วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

เผยชุดราตรีหรูชุดที่สองของเจ้าสาวผู้เลอโฉม

เผย ชุดราตรีหรูชุดที่สองของเจ้าสาวผู้เลอโฉม “ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์” ชาวอังกฤษแห่ดูถ่ายทอดสดราชพิธีเสกสมรสจนใช้ไฟสูงเป็นประวัติการณ์ ฮันนีมูนไม่รู้ที่ไหน
วันนี้(30เม.ย.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า ความคืบหน้าของราชพิธีเสกสมรสครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อังกฤษระหว่าง เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ รัชทายาทลำดับ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ พระชนมายุ 28 พรรษา กับ น.ส.เคท มิดเดิลตัน หญิงสามัญชนวัย 29 ปี ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางสักขีพยานผู้ชมทางโทรทัศน์จากทั่วโลก 2 พันล้านคน และ อีกกว่า 1 ล้านคนที่เฝ้าชื่นชมพระบารมีของสองพระองค์ในกรุงลอนดอน

“เคท มิดเดิลตัน” หรือดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาของเจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ หรือ ดยุคแห่งแคมบริดจ์ ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันราชพิธีเสกสมรสครั้งยิ่งใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยกล่าวว่า พระองค์พร้อมด้วยเจ้าชายวิลเลียมทรงมีวันเสกสมรสที่ดีเยี่ยม เพราะอากาศดีฝนไม่ตก ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์มีรับสั่งกับช่างภาพคนหนึ่ง ขณะเสด็จกลับมาจากพระราชวังบัคกิ้งแฮม เพื่อทรงพักผ่อนในช่วงเวลาสั้นๆ และ เปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นชุดราตรียาวสีขาวเปิดไหล่ เป็นผลงานของดีไซเนอร์ ซาราห์ เบอร์ตัน จากห้องเสื้ออเล็กซานเดอร์ แมคควีน จากนั้นก็ได้เสด็จกลับไปงานเลี้ยงเสวยพระกระยาหารค่ำร่วมกับแขกผู้มีเกียรติและพระสหาย 300 คน ณ พระราชวังบัคกิ้งแฮม ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้ประทับด้วยกันคืนแรกที่พระราชวังแห่งนี้ด้วย

หลังจาก เจ้าชายวิลเลียมกับเคท มิดเดิลตัน ได้เสกสมรสตามประเพณีแล้ว แต่การจราจรทางอินเตอร์เน็ตซึ่งมีการถ่ายทอดสดราชพิธีด้วยนั้น ถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับพระราชวงศ์อังกฤษ เพราะมีคนเข้าไปชมเป็นล้านๆคน รวมถึงการแสดงความเห็นในสังคมออนไลน์ บริษัทอาคาไม เทคโนโลยี อิงค์ ซึ่งให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 20% ทั่วโลก ระบุว่า เว็บไซต์ทั่วโลกในช่วงเช้าวันราชพิธีนั้น ทั่วโลกเฉลี่ยแล้วนาทีละ 5.4 ล้านครั้ง ถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 6 แต่ก็ยังน้อยกว่าสถิติสูงสุด นาทีละ 10.4 ล้านครั้ง เมื่อช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกปีที่แล้ว
ใช้ไฟเพิ่มเปิดทีวีดูถ่ายทอด

ชาวอังกฤษผู้นิยมดื่มชาตามธรรมเนียมปฏิบัติได้เผชิญกับประสบการณ์การใช้พลังงานไฟฟ้าสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องจากการเปิดเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อชมการถ่ายทอดสดราชพิธีเสกสมรส เทียบเท่ากับการเปิดกาต้มน้ำร้อนสำหรับดื่มชาเลยทีเดียว โดยบริษัทการไฟฟ้าแห่งชาติ แจ้งว่า กำลังการผลิตของไฟฟ้า 2,400 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเวลา 12.40 น.หลังขบวนรถของเหล่าพระราชวงศ์เสด็จกลับมายังพระราชวังบัคกิ้งแฮม ถือเป็นการใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศ และยังมากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ไฟฟ้าเพื่อเปิดโทรทัศน์ชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับเจ้าหญิงไดอานาเมื่อปี 2524

ด้านหนังสือพิมพ์ของประเทศแถบอ่าวเปอร์เซียต่างเผยแพร่ภาพราชพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียม กับ เคท มิดเดิลตัน ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน แต่กลับว่างเว้นวินาทีสำคัญของการจุมพิตระหว่างคู่บ่าวสาวซึ่งเป็นที่สนใจและยินดีของผู้คนจากทั่วโลก ทั้งนี้เพราะสื่อของประเทศในกลุ่มอาหรับนั้น จะไม่เผยแพร่หรือแสดงภาพอันเป็นการแสดงถึงความรักในที่สาธารณะ แต่ในดูไบซึ่งมีชาวอังกฤษอาศัยอยู่ถึง 1 แสนคนนั้น ตามสถานบันเทิงเช่นบาร์และร้านอาหารที่มีชาวต่างชาติเข้าไปใช้บริการกันมาก ก็มีการเปิดเครื่องรับโทรทัศน์ชมการถ่ายทอดสดเช่นกัน

ฮันนีมูนที่ไหนไม่มีใครรู้ ปัญหาใหญ่หลังจากเสร็จสิ้นราชพิธีเสกสมรส นั่นก็คือ สถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ (ฮันนีมูน) ของคู่วิวาห์ใหม่คู่นี้ เพราะเจ้าชายวิลเลียมทรงลาราชการจากกองทัพอากาศอังกฤษได้ 2 สัปดาห์ แต่เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังก็ไม่เปิดเผยเบาะแสแม้แต่นิดเดียวว่าทั้งคู่จะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันที่ไหน แต่จะออกจากลอนดอนในวันเสาร์ที่ 30 เม.ย.นี้ สถานที่ที่ทั้งคู่น่าจะเลือกก็มีหลายแห่ง เช่น พระตำหนักบัลมอรัลในสกอตแลนด์, เกาะส่วนตัวในทะเลแคริบเบียน, สถานที่ปกปิดในแอฟริกา และ อาจจะเป็นประเทศจอร์แดนก็ได้
ที่มา เดลินิวส์

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

งานอภิเษกสมรสที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของโลก!!

ณ วินาทีนี้เชื่อว่าประชาชนนับพันล้านคนทั่วโลกต่างก็ใจจดใจจ่อเตรียมชมงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ของอังกฤษกับ “เคท มิดเลินตัน” พระคู่หมั้นของเจ้าชายวิลเลียม ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2554 ที่จะมีการถ่ายทอดสอดสดไปทั่วทุกจุดของโลกได้รับชมกัน สำหรับประเทศไทยก็มีโอกาสได้ชมการถ่ายทอดสดพร้อม ๆ กับคนทั่วโลกเช่นกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า “เคท มิดเดิลตัน”จะกลายเป็นเจ้าหญิงผู้เลอโฉม จากผู้หญิงสามัญชนธรรมดาสู่เจ้าหญิงแสนเสน่ห์ โดยเธอมาจากครอบครัวของชนชั้นกลางสู่อนาคตราชินีแห่งอังกฤษ ไม่แปลกใจที่เลยที่เรื่องการอภิเษกสมรสระหว่างเธอกับเจ้าชายวิลเลียมจะเป็นข่าวดีแห่งราชวงศ์อังกฤษ ลบล้างเรื่องที่ผ่านๆมาราชวงศ์อังกฤษ

เรามาทำความรู้จักว่าที่เจ้าหญิง “เคท มิดเดิลตัน” ให้รับทราบกันอีกครั้ง เพื่อให้รู้จักความเป็นมาตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบันนี้ที่กลายเป็นเจ้าหญิงผู้เลอโฉมของพระราชวงศ์กษัตริย์อังกฤษ ซึ่งตามประวัติของว่าที่เจ้าหญิงองค์ใหม่วัย 29 ปีแห่งราชวงศ์อังกฤษ เธอเป็นลูกสาวคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 3 คน เกิดเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2525 ในครอบครัวของชนชั้นกลาง ในแคว้นเบิร์กเชียร์ ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน พ่อของเธอ ชื่อนายไมเคิล ทำงานเป็นนักบิน และ แม่คือนางแคโรล เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จากนั้นทั้งคู่ได้มาลงหลักปักฐานทำธุรกิจจำหน่ายสินค้าทางไปรษณีย์ เป็นอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการจัดงานเลี้ยงปาร์ตี้

นิยายรักบรรลือโลกกับเจ้าชายวิลเลียมของเธอ เริ่มขึ้นที่มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ ในสกอตแลนด์ เมื่อปี 2544 ซึ่งเธอไปศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกัน ณ บ้านเช่าขนาด 4 ห้องนอนซึ่งมีเพื่อนอาศัยร่วมอยู่ด้วย แต่พอถึงเดือนเม.ย. 2547 เธอได้ไปร่วมเล่นสกีประจำปีกับเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งมีพระบิดา เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และ พระอนุชา เจ้าชายแฮร์รี เสด็จไปด้วย ทำให้เหล่าปาปารัสซีพากันคลั่งที่ได้รูปการสนิทสนมของทั้งสอง ต่อมามีข่าวว่าทั้งคู่แยกทางกันในปี 2550 สืบเนื่องจากเจ้าชายวิลเลียมต้องเสด็จไปปฏิบัติภารกิจทั่วประเทศในฐานะนักบินฝึกหัดของกองทัพอังกฤษ สื่อประเภทแทบลอยด์ จึงตั้งสมญานามว่าให้เธอว่า “เคที่ผู้รอคอย” เมื่อไม่สามารถทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงในเรื่องการวิวาห์กับเจ้าชายผู้งามสง่า นอกจากนั้นสื่อยังหาว่า เธอแทบไม่ได้ทำอะไรกับชีวิตของเธอเลย นอกจากรอราชรถมาเกยจากเจ้าชายวิลเลียม

แต่ในที่สุดสื่อเองต่างหากที่ต้องกลับมามะรุมมะตุ้มรุมรักเคท มิดเดิลตันในปี 2550 เพื่อรอถ่ายภาพหน้าแฟลตที่พักของเธอในกรุงลอนดอน มาเป็นกองทัพจนถูกนำไปเปรียบเทียบกับเจ้าหญิงไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระมารดาของเจ้าชายวิลเลียมนั่นเอง ซึ่งสิ้นพระชนม์เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

แล้วในที่สุดทั่วโลกก็ได้เป็นสักขีพยานของการประกาศหมั้นเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากนั้น เจ้าชายวิลเลียม กับพระคู่หมั้นได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมาด้วยการปล่อยเรือกู้ชีพลำใหม่ที่เกาะแองเจลซีย์ แคว้นเวลส์ เพื่อเป็นการทดสอบเบื้องต้นว่า ต่อไปนี้ทั้งสองคนจะต้องอยู่ในความสนใจของสื่อไปจนกว่าจะถึงพิธีอภิเษกสมรสในวันศุกร์ที่ 29 เม.ย.นี้ ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ท่ามกลาวสักขีพยานผู้คนหลายร้อยล้านทั่วโลกที่จะได้ชมพิธีอภิเษกสมรสผ่านทางสถานีโทรทัศน์เครือข่ายต่างๆ

ส่วนเจ้าชายวิลเลียมผู้ทรงสง่างามนั้นเล่า ประสูติเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2525 ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ ย่านแพดดิงตัน ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน พระนามเต็มของพระองค์คือ วิลเลียม อาร์เธอร์ ฟิลิป หลุยส์ ปัจจุบันทรงมีพระชนมายุ 28 พรรษา เป็นพระโอรสองค์โตของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และ เจ้าหญิงไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงเริ่มเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนมิสซิสไมเนอร์ส จากนั้นไปเรียนต่อที่โรงเรียนวีเธอร์บายในลอนดอนจนถึงปี 2533 แล้วไปต่อที่โรงเรียนลุดโกรฟในเบิร์กเชียร์จนถึงปี 2538 จึงเข้าเรียนต่อที่อีตัน คอลเลจ และไปศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยเซนต์ แอนดรูว์ ในสกอตแลนด์ ทรงสำเร็จการศึกษาด้านภูมิศาสตร์ในปี 2548

เจ้าชายวิลเลียมมีพระชนมายุ 15 พรรษา ขณะที่เจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดาสิ้นพระชนม์ในเดือน ส.ค.2540 ด้านการรับราชการทหารนั้น เจ้าชายวิลเลียมทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สท์ของกองทัพบกอังกฤษ ในฐานะนักเรียนนายร้อย และเข้าประจำการในฐานะนายทหารต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งอังกฤษ เมื่อเดือน ธ.ค. 2549 ทรงสังกัดกองทหารม้า ยศร้อยตรี ต่อมาทรงสำเร็จการศึกษาและได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นนักบินหน่วยกู้ภัยและค้นหาของกองทัพอากาศอังกฤษเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว

ทั้งสองจะเป็นคู่สมรสที่ถูกจับตามองจากทั่วโลกว่า หลังจากงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมกับ “เคท มิดเดิลตัน” ผ่านไปแล้ว จะทรงดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปที่จะทำให้ประชาชนคนทั้งโลกรักชื่นชม และอยู่ในความทรงจำของคนทุกมุมโลกตลอดไป.
งานอภิเษกสมรสที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของโลก!!
ทีมข่าวต่างประเทศ รายงาน
ที่มา เดลินิวส์

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

โซนี่มิวสิคแจ้งจับ “มาช่า” ละเมิดลิขสิทธิ์เพลงเรียก 100 ล้าน

ผู้รับมอบอำนาจ บริษัท โซนี่มิวสิค ยุโรป ให้การตำรวจ บก.ปอศ หลังหุ้นส่วนแจ้งจับ “มาช่า” ฐานละเมิดลิขสิทธิ์เพลง I’m back พร้อมเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านยูโร หรือเกือบร้อยล้านบาทไทย

วันนี้ (25 เม.ย.) เวลา 12.00 น. น.ส.ภัทรธร แสงจันทร์ศรี อายุ 34 ปี ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท โซนี่มิวสิค ยุโรป เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สถาพร รอดโพธิ์ทอง รอง ผกก.3 บก.ปอศ.เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีแจ้งความดำเนินคดีต่อ นางมาช่า วัฒนพานิช และผู้จัดการ กรณีละเมิดลิขสิทธิ์เพลง I’m back โดย น.ส.ภัทรธร แสงจันทร์ศรี ให้การว่า เมื่อราวปลายปี 2553 นางมาช่า วัฒนพานิช ได้ร่วมกันทำอัลบั้มเพลงกับนายซีริว ชาวฝรั่งเศส จนเดือนมกราคม 2554 นางมาช่าได้จดทะเบียนบริษัท มาช่า โปรดักชั่น จำกัด ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นการร่วมหุ้นกันของคนทั้งคู่ ต่อมาประมาณกลางเดือนมีนาคม 2554 ได้มีแผนเปิดตัวอัลบั้มเพลง I’m back ของมาช่า โดยทำออกมาในหลายรูปแบบ ทั้งเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต หรือโชว์ตัวตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นไปโดยนายซีริวไม่ได้มีส่วนรับรู้

น.ส.ภัทรธรให้การอีกว่า จนกระทั่งวันที่ 14 มีนาคม 2554 นายซีริวจึงแจ้งเป็นวาจาส่งจดหมาย และอีเมลไปยังมาช่าเพื่อให้หยุดการเผยแพร่เพลง I’m back แต่ยังพบมีการเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ จนในเวลา 11.00 น.วันที่ 8 เมษายน 2554 นายซีริวจึงให้ทนายความเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.หญิง ยุพิน เฉลิมประเวศวงษ์ พงส.สบ.1 กก.3 บก.ปอศ. ข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เพลง I’m back พร้อมเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านยูโร หรือเกือบร้อยล้านบาทไทย

น.ส.ภัทรธรให้การต่ออีกว่า จนวันที่ 22 เมษายน 2554 มาช่าได้ให้ตัวแทนมาเจรจากับตัวแทนของนายซีริว ที่ บก.ปอศ.แต่การเจรจาไม่เป็นผล ซึ่งจากนี้ไปนายซีริวจะดำเนินคดีต่อมาช่าให้ถึงที่สุด แต่อย่างไรก็ตามหากมีข้อเสนอใหม่ๆ ก็พร้อมที่จะเจรจากันได้

ด้าน พ.ต.ท.สถาพร รอดโพธิ์ทอง รอง ผกก.3 บก.ปอศ.กล่าวว่า คดีลิขสิทธิ์สามารถยอมความกันได้ทุกขั้นตอน ซึ่งแล้วแต่คู่กรณีจะตกลงกัน แต่หากประสงค์จะดำเนินคดีตามกฎหมายทางพนักงานสอบสวนก็ว่าไปตามหลักฐานต่อไป

"มาช่า วัฒนพานิช -นายซีริว ชาวฝรั่งเศส"

น.ส.ภัทรธร แสงจันทร์ศรี ผู้รับมอบอำนาจ บริษัท โซนีมิวสิค ยุโรป เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีแจ้งความดำเนินคดีกับมาช่า วัฒนพานิช และผู้จัดการกรณีละเมิดลิขสิทธิ์เพลง I’m back พร้อมเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านยูโร
ที่มา โดยผู้จัดการ

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

ธัญญ่า เตรียมฟ้องหย่า เป๊ก หลังสามีไม่ยอม

ทำใจได้แล้ว นางเอกหน้าเด็ก ธัญญ่า ธัญญาเรศ เปิดใจ เตรียมฟ้องหย่าสามี เป๊ก สัณชัย เองตระกูล หลังเคยพูดคุยเรื่องหย่ากับฝ่ายชายมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ เป๊ก สัณชัย ไม่ยอม ยันคุยกันด้วยดี พร้อมเผยตอนนี้อยากใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาสักระยะก่อน ไม่พร้อมกลับเมืองไทย

ธัญญ่า ธัญญาเรศ เปิดใจข้ามทวีป ผ่านรายการ ไนน์เอ็นเตอร์เทน ว่าตอนนี้เตรียมฟ้องหย่า เป๊ก สัณชัย หลังฝ่ายชายไม่ยอม

''ตัวเราเองก็ก้าวออกมาเยอะพอสมควรแล้ว และเราก็ตัดสินใจแล้วว่าเราอยากจบความเป็นสามี ภรรยา คือตอนนี้ความต้องการของเราสองคนมันต่างกัน คนนึงอยากหย่า คนนึงไม่อยากหย่า คราวนี้ถ้าตกลงกันไม่ได้มันก็ต้องพึ่งศาล (พี่เป๊กว่ายังไง?) ตัวเขาบอกว่าไม่ได้อยากหย่า เขาบอกว่ายังรักเราและรักลูกอยู่ ถ้าต้องฟ้องก็ไม่เป็นไร ก็ฟ้องเอาแล้วกัน แล้วถ้าต้องถึงขั้นนั้นจริงๆ อย่าโกรธกันแล้วกัน เราคุยกันด้วยดี ตอนนี้ธัญญ่าเหนื่อยกับปัญหาที่เกิดขึ้น มันยังหาทางออกไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจอยู่ที่อเมริกาก่อน มันก็มีความสุขดี เหมือนเราดึงตัวเองออกมาจากปัญหาตรงนั้น ตอนแรกมันยากเหมือนกัน แต่พอมาถึง ณ จุดนี้มันสบายใจแล้วค่ะ''
ที่มา Sanook

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

"บรู๊ค"ยัน"กบ สุวนันท์"คลอดลูกสาว

อดีตพระเอกดัง"บรู๊ค"ยืนยัน"กบ สุวนันท์"คลอดแล้ว ได้ลูกสาว ที่โรงพยาบาลสมิติเวช

วันนี้ (22 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากแต่งงานกับนายดนุพร ปุณณกันต์ หรือบรู๊ค มาเกือบ 2 ปี ในที่สุดแฟนคลับของนางเอกละครชื่อดังก็ได้เฮ เมื่อนางสุวนันท์ ปุณณกันต์ หรือกบ ได้คลอดลูกสาวแล้วเมื่อเช้านี้ ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ซึ่งก่อนหน้านี้นางเอกสาวกล่าวถึงการมีลูกคนแรกว่ารู้สึกมหัศจรรย์มากๆ คนไม่เคยมีคงไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ดีใจมาก แล้วรู้สึกเป็นห่วงลูก กังวล เวลาปวด จะกังวลว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า หัวใจยังเต้นอยู่ไหม ส่วนบรู๊คเห่อลูกมาก เพราะเขาบอกให้กบคอยฟังป๋องแป๋งไว้

"ตอนแรกก็งงว่าเสียงป๋องแป๋งคืออะไร แต่พี่บรู๊คมาเฉลยว่าเป็นเสียงตกกระป๋อง คือเขาแซวกบ ว่าอีกหน่อยมีลูก ระวังกบจะตกกระป๋อง ตอนนี้พี่บรู๊คสรรหาซื้อของมาให้กินเยอะมาก พอไม่กินก็บังคับ บอกว่าซื้อมาให้ลูกกิน ไม่ได้ซื้อมาให้กบกิน เวลากบแกล้งเขา เขาก็จะมาลูบท้อง แล้วบอกให้น้องแผลงฤทธิ์ใส่ ซึ่งกบก็รู้สึกเหมือนโดนแผลงฤทธิ์จริงๆ นะ เพราะจะรู้สึกไม่สบาย พะอืดพะอม ไม่รู้เหมือนกัน ว่าพี่บรู๊คอยากได้ลูกชายหรือหญิง แต่เท่าที่ฟังๆ เขาคุย ก็รู้สึกว่าอยากได้ผู้หญิง" กบกล่าว.
ที่มา เดลินิวส์

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

เจอเอเลี่ยนกลางหิมะ! (คลิปเจอมนุษย์ต่างดาวที่รัสเซีย)

ที่แถบไซบีเรีย ไม่ใกล้ไม่ไกลจากแดนหมีขาว ชาวรัสเซียบันทึกภาพวิดีโอขณะพบซากบางอย่างที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นเอเลี่ยน หรือมนุษย์ต่างดาว นอนแน่นิ่งไร้สัญญาณชีพกลางหิมะ สภาพร่างของเอเลี่ยนเหมือนได้รับบาดเจ็บ จนเสียขาไปหนึ่งข้าง

วิดีโอที่ว่านี้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ยูทูป ตั้งแต่วันอาทิตย์(17 เม.ย.) ที่ผ่านมา โดยวิดีโอชิ้นแรกต้นเรื่องมีผู้เข้าชมกว่า 9 แสนครั้ง ซึ่งยังไม่นับรวมก๊อปปี้วิดีโอที่ถูกเผยแพร่แยกย่อยออกไปอีก

แม้ภาพดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริง หรือโอ้ละพ่อ โอ้ละแม่ แต่งขึ้นมาแหกต่างชาวโลก แต่เดอะซัน จอมแฉก็รายงานข่าวนี้ไปเรียบร้อย พร้อมถามไถ่ไปยังหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง จนได้รับการยืนยันว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่มีรายงานการพบเครื่องบิน จานบิน หรือวัตถุประหลาดใดๆ บนท้องฟ้าเลยสักนิด แต่เรื่องนี้ยังไงก็คงต้องสืบกันต่อไป เพราะชาวบ้านลือกันว่า ก่อนพบเอเลี่ยนมีคนเห็นจานบินปล่อยแสงสีชมพู-ฟ้าปรากฎให้เห็น
เจอเอเลี่ยนกลางหิมะ! (คลิปเจอมนุษย์ต่างดาวที่รัสเซีย)

ที่มา เดลินิวส์,YouTube

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

รวบผัวเมียชวนสวิงกิ้งผ่านเว็บไซด์

รวบผัวเมียชวนหนุ่มตีตั๋วเล่นเซ็กซ์หมู่ ผ่าน“สวิงกิ้งดอทคอม” ตร.ล่อจับได้คาหนังคาเขา แจ้งข้อหาค้าประเวณี-ธุระจัดหา

วันนี้ (19 เม.ย.) พ.ต.อ.สุพัฒน์ พึ่งพวง ผกก.ดส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รองผกก. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายศราวุธ ฉินนิกร อายุ 34 ปี บ้านอยู่ จ.อุบลราชธานี กับ นางวรรณา ปานท่าไม้ อายุ 31 ปี ชาว จ.ชุมพร สามีภรรยา ผู้ต้องหาเป็นธุระจัดหาเพื่อให้มีการค้าประเวณี และเข้าติต่อชักชวน แนะนำตัวหรือรบเร้าเพื่อการค้าประเวณี พร้อมของกลางเงินสด 1,500 บาท จับกุมได้ที่โรงแรมเวียงสำราญ เลขที่ 149 ตรอกสาเก ถนนตะนาว แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนตรวจตราและควบคุม พบข้อความโฆษณาที่ผู้ต้องหาทั้งสองโพสต์ในเว็บไซด์สวิงกิ้งดอมคอม ชักชวนให้ชายหนุ่มที่ชอบเล่นเซ็กซ์หมู่หรือสวิงกิ้ง ให้มาร่วมสวิงกิ้งกับผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นสามีภรรยากัน แต่ต้องเสียค่าร่วมสนุกครั้งละ 500 บาท พร้อมกับระบุเบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อให้ผู้ที่สนใจติดต่อกลับเพื่อนัดหมายวันเวลาและสถานที่ ร.ต.อ.กิตติเมธ โชติปิติเจริญรัตน์ รองสว.งานสืบสวนตรวจตราและควบคุม จึงวางแผนล่อซื้อบริการทางเพศจากผู้ต้องหา โดยนัดหมายกับผู้ต้องหาในตอนบ่ายวันเดียวกันนี้ที่โรงแรมเวียงสำราญ พอถึงเวลานัดหมายผู้ต้องหาทั้ง 2 เดินทางมาจึงบจับกุมตัวได้

ที่มา เดลินิวส์

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

ระทึก!! หนุ่มคลั่ง บุกขึ้นเวที SNSD ฉุดนักร้องสาว แทยอน

ระทึก!! หนุ่มคลั่ง บุกขึ้นเวที SNSD ฉุดนักร้องสาว แทยอน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2554 ณ ลานไอซ์สเก็ต LOTTE เขตซงพา กรุงโซล เกิร์ลกรุ๊ป โซนยอชิแด (SNSD) ร่วมโชว์พิเศษในงาน ‘Angel Price Music Festival’ ช่วงที่ 2 โดยในวันนี้ โซนยอชิแด ขึ้นโชว์พร้อมกับเพลง ‘Run Devil Run’ ซึ่งในระหว่างที่พวกเธอร้องเพลง ได้เกิดมีชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้นไปบนเวที พร้อมกับจับแขนของ แทยอน และพยายามลากเธอลงมาจากเวที แต่ด้วยการเข้าควบคุมจากทีมงานทำให้สามารถระงับเหตุในครั้งนี้เอาไว้ได้

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้แฟนคลับต่างกังวลถึงความปลอดภัยของแทยอนและกลัวว่าเธอจะตกใจ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพแทยอนก็ได้โชว์บนเวทีต่อไปจนจบลงได้อย่างเรียบร้อยดี

ชาวเน็ตกล่าวคนหนึ่งกล่าวว่า “เห็นเลยว่า แทยอนตะลึงมาก เธอจะตกใจขนาดไหนนะ”

ด้านผู้จัดการทีมงานโซนยอชิแดเปิดเผยว่า ตอนนั้นเสียงบนเวทีไม่ค่อยดี เราก็นึกว่าทีมงานขึ้นไปเพื่อเปลี่ยนไมค์ของเธอ จนเกิดเรื่องขึ้น ในอนาคตเราต้องเพิ่มฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น

สำหรับคนที่เข้าช่วย แทยอน จากหนุ่มคลั่ง ก็คือ โอจองแท (Oh Jung Tae) ซึ่งทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงาน

ขอบคุณข้อมูลจาก PINGBOOK
ที่มา MThai

พายุ“ทอร์นาโด”พัดถล่มสหรัฐตาย40ศพแล้ว

ทอร์นาโดพัดถล่มในช่วง 3 วันที่ผ่านมาในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน รัฐนอร์ธแคโรไลนา โดนถล่มถึง230ลูก

วันนี้ (18 เม.ย.) ศูนย์พยากรณ์พายุ ของสำนักงานสภาพอากาศ และสมุทรศาสตร์แห่งชาติสหรัฐ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเกิดทอร์นาโดขึ้นใน สหรัฐอย่างน้อย 230 ลูก ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยที่รัฐนอร์ธ แคโรไลนา นั้น เบื้องต้น นับทอร์นาโด ได้มากถึง 90 ลูกแล้ว แต่การนับยังไม่จบสิ้น โดยทางด้าน นาย จัคกี เจอราส นักพยากรณ์อากาศของซีเอ็นเอ็นระบุว่า หากนับแล้วเสร็จนั้นจะถือว่าเป็นการทำลายสถิติจำนวนทอร์นาโดในประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้ทีเดียวทั้งนี้ ตามปกติ รัฐนอร์ธ แคโรไลนา จะเจอกับทอร์นาโดราว 19 ลูกในแต่ละปี เท่านั้น

ส่วนที่เขตเบอร์ตี ของรัฐนอร์ธ แคโรไลนา นั้นถือเป็นพื้นที่ๆได้รับความเสียหายมากทีสุด มีรายงานเบื้องต้นว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ศพ และอีก 50 รายถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน บ้านเรือนมากกว่า 70 หลังคาเรือนถูกทำลายยับนาย เบฟ เพอร์ดู ผู้ว่าการรัฐนอร์ธ แคร์โรไลนา ก็ประกาศภาวะฉุกเฉินขึ้นทั้งรัฐเช่นกัน พร้อมประกาศลั่นจะช่วยประชาชนในทุกทางที่ทำได้ และหากต้องการ ซึ่งในขณะนี้ ผลกระทบจากทอร์นาโด ทำให้มีบ้านเรือนที่ถูกตัดขาดไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่ที่ 143,000 ครัวเรือน ขณะที่ทางด้าน นายบ็อบ แมคโดนัลด์ ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นทันที หลังจากที่หลายพื้นที่ของรัฐไดรับความเสียหายหนัก

ขณะที่รัฐเวอร์จิเนียนั้น ทอร์นาโดได้พัดถล่มหลังคาโรงเรียนแห่งหนึ่งจนปลิวว่อน ถอนรากถอนโคนต้นไม้ปลิวขึ้นและตกลงขวางถนน สร้างความเสียหายหนักให้กับระบบไฟฟ้า ทำให้ประชาชนราว 9,300 คนไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนที่บริเวณ หุบเขาเชอร์แนนโดห์ ทางตะวันตกของรัฐนั้น ได้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันขึ้น ทำให้มีเด็กคนหนึ่งถูกกระแสน้ำกลืนหายไปด้วย.
ที่มา เดลินิวส์

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

"เต๋า-สมชาย"นอนคุก15วันในคดีตืบโกตา

เต๋า-สมชาย เข็มกลัด นอนคุกลำปาง15วัน 11-25เม.ย. หลังจากศาลฎีกาไม่รับคำร้อง คดีทำร้ายร่างกาย“โกตา”

วันนี้ 13 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ “ยุ้ย” อัฐมาศ อัศววิมล ภรรยาของเต๋า- สมชาย เข็มกลัด ศิลปินนักร้องนักแสดงผู้อื้อฉาว เดินทางเข้าเยี่ยมเต๋า-สมชาย ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานกักขังกลางจังหวัดลำปาง อ.เมือง จ.ลำปาง โดยเต๋า-สมชายซึ่งอยู่ในชุดนักโทษ ได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ต้องขังในช่วงเทศกาลปีใหม่เมืองลำปาง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เครียด

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลแขวง จ.ลำปาง ได้เรียกตัวเต๋า-สมชาย มารายงานตัวกับศาลฎีกา เพื่อให้รับทราบผลการพิพากษาและได้รับโทษ หลังจากศาลฎีกาไม่รับคำร้องขอฎีกา จากคดีที่เต๋า-สมชายลงมือทำร้ายร่างกายนายวีรชาติ เด่นสิริกุล หรือ“โกตา” จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะคนเจ็บกำลังนั่งกินบะหมี่เกี๊ยว อยู่ในร้านบะหมี่เกี๊ยวกลางเมืองลำปาง เมื่อวันที่ 5 ม.ค.52

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาตัดสินจำคุกเต๋า-สมชาย เป็นเวลา 15 วัน และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น หลังจากนั้นเต๋า-สมชายยื่นเรื่องขอต่อสู้ในศาลฎีกา แต่ศาลฎีกาไม่รับคำร้องขอฎีกา จึงถือว่าสิ้นสุดคดี รวมระยะเวลาการต่อสู้คดีนี้ 2 ปี 3 เดือน ศาลจึงเรียกตัวเต๋า-สมชายมารับโทษติดคุกเป็นเวลา 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 11-25 เม.ย.54

สำหรับประวัติของเต๋า-สมชาย เกิดเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2517 ที่กรุงเทพฯในครอบครัวยากจน ต้องอยู่กับย่ามาโดยตลอด เริ่มเข้าศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนท่าเรือวิทยา และศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนเทพศิรินทร์ ต่อมาเข้ารับราชการทหาร 2 ปี (ทหารเกณฑ์) สังกัดกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ส่วนชีวิตคู่เคยสมรสกับ“นัท มีเรีย”นักร้องสาวชื่อดัง และได้หย่ากัน หลังจากนั้นเต๋า-สมชายได้แต่งงานอยู่กินกับ“ยุ้ย” อัฐมาศ อัศววิมล รองผอ.ฝ่ายการตลาดของนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง ปัจจุบันมีพยานรักด้วยกัน 2 คน

เต๋า-สมชายเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากการชักนำของ“พจน์ อานนท์”ให้ไปถ่ายแบบลงหนังสือ ก่อนจะมีผลงานด้านการแสดงละครและภาพยนตร์ตามมาหลายเรื่อง รวมทั้งเป็นนักร้องในสังกัดอาร์เอส โปรโมชั่น โดยช่วงชีวิตที่ผ่านมาเต๋า-สมชายต้องถูกคุมประพฤติ จากคดีทำร้ายร่างกายนายเฉลิมชัย แสงสุวรรณ อายุ 24 ปี ศาลตัดสินจำคุก 3 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม 4 ครั้ง และต่อมาในปี 52 ก่อเหตุทำร้ายนายวีรชาติ หรือ“โกตา” ทำให้ต้องเข้าไปนอนคุก 15 วัน ในช่วงสงกรานต์ปีนี้
"เต๋า-สมชาย"นอนคุก15วันในคดีตืบโกตา
ที่มา เดลินิวส์

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

'พลอย เฌอมาลย์'เธอคนนี้มี'ศรัทธาแห่งรัก'แต่ไม่คาดหวังกับ'ความรัก'ครั้งนี้!!!

"พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" นักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกจับตามอง และแน่นอนในช่วงปีที่ผ่านมา ข่าวคราวของเธอมีให้เราเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่มากมาย ทั้งข่าวดีและข่าวที่อ่านแล้วต้องตกใจ ซึ่งนั่นแสดงให้เราเห็นว่า เธอเป็นคนดัง ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน และโดยเฉพาะเรื่องความรักกับ “ต้าร์ หรือ นาวิน เยาวพลกุล” ที่นับวันความหวานจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน และความรักครั้งนี้มาพร้อมกับข่าวลือต่าง ๆ นานา ที่ออกมาในระยะหลัง และด้วยความที่เธอเป็นนักแสดงคิวทอง เราต้องตามติดไปถึงกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” ที่ยกกองกันไปถ่ายทำถึงยอดดอย จังหวัดเชียงใหม่ และในช่วงว่างระหว่างพักกอง เราถึงจะได้พูดคุยกับเธอ เอาล่ะตอนนี้เธอพร้อมแล้ว เราไปคุยกับเธอกันเลยดีกว่า “พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์”

เวลามีข่าวเยอะ ๆ พลอยผ่านมาได้ยังไง

“ทำใจอย่างเดียวเลยค่ะ ต้องเข้มแข็ง คือพลอยเป็นคนปากจัดตั้งแต่เด็ก กล้าว่าฉันงี้ ฉันก็กล้าว่ากลับ พลอยรู้สึกว่ามนุษย์ทุกคนก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัวเองได้ แต่บางทีในกรณีที่เราปกป้องตัวเอง มันกลับทำให้คนมองว่าเราไม่เคารพสื่อ เราโวยวาย บางทีเราก็โกรธนะ ว่าทำไมเขาไม่คิดว่าเขากำลังล้ำเส้นเราอยู่ ไปเมืองนอกก็หาว่าเราไปรีดลูก คือถ้ามองตามกันในกฎหมาย ถ้าพลอยฟ้อง พลอยก็ชนะนะ แต่พลอยขี้เกียจ มีเรื่องมีราวไม่จบเป็นปี เสียเวลาพลอยเปล่า ๆ กับเรื่องไร้สาระ แต่กับบางเรื่องพลอยก็ปล่อยวางไปค่ะ”

มีคนบอกว่า การเป็นคนดัง มันต้องแลกกับการเสียความเป็นส่วนตัว พลอยเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?

“คือเมื่อก่อนก็คิดอย่างนั้นนะ แต่พอตอนหลังมานั่ง คิดไปคิดว่าเราก็แบบเอ๊า....เราก็เสียเปรียบดิ ถ้าการเป็นนักแสดงที่ดี ทำไมเราต้องแลก ทำไมเราต้องยอมเสมอล่ะ คือบางครั้งเราก็ต้องอยู่ให้เป็นเล่นให้เป็นว่ามันเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่เราต้องปฏิบัติ แต่ถ้ามันมีการลบหลู่หรือว่าไม่เคารพกันแล้วเนี่ย ก็ต้องลุยกันนิดหนึ่ง เพราะพลอยก็เชื่อว่าเราเองก็เป็นเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน อยู่บนโลกใบเดียวกัน แล้วทำไมไม่ปฏิบัติต่อกันดี ๆ”

แล้วถึงวันนี้ พลอยคิดว่าตัวเองเดินมาถูกทางแล้วยัง?

“ตอนแรกไม่มั่นใจ คิดว่าตัวเองมาไม่ถูกทาง คือเล่นอะไรไปไม่อินเลย ตอนนั้นเด็กแล้วก็ยังติดเพื่อน ยังอยากเที่ยวเล่นตามวัย แต่มาอินกับงานจริง ๆ ตอนอายุ 17 หม่อมน้อย พันธุ์เทวนพ เทวกุล ท่านเรียกไปคุยด้วย ไปแคสบทละครเรื่องลูกทาส ก็เข้าคลาสเรียนแอ๊คติ้งอาทิตย์ละ 6 วัน ตอนนั้นก็เลยเริ่มชอบ เริ่มรู้ว่า....เออ เขาคิดกันอย่างนี้เอง เขาทำกันอย่างนี้เอง ถึงจะถูกต้อง แต่ตอนเด็ก ๆ เราไม่รู้อะไรเลย เทคนิคการแสดงเป็นยังไง ความคิดของตัวละครเป็นยังไง ตอนนั้นพลอยไม่รู้ เลยไม่ชอบงานตรงนี้ เราไม่มีของแล้วเราต้องไปปล่อยของต่อหน้าคน มันไม่มีความมั่นใจ เราไม่รู้อะไรถูกอะไรผิด แล้วก็ถูกด่ากลับมาตอนนั้น ตอนนั้นก็คิดว่ามาด่าฉันทำไม สอนก็ไม่สอนแล้วมาด่าฉันทำไม ก็เลยงอแง แต่พอโตมาก็เริ่มสนุก เพราะเรารู้แล้วว่าการแสดงที่ดีเป็นยังไง เรามีของแล้ว”

เวลาถูกจับตามองมาก ๆ พลอยไม่อึดอัดเลยเหรอ?

“โชคดีที่เป็นคนไม่คิดมาก แต่ไม่ได้เป็นคนมั่นใจอะไรนักหนานะคะ แต่พลอยคิดว่า พลอยเกิดมามีชีวิตเดียว วนเวียนตายเกิด แล้วไม่รู้ว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้นชาตินี้ก็ขอใช้ชีวิตให้มันเต็มที่ไปเลยแล้วกัน ตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นของมนุษย์ ให้รู้จักผิดหวัง ให้เรียนรู้ในการเดินเส้นทางที่ผิด ให้มันเรียนรู้บาดแผล ว่ามีแผลแล้วเป็นยังไง แต่ถ้าลองไม่เจ็บก็ไม่จำ ถ้าไม่มีบทเรียนก็ไม่ได้เรียนรู้”

พลอย เคยกลัวอะไรบ้างไหม?

“พลอยกลัวผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก กลัวตรงนี้แหละ เราว่าเราจะไม่ทำอีกแล้วนะ แต่พอมารู้ตัว เราทำมันอีกแล้วเหรอ คือบางทีเราก็พยายามบอกตัวเองว่า อย่าให้อารมณ์มันอยู่เหนือเหตุผล แต่บางทีพลอยก็ชอบคิดไปว่า ถ้าเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ทั้งหมด มันก็ไม่ใช่คนแล้วนะ มันหุ่นยนต์ไปไหม เพราะเรายังมีหัวใจ จนบางครั้งเราก็เลยกลัว กลัวที่จะให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ก็พยายามควบคุมตรงนี้ แต่บางทีก็เอาไม่อยู่ รู้ตัวอีกทีเราก็เอ๊า...เราผิดอีกแล้ว (หัวเราะ) เลยกลัวตรงนี้แหละค่ะ กลัวผิดแล้วผิดอีก”

ขอถามเรื่องความรักบ้าง ดูเป็นคู่รักที่มีความสุขมาก มีวิธีการดูแลความรักยังไง?

“อย่างแรกที่ให้เลยคือ พลอยให้ความเชื่อใจ พลอยให้เต็มที่ แต่ถ้าใครมาทำลายตรงนั้นแล้ว พลอยจะไม่เชื่อใจอีกเลย ทีนี้พี่ต้าร์เขาเป็นคนที่แบบอดทนมาก เพราะพลอยเองรู้ตัวว่ามีอะไรแย่ ๆ ในตัวเยอะ คือมีอะไรเราก็โวยวายไว้ก่อน แต่พี่ต้าร์เขาใจเย็น เขาอดทนมาก เขาเป็นคนที่เชื่อใจพลอยมาก และพลอยก็เชื่อใจเขามาก เขาไม่เคยทำอะไรให้พลอยหนักใจ ที่เหลือมันบอกไม่ได้มันเป็นเซ้นส์ ไม่รู้จะอธิบายยังไง อีกอย่างพลอยไม่จุกจิก ไม่เซ้าซี้ ถ้าพลอยให้ความไว้วางใจแล้ว เชื่อใจแล้วอย่าทำลายเด็ดขาด ถ้าทำแล้วมันเหมือนใจสลายเลยนะ อยากทำอะไรทำไม่เคยว่า ใส่ใจกันบ้างก็พอ แต่พี่ต้าร์เขาเป็นคนที่น่ารักมาก เป็นคนที่พลอยรู้สึกสบายใจ”

ผู้หญิงเราเวลาเริ่มรักใครส่วนมากเริ่มด้วยร้อย ของพลอยเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?

“ไม่ค่ะ พลอยเริ่มต้นคบพี่ต้าร์ เริ่มจากศูนย์ แล้วก็ศูนย์ ศูนย์ ตลอด (หัวเราะ) จนเขาพูดเลยว่าเรารู้จักกันเกือบปี เมื่อไหร่น้องพลอย จะรักพี่ต้าร์บ้าง คือเขารู้สึกว่าพลอยไม่เชื่อเขาเต็มที่ ยังพะวง ยังระแวง เหมือนแบบไม่กล้าที่จะรักเต็มที่ เหมือนเราระวังตัวมาก คือพักหลังพลอยระวังมากจริง ๆ และอีกอย่างพลอยก็ทดสอบเขาเยอะด้วย ร้ายใส่ก็แล้ว อะไรก็แล้ว ก็อืม.....ทนนะ (หัวเราะ) คือพลอยหาบททดสอบแกล้งโน้นนี่นั้นแต่เขาก็อดทนมากนะ นั่นก็แสดงว่าเขาผ่าน คือพี่ต้าร์เขาเป็นคนดีจริง ๆ ดีจนเราไม่อยากจะเชื่อ ก็คิดว่าเขาจะดีเฉพาะช่วงต้นหรือเปล่า แต่ไม่พี่ต้าร์เขาเสมอต้นเสมอปลาย”

แล้วให้พี่เขาเต็มร้อยตอนไหน?

“ก็ตอนที่คบกันมาปีหนึ่งแล้ว ก็ดูเขามาเรื่อย ๆ หลาย ๆอย่าง”

กับพี่ต้าร์เห็นหวานกันตลอด แล้วเคยมีทะเลาะกันบ้างไหม?

“อยู่แล้ว กับแม่ยังทะเลาะกันอยู่ทุกวันเลย (หัวเราะ) คือพลอยงอนบ่อย เมื่อก่อนยอมคนอื่นมาเยอะ พอวันนี้เลยเอาแต่ใจตัวเองเยอะเหมือนกัน แต่พี่ต้าร์เขาก็จะมีวิธีง้อของเขา เขาก็จะทำอะไรให้กิน พี่เขาทำอาหารเก่ง เขาจะเอาของกินมาล่อจนบางทีเราก็ลืมไปว่างอนอยู่ (หัวเราะ)”

กับความรักครั้งนี้ พลอยมองถึงเรื่องการแต่งงานแล้วยัง?

“ไม่ค่ะ ใจเย็น ๆ พลอยไม่ศรัทธาเรื่องแต่งงาน พลอยโตมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ พ่อ แม่เลิกกันตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อไม่เลี้ยงเรา พ่อไม่เอาเรา พ่อไม่เคยภูมิใจที่มีลูกสาว แล้วคุณแม่ก็เลี้ยงเรามา มันเลยทำให้พลอยไม่ค่อยเชื่อ ไม่ค่อยศรัทธาในเรื่องของการแต่งงาน แต่ศรัทธาในเรื่องของความรักมากกว่า พลอยว่าการแต่งงานมันจัดขึ้นก็เพื่อสังคมเท่านั้น แค่ประกาศให้เขารู้ว่าเป็นสามี ภรรยา กันแล้วถูกต้องตามกฎหมายแค่นั้นเอง แต่พลอยเชื่อว่า ความรักสำคัญกว่า ไม่ต้องแต่งก็ได้ถ้ารักกันก็อยู่ด้วยกันตลอดไป มีครอบครัว มันคือสิ่งสำคัญมาก มากกว่าชุดแต่งงานเสียอีก”

แล้วทะเบียนสมรสล่ะ?

“ไม่จำเป็นเหมือนกันค่ะ พลอยไม่ศรัทธาเลย แค่กระดาษใบเดียวเอง”

ต้าร์ว่าไงเรื่องนี้?

“เขาเห็นด้วย เขาบอกว่าถ้าวันหนึ่งเขาอยากจะมีครอบครัว เขาก็บอกว่าเขาเข้าใจเรา ก็แค่กระดาษใบหนึ่ง แค่แหวนวงหนึ่ง แค่งานเลี้ยงงานหนึ่ง แค่นั้นเอง มันไม่สำคัญเท่ากับใจของทั้งสองคนว่ามันเป็นยังไง พลอยว่าเรื่องนี้มันต้องใช้เวลา”

กับความรักครั้งนี้ มั่นใจแค่ไหน?

“ไม่ค่อยมั่นใจอะไรเลย เอาแค่วันนี้ ตอนนี้พอ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะ แต่พลอยไม่มั่นใจอะไรเลย เพราะทุกอย่างมันไม่แน่นอน ก็ใจเย็น ๆ ดู ๆ กันไป เอาแค่ทุกวันนี้เขาดีกับเรา ก็ถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีมากพอแล้ว”

ถือว่าเธอเป็นสาวมั่นยุคใหม่จริง ๆ สำหรับผู้หญิงคนนี้ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ กับความคิดความอ่านในเรื่องความรักที่โตขึ้นตามวัย ส่วนเรื่องนั้นเร็ว ๆ นี้เธอจะมีภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” มาให้เราได้ชมกันอย่างแน่นอน เรียกว่าบทในเรื่องนี้นั้นไม่ได้ง่ายกว่าเรื่องก่อน ๆ เลยสักนิด แต่จะยากอย่างไรนั้น ต้องไปติดตามกันในโรงภาพยนตร์นะจ๊ะ”.
'พลอย เฌอมาลย์'เธอคนนี้มี'ศรัทธาแห่งรัก'แต่ไม่คาดหวังกับ'ความรัก'ครั้งนี้!!!
เรื่อง คนกลาง / เอื้อเฟื้อภาพ : โฟโต้บุ๊ค ไพร้เวท พลอย เฌอมาลย์ บาย ธาดา วารีช
ที่มา เดลินิวส์

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

'ชมพู่'จัดเต็มลีลาเลิฟซีนหนุ่มๆ!ร้อนแรงทะลุจอ!!

แค่ออนแอรร์ตอนแรก ก็ทำเอาคนฮือฮา สำหรับละคร "ดอกส้มสีทอง" ทางช่อง 3

โดยเฉพาะฉากเลิฟซีนของสาว "ชมพู่"อารยา เอ.ฮาร์เก็ต ในบท "เรยา" สาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่ที่เกิดมามีรูปเป็นทรัพย์ แต่ใช้ไปในทางผิดศีลธรรม

ซึ่งในเรื่อง "ชมพู่" ต้องเข้าฉากเลิฟซีนกับหนุ่มๆ ถึง 4 คน และแต่ละฉากที่เล่น เรียกว่าเป็นเลิฟซีนที่ดุ
"ทางเราพยายามทำให้ออกมาเบาที่สุดแล้ว หลีกเลี่ยงให้น้อยที่สุด ถ้าจะไม่ให้มีเลยก็ไม่ได้ เพราะเป็นที่มาของเรื่อง" ผู้กำกับฯ "หมี"โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์ กล่าวถึงบทเลิฟซีนของเรยา

จากนั้นก็ยกตัวอย่างว่า "อย่างการที่ตัวละครอย่าง สินธร ผู้บริหารสายการบินที่โอ๊ต-วรวุฒิ (นิยมทรัพย์) แสดง เอาเรยา (ชมพู่-อารยา) เป็นเมียน้อย เรยาก็ต้องยอมเสียตัวใช้ความสาวและสวยแลกกับงาน ซึ่งเราพยายามทำให้น้อยที่สุด เพราะเป็นสื่อทีวีมีเยาวชนดู เราต้องรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งทางช่อง 3 ก็ขึ้น น.18 ไว้"

นอกจากเลิฟซีนกับ "โอ๊ต-วรวุฒิ" แล้ว ชมพู่ยังต้องมีเลิฟซีนกับ "โป๊ป"ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ "เลิฟซีนกับโป๊ปนี่จะน้อยหน่อย อย่างเก่งแค่จับมือหอมแก้ม เพราะคบกันแบบเพื่อน ฝ่ายชายอาจจะชอบ แต่เป็นคนดีที่ไม่ล่วงเกินฝ่ายหญิง เป็นเลิฟซีนน่ารักๆ"
ส่วนเลิฟซีนกับ "อั๋น"วิทยา วสุไกรไพศาล ที่รับบท ก้องเกียรติ ผู้กำกับฯ บอก ก็มีเหมือนกัน แต่เพราะในเรื่องอั๋นมีอุดมคติในชีวิตคือมีภรรยาคนเดียว ทำให้ตัวเรยาต้องเป็นฝ่ายรุก อ่อยเต็มที่

สำหรับเลิฟซีนกับ "หลุยส์ สก็อต" ที่รับบท เกียรติกร น้องชายก้องเกียรติ ผู้กำกับฯ เผยว่า "เกิดจากที่ตัวก้องเกียรติส่งเรยากับลูกมาอยู่เมืองนอก เพื่อไม่ให้เมียหลวงกับเมียน้อยเจอกัน แล้วเผอิญน้องชายเรียนจิตแพทย์ที่นิวซีแลนด์ พอเรยาเจอเกียรติกรก็จำไม่ได้ เธอตกหลุมรักเกียรติกร การแสดงออกจึงเหมือนรักของหนุ่มสาว"

ในบรรดาหนุ่มทั้ง 4 คนนี้ บทเลิฟซีนที่ดูดุเดือดที่สุด ต้องยกให้ "โอ๊ต-วรวุฒิ" "เพราะในเรื่องเหมือนโอ๊ตจะสอน เพราะเขามีครอบครัวแล้ว ส่วนเรยาเหมือนเปิดซิง" ผู้กำกับฯ กล่าว และแง้มต่อว่า "ส่วนเลิฟซีนกับอั๋น เหมือนตัวละครเรยาชำนาญแล้วก็ใช้ลีลาเหล่านั้นที่เคยได้รับมาใช้กับอั๋นเพื่อจับอั๋นให้ได้ ส่วนกับหลุยส์เหมือนปั๊ปปี้เลิฟ ส่วนโป๊ปก็เป็นเลิฟซีนแบบน่ารักๆ ใสๆ"
ต่อข้อถามว่าในฐานะผู้กำกับฯ มองการแสดงของ "ชมพู่" กับบทนำในละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร เขากล่าวว่า "ผมว่าเขามีความสามารถด้านการแสดง รับรู้และเข้าใจง่ายว่าทำไมตัวละครเรยาถึงคิดแบบนี้ทำแบบนี้ เพราะถ้าชมพู่ไม่เชื่อในตัวละครจะแสดงออกไม่ได้ ทั้งอินเนอร์ทางสายตาและน้ำเสียง"

"หลังเขาอ่านบทและคุยกับผมถึงคาแร็กเตอร์ตัวละคร พอเราตีโจทย์ไปในทางเดียวกันแล้วงานออกมาลงตัว เขาจะเข้าใจว่าทำไมต้องเล่นแรงขนาดนั้น พอเข้าใจแล้วพัฒนาการทาง การแสดงของชมพู่ดี ดีตรงที่สื่อให้คนดูรับรู้ได้ว่าเรยากำลังทำอะไร คิดอะไร วางแผนอะไรอยู่ คนดูก็เชื่อตามในสิ่งที่เขาแสดงออกมา ชมพู่เต็มที่กับการแสดงไม่มีอิดออด"

"ผมว่าเขาใช่เลยกับบทเรยา ถือว่าสุดยอดฝีมือและครบเครื่องจริงๆ แพรวพราว ไม่ว่าจะเป็นการใช้แววตา น้ำเสียง หรือแอ๊กชั่นท่าทางจริต จะก้าน เขาทำงานออกมาเป็นเรยาอย่างที่ผมฝันไว้" หมี-โชติรัตน์ กล่าวชม

หลังละครออกอากาศเป็นอย่างไรบ้าง ผู้กำกับฯ แง้ม "ภาพรวมเสียงตอบรับดี มีคนชมการแสดงของชมพู่ ชอบตัวละครตัวนี้ และเข้าใจว่าคือการแสดง ผมแฮปปี้ที่คนดูดูแล้วเชื่อ ไม่แอนตี้ เพราะละครค่อนข้างแรง"
โลเกชั่นหลาก-วิวสวย

จบละคร "มงกุฎดอกส้ม" ผู้จัดรุ่นใหญ่ "หน่อง"อรุโณชา ภาณุพันธุ์ แห่งค่ายบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น ก็สานต่อภาค 2 เรื่อง "ดอกส้มสีทอง" ที่ได้นักแสดงเด่นมาเพิ่มสีสัน โดยตัวหลักที่ขาดไม่ได้คือ "ชมพู่" อารยา เอ.ฮาร์เก็ต กับ บท "เรยา"

ร่วมด้วย หลุยส์ สก็อต, "โดนัท"มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล, "ไอซ์"อภิษฎา เครือคงคา, "โอ๊ต"วรวุฒิ นิยมทรัพย์, "โบว์"เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์, "โป๊ป"ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงชุดเดิมไม่ว่าจะเป็น นก-ฉัตรชัย ในบทเจ้าสัว อั๋น-วิทยา กับบท ก้องเกียรติ นก-จริยา กับบทคุณนายที่หนึ่ง จอย-รินลณี คุณนายที่สอง กิ๊บซี่-วนิดา คุณนายที่ 4 ฯลฯ

และที่พิเศษในภาคนี้เห็นจะเป็นเรื่องโลเกชั่นที่บุกไปถ่ายทำกันถึงประเทศนิวซีแลนด์

"การถ่ายทำ ดอกส้มสีทอง ยากกว่า มงกุฎดอกส้ม ตรงที่โลเกชั่นภาคนี้หลากหลายกว่า อย่าง มงกุฎดอกส้ม มีแค่บ้านเจ้าสัว แต่เรื่องนี้หลากหลายโลเกชั่นมาก และมีโลเกชั่นต่างประเทศที่นิวซีแลนด์ มีโอ๊กแลนด์, โรโตรัว, เนเปียร์ เป็นเมืองที่อยู่ในเกาะเหนือ"

"การทำงานที่ต่างประเทศค่อนข้างสมบุกสมบันมากๆ แต่ในความสมบุกสมบันก็มีความราบรื่นเพราะการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์อำนวยความสะดวก ไปที่นั่นเก็บวิวสวยๆ หลายแห่ง อย่างโอ๊กแลนด์ก็มีความสวยแบบโมเดิร์นๆ ส่วนเมืองเมเปียร์จะสวยแบบคลาสสิค มีบ้านสวยๆ หลังใหญ่ๆ มีระเบียงดอกไม้ ตึกจะเก่าๆ หน่อย ส่วนโรโตรัวมีน้ำพุร้อน มีน้ำตกที่ผ่านช่องแคบสวยมาก มีพวกบ่อโคลน"

"โดยโลเกชั่นที่นิวซีแลนด์ในเรื่องมีประมาณ 15-20% มีอยู่ประปรายตลอดเรื่อง"

สำหรับแก่นของละครที่ต้องการนำเสนอ "หมี-โชติรัตน์" กล่าวว่า "เป็นการนำเสนอว่า การมีภรรยาหลายคนทำให้ชีวิตครอบครัวไม่มีความสุข และภาคนี้เป็นเรื่องของ เรยา หญิงสาวที่มีความฝันอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ โดยคิดว่าการมีเงินมีทองทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข ผนวกกับความที่เธอไม่พอใจในสิ่งที่เป็น เธอเป็นลูกคนใช้ในบ้านเจ้าสัว และมองเห็นชีวิตคุณหนูๆ อยู่สุขสบาย แล้วตัวเองถูกข่มเหงรังแกก็ยิ่งกดดันมีความทะเยอทะยาน"

ถามถึงชื่อละคร "ดอกส้มสีทอง" มีแฝงความหมายอะไรหรือเปล่า ผู้กำกับฯ แจง "ชื่อเรื่อง "ดอกส้มสีทอง" เกิดจากที่เจ้าของบทประพันธ์คือ คุณถ่ายเถา สุจริตกุล ตั้งชื่อมาให้ลิงก์กับ "มงกุฎดอกส้ม""

"ซึ่งความหมายที่ชัดเจนน่าจะมีความหมายถึงผู้หญิงที่ไม่ดี อย่างที่ทุกคนรู้กันคือ โกลเด้น ฟลาวเวอร์ (Golden Flower) มันเหมือนเป็นชื่อสแลง" ผู้กำกับฯ ทิ้งท้าย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

หนุ่มศรรามผิดคิวกระดูกหัวไหล่คอเคลื่อน

หนุ่ม-ศรราม แสดงละคร มือปราบพ่อลูกอ่อน ประสบอุบัติเหตุถ่ายทำฉากบู้ ผิดคิวกระดูกหัวไหล่กระดูกคอเคลื่อน
วันนี้ 7 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ ดารานักแสดงละคร มือปราบพ่อลูกอ่อน ของผู้จัด ต้น-ณฐนนท์ ชลลัมพี ค่ายชลลัมพี ประสบอุบัติเหตุขณะกำลังถ่ายทำฉากบู้กับ บอย AF 3 สิทธิชัย ผาบชมพูผิดคิวกระดูกหัวไหล่กระดูกคอเคลื่อนเข้าโรงพยาบาล หมอสั่งพักยาว เหตุเกิดเมื่อ เวลาประมาณ 11.00 น. ณ โรงแรมมนเทียรริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร ขณะที่กองถ่ายละครเรื่องมือปราบพ่อลูกอ่อน กำลังถ่ายทำคิวบู๊ ระหว่าง หนุ่มศรราม เทพพิทักษ์ กับ บอย AF 3 สิทธิชัย ผาบชมพู ซึ่งเป็นฉากที่ศรรามต่อสู่กับบอย AF 3

โดยก่อนถ่ายทำ ผู้จัดได้ให้อาจารย์ชัยเฉลิม ณ สวาท อาจารย์คิวบู้ ทำการซักซ้อมคิวบู้เพื่อความแม่นยำ ซึ่งทั้งคู่ก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ ผู้กำกับ บุ๋ม-ปกาศิตเห็นว่านักแสดงจำคิวบู๊ของตัวเองได้แล้วจึง เริ่มถ่ายทำ โดยบอย AF กระชากแขนศรรามอย่างแรงเพื่อล๊อคแขนไพล่หลังเป็นการจับกุม ขณะนั้นหนุ่มรู้สึกปวดแปล๊บที่หัวไหล่ แต่คิดว่าไม่เป็นอะไรก็เลยพยายามที่จะถ่ายต่อจนกระทั้งจบฉาก ทีมงานพยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.20 น. ศรรามรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ไหว ผู้จัดเห็นอาการไม่ค่อยดี จึงให้ทีมงานพาไปส่งที่โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในขณะนั้นเพื่อความปลอดภัย โดยแพทย์ได้ทำการเอ็กซ์เรย์อย่างละเอียด พบว่ากระดูกหัวไหล่และกระดูกคอเคลื่อนจะต้องเข้าเผือกและพักงานประมาณ 2 สัปดาห์

ที่มา เดลินิวส์