มเป็น 110,000 คัน (เดิม 95,000 คัน)หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 17% ของตลาดรถยนต์โดยรวม

สำหรับตลาดรถยนต์รวมปีนี้น่าจะทำได้เกิน 650,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ประมาณ 20% และคาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศจะเพิ่มขึ้นถึง 800,000 คันในอีกสามปีข้างหน้า

“เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของตลาดรถยนต์ประเทศไทย พิจารณาจากเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ระดับรายได้สูงขึ้น และนโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย เราเชื่อว่าตลาดรถยนต์จะมีแนวโน้มขยายตัวในระยะยาว และส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งจะขยับขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับรถปิกอัพที่จำหน่ายในประเทศไทย ภายในอีกครึ่งทศวรรษข้างหน้า”

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริโภคชาวไทยค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความต้องการในการขับขี่จากปิกอัพและรถซีดานขนาดใหญ่ มาเป็นรถขนาดเล็กที่ประหยัดเชื้อเพลิง พร้อมความใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ดังนั้นการที่ผู้บริโภคเลือกใช้รถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับฮอนด้า ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวรถอีโคคาร์ในเมืองไทยปี 2554 และคาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากผู้บริโภคเมื่อออกสู่ตลาด

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เปิดตัวพร้อมราคา Mazda 2 Sedan 4 ประตูใหม่ เล็งโกยยอดขายถล่มทลายอีกครั้งตามรุ่น Hatchback


เปิดตัวพร้อมราคา Mazda 2 Sedan 4 ประตูใหม่ เล็งโกยยอดขายถล่มทลายอีกครั้งตามรุ่น Hatchback
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อมั่นระบบเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ประกาศเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องทันที ปล่อยหมัดเด็ดระลอกสองออกมาท้ารบกับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กอีกครั้ง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบ็ค 5 ประตู ที่ออกอาละวาดตลาดรถเมืองไทยให้คึกคักตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับโกยยอดขายไปแบบถล่มทลายมียอดขายสูงถึง 5,500 คัน พร้อมเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งสปอร์ตซีดานใหม่ มาสด้า2 4 ประตู สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้าที่ทุกคนตั้งตารอคอยอย่างเป็นทางการ

พร้อมชูอีกสไตล์ของ “เป้” อารักษ์ อมรศุภศิริ พรีเซ็นเตอร์ ออกมาได้อย่างโดดเด่น ตอกย้ำความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตที่มีสไตล์เหมาะเฉพาะตัว ตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ “เจ็นนาว” หรือ Generation NOW ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตมาในช่วงของโลกดิจิตอล จึงมีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวเช่นกัน

การเปิดตัวมาสด้า2 ใหม่ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ “New Mazda2 Life Continues เพราะชีวิตท้าทาย…ไม่ได้มีแค่สไตล์เดียว” ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้าแบบ “ซูม-ซูม” โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวเร้าใจ เพิ่มความหรูอีกระดับด้วยห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยจากยุโรประดับสูงสุด 5 ดาว มาสด้า2 ซีดานใหม่ เป็นรถยนต์ที่มีความสปอร์ตหรู เปี่ยมด้วยคุณภาพและพลังที่ขับสนุก ให้ลูกค้าคนไทยมีเฮเปิดราคาเริ่มต้นเพียง 535,000 บาท

จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า จาก ความสำเร็จอย่างถ้วมท้นในการเปิดตัวรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ทแบค 5 ประตู เมื่อเดือนกลางพฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มาสด้ามีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สร้างความประหลาดใจให้กับคู่แข่งของมาสด้าที่กำลังจับตามองเราอยู่ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะยังคงทำงานกับผู้จำหน่ายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้โครงการและการดำเนินการต่างๆ ของเราสมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะรับประกันถึงความสำเร็จของเราในปีนี้ นอกเหนือจากความสำเร็จด้านยอดขายแล้ว อีกสิ่งที่มาสด้าเน้นความสำคัญมาโดยตลอดนั่นคือการขยายเครือข่ายโชว์รูมและ ศูนย์บริการมาตรฐานเพื่อให้ครบ 130 แห่งในปีนี้ ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ MCI เพื่อรองรับการบริการที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทั้งด้านการขาย การเงิน อะไหล่ และบริการ รวมทั้งการยกระดับแบรนด์มาสด้าให้ขึ้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทย

จอห์น เรย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ ตลาดรถยนต์มาสด้าในปี 2553 นี้ มาสด้าตั้งเป้ายอดขายปีนี้สูงถึง 35,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 164 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ และรุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตู จะยังคงเป็นโปรดักซ์ลีดเดอร์สำหรับการทำตลาดในปีนี้ โดยมาสด้า2 ทั้ง 2 รุ่นตั้งเป้าหมายยอดขายไว้อยู่ที่ประมาณ 24,000 คัน และที่สำคัญรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 จะยังคงรักษาความร้อนแรงต่อไป ประมาณ 5,00 คัน ส่วนรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ใหม่ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 คัน และรถพรีเมี่ยมคาร์คือ New Mazda CX-9 และ New Mazda MX-5 อีกประมาณ 78 คัน

สำรับรถยนต์นั่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ 4 ประตู ที่มาสด้าเสริมเขี้ยวเล็บในการลุยกับคู่แข่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มาพร้อมภาพลักษณ์ใหม่ที่ให้ความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และเป็นรถสไตล์ครอบครัวที่สามารถตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย รูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะกดทุกสายตาทั้งขณะขับขี่และจอดนิ่งอยู่กับที่ มาพร้อมช่วงล่างอันเลื่องชื่อของมาสด้า ระบบความปลอดภัยสูงสุดจากยูโรเอ็นแคป (Euro NCAP) ในระดับ 5 ดาว พร้อมปกป้องทุกชีวิต เครื่องยนต์ตระกูล MZR 1500 ซีซี ที่ให้พลังแรงเต็มสมรรถนะทุกรอบความเร็ว พร้อมแรงม้าสูงสุดถึง 103 แรงม้า ซึ่งผ่านบทพิสูจน์แล้วจากรุ่นแฮ็ชแบ็ค 5 ประตู

สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำ หรับมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ 4 ประตู จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสเป็นครั้งแรกทุกโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ในวันเปิดสู่สาธารณะชนอย่างเป็นทางการในวันนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้จะเป็นอีกก้าวย่างที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะนำพามาส ด้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งมาสด้า2 ซีดานใหม่จะสามารถครองใจผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นรถที่มีรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ตโฉบเฉี่ยวโดนใจ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดดเด่นทุกมุมมอง มาพร้อมสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ให้พลังแรงเต็มประสิทธิภาพ พร้อมระบบช่วงล่างอันเลื่องชื่อที่ให้การเกาะถนนเป็นเยี่ยม ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ และที่สำคัญลูกค้าที่จองซื้อไม่ต้องรอรถนาน เนื่องจากมาสด้าเริ่มสายการผลิตและมีรถพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าในทันทีในทุกรุ่น

นางสาวสุรีทิพย์ กล่าวว่า ในการพัฒนาด้านการออกแบบรถมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ เรา ยังคงใช้แนวการออกแบบเช่นเดียวกับมาสด้า2 ใหม่ รุ่น 5 ประตู ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย นอกเหนือจากรูปลักษณ์แบบสปอร์ตที่โดดเด่นของมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตู เราได้ผสมผสานความหรูหรา สง่างามและความแข็งแกร่งในการออกแบบด้านท้ายรถของมาสด้า2 ซีดานใหม่ พร้อมให้สมรรถนะในการขับขี่ที่โดดเด่นตามแบบฉบับ ซูม-ซูม และความสะดวกสบาย รวมถึงความนุ่มนวลในการขับขี่ เฉกเช่นมาสด้า2 ใหม่ รุ่น 5 ประตู

มาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ ได้รับการออกแบบเพื่อเป็นรถยนต์ที่ให้ความเพลิดเพลินในทุกๆ วันของชีวิต ไม่เพียงในด้านความสนุกสนานในการขับขี่ แต่รวมไปถึงความภูมิใจที่ได้ครอบครองรถยนต์ยอดเยี่ยมคันนี้ภายใต้ขนาดที่ กะทัดรัด มาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ ได้ผสานแนวคิด ซูม-ซูม เข้าไปในการผลิตอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้รถคันนี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว ไม่ใช่เพียงรถยนต์ธรรมดาๆ คันหนึ่ง และ ณ วันนี้ มาสด้า2 สปอร์ตซีดาน ใหม่ และรุ่นแฮ๊ชแบค 5 ประตูจะเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสไตล์ที่โดดเด่น

ภายในมาสด้า2 ซีดานใหม่ ออกแบบให้เบาะนั่งด้านหลังกว้างขาวงสะดวกสบายเหนือกว่ารถซีดานทั่วๆ ไป และสามารถเลือกปรับพับเบาะได้ 60:40 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บสิ่งของขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับในรุ่น 5 ประตู โดยภายในเลือกใช้โทนสีเบจที่ให้ความรู้สึกหรูหราโปร่งโล่งสบายไม่อึดอัด นอกจากนี้มาสด้า2 ซีดานใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry and Start System) ที่ให้ความสะดวกสบายในการเปิด-ปิด และสตาร์ทรถโดยไม่ใช้กุญแจ ซึ่งเป็นการใส่ใจในรายละเอียดที่มาสด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด และเพื่อเพิ่มความสุนทรีตลอดการเดินทางด้วยวิทยุ CD-MP3 6 แผ่น พร้อมช่องเชื่อมอุปกรณ์เสริม AUX
สำหรับมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีการลดน้ำหนักส่วนเกิน หรือ Lightweight Technology การผลิตรถยนต์ให้มีน้ำหนักเบาที่สุด นับเป็นจุดมุ่งหมายหลักประการหนึ่งเพราะน้ำหนักของรถมีผลต่อสมรรถนะการขับ ขี่ การบังคับควบคุม และการหยุดรถ ยิ่งน้ำหนักตัวรถน้อยลง สมรรถนะของรถจะยิ่งเพิ่มขึ้นในทุกๆ ด้าน นอกจากนั้น น้ำหนักยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ ดังนั้น รถมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ จึงได้นำเทคโนโลยีล่าสุดในการลดน้ำหนักส่วนเกินที่ไม่จำเป็น ซึ่งได้มาจากการทุ่มเทพัฒนาที่ก้าวล้ำหน้าของมาสด้า

เครื่องยนต์ MZR ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOCH) 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1,500 ซีซี 103 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ S-VT (Sequential Valve Timing) และระบบวาล์วควบคุมการไหลเวียนของไอดี TSCV (Tumble Swirl Control Value) ตอบสนองการขับขี่ทุกจังหวะความเร็วและแม่นยำ พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า EPAS (Electric Power Assistance Steering) แม่นยำคุมได้ได้ตามสั่ง รัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.9 เมตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงออกเทน 91 ขึ้นไป หรือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 ช่วงล่างถูกออกแบบให้ยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นใจและนุ่มนวล ซึ่งคุณภาพช่วงล่างของมาสด้าเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วโลก ระบบความปลอดภัยรอบคันด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ TRIPLE H ที่ให้ความแข็งแกร่งทนทานสูง โครงรถผลิตจากเหล็กกล้าชนิดพิเศษ “อัลตร้า ไฮ เทนไซล์ สตีล” (Ultra High Tensile Steel) ที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง เหนียวทนทานกว่าเหล็กทั่วไป คุณสมบัติรับและส่งถ่ายแรงกระแทกให้กระจายไปทั่วคัน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารภายใน เสริมด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า พร้อมระบบเบรก ABS ทั้ง 4 ล้อ และ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก ทำให้ระยะเบรกสั้นลง
นางสาวสุรีทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำ หรับมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้คือ จะแตกต่างจากมาสด้า2 ใหม่ แฮ็ชแบค 5 ประตู คือจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หรือโตขึ้นกว่าเดิม แต่ยังเป็นคนหนุ่ม-สาวที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และไม่ชอบตามใคร เป็นกลุ่มผู้เริ่มต้นทำงาน และผู้ที่มีชีวิตหน้าที่การงานที่มั่นคง เป็นผู้บริหารไฟแรง หรือผู้เริ่มต้นทำธุรกิจ มีกิจการส่วนตัว ส่วนการสื่อสารภาพลักษณ์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็วชัดเจน ซึ่งเรายังคงใช้ “เป้” อารักษ์ อมรศุภศิริ ซึ่งเป็นศิลปิน นักแสดงหนุ่มที่กำลังฮ็อตฮิตที่สุดในยุคนี้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งเป้จะมาในลุคอีกสไตล์ที่จะสะท้อนตัวตนของมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ได้อย่างชัดเจน และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยถ่ายทอดผ่านทางภาพยนตร์โฆษณาความยาว 30 วินาที นอกจากนี้ มาสด้ายังโหมโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ บิลบอร์ด และสื่อออนไลน์ โดยเน้นสร้างกระแสจากกรุงเทพฯ เป็นหลัก และตามหัวเมืองหลักๆ ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะมาสด้าได้ทำงานร่วมกับผู้จำหน่ายในพื้นที่เพื่อสื่อสารกับลูกค้า และเตรียมลงพื้นที่จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อเปิดตัวรถอย่างเต็มที่ทั่วประเทศ

กลยุทธ์ด้านราคา เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทางมาสด้าพิจารณาในการนำมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ เพื่อลงสู้ศึกในตลาดที่มีความแข็งแกร่งและท้าทาย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 535,000 บาทเท่านั้น ในขณะที่รุ่นท๊อปซึ่งภายนอกและช่วงล่างมีชุดสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ราคาต่ำกว่า 7 แสนบาท เมื่อเทียบคุณสมบัติและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ มีมาแบบครบครับ นับว่าเป็นรุ่นหนึ่งในตลาดที่คุ้มค่ามาก มีด้วยกัน 4 รุ่นคือ
เปิดตัวพร้อมราคา Mazda 2 Sedan 4 ประตูใหม่ เล็งโกยยอดขายถล่มทลายอีกครั้งตามรุ่น Hatchback
ที่มา: Mazda , www.autospinn.com

New Nissan Leaf พร้อมคลอดในโรงงานแห่งที่ 3 เริ่มผลิตปี 2013 ญี่ปุ่นชิงปั๊มขายก่อนปลายปีนี้


Nissan Leaf พร้อมคลอดในโรงงานแห่งที่ 3 เริ่มผลิตปี 2013 ญี่ปุ่นชิงปั๊มขายก่อนปลายปีนี้
สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ 3 ที่ Nissan เตรียมการจะให้เป็นโรงงานผลิตรถพลังงานไฟฟ้า Nissan Leaf ต่อจากโรงงานในเมือง Oppama ประเทศญี่ปุ่นซึ่งจะเริ่มทำการผลิตในปลายปีนี้ ตามด้วยโรงงานแห่งที่ 2 ที่เมือง Smyrna รัฐ Tennessee ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2012 โดยโรงงานที่เมือง Sunderland ประเทศอังกฤษนี้(เริ่มการผลิตรถยนต์ในปี 1986) จะเริ่มสายการผลิตในปี 2013 โดยมีกำลังการผลิตในช่วงแรกประมาณ 50,000 คันต่อปี

Nissan เพิ่มเติมอีกว่า โรงงานแห่งนี้จะเริ่มผลิตชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออนในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ โดยมีกำลังการผลิตที่ 60,000 ชุดต่อปี และจะทำการผลิตแบตเตอรี่ให้ทั้ง Nissan เองและพันธมิตรอย่าง Renault ในปี 2012 ซึ่ง Renault เองก็มีแผนในการสร้างรถพลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองเช่นกัน

งบประมาณในการสร้างสายการผลิต Nissan Leaf และแบตเตอรี่้ที่โรงงานในเมือง Sunderland นี้ จะมีมูลค่ากว่า 420 ล้านปอนด์โดยคาดว่าจะทำให้เกิดตำแหน่งงานขึ้นกว่า 2,250 ตำแหน่ง ทั้งในบริษัทเองและบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตรถรุ่นนี้ การลงทุนนี้จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรเป็นจำนวน 20.7 ล้านปอนด์ โดยมีเงินกู้จากธนาคารการลงทุนแห่งยุโรปอีกกว่า 220 ล้านปอนด์

Nissan Leaf เป็นรถ Hatchback ขนาดเล็กที่ใช้แพลตฟอร์มแบบใหม่ ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 107 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อหน้า โดยแบตเตอรี่สามารถทำการชาร์จได้โดยใช้ไฟบ้าน Leaf มีระยะทางทำการที่ 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟให้เต็ม 1 ครั้ง
New Nissan Leaf พร้อมคลอดในโรงงานแห่งที่ 3 เริ่มผลิตปี 2013
ที่มา: Nissan , www.autospinn.com

มาแล้ว Mazda 2 สตาร์ทชีวิตท้าทายแบบ 4 ประตู ซีดาน


มาแล้ว Mazda 2 สตาร์ทชีวิตท้าทายแบบ 4 ประตู ซีดาน
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กับการส่ง “มาสด้า2” รุ่นแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู ที่ในระยะเวลาเพียง 3 เดือน โกยยอดขายไปแบบถล่มทลายเกือบ 7,000 คัน ล่าสุดลงดาบสองเขย่าตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์ หรือบี-คาร์อีกระลอก กับ “มาสด้า2 ซีดาน” หรือรุ่น 4 ประตู...ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวเร้าใจ การขับขี่สนุกสนาน และเพิ่มความหรูอีกระดับ ด้วยห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับรุ่นแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู พื้นที่เก็บสัมภาระในกระโปรงท้าย มีความจุ 450 ลิตร (VDA) มากกว่ารุ่น 5 ประตู 200 ลิตร เบาะที่นั่งด้านหลัง สามารถแยกพับได้สองส่วนในอัตราส่วน 60:40 และเปิดทะลุกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry and Start System) ที่ให้ความสะดวกในการเปิด-ปิด และสตาร์ทรถโดยไม่ใช่กุญแจ พร้อมด้วยวิทยุ CD-MP3 6แผ่น พร้อมช่องเชื่อมอุปกรณ์เสริม AUXขุมพลังของมาสด้า2 ซีดาน ยังคงเป็นเครื่องยนต์ MZR 1.5 ขนาด 1,498 ซีซี. 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน (S-VT) Sequential Valve Timing และวาล์วควบคุมในท่อร่วมไอดี (TSCV) Tumble Swirl Control Valves 103 แรงม้า ให้กำลังสูงสุด 76 กิโลวัตต์ ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตรที่4,000 รอบต่อนาที โดยมีให้เลือกทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดมาสด้า2 ซีดาน มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น Groove M/T ราคาจำหน่าย 535,000 บาท รุ่น Groove A/T ราคาจำหน่าย 564,000 บาท รุ่น Spirit S A/T ราคาจำหน่าย 615,000 บาท และรุ่น Maxx A/T ราคาจำหน่าย 675,000 บาท ทั้งนี้ราคาในรุ่นเริ่มต้นของตัวถังซีดานจะเท่ากับแฮทซ์แบ็ก แต่อีก 3 รุ่นที่เหลือ Groove A/T,Spirit S A/T,Maxx A/T,จะถูกกว่าตั้งแต่ 6,000 - 25,000 บาท ขณะเดียวกันผู้บริหารยืนยันว่าลูกค้าที่จองซื้อมาสด้า 2 ไม่ต้องรอนานเนื่องจากมาสด้าเริ่มสายการผลิตและมีรถพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าทันทีทุกรุ่น
มาแล้ว Mazda 2 สตาร์ทชีวิตท้าทายแบบ 4 ประตู ซีดาน
ที่มา : Manager

“เชฟโรเลต”ชูแผนสู้เปิดตัวโลโก้“โบว์ไท”


“เชฟโรเลต”ชูแผนสู้เปิดตัวโลโก้“โบว์ไท”
“เชฟโรแลต” ชูแคมเปญ “แบรนด์ ทรานส์ฟอร์เมชั่น” เตรียมพลิกโฉมแบรนด์ มุ่งปรับภาพลักษณ์และการบริการเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า โดยจะเปิดตัวโลโก้ “โบว์ไท” รูปแบบใหม่พร้อมแนวคิด “การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง” เพื่อรองรับแผนงานของรถรุ่นใหม่ โดยประเดิมด้วยรถปิกอัพ โคโลราโด ไมเนอร์เชนจ์ และรถเอนกประสงค์ แคปติวา ชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษมากมาย นายมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนงานการปรับแบรนด์ หรือ “แบรนด์ ทรานส์ฟอร์เมชั่น” เพื่อเป็นการเสริมเพิ่มให้แบรนด์ เชฟโรเลต มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านการบริการ และภาพลักษณ์ โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 นี้

“เริ่มปรับตั้งแต่โลโก้ เชฟโรเลต รูปแบบใหม่ ที่จะมาพร้อมกับการพัฒนาทั้งในด้านคุณภาพการให้บริการลูกค้า เครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่ครอบคลุมมากขึ้น การผลิตรถยนต์และรถปิกอัพที่มีคุณภาพ รวมถึงการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อประชาสัมพันธ์ ที่ใช้ในการสื่อสาร โดยการปรับโฉมในครั้งนี้เป็นสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ จีเอ็ม และเชฟโรเลต ประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น”

นายมาร์ติน กล่าวว่า “แบรนด์ ทรานส์ฟอร์เมชั่น” มีเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ เชฟโรเลต ด้วยแนวคิด “การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง” เพื่อยกระดับการให้บริการ และการบริหารจัดการในทุกส่วนงาน เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างสูงสุด รวมถึงภาพลักษณ์ขององค์กรที่มีต่อสาธารณชน เพื่อเสริมความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ เชฟโรเลต และเพื่อรองรับแผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

“ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมายที่รอการเปิดตัวสู่สาธารณชน แต่ลำพังเพียงผลิตภัณฑ์รถยนต์และรถปิกอัพที่ยอดเยี่ยมนั่น คงยังไม่เพียงพอต่อความสำเร็จในระยะยาว เราจึงต้องเสริมความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ เชฟโรเลต เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในทุกๆ ด้าน ภายใต้แผนงาน แบรนด์ ทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรา”

สำหรับงานบางกอก มอเตอร์โชว์ จีเอ็ม และเชฟโรเลต (ประเทศไทย) มีแผนจะเผยโฉม “โคโลราโด ไมเนอร์เชนจ์” และ“แคปติวา” รุ่นพิเศษตกแต่งสไตล์สปอร์ตรอบด้าน พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ โดยเฉพาะแคมเปญ รับซื้อรถเก่าโดยให้ราคาที่สูงกว่าราคาตลาด รับประกันมาตรฐานคุณภาพรถโดย “เชฟวี่ โอเค” ผ่อนชำระต่ำต่อเดือน และโปรโมชั่นอื่นๆอีกมามาย

“ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” แจกบัตรเข้างานมอเตอร์โชว์ 2010 ฟรี!...เดินทางมารับด้วยตนเองที่ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน บ้านพระอาทิตย์ (ถนนพระอาทิตย์) หนึ่งท่านได้ 4 ใบ สอบถามรายละเอียด 0-2629 4488 กด 0

“เชฟโรเลต”ชูแผนสู้เปิดตัวโลโก้“โบว์ไท”
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

"โตโยต้า ไอคิว"รถเล็กแต่ราคาเท่า"คัมรี่"


"โตโยต้า ไอคิว"รถเล็กแต่ราคาเท่า"คัมรี่"
ด้วยขนาดและรูปร่างหน้าตาของเจ้ารถขนาดจิ๋วที่ชื่อว่า “ไอคิว” คันนี้ ใครเห็นก็ต้องเหลียวกลับมามองอีกครั้งเพราะความน่ารัก น่าชังของตัวรถที่ดูเล็ก ๆ ป้อมๆ สั้นๆ บวกกับหน้าตาที่ล้ำสมัย สะดุดตา ส่งผลให้ไอคิวโดนใจคนชอบรถเล็กอย่างไม่ต้องสงสัย

โตโยต้า ไอคิว ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการเดินทางของคนเมืองในอนาคต ซึ่งมีความสนใจรถยนต์ที่มีขนาดตัวถังเล็กกะทัดรัดและประหยัดน้ำมัน ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวไอคิวจึงมีความยาวเพียงแค่ 2,985 มิลลิเมตร กว้าง 1,680 มิลลิเมตรและสูง 1,500 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถ 950 กิโลกรัม สำหรับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามเอกสารอยู่ที่ 23 กิโลเมตร/ลิตร

แม้รถคันเล็กแต่ภายในห้องโดยสารไม่ได้เล็กตามขนาดของตัวรถ เพราะพอเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า รู้สึกได้เลยว่ากว้างขวางพอสมควร โดยเฉพาะพื้นที่ด้านหน้าตรงที่วางขาและเท้ายังมีที่ว่างเหลืออีกแยะ และหากขยับเบาะด้านข้างคนขับขึ้นมาด้านหน้าก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด ทั้งนี้เพราะโตโยต้าดีไซน์คอนโซลด้านหน้าให้เว้าเพื่อให้นั่งได้สบายๆ

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะทีมออกแบบของโตโยต้า ไอคิว ต้องการเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารให้มากสุด บวกกับการออกแบบตัวถังน้ำมันให้มีรูปทรงแบน รวมทั้งลดขนาดระบบเครื่องปรับอากาศและแผงหน้าปัดให้เล็กลง ที่สำคัญเบาะนั่งยังเลือกแบบบางเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะทำให้ภายในกว้างขวางขัดกับรูปร่างของตัวรถ

อย่างไรก็ตาม โตโยต้า ไอคิว เหมาะสำหรับนั่ง 2 คนมากกว่า แม้ว่าผู้ออกแบบจะบอกว่าไอคิวสามารถนั่งได้ 3+1 คือผู้ใหญ่ 3 เด็ก 1 คน ซึ่งในความเป็นจริงก็สามารถนั่งได้แต่อาจจะอึดอัดไปสักนิดหากเจอผู้ใหญ่ตัวใหญ่ หรือเด็กไซส์ยักษ์ แต่ขอย้ำว่านั่ง 2 คนดีกว่า

อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารมีปุ่ม start/stop พวงมาลัยเพาเวอร์ พร้อมปุ่ม Function บนพวงมาลัย,หัวเกียร์หุ้มหนัง,เบาะที่นั่งหุ้มหนังสลับผ้า, กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ,ลำโพง 6 จุดช่องเสียบ AUX ,ช่อง Socket ขนาด 12 V, ปุ่มECO Mode

สำหรับภายนอกมีไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์,ไฟตัดหมอก,กระจกแบบตัดรังสี UV (เฉพาะผู้โดยสารตอนหน้า),กระจกหลัง Rrivacy Glass สีเข้มพร้อมตัดรังสี UV (เฉพาะตอนหลัง) ,ไฟท้าย ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED และล้ออัลลอยขนาด 175/60 R16

ส่วนเครื่องยนต์ของไอคิวเป็นแบบ 1 NR-FE ปริมาตรกระบอกสูบ 1329 ซีซี ให้กำลังสูงสุด94 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ความจุถังน้ำมัน 32 ลิตร รัศมีวงเลี้ยว 3.9 เมตร

ด้วยพละกำลังดังกล่าวส่งผลให้การขับขี่ทั้งในเมือง นอกเมือง ใกล้เคียงกับยาริส หรือแจ๊ซ อัตราเร่งตอบสนองทันใจ โดยเฉพาะช่วงบนทางด่วนถนนโล่ง ๆ ที่ต้องใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น ดีเกินคาดกดปุ๊บมาปั๊บ จะติก็ต้องตอนเร่งเครื่องในรอบสูงเสียงเครื่องยนต์ดังไปนิด ส่วนช่วงล่างนุ่มไม่กระด้าง ขับแล้วมั่นใจไม่แพ้ 2 คันดังกล่าวข้างต้น
และด้วยความเล็กกะทัดรัดทำให้การขับขี่ในเมืองคล่องตัวแบบสุดสุด บวกกับความสั้นของตัวรถที่เป็นจุดเด่นเลยส่งผลให้การขับขี่ซอกแซก มุดไปมุดมา การเลี้ยวกลับทำได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว เหมือนเราเห็นรถตุ๊กตุ๊กเลี้ยวกลับ อารมณ์ขับไอคิวก็ประมาณนั้น ซึ่งจะว่าไปแล้วขนาดเครื่องยนต์แค่ 1300 ซีซี กับพละกำลังที่มีให้ก็เพียงพอสำหรับการขับขี่ในเมือง ที่สำคัญคนออกแบบรถต้องการให้ผู้ซื้อนำไปใช้ในเมืองมากกว่าจะวิ่งทางไกล
จุดเด่นของไอคิวนอกจากความคล่องตัว ตัวถังเล็ก ท้ายสั้นแล้ว ไอคิวยังมีอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นเบรก ABS พร้อมระบบช่วยเบรก BA ,ระบบกระจายแรงเบรกEBD,ระบบป้องกันการลื่นไถล S-VSC ,โครงสร้างตัวถังแบบ GOA ,กุญแจ Interligenceที่สำคัญสุดคือ ถุงลมนิรภัยมีถึง 9 จุด ซึ่งมากกว่ารถใหญ่ระดับหรูอย่าง “คัมรี่” เสียอีก หรือจะพูดได้ว่าเป็นรถคันจิ๋วแต่มีระบบความปลอดภัยชนิดรถใหญ่ต้องอาย
อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใส่เข้าไปอย่างครบถ้วนนั้นเป็นเพราะเจ้าของแบรนด์โตโยต้าต้องการเปลี่ยนทัศนคติของคนในอเมริกาและบางประเทศที่นิยมรถขนาดใหญ่ ที่มีความคิดว่าขับรถเล็กแล้วไม่ปลอดภัย ให้เกิดความคิดใหม่ และมั่นใจว่ารถเล็กก็มีดีไม่แพ้รถใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพ สมรรถนะ ความปลอดภัย แถมยังประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก ที่สำคัญประเทศแถบยุโรปต่างใช้รถเล็กเป็นพาหนะกันเพียบก็ไม่มีปัญหาใด ๆ เลย
เมื่อรถดีราคาก็ต้องสูงเป็นธรรมดา เช่นเดียวกับ ไอคิว ราคากระโดดไปถึง 1.59 ล้านบาท สูงเทียบเท่ากับรถประกอบในประเทศอย่าง คัมรี่ เลยทีเดียว ทั้งนี้เป็นเพราะไอคิวเป็นรถนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคันเลยต้องเสียภาษีเต็มแมกซ์ ราคาจึงสูงเหยียดฟ้าแต่ตัวรถแค่มดเดินดิน

คำถามจึงอยู่ที่ว่าคนไทยจะมีโอกาสขับรถเล็กดีดี และมีอุปกรณ์ความปลอดภัยชนิดรถใหญ่บางคันไม่มี ในราคาสมเหตุสมผลบ้างไหมหนอ...เพราะในปัจจุบันรถที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นรถยนต์คันใหญ่ ๆ เท่านั้น
ขอขอบคุณ บริษัท รามคำแหงกรุ๊ป จำกัด เอื้อเฟื้อรถ ไอคิว ให้ลองขับ
"โตโยต้า ไอคิว"รถเล็กแต่ราคาเท่า"คัมรี่"
"โตโยต้า ไอคิว"รถเล็กแต่ราคาเท่า"คัมรี่"
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

New Nissan Murano Crossover เวอร์ชั่นยุโรป ได้ขุมพลังดีเซลใหม่ 4 สูบ 2.5dCi เริ่มกันยายนนี้


Nissan Murano Crossover เวอร์ชั่นยุโรป ได้ขุมพลังดีเซลใหม่ 4 สูบ 2.5dCi เริ่มกันยายนนี้
Nissan Murano รถ Crossover เวอร์ชั่นยุโรปจะมีเครื่องยนต์ทางเลือกเพิ่มเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ dCi 2.5 ลิตร ที่มาพร้อมกับระบบ Direct Injection ที่ให้แรงดันน้ำมันที่หัวฉีดถึง 2,000 บาร์ จากเดิมที่ 1,800 บาร์ ฝาสูบมีการออกแบบใหม่พร้อมพอร์ทแบบขนาน และเทอร์โบแปรผัน VNT ที่มากับระบบควบคุมไฟฟ้า แทนระบบไฮโดรลิคแบบเดิม

จากการอัพเกรดเหล่านี้ทำให้ Murano ที่ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ใหม่มีกำลังรวมเป็น 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบใหม่นี้จะมีใช้เฉพาะกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเท่านั้น โดยกำลังจะถูกส่งไปยังล้อแต่ละข้างผ่านระบบขับเคลื่อน ALL MODE 4X4-i ทีได้รับการพัฒนาขึ้นโดย Nissan

รายละเอียดทางด้านสมรรถนะอื่นๆจะมีการเปิดเผยก่อนที่จะเริ่มมีการจำหน่าย Murano 2.5dCi ในเดือนกันยายนปีนี้ครับ
New Nissan Murano Crossover
ที่มา: Nissan[www.autospinn.com]

Ford Fiesta ผลิตในไทย เตรียมเผยโฉมในงานมอเตอร์โชว์ 2010 พร้อมข้อเสนอพิเศษมากมาย

Ford Fiesta ผลิตในไทย เตรียมเผยโฉมในงานมอเตอร์โชว์ 2010 พร้อมข้อเสนอพิเศษมากมายฟอร์ด เฟียสต้าใหม่ทั้ง 2 รุ่น คือ เฟียสต้า รุ่นซีดาน 4 ประตู และ 5 ประตู จะเผยโฉมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และจะเป็นไฮไลต์ในบูธฟอร์ดที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ฟอร์ดได้เผยโฉมเฟียสต้ารุ่น 5 ประตู แฮทช์แบคที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกเพื่อสร้างกระแสความตื่นเต้นให้กับลูกค้าชาวไทยเป็นครั้งแรกซึ่งนับเป็นการเปิดตัวเฟียสต้าครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียนในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009 เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ การจัดแสดงรถรุ่น 4 ประตูครั้งนี้ นับเป็นการเผยโฉมตัวถังแบบซีดานสุดฮอตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
เฟียสต้าใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร ทั้งรุ่นแฮทช์แบค และซีดาน จะเป็นรถยนต์ขนาดเล็กคันแรกของฟอร์ดในทวีปเอเชีย ที่ได้รับการติดตั้งนวัตกรรมเทคโนโลยีเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด คลัชต์คู่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลต่อเนื่อง และประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเกียร์อัตโนมัติทั่วไป นอกจากนี้ เฟียสต้าใหม่ทั้งรุ่นแฮทช์แบคและซีดาน ยังมีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.4 ลิตร ให้เลือกอีกด้วย
ผู้เข้าชมบูธฟอร์ดยังสามารถสัมผัสกับเฟียสต้าได้จากมุมมองใหม่ ด้วยดีเพลย์คอนโซลที่แสดงแผงหน้าปัด และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถและคอนโซลกลาง รวมทั้งดีสเพลย์ตัวถังรถแบบผ่าครึ่งที่แสดงให้เห็นโครงสร้างภายในของเฟียสต้า

การจัดแสดงชิ้นส่วนภายในของรถ จะทำให้ผู้สนใจมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับการทำงานของแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางที่ได้รับการออกแบบอย่างทันสมัยและง่ายต่อการใช้งานการจัดแสดงโครงสร้างตัวถังรถ ย้ำเน้นความพยายามของฟอร์ดในการสร้างสรรค์ให้เฟียสต้าใหม่เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มอบความปลอดภัยสูงสุดบนท้องถนน ด้วยการใช้เหล็กอัลตร้าไฮ-สเตรง สตีล (Ultra-high Strength Steel) หรือเหล็กที่มีความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษและมีน้ำหนักเบา และไฮ-สเตรง สตีล (High Strength Steel) หรือเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง อีกหลายประเภทสำหรับโครงสร้างตัวถังเพื่อช่วยปกป้องอันตรายจากการชนและเพิ่มความปลอดภัยอย่างเหนือชั้น โดยเหล็กประเภทต่างๆ จะได้รับการเน้นด้วยสีที่แตกต่างกัน บนดีสเพลย์โครงสร้างตัวถังเฟียสต้า
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการเปิดตัวเฟียสต้า ทั้งรุ่น 5 ประตู แฮทช์แบค และ 4 ประตู ซีดาน ฟอร์ดได้นำการแสดงสุดตระการตาที่มีชื่อเสียงระดับโลก “Quick Change Show” มาแสดงครั้งแรก เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของศิลปินมืออาชีพที่ผสานโชว์อันทันสมัยเข้ากับมายากล ซึ่งจัดแสดงเป็นครั้งแรกของภูมิภาคอาเซียน ที่บูธฟอร์ดระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคมนี้เท่านั้นเฟียสต้าใหม่พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยในไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยจะผลิตที่โรงงานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท) ของบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ในจังหวัดระยอง
นอกจากนี้ฟอร์ดยังเตรียมจัดแสดงรถฟอร์ดครบทุกรุ่น โดยฟอร์ด โฟกัส ที่จะจัดแสดงภายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ประกอบด้วย รถโฟกัส “มอนสเตอร์” โชว์คาร์ ที่มาพร้อมชุดแต่งพิเศษสไตล์เรซซิ่ง พร้อมตัวถังสีดำด้าน และล้อสีดำ เพิ่มความสปอร์ต ดุดันให้กับโฟกัสได้อย่างลงตัวเพื่อจัดแสดงภายในงานมอเตอร์โชว์

โฟกัสทั้งรุ่นเกีย และสปอร์ต ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ทีดีซีไอ ขนาด 2.0 ลิตร จะได้รับการจัดแสดงในบูธฟอร์ดเช่นกัน ฟอร์ดยังนำ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไฮ-ไรเดอร์ XLS มาตกแต่งด้วยอุปกรณ์เสริมพิเศษให้เท่ยิ่งขึ้น เช่น บันไดข้าง พื้นปูกระบะ และลวดลายพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นไฮ-ไรเดอร์ XLSผู้ที่สนใจรถยนต์อเนกประสงค์พันธุ์แท้ ทั้งฟอร์ด เอสเคป และรถเอนกประสงค์สำหรับครอบครัว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ก็สามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดที่บูธฟอร์ดภายในงานมอเตอร์โชว์ ผู้เข้าร่วมงานสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของรถ อุปกรณ์เสริมพิเศษ กิจกรรมส่งเสริมการขาย และราคารถทุกรุ่นได้ที่บูธฟอร์ด
นอกจากนี้ ฟอร์ดยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถฟอร์ดรุ่นต่างๆ สำหรับฟอร์ด โฟกัส อี20 ดาวน์เพียง 20% ผ่อนนาน 48 เดือน และดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งส่วนผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของฟอร์ด เรนเจอร์ ข้อเสนอเงินดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% และประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี ขณะที่ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เอสเคป มอบข้อเสนอพิเศษคล้ายกัน ภายใต้เงื่อนไขดอกเบี้ย 2.29% หรือผู้ที่สนใจซื้อรถทุกรุ่นสามารถเลือกรับฟรีโปรแกรมบำรุงรักษาตามระยะเป็นเวลา 5 ปี
Ford Fiesta ผลิตในไทย เตรียมเผยโฉมในงานมอเตอร์โชว์ 2010 พร้อมข้อเสนอพิเศษมากมาย
ที่มา www.autospinn.com

มาสด้า 2 ซีดาน พลังสนุกแบบ ซูมซูม

มาสด้า 2 ซีดาน พลังสนุกแบบ ซูมซูม
มาสด้า ต่อยอดความแรงล่าสุดด้วยการเปิดตัว มาสด้า 2 ซีดาน หรือรถยนต์แบบ 4 ประตู ที่มีที่นั่ง 5 ที่นั่งความสำเร็จของมาสด้า 2 แบบแฮทช์แบ็ค หรือ 5 ประตู ทำให้แบรนด์มาสด้าโดดขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการรถนั่งอย่างไม่น่าเชื่อและที่ต้องเชื่อไปกว่านั้น คือ มาสด้า ได้รับการยอมรับจากทุกภาค ไม่เพียงแค่กรุงเทพฯ ที่เคยเป็นที่มั่นสำคัญเท่านั้น

ผมเดินทางไปกับ มาสด้า ประเทศไทย พร้อมเพื่อนสื่ออีกหลายคนในการทดสอบรถ มาสด้า ซีดานเส้นทางหลักที่ใช้ทดสอบ คือ ถนนเชื่อมสองจังหวัดของไข่มุกอันดามัน ภูเก็ต-กระบี่ จังหวัดที่มีเกาะสวยงามระดับโลก

แต่ว่า เราไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเรือหรือน้ำ มีเพียงรถ ซับคอมแพคตัวใหม่ล่าสุด ที่โลดแล่นไปบนถนน เป็นแถวกว่า 15 คัน

เครื่องยนต์มาสด้า 2 ซีดาน เป็นตัวเดียวกับ มาสด้า 2 แฮทช์แบ็ค ทั้งเครื่องและเกียร์รวมถึงอัตราทด จะมีที่ต่างกันก็ถือ ตัวท็อป ของซีดานและรองท็อป ถูกเซตช่วงล่างให้รถมีความหนึบมากกว่า อีกสองตัวที่เหลือ นอกจากนี้เห็นว่าเป็นซีดานใหญ่ แต่น้ำหนักรถ ไม่ต่างจากแฮทช์แบ็คจะมีบางตัวเท่านั้นก็เกินไปไม่เกิน 10 กิโล

เครื่องยนต์ MZR ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOCH) 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1500 ซีซี 103 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ S-VT (Sequential Valve Timing) และระบบวาล์วควบคุมการไหลเวียนของไอดี TSCV (Tumble Swirl Control Value) พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า EPAS (Electric Power Assistance Steering) รัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.9 เมตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงออกเทน 91 ขึ้นไป หรือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี10

มาสด้า 2 ซีดาน ใหม่ มีด้วยกัน 4 รุ่น ประกอบด้วย รุ่น groove m/t เกียร์ธรรมดา ราคา 535,000 บาท groove a/t เกียร์อัตโนมัติ ราคา 564,000 บาท

รุ่น spirit s a/t เกียร์อัตโนมัติ ราคา 615,000 บาท และรุ่นท็อป maxx a/t เกียร์อัตโนมัติ 675,000 บาท

คงต้องยอมรับว่ามาสด้า ออกแบบรถมาได้สวยงาม สีสันที่นำมาใช้เป็นทำให้ ดึงดูดสายตาผู้ผ่านไปและผ่านมา

มาสด้า ซีดาน วิ่งตามๆ กันไปผมเห็นผู้คน หันมามองรถมากว่าตอนที่ผมขับ เบนซ์ อี-คลาส โฉมใหม่เสียอีก

ภายนอกของ มาสด้า ออกแบบได้ดีกว่า ภายในอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่า ผมรู้สึกว่า ภายในนั้น ทั้งรูปแบบและวัสดุที่สัมผัส ยังไม่ทันสมัยหรือผมอาจไม่ชอบทรงกลมที่ดูไม่คมและแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ทริมหรือการตกแต่งภายในก็ใช้วัสดุไม่มีความเงาวับ หรือสะท้อนความหรูหราอะไรออกมาเลย สีสันของเบาะก็เน้นไปทางนุ่มสายตา ไม่มีสีเดือดไม่มีด้ายแดง มันเลยไม่เข้ากับรูปภายนอกและคอนเซปต์ที่ว่า สปอร์ตซีดาน

คุณภาพการขับขี่ โดดเด่นเหมือนภายนอก ยกเว้นจังหวะ ความเร็วปานกลาง สำหรับรถเกียร์ออโต้ 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงบิดแทบไม่มี รอรอบจนต้องใช้เกียร์ช่วย แต่นี่ก็เป็นบุคลิกที่พบได้บ่อย ในรถมาสด้า รุ่นล่างๆ แต่หากขับแบบไม่เร็ว มันก็ไม่ทำให้รู้สึกว่า เรียกกำลังแล้วแรงไม่มาเพราะว่า ที่ทดลองขับ ส่วนใหญ่มีเท่าไรก็กดไปเท่านั้นปลายเกียร์ออโต้ ไหลไปได้ 163-165 กิโลเมตร ได้

จับรถมาสด้า แล้ว ดีอย่างหนึ่ง คือ ตัวถังจะนิ่ง ในทุกย่านความเร็ว เป็นสิ่งที่หายากนักในรถเล็กๆ แบบนี้ ช่วงล่าง หนึบ พวงมาลัยคม ทั้งหมดมันทำให้เวลา เรารีบเร่งแล้วปลอดภัย

มาสด้ายังมีข้อดีที่เป็นที่ฮือฮาคือ ที่เก็บของด้านท้ายกว้างใหญ่ เหลือเฟือ

มาสด้า 2 ซีดาน ขับสนุกและดูเด่นในเรื่องออกแบบ ชอบรถสปอร์ต ไม่น่าผิดหวัง

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

Tags : มาสด้า ประเทศไทย • มาสด้า 2 ซีดาน

New Honda Jazz Si


New Honda Jazz Si โฉมสปอร์ท ปี 2010 เสริมหล่อทั้งในและนอก ล่อใจวัยรุ่นอังกฤษ
วัยรุ่นชาวอังกฤษที่ใช้ Honda Jazz มีสิทธิ์หล่อ สวย หรือทั้งหล่อและสวยไปพร้อมๆกันขึ้นได้อีก เมื่อ Honda ได้ปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ของ Jazz ออกมากระตุ้นตลาดเมืองผู้ดี โดยเวอร์ชั่นดังกล่าวก็คือ Jazz Si ที่มีการใช้กระจังโครเมี่ยมแบบใหม่ ล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว สปอยเลอร์หลัง เสื่อรองพื้นภายใน และโลโก้คำว่า Si ที่ฝากระโปรงและกล่องใส่ถุงมือ โดยรวมทำให้รถเล็กขวัญใจวัยรุ่นคันนี้ดูสปอร์ทมากขึ้นกว่าเดิม

ราคาของเวอร์ชั่น Si จะแพงขึ้น 870 ปอนด์ จากรุ่นที่มีจำหน่ายในท้องตลาดอังกฤษคือ รุ่น 1.2 SE และ 1.4 ES ทำให้ราคา Jazz Si ของทั้งสองรุ่นเป็น 12,835 และ 13,510 ปอนด์ตามลำดับ โดย Honda จะเริ่มจำหน่าย Jazz Si ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่จะถึงนี้เป็นต้นไปครับ
New Honda Jazz Si
ที่มา www.autospinn.com

ฮุนไดคิดใหม่ ใช้นิชมาร์เก็ตสร้างแบรนด์

ฮุนไดคิดใหม่ ใช้นิชมาร์เก็ตสร้างแบรนด์
ฮุนไดเปลี่ยนวิธีคิด เริ่มสร้างแบรนด์ใหม่ด้วยตลาดนิชมาร์เก็ต อาศัยรถตู้เอนกประสงค์ H-1 เป็นที่มั่นสำคัญหลักทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ เลิกทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางชั่วคราว หันมาเปิดตลาดรถยนต์ SUV ที่ดูจะมีอนาคตกว่า เพื่อสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้เด่นขึ้นมา รับแผนรุกรถยนต์ เอเซ็กเมนท์ ชนตลาดอีโคคาร์ปลายปี ทูซอน รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ SUV จะเป็นรุ่นใหม่ที่ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งเข้ามาทำตลาดเป็นรุนแรกของปีนี้ แผนการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ทั้งหมด 3 รุ่น ปัจจุบันฮุนไดมีตลาดหลักคือรถยนต์รุ่น H1 ในตลาดรถตู้เอนกประสงค์ โดยมียอดขายสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ระดับเดียวกัน

ขณะที่รถยนต์รุ่น โซนาต้า ในเซ็กเมนท์รถยนต์นั่งขนาดกลาง และเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) ใช้เป็นผลิตภัณฑ์นำร่องในการพลิกพื้นแบรนด์ฮุนได จะยกเลิกการทำตลาดชั่วคราว โยชิซึมิ คุราตะ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด บอกว่า ได้หยุดการขายโซนาต้าแล้ว หลังความต้องการตลาดลดลง และส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ฮุนได เกาหลี ได้เปิดตัวโซนาต้า รุ่นโมเดลเชนจ์เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ลูกค้าส่วนใหญ่ชะลอการซื้อโฉมปัจจุบันที่ทำตลาดในไทย เพื่อรอโซนาต้ารุ่นใหม่ ซึ่งในส่วนนี้ฮุนได ประเทศไทยอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทแม่ในการทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางในอนาคต

การแทนที่ด้วยรถยนต์ SUV จึงเป็นเส้นทางการสร้างความมั่นใจของลูกค้าต่อแบรนด์ฮุนได ในเมืองไทยอีกครั้ง แม้จะเป็นตลาดที่ไม่ใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับเซ็กเมนท์รถยนต์นั่งขนาดกลาง ที่ต้องเจอกับคู่แข่งรายใหญ่จากญี่ปุ่นคือ โตโยต้า คัมรี, ฮอนด้า แอคคอร์ด และนิสสัน เทียน่า ในเซ็กเมนท์รถยนต์ SUV อาจสร้างโอกาสได้ดีกว่า

ฮุนได ค้นพบแล้วว่า ตลาดนิชมาร์เก็ตเมืองไทยสามารถสร้างการยอมรับได้ดีกว่า ตลาดแมส ด้วยผลสำเร็จของฮุนได H1 ที่ทำยอดขายสูงกว่า 1,000 คันในปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นเซ็กเมนท์เล็กแต่ก็มีคู่แข่งน้อยด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ฮุนไอ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จึงเตรียมส่งรถ SUV อีก 1 รุ่นคือแกรนด์ สตาร์เร็กซ์ เข้ามาเสริมตลาด

การมี SUV ถึง 2 รุ่นในตลาด เป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับฮุนได ในด้านความหลากหลายผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญคือทั้ง 2 รุ่นเป็นรถยนต์นำเข้า ขณะที่โซนาต้า เดิมเป็นรถยนต์ที่ประกอบในประเทศซึ่งอาจมีต้นทุน และรายละเอียดในขั้นตอนการผลิต โดยทูซอน เป็นการนำเข้าจากเกาหลี และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์จะนำเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งจะได้ประโยชน์จากภาษีนำเข้า 0% ของเขตการค้าเสรีอาเซียนหรืออาฟต้า

เป้าหมายสำคัญของ SUV ทั้ง 2 รุ่นอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขยอดขาย แต่เป็นการเสริมแบรนด์ฮุนได ในเมืองไทยให้แข็งเกร่งยิ่งขึ้น และที่ผ่านมาฮุนได H-1 ก็สร้างได้จนเป็นผลสำเร็จมาแล้ว แบรนด์ที่แข็งแกร่งจะเป็นผลต่อการบุกตลาดรถยนต์ในขนาด เอ เซ็กเมนท์ ของฮุนได I 10 ที่จะนำเข้าจากมาเลเซีย มาเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้

ฮุนได I 10 เป็นแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แน่นอนว่า จะต้องทำตลาดแข่งกับรถยนต์จากโครงการอีโคคาร์ อย่างนิสสัน มาร์ช ที่เปิดตัวแล้ว และยังต้องแข่งกับรถยนต์ในระดับเดียวกันจากมาเลเซียอย่างโปรตอน ดังนั้นการสร้างความเชื่อมั่นก่อนจะบุกเข้าไปในเซ็กเมนท์ดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างมาก ตลาด SUV เป็นเหมือนการเตรียมแบรนด์ให้พร้อม

นอกจากนี้การที่รถยนต์ฮุนได เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ของการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup 2010 ประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นแรงเสริมในการสร้างการรับของรถยนต์และ แบรนด์ฮุนไดต่อผู้บริโภค ซึ่งฮุนได มอเตอร์ประเทศไทยเองก็ เตรียมจัดกิจกรรมมากมาย พร้อมของรางวัลพิเศษๆ อาทิ กิจกรรมพบลูกค้าและแจกของที่ระลึกให้กับผู้ใช้รถผ่านสื่อต่างๆ ด้วยเช่นกัน

ส่วนฐานการตลาดที่สำคัญของธุรกิจรถยนต์คือ ตัวแทนจำหน่ายนั้น ในปีนี้ฮุนไดมีแผนจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มจาก 19 แห่ง เป็น 30 แห่งทั่วประเทศ

ดังนั้นในปีนี้รถยนต์ฮุนได ที่จะบุกตลาดทั้ง 3 รุ่น จึงเป็นเครื่อง และตัวชี้วัดอนาคตของรถยนต์ฮุนได ในเมืองไทยว่าจะสามารถกลับมาเป็นที่นิยมในตลาด และผงาดขึ้นมาเทียบชั้นกับรถยนต์จากญี่ปุ่นได้มากน้อยเพียงใด
ฮุนไดคิดใหม่ ใช้นิชมาร์เก็ตสร้างแบรนด์
ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์

New Mazda3/Axela รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 90 ปี บริษัทฯที่ญี่ปุ่น


New Mazda3/Axela รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 90 ปี บริษัทฯที่ญี่ปุ่น เสริมอุปกรณ์พอเป็นพิธี
ที่ญี่ปุ่น Mazda ฉลองครบรอบ 90 ปีของบริษัทฯด้วยการออกรุ่นพิเศษฉลองวันเกิด 90 ปีสำหรับ Axela Hatchback หรือบ้านเรารู้จักกันดีภายใต้ชื่อรุ่นว่า Mazda 3 ตามที่ AutoSpinn เคยให้ข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว Axela รุ่นพิเศษที่ว่าใช้พื้นฐานของรุ่น 1.5 S Style โดยมีอุปกรณ์ใหม่ๆอย่างล้ออัลลอยขอบ 15 หรือ 16 นิ้วให้เลือก สเกิร์ตด้านข้าง ชุดไฟท้าย LED กระจกติดฟิล์มดำ สำหรับเวอร์ชั่นที่ใช้ล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว จะมีการใช้ไฟหน้าแบบ HID พวงมาลัยหุ้มหนัง จอแสดงผลแบบ Multi-Information ขนาด 4.1 นิ้ว ระบบควบคุมอากาศภายใน ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการเดินทาง เป็นต้น

Mazda ตั้งราคาขาย Axela ในญี่ปุ่นไว้ที่ 1.76 ล้านเยนสำหรับรุ่นล้ออัลลอยขอบ 15 นิ้ว ส่วนรุ่นที่ใช้ล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว จะแพงขึ้นอีกนิดที่ 1.85 ล้านเยนครับ
New Mazda3/Axela รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 90 ปี บริษัทฯที่ญี่ปุ่น
ที่มา www.autospinn.com

New Mitsubishi Triton CNG ใหม่

Mitsubishi Triton CNG ใหม่ พร้อมระบบ Bi-Fuel ทั้ง CNG และ E20 เคาะราคาเริ่มต้น 4.69 แสนบาท
New Mitsubishi Triton CNG ใหม่
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กระตุ้นตลาดรถกระบะอีกระลอก ส่งมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เจาะกลุ่มลูกค้าใช้งานหนัก ชูจุดเด่นเรื่องความประหยัดจากการเลือกใช้งานได้ 2 ระบบ (Bi-Fuel) ทั้ง ซีเอ็นจี (CNG) และน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์อี 20 รองรับงานบรรทุกและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว เคาะราคาขายเริ่มต้นที่ 469,000 บาท ถึง 611,000 บาท พร้อมส่งกองทัพรถยนต์มิตซูบิชิสีขาวร่วมโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ อีกเพียบมร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แนะนำรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เพิ่มเติมอีกรุ่น โดยสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งน้ำมันเบนซินและก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจี เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถกระบะที่ให้ความประหยัดสำหรับการใช้งานบรรทุกรวมไปถึงใช้งานในแต่ละวัน โดยจะมีให้เลือกทั้งในแบบกระบะตอนเดียว ซิงเกิ้ลแค็บ และกระบะตอนครึ่ง หรือเมกะแค็บ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
“เราเน้นนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย เพื่อให้รถมิตซูบิชิเป็นรถที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด สำหรับการแนะนำรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความประหยัดจากการเลือกใช้งานได้ทั้งน้ำมันเบนซินได้ถึงแก๊สโซฮอล์อี 20 และ ก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี ที่ให้ระยะทางในการขับขี่โดยรวมได้มากกว่า น่าจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคน้ำมันแพงได้เป็นอย่างดี โดยในส่วนของราคาจำหน่ายจะมีการปรับขึ้นจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเพียง 65,000 บาท จึงถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่จะลดลงในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นครั้งแรกในตลาดเมืองไทย ที่มิตซูบิชิในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ทำการผลิตรถกระบะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 ระบบ (Bi-Fuel) ภายใต้มาตรฐานของบริษัทฯ พร้อมการรับประกันนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร” มร.มูราฮาชิ กล่าวสำหรับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ใช้พื้นฐานมาจากรถกระบะเครื่องยนต์เบนซิน โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ ซิงเกิ้ลแค็บ 2.4 GL และเมกะแค็บ 2.4 GLX โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.4 MPI ให้พละกำลังสูงสุด128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเทคโนโลยี Bi Fuel System ที่สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบทั้งก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีและน้ำมันเบนซินรองรับแก๊สโซฮอล์ อี 20 อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วยสวิตซ์เลือกชนิดของเชื้อเพลิงและไฟแสดงระดับของก๊าซที่เหลืออยู่ พร้อมกล่องสมองกลอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการวิเคราะห์และประมวลผลการจ่ายเชื้อเพลิง จึงให้การจ่ายเชื้อเพลิงเป็นไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำตามความต้องการของเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดพลังงานพร้อมการขับเคลื่อนที่นุ่มนวลเมื่อระบบปรับการทำงานจากน้ำมันเป็นก๊าซและจากก๊าซเป็นน้ำมัน

นอกจากนี้ มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี รุ่นซิงเกิ้ลแค็บ ยังคงมาพร้อมกระบะท้ายที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะเพื่อรองรับกับงานบรรทุกหนัก ด้วยการติดตั้งขอเกี่ยวรอบกระบะสำหรับผูกยึดสินค้า ช่วยเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการบรรทุก ในขณะที่รุ่นเมกะแค็บ มาพร้อมกระบะท้ายที่สูงขึ้นกว่าเดิม 57 มิลลิเมตร ที่ช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรทุก พร้อมการติดตั้งถังก๊าซบนกระบะท้ายที่เสริมความลงตัวด้วยพื้นปูกระบะ (Bed Liner) ดีไซน์พิเศษแบบชิ้นเดียว ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ยังสะดวกในการใช้งานและบำรุงรักษาอีกด้วย ในขณะที่ภายในยังคงมาพร้อมห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกกว้างสะดวกสบาย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันในด้านความปลอดภัย มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ปลอดภัยด้วยถังซีเอ็นจี แบบ Type II ซึ่งมีน้ำหนักเบา โดยในรุ่น ซิงเกิ้ลแค็บ มาพร้อมถังก๊าซความจุขนาด120 ลิตรน้ำ ในขณะที่รุ่น เมกะแค็บ มาพร้อมถังก๊าซความจุขนาด 100 ลิตรน้ำ พร้อมการติดตั้ง ลิ้นเปิด-ปิดอัตโนมัติ 2 ตัว โดยตัวแรกติดตั้งบริเวณอุปกรณ์ลดความดัน และตัวที่สองติดตั้งตรงวาล์วหัวถังก๊าซ โดยจะตัดการทำงานของก๊าซอัตโนมัติเมื่อมีก๊าซรั่วไหล ในขณะที่ตัวรถปลอดภัยด้วยตัวถังแบบ RISE BODY พร้อมติดตั้งคานกันกระแทกที่ประตูทุกบาน ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยนพร้อมพาวเวอร์ ผ่อนแรงให้การควบคุมบังคับทิศทางขณะเลี้ยวหรือเข้าโค้งมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ด้วยรัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.7 เมตร

มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ลแค็บ ซีเอ็นจี 2.4 GL มี 2 สีให้เลือก ได้แก่สีขาว และสีบรอนซ์เงิน (สีเมทัลลิค) พร้อมราคาจำหน่ายอยู่ที่ 469,000 บาท และ 476,000 บาท ตามลำดับ ในขณะที่ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ ซีเอ็นจี 2.4 GLX มี 4 สี ให้เลือก ได้แก่ สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ พร้อมราคาจำหน่ายที่ 611,000 บาท

ทั้งนี้ มร.มูราฮาชิ ยังได้กล่าวเสริมถึงการเข้าร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ ว่า นอกเหนือจากการแนะนำไทรทัน ซีเอ็นจี แล้ว ในปีนี้ มิตซูบิชิ ยังได้นำยนตรกรรมรุ่นต่างๆ ร่วมโชว์อย่างคับคั่ง โดยจะเน้นรถยนต์ “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์” ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว พร้อมโชว์ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่นตกแต่งพิเศษ “แรลลี่อาร์ต คอนเซ็ปต์” และ “สมาร์ท คอนเซ็ปต์” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่บริษัทฯ จะนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถแต่งสไตล์สปอร์ต นอกจากนี้ยังมีการแนะนำ มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส รุ่นพิเศษสีขาวมุก (White Pearl) เพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่นนอกเหนือจากการแนะนำไทรทัน เมกะแค็บ พลัส รุ่นพิเศษสีขาวมุก (White Pearl) ไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นอื่นๆ ก็ยังคงถูกนำมาจัดแสดงอย่างครบครัน โดยจะเน้นสีขาวเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รวมไปถึง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี รุ่น 1600 ซีซี. ทั้งนี้จากความหลากหลายของรถรุ่นต่างๆ ประกอบกับข้อเสนอพิเศษที่บริษัทฯ ได้เตรียมมอบให้กับลูกค้า ทำให้เชื่อว่ามิตซูบิชิจะสามารถทำยอดขายในช่วงงานมอเตอร์โชว์ได้กว่า 1,300 คัน
ข้อเสนอพิเศษในงานมอเตอร์โชว์

เงื่อนไขพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิในงานมอเตอร์โชว์ และที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้จนถึง 6 เมษายน

- ดอกเบี้ยต่ำ 1.69% * พร้อมรับฟรีประกันภัย ไดมอนด์ อินชัวรันซ์ ** เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ แลนเซอร์ 1.6 ลิตร ปาเจโร สปอร์ต และ สเปซ แวกอน

- ดอกเบี้ยต่ำ 0.99%* พร้อมรับฟรี ประกันภัย ไดมอนด์ อินชัวรันซ์** เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส ปละ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ

* ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ

** ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมพร้อมทดลองขับยนตรกรรมของมิตซูบิชิได้ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่บูธรถยนต์มิตซูบิชิ หมายเลข A08 ณ ไบเทค บางนา ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2553 – 6 เมษายน 2553 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009

ที่มา: Mitsubishi/Thaidriver

Honda CR-Z ขายถล่มทลายที่ญี่ปุ่น ไทยนำเข้า 2 ราย เปิดราคาที่ 2.29 ล้านบาท


Honda CR-Z ขายถล่มทลายที่ญี่ปุ่น ไทยนำเข้า 2 ราย เปิดราคาที่ 2.29 ล้านบาท
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานว่ายอดสั่งซื้อ Honda CR-Z ที่ญี่ปุ่นมีมากกว่าที่ Honda คาดการณ์ไว้ถึง 10 เท่าตัว จากที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำยอดขายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,000 คัน ซึ่งเริ่มเปิดการขายมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดยอดขายทะลุ 10,000 คันไปเป็นที่เรียบร้อย และยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และด้วยความร้อนแรงนี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ค่ายนำเข้ารถยนต์อิสระ 2 รายของไทยเกาะกระแสหิ้ว CR-Z มาทำตลาดทันที โดย 2 บริษัทที่ว่าก็คือ บริษัท ทีเอสแอ ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TSL) และ บริษัท เบนซ์ รามคำแหง กรุ๊ป จำกัด (BRG) แต่กลับเคาะราคาต่างกันคือ TSL เปิดตัวด้วยราคา 2.49 ล้านบาท ส่วนค่าย BRG เปิดราคาที่ 2.29 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าในรายละเอียดต้องมีเงื่อนไขหรือข้อเสนอแตกต่างกันออกไป?

Honda เตรียมเปิดตัว CR-Z ในยุโรปและอเมริกาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ล่าสุดจากข่าวการเรียกรถคืนของ Honda จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลกระทบในทางลบกับบริษัทฯไปทั่วโลกโดยเฉพาะในอเมริกา อย่างไรก็ตาม การที่คู่แข่งสำคัญอย่าง Toyota Prius เจอมรสุมที่หนักกว่ามาก ก็อาจจะส่งผลดีกับบริษัทฯ ซึ่งการได้ยอดสั่งซื้อแบบถล่มทลายนอกจากเพราะความสดใหม่แล้ว สาเหตุหนึ่งก็อาจจะมาจากการเพลี่ยงพล้ำของ Prius เช่นกัน การที่จะบรรลุยอดขายปีละ 4-50,000 คันจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

Honda เป็นบริษัทผู้ผลิตรถไฮบริดรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกต่อจาก Toyota ในแง่ของปริมาณการผลิต โดยมี Honda Insight เป็นรถไฮบริดสำหรับตลาดมวลชนรุ่นแรกในอเมริกา และจากข้อมูลการสั่งซื้อพบว่า 90% ของลูกค้าเป็นผู้ชาย อายุระหว่าง 30-40 ปีขึ้นไป
สำหรับเมืองไทยจะขายดีเหมือนญี่ปุ่นหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป เพราะราคา 2 ล้านกลางๆก็ถือว่าไม่ถูกเช่นกัน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเป็นรถนำเข้า คนมีตังค์เขาไม่สะทกสะท้านอยู่แล้ว?!!

ที่มา: Honda/WSJ[www.autospinn.com]

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Mazda 2Evil และ Active2 รถแต่งแนวคิดของ Mazda 2 อวดโฉมในงาน LA Auto Show


Mazda 2Evil และ Active2 รถแต่งแนวคิดของ Mazda 2 อวดโฉมในงาน LA Auto Show
เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน Mazda 2 Hatchback ก็มีอะไรมาโชว์ในงาน LA Auto Show ที่กำลังจัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาพร้อมๆกับงาน Thailand International Motor Expo 2009 ในบ้านเรา โดย Mazda ได้อวดโฉมรถแต่งแนวคิดของ Mazda 2 โดยการปรับแต่งรถสุดฮ็อตรุ่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการแต่งรถเป็นงาน อดิเรกในระดับที่สามารถนำไปใช้ขับบนท้องถนนได้ด้วย การแต่งในครั้งนี้ Mazda ได้ออกมาขึ้นมา 2 สไตล์ ทั้งหมด 3 คัน คือ Mazda 2Evil และ Mazda Active 2 ซึ่งมี 2 รุ่นย่อยคือ Snow และ Surf

Mazda 2Evil คือรถแต่งแนวคิดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง ได้รับการออกแบบสปอยเลอร์ด้านหน้าใหม่ พร้อมสเกิร์ตข้าง diffuser และสปอยเลอร์หลังเพื่อการลู่ลมที่ดีขึ้นและรูปลักษณ์ของรถสไตล์สปอร์ท ตัวถังรถมีการทำสีเทา Ceramic พร้อมกระจกข้างสีเขียว Spirited ส่วนล้ออัลลอยใช้ขอบ 17 นิ้วที่ถือว่าใหญโหดทีเดียวสำหรับรถเล็กอย่าง Mazda 2 บริเวณฝากระโปรงยังมีการทำเครื่องหมาย 55 เพื่อเป็นการระลึกถึง Mazda 787B ที่คว้ารางวัลชนะเลิศรายการแข่งรถ Le Mans ในปี 1991

ยังมีรถแต่งแนวคิดอีก 2 รุ่นที่ Mazda ได้นำมาอวดโฉมในครั้งนี้ นั่นก็คือ Mazda Active2 Snow และ Active2 Surf ที่ได้รับการแต่งเหมือนๆกันคือ กันชนหน้า สเกิร์ตข้าง ซึ่งแต่ละคันจะมีการใช้ roof rack ของ Thule ที่ใช้ยึดสโนว์บอร์ดหรือเซิร์ฟบอร์ด โดย Active 2 Snow มีการทำสีขาว Frozen แต่งลายด้วยสีเขียว Spirited ในขณะที่ Active2 Surf ใช้สีสลับกันคือมีสีเขียวเป็นสีหลักแต่งลายด้วยสีขาว รถทั้ง 3 คันนี้ใช้ยาง Yokohama ระบบกันสะเทือน coil over ของ H&R

ที่มา autospinn.com