วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"ดอกส้มสีทอง"ยังป่วนหนัก“นิพิฏฐ์”ไล่บี้ช่อง3

“ดอกส้มสีทอง”ป่วนหนัก“นิพิฏฐ์”จี้ผู้บริหารช่อง 3 ถอด กบว.ทั้งชุด เหตุบกพร่อง วธ. เตรียมเชือดละครน้ำเน่าทุกช่อง
วันนี้(2พ.ค.)จากการที่ผู้ปกครอง โทรศัพท์มาร้องเรียนผ่าน สายด่วนวัฒนธรรม 1765 ของกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้ตรวจสอบละคร “ดอกส้มสีทอง” เนื่องจากมีการแพร่ภาพนำเสนอภาพและเนื้อหาละครที่ ไม่เหมาะสม จนกลายเป็นกระแสสังคมที่ได้มีการวิพากวิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าวอย่างหนักหน่วงช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ตนได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เพื่อขอให้ตรวจสอบเนื้อหาละคร เรื่องดอกส้มสีทอง ซึ่งปรากฏภาพและเนื้อหาไม่เหมาะสม ตามที่มีผู้ปกครองร้องเรียนมายังสายด่วนวัฒนธรรม 1765 ต่อนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสื่อ แล้ว ซึ่งตนคิดว่าปรากฏการณ์ทางสังคม ที่เกิดขึ้นกับละคร ดอกส้มสีทองนั้น สะท้อนให้เห็นสังคมเริ่มตื่นตัว ในการปกป้องสาธารณะ เด็กและเยาวชน และศีลธรรมอันดี มากยิ่งขึ้น หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนเงียบกันหมด ก็จะสะท้อนว่า สังคมเริ่มเหลวแหลก ดังนั้น ผู้ผลิตละคร ต้องระวังมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ตนคิดว่า แม้ว่าขณะนี้ ทางคณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์(กบว.) ช่อง ได้มีการปรับเรตติ้งจาก น.13+ เป็น น.18+ แล้วก็ตาม แต่ตนยังมองว่า ยิ่งเป็นการชี้ชัดว่า กบว. ช่องมีปัญหา หรือมัวไปนั่งหลับอยู่ในเวลาตรวจ ทำให้การพิจารณาละครในช่วงแรก ให้เรต ที่ น.13+ และเพิ่งมารู้ตัวในตอนที่สังคมมาปลุก

รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า วธ.ได้ทำการสำรวจการรับรู้และทัศนคติที่มีต่อเนื้อหาที่นำเสนอในสื่อมวลชน กรณีศึกษา ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ทั่วประเทศ จำนวน 3.5 หมื่นคน ในปี 2554 พบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดเรตติ้ง ดังนี้ ประชาชนรับรู้การจัดเรตติ้ง แต่ไม่รับรู้ถึงสาระของสัญลักษณ์ที่ปรากฎทางหน้าจอโทรทัศน์ ขณะที่สาระของสื่อโทรทัศน์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการจัดเรตติ้งที่มีการแสดงสัญลักษณ์ตัวอักษร ไม่ตรงตามสาระของเนื้อหาละครที่นำเสนอ เช่น ขึ้นเรตติ้ง น.13+ แต่เนื้อหาละคร กลับตรงกับเรตติ้ง น.18 + ที่สำคัญในปัจจุบัน ละครหลายเรื่อง ได้มีฉาก ที่มีเรื่องเพศ ภาษา และความรุนแรงจำนวนมาก ทั้งๆที่ ผู้ประกอบการ ได้มีคู่มือเกี่ยวกับการจัดเรตติ้ง แล้ว แต่กลับจัดเรตติ้งไม่ตรงกับเนื้อหา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงต่อการที่เด็กวัยรุ่นซึ่งอยากรู้อยากลอง มีการเปลี่ยนแปลง และความอ่อนไหวทางด้านร่างกายและอารมณ์ อาจเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตัวอย่างในละคร ทั้งความก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง พฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม จนเกิดปัญหาสังคมตามมา ทั้งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ติดโรคร้าย บางรายผันตัวเป็นสาวบริการจนหมดอนาคตในช่วงชีวิตวัยรุ่น

“จากผลสำรวจ ที่พบว่า ประชาชนมีการรับรู้และเข้าใจกระบวนการจัดเรตติ้งน้อยนั้น ในเรื่องนี้ ผมเห็นว่า เรตติ้งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ แม้แต่ผู้ปกครองก็ยังไม่รู้ว่าเรตติ้งนั้นคืออะไร แล้วเด็กจะรับรู้ได้ยังไง ดังนั้นจะต้องตำหนิ ทาง กบว. ช่องมากๆ ที่มีความบกพร่อง ไม่มีการพิจารณาเรื่องให้เหมาะสมกับเรตติ้ง และขอให้กบว.ช่อง มีวิจารณญาณในการทำหน้าที่ เพื่อไม่ให้สังคมปั่นป่วน และถ้าผมมีอำนาจ ผมก็จะสั่งปลด กบว.ชุดนี้ให้หมด เพราะถือว่าทำงานบกพร่องแล้ว และอยากให้ผู้บริหารช่องทบทวนการทำหน้าที่ของ กบว.ชุดนี้ด้วย การที่ กบว.ตาบอดสี ก็เพราะธุรกิจล้วนๆ ไม่คิดถึงความรับผิดชอบต่อสังคม แทนที่จะมองเป็นสีขาว ก็กลับมองเป็นสีม่วง และขอให้อย่าโยนความผิดให้กระทรวงวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว เพราะเราไม่ใช่จำเลย เรามีหน้าที่มอนิเตอร์สื่อ จับกระแสวัฒนธรรม และสะท้อนออกไปสู่สังคมเท่านั้น ตอนนี้สังคมได้กดดันละครของคุณ แต่มันไม่ได้เกิดจากสำนึกของผู้ผลิตละคร หรือ กบว.ที่ทำให้คุณยอมเปลี่ยนเรตติ้ง เป็น น.18+” รมว.วัฒนธรรม กล่าว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ วธ. จะดำเนินการตรวจสอบเนื้อหาละครทุกช่องให้มากขึ้น โดยเฉพาะละครที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่งต่อไปยังคณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหาโทรทัศน์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ขณะเดียวกันตนเห็นว่าต่อไปการสร้างละคร ควรจะต้องมีการพิจารณาการให้เรตติ้งอย่างเหมาะสมและถี่ถ้วน อย่าสร้างละคร หรือทำอะไรด้วยความอยากของคน และอย่าสนองความอยากของคน เพราะจะทำให้สังคมก็จะเละเทะอยู่ไม่ได้ สิ่งที่ตนหนักใจอย่างเดียวคือ เมื่อกระทรวงได้ออกมาเตือนแล้ว ขอให้คุณฟังเราหน่อย แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนคุณไม่ค่อยฟังเรา ถ้าคุณฟังเราแล้วไปคิด ก็เป็นทำให้สังคมดีขึ้น ถ้าคุณคิดไม่ได้สังคมก็จะต่ำลง ในส่วนนักแสดงที่ออกมาให้ความเห็นว่าละครเรื่องนี้เป็นละครน้ำดี ก็เข้าใจ เพราะทุกอย่างเป็นธุรกิจ และผู้แสดงก็อยากได้กระแสตอบรับที่ดีจากประชาชน ขณะเดียวกันที่นักแสดงออกมาพูดว่า ทุกฉากที่ได้แสดงทุ่มเท เป็นหยาดเหงื่อและต้องใช้พลังสูง นั้น ตนเห็นว่า ถ้าต้องเหนื่อยขนาดนั้นเพื่อเล่นบทที่รุนแรงขนาดนี้ ก็น่าสงสาร แต่อย่าให้เขาต้องลำบากอีกเลย.
ที่มา เดลินิวส์