วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ลือ "เจได" กรีดข้อมือประชด “เบสท์” รีบโต้เป็นอุบัติเหตุ ปัดมีปากเสียง

“เบสท์” ปัดทะเลาะ “เจได” รุนแรงถึงขั้นฝ่ายชายเอากระจกกรีดข้อมือตัวเอง แจงเป็นอุบัติเหตุแฟนหนุ่มถูกเพื่อนแกล้ง รับทะเลาะอีกฝ่ายถี่ แต่ไม่กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ สาเหตุมาจากนิสัยต่างกัน ไม่เกี่ยวความเจ้าชู้ของฝ่ายชาย

เพิ่งปรับความเข้าใจหวานแหววกันได้ไม่นาน สำหรับคู่รักวัยใส “เบสท์ ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์” กับดีเจหนุ่มร่างบึ้ก “เจได ไพศาล ลิ้มจินดานุวัฒน์” แต่จู่ๆ กลับมีข่าวลือออกมาอีกว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างหนักหน่วงรุนแรง ถึงขั้นฝ่ายชายทุบกระจกเอามากรีดข้อมือตัวเอง จนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล ซึ่งงานนี้สาวเบสท์ออกมายืนยันว่า เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับแฟนหนุ่มเท่านั้น

“พอดีพี่เขาเกิดอุบัติเหตุค่ะ เหมือนเขานอนอยู่ในห้องจัดรายการ แล้วตอนตื่นขึ้นมามีพี่ๆ กำลังแกล้งกันอยู่ ทำให้มือไปโดนตู้กระจกแล้วบาดที่ข้อมือพี่เขาที่ด้านขวา ก็เย็บไป 6 เข็ม ไม่ได้หนักหนาอะไรมากมาย แต่ตอนนี้ก็ขยับแขนขวาไม่ค่อยได้ ขับรถก็ต้องขับมือซ้าย ไม่ใช่ว่าเราทะเลาะกันจนมีเรื่องมีราวอะไร คือที่เบสท์ไม่ได้ไปโรงพยาบาลด้วย เพราะตอนที่พี่เขาเกิดอุบัติเหตุตัวเบสท์ไม่ทราบ มือพี่เขาเองก็ขยับไม่ได้เลย ไม่สามารถที่จะโทรบอกใครได้เลย ทางเอไทม์ฯก็พาเขาไปโรงพยาบาลเอง”

“เรื่องมีปากเสียงจริงๆ แล้วเราเองก็ยังมีเรื่องทะเลาะกันนิดหน่อย ไม่ได้อะไรมาก แต่ที่เขาเกิดอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับที่เราทะเลาะกัน มันไม่ได้ขนาดนั้นจริงๆ พี่เขาเองยังบอกเลยเดี๋ยวคนจะคิดว่า พี่กรีดข้อมือทำร้ายตัวเอง เพราะมันเกือบโดนเส้นเลือดใหญ่ มันก็น่ากลัวเหมือนกัน คือยังโชคดีที่มันไม่อันตรายมาก แต่แผล 2 นิ้วเลย แต่ยืนยันว่าแผลที่เกิดไม่ได้เกิดจากที่พี่เขาไปชกกระจก มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ก็เลยบอกพี่เขาไว้ว่า จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังหน่อย อย่าแกล้งกันแรงมาก คนที่เขาแกล้งก็เสียใจนะ เขาก็รู้สึกผิด เหมือนพี่เขานอนหลับอยู่ในห้องจัดรายการไง ก็เลยไปแกล้งล็อกคอเล่น แล้วพี่เขาก็สะบัดออกแล้วเหมือนมือดันไปโดน”

“พอรู้ข่าวก็เป็นห่วงมาก พี่เขาโทรมาบอกว่าตอนนี้อยู่โรงพยาบาลนะ มาเย็บ 6 เข็ม เราก็ถามว่าพี่เขาอยู่โรงพยาบาลอะไร เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องมา พี่ๆ ทีมงานจะดูแลให้ เราก็เป็นห่วง พี่เขาก็จะเขียนสเตตัสบีบีไว้ว่า บีบีตอบกลับไม่ได้นะ เพราะพิมพ์ไม่ได้เลยจริงๆ ซึ่งพี่เขาเองก็ยังไม่ได้ทำงานปกตินะคะ แต่เขาสปิริตมากๆ คืองานที่รับไว้ทั้งหมดก็ไม่ได้แคนเซิลเลย เบสท์เองตอนแรกก็อาสาจะขับรถให้ แต่เขาบอกว่าไม่เอา...พี่กลัวตาย กลัวเจ็บหนักกว่าเดิม (หัวเราะ) เพราะเบสท์เองก็เพิ่งหัดขับรถได้ไม่ถึงปี เขาก็เลยอย่าดีกว่า พี่กลัวจะเจ็บยิ่งกว่าเดิม”

รับทะเลาะแฟนหนุ่มถี่ สาเหตุมาจากความแตกต่าง ไม่เกี่ยวข่าวฝ่ายชายเจ้าชู้ แต่ยันความสัมพันธ์ไม่สั่นคลอน

“คือยอมรับว่าเราทะเลาะกันบ่อยจริง แต่ความสัมพันธ์ก็ยังเหมือนเดิม เราเองอาจจะมีปัญหาบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่เบสท์ก็พยายามใจเย็น คุยๆ กัน เหมือนลองปรับความเข้าใจกันดูว่าปัญหามันมาจากอะไร แล้วเราต้องแก้ไขในส่วนไหน ปัญหามันไม่มีเรื่องของผู้หญิงคนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความไม่เข้าใจ ความชอบที่แตกต่างกันมากกว่า บางทีพี่เขาจะบอกว่าที่เบสท์ทำเขาไม่ค่อยชอบ ส่วนที่พี่เขาทำเราก็ไม่ชอบ ก็เลยจะทะเลาะกันแบบนี้มากกว่า หรือบางทีเราตั้งชื่อสเตตัสตัดพ้อ ก็อาจจะด้วยความที่เรายังเป็นวัยรุ่น ก็จะเล่นทวิตเตอร์ เฟซบุ๊กหรือบีบีก็ตาม บางทีตั้งชื่อประชดนิดๆ หน่อยๆ เขาก็จะแบบน้องนะ...ตั้งชื่อแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งเราเองก็เข้าใจเขา เวลาเขามาอ่านบางทีก็คงรู้สึกว่า ทำไมโกรธเขา งอนเขาอีกแล้วเหรอ”

“เขาเองก็พยายามลดนะ เราก็พยายามจะไม่เขียน ก็บอกเขาว่าพี่เอง...ก็อย่าทำให้หนูน้อยใจอีก ถ้าพี่ไม่ทำให้หนูน้อยใจ หนูก็ไม่เขียนหรอก ก็บอกเขาอย่างนี้ เขาก็บอกโอเค เราก็พยายามคุยๆ กัน อาจจะยังมีบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่พี่เขาก็พยายามง้อนะ จริงๆ คนอาจจะมองว่าเหมือนเบสท์ที่เป็นคนง้อพี่เขา แต่จริงๆ เบสท์ไม่ได้ง้อนะ อย่างวันนั้นที่สัมภาษณ์คู่กับพี่เจได ซึ่งดูเหมือนว่าเบสท์จะค่อนข้างพูดแรงในลักษณะเหมือนไม่รักษาน้ำใจพี่เขา ก็ได้ออกมาขอโทษแล้ว แต่คนก็คิดไปว่าเหมือนพี่เจไดไม่เอาแล้ว ก็เลยต้องออกมาขอโทษ”

“พอดีมีคนถามเบสท์ค่อนข้างเยอะว่า พี่เขาบอกเลิกเราใช่ไหม ซึ่งเบสท์เองก็บอกกับเขาไปว่าไม่จริงเลย แต่พี่เจไดอาจจะไม่มีโอเคได้ออกมาพูดสักเท่าไหร่ อย่างเบสท์เองได้ออกงาน ได้มาเจอพี่ๆ สื่อก็เลยได้พูดมากกว่าพี่เขา เบสท์เองก็รู้สึกผิดกับพี่เขาจริงๆ ก็เลยออกมาขอโทษ”
ลือ "เจได" กรีดข้อมือประชด “เบสท์” รีบโต้เป็นอุบัติเหตุ ปัดมีปากเสียง
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ข่าวฮาๆโดนหลอกจับนม!

สาว ๆ เจ้าของอกไข่ดาวหลายคน ฝันอยากมีอกตูม ดูม ดูม เพิ่มความเซ็กซี่ ถึงขั้นบางรายยอมลงทุนไปอัพไซส์เสริมอึ๋มด้วยการทำศัลยกรรม อย่างที่ สองสาวอกเล็กแห่งไอดาโฮ แดนมะกัน ได้พบหมอศัลยกรรมด้วยความบังเอิญ

เธอทั้งคู่ได้พบกับศัลยแพทย์สาว ‘เบอร์ลีน อัสเซียโชวน่า’ ที่ตกลงรับทำนมเพิ่มขนาดอกให้กับพวกเธอ แต่จะต้องผ่านการตรวจรูปเต้าทรงเสียก่อน นำมาซึ่งการเปิดเสื้อ ปลดยกทรง โชว์เนินอกให้คุณหมอได้ทั้งลูบคลำและจิ้มบีบ

เมื่อเสร็จขั้นตอนการตรวจและการประเมินก่อนผ่าแล้ว หมอมือมีดรายนี้จึงจัดแจงนัดวัน พร้อมส่งเบอร์โทรศัพท์คลินิกของหมอให้ยกหูไปคอนเฟิร์มก่อนวันนัด ครั้นถึงเวลาต้องติดต่อ พวกเธอโทรฯ ไปตามเบอร์ที่ได้ ปลายสายแจ้งชื่อคลินิกแห่งหนึ่ง แต่ไม่ยักมีชื่อหมอศัลยกรรมชื่อ เบอร์ลีน

งานนี้สองสาวพาเต้าที่ถูกหลอกจับฟรี ๆ ไปแจ้งตำรวจให้ทราบถึงความไม่ชอบมาพากล เมื่อเช็คประวัติอาชญากรรมผลที่ได้ระบุว่า หมอเบอร์ลีน ยังมีอีกชื่อเรียก อย่าง คริสติน่า รอส แต่ยังคลุมเครือว่า เขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ แต่ในที่สุดโปลิสก็สามารถจับกุมตัวหมอเก๊รายนี้ได้

ดีนะที่ยังไม่เสียเงิน ไม่อย่างนั้นซวยสองเด้ง ดึ๋ง ดั๋งแน่.

ข่าวฮาๆโดนหลอกจับนม!
ที่มา เดลินิวส์

สาวภาพหลุดแค่แฟนรุ่นน้อง 'แมน' ยันชอบสาวหมวย

หลังจากเลิกรากับอดีตภรรยา เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน ไป นักแสดงหนุ่ม แมน-ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ ก็ดูจะมีความสุขกับชีวิตโสดเสียเหลือเกิน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีภาพควงสาวหมวยหลุดออกมา และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีภาพควงสาวผิวคล้ำออกมาอีก ล่าสุดเจอหน้าแมนในงานเปิดตัวละครเวที “เคนลี่กับก๊วนขี้เล่น” ที่เอสพลานาด จึงสอบถามเจ้าตัวซะเลยว่าสาวคนนั้นที่ควงเป็นใครกันแน่

แมน กล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนของรุ่นน้อง ไม่ใช่แฟนผม ผมชอบผู้หญิงหมวยผิวขาว แต่ไม่ได้ว่าน้องผู้หญิงคนนั้นผิวคล้ำนะ วันนั้นที่ถูกถ่ายรูปก็ไปกัน 5-6 คน ไปงานเปิดตัวกางเกงยีนยี่ห้อหนึ่ง แต่ผมกับน้องผู้หญิงคนนั้นอาจจะแต่งตัวคล้ายกัน ใส่แว่นดำเหมือนกัน คนก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนกัน ผมเห็นแล้วล่ะว่ามีคนถ่ายรูปยังหันไปยิ้มให้กล้องเลย”

ภาพหลุดออกมา รุ่นน้องว่าอย่างไร? “ผมพูดกับรุ่นน้องตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าคอยดูนะเดี๋ยวต้องมีคนเอาภาพไปลง ซึ่งก็มีจริง ๆ น้องเขาไม่ว่าอะไร เป็นเรื่องที่สื่อเอาไปเขียนให้เป็นประเด็นขึ้นมา อีกอย่างผมก็ยังไม่มีแฟนใหม่ชัดเจน เป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องถูกจับตามอง” ...ตอนนี้มีคบใครหรือยัง... “เมื่อไหร่ที่ผมคิดว่าใช่หรือพร้อมก็จะออกมาบอก เพราะเข้าใจว่าสมัยนี้หลบสายตาสื่อยาก นอกจากจะเป็นสื่อที่ทำหน้าที่โดยตรงแล้ว ยังมีประเภทพวกถ่ายรูปแล้วเอาภาพไปส่งหนังสือต่าง ๆ อีก จริง ๆ ผมก็มีคนที่คุยด้วยอยู่ เขาไม่ใช่คนในวงการ เขาก็คงไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องเจอ เราเองก็ไม่อยากให้เขารู้สึกอึดอัด เขาไม่พร้อมและไม่อยาก ออกสู่สาธารณชน”.
สาวภาพหลุดแค่แฟนรุ่นน้อง 'แมน' ยันชอบสาวหมวย
ที่มา เดลินิวส์

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แย้มไต๋“พระราชินีคามิลลา”

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงเผยเป็นครั้งแรกว่า คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ พระชายาของพระองค์ อาจได้รับการสถาปนาเป็นพระราชินี หากพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์

ทั้งนี้ ความเห็นของรัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งราชวงศ์อังกฤษ มีขึ้นระหว่างการบันทึกเทปการให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวเอ็นบีซี ของสหรัฐ เมื่อเดือน ส.ค. ซึ่งได้นำมาเผยแพร่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของอังกฤษ เมื่อคืนวันศุกร์ และได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างสูง เนื่องจากเจ้าชายวิลเลียม พระโอรสองค์โตของพระองค์ และเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 เพิ่งจะประกาศการหมั้นหมายกับสาวคนรัก น.ส.เคท มิดเดิลตัน

ตามกฎหมาย คามิลลา จะได้เป็นพระราชินี หากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระสวามี ขึ้นครองราชย์ แต่ในช่วงที่ทั้งสองอภิเษกสมรส เมื่อปี 2548 เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เธอมีแผนที่จะรับแค่อิสริยยศ “เจ้าหญิงพระชายา” มากกว่า “พระมเหสี” และจากผลของโพลสำรวจความคิดเห็นก่อนหน้านี้ พบว่า ชาวอังกฤษส่วนใหญ่ไม่ปรารถนาจะเห็น “พระราชินีคามิลลา” โดยสาเหตุส่วนหนึ่งก็เนื่องจากยังมีความเห็นใจ สงสารเจ้าหญิงไดอาน่า พระชายาองค์แรกของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ที่สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่กรุงปารีส เมืองหลวงฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2540.
ที่มา เดลินิวส์

ยอดซากทารกพุ่ง2,002ศพ

สลดเจอแฝด3คู่ “จุรินทร์” นำทีมค้นเชื่อมีผู้ทำผิดอีก ตร.เต้นจ่อเรียกดาราสาวสอบด้วย ด้านซีเอ็นเอ็นตีข่าวฉาวทั่วโลก

จากเหตุสลดที่พบซากทารกถูกทำแท้ง 348 ศพ ถูกเก็บในโกดังเก็บศพของวัดไผ่เงินโชตนาราม ย่านบางคอแหลม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม น.ส.รัญฉกร จันทมนัส วัย 33 ปี ผู้ช่วยพยาบาลที่เปิดคลินิกทำแท้งเถื่อนย่านหนองแขมได้ และสารภาพว่านำซากทารกไปจ้างให้สัปเหร่อของวัดไผ่เงินฯทำลาย ตำรวจจึงไปจับกุมสัปเหร่อวัดไผ่เงินคือ นายสุเทพ ชะบางบอน กับ นายสุชาติ ภูมี ผู้ช่วยสัปเหร่อ วัดไผ่เงิน ที่ให้การว่า ยังมีซากทารกที่ถูกทำแท้งอีกเป็นพันๆซากซ่อนอยู่ตามช่องเก็บศพในโกดัง เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น

ชาวบ้านนำของเซ่นไหว้
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันนี้ ( 20 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา บรรยากาศบริเวณหน้าโกดังเก็บศพในวัดไผ่เงินโชตนาราม ถนนจันทน์ ซอย 43 แยก 22 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม สถานที่เก็บซากทารกนับพันร่าง มีประชาชนนับร้อยพากันเดินทางมาที่วัดโดยซื้อนมกล่อง กล้วย และพวงมาลัย มาเซ่นไหว้วิญญาณโดยวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปต่างๆ นานา ขณะเดียวกัน พระครูวิจิตร สรคุณ เจ้าอาวาส ที่มีข่าวว่าอาพาธตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ออกมานั่งสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ แต่ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

“จุรินทร์”นำทีมค้นช่องเก็บศพ
ในตอนสายวันเดียวกันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รมว.สาธารณสุข นพ.สมชัย ภิญโญพรพานิชย์ อธิบดีกรมส่งเสริมและบริการสุขภาพ นพ.ธเรศ กัษนัยรวิวงศ์ ผอ.กองประกอบโรคศิลป์ นายบัณฑิต สิทธินามสุวรรณ ผอ.เขตบางคอแหลม พ.ต.อ.เมธี รักษ์พันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.น.5, พร้อมกำลังตำรวจจำนวหนึ่ง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พากันเข้าตรวจสอบช่องเก็บศพที่ 9 และ 10 พบถุงพลาสติกบรรจุซากทารกอัดแน่นอยู่หลายพันใบ โดยนายจุรินทร์ ถึงกับใส่ถุงมือยางหยิบถุงมาตรวจสอบด้วยตัวเอง

ระบุ ยังมีคนร่วมทำผิดอีก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องต้องไม่ยุติลงเท่านี้เนื่องจากผลการสอบปากคำผู้ต้องหายังขยายผลไปถึงผู้กระทำความผิดรายอื่นอีกแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจยังเปิดช่องเก็บศพตรวจสอบไม่หมดทั้ง 20 ช่อง แต่ในวันนี้จะเปิดทั้งหมดแน่นอน จากนั้นจะนับยอดซากทารกทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีเท่าใดก่อนส่งให้สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ ผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายอีกทีว่าเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อใดโดยขั้นตอนการ พิสูจน์เหล่านี้น่าจะกินเวลานานนับปีเลยทีเดียว

ชี้ ทำแท้งถูกกฎหมายมี2ข้อ
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า จากสถิติที่ทางกระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบพบใน 1 ปี มีหญิงตั้งครรภ์ 1 ล้านคน มีทารกแท้งเองร้อยละ 6 ถูกทำแท้งอย่างถูกกฎหมายร้อยละ 8 คลอดออกมาแล้วเสียชีวิตร้อยละ 1 ที่เหลือจากนั้นปลอดภัยมีชีวิตอยู่ร้อยละ 85 แต่ขณะเดียวกันยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าแต่ละปีมีการทำแท้งเถื่อนมากน้อย เพียงใด สำหรับการทำแท้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายสามารถทำได้เพียง 2 กรณี คือ ทารกอยู่ต่อไปแล้วอาจเป็นอันตรายต่อแม่ และ กรณีแม่ถูกข่มขืน ซึ่งจะต้องผ่านมติของคณะแพทย์เป็นผู้พิจารณาสั่งการโดยยึดหลักเกณฑ์ที่แพทยสภาวางหลักไว้

4สถานพยาบาลกลุ่มเสี่ยง
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีมาตรการปราบปรามคลีนิกทำแท้งเถื่อนอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั่วประเทศเข้มงวดมากขึ้นโดยเฝ้าระวังสถานพยาบาลกลุ่มเสี่ยง 4 ประเภทคือ คลินิกเสริมความงาม คลินิกรับทำศัลยกรรม คลินิกรับบำบัดยาเสพติด และคลินิกรับวางแผนครอบครัว ซึ่งในเบื้องต้นจะต้องตรวจสอบว่าสถานพยาบาลเหล่านี้มีใบอนุญาตเปิดอย่างถูกต้องตามฎหมายหรือไม่เสียก่อน

มีรักไม่ต้องจบด้วยเซ็กซ์
ส่วนมาตรการป้องกันระยะยาวกำลังขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายให้ช่วยกันมอบความรู้ด้านเพศศึกษาแก่เยาวชนโดยเฉพาะประเด็นที่ว่าการมีรักไม่จำเป็นต้องจบด้วยการมีเพศสัมพันธ์ สอนเด็กผู้หญิงให้รู้จักปฏิเสธโดยที่ความสัมพันธ์ต่อกันยังอยู่ คาดว่าหลักสูตรเหล่านี้น่าจะช่วยลดจำนวนการทำแท้งอย่างผิดกฎหมายได้อย่างมากในอนาคต นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังผลักดันอยู่คือ พรบ.อนามัยเจริญพันธุ์ ที่มีเนื้อหาดูแลหญิงตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์ทั่วประเทศจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตให้กับแม่และเด็กได้ทุกวัย

พบคลินิกทำแท้งโทร 1593
ต่อข้อถามว่า ผลตรวจ 348 ศพแรกคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กำลังทยอยตรวจสอบกันอยู่ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องขยายผลกันต่อ ซึ่งตนอยากจะประชาสัมพันธ์ไปถึงประชาชนทั่วประเทศว่า หากพบคลีนิกต้องสงสัยว่ารับทำงานผิดกฎหมายหรือทำแท้งเถื่อนให้รีบแจ้งที่ตู้ ปณ.9 กระทรวงสาธารณสุข รหัสไปรษณีย์ 11000 หรือโทรที่สายด่วน 1593 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตร.จ่อเรียกดาราทำแท้งสอบ
พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. เปิดถึงเผยความคืบหน้าการสอบสวนคลี่คลายคดีพบซากศพทารกในวัดไผ่เงินจำนวนมาก ว่า พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดกับผู้กระทำความผิดทั้งหมดรวมถึงคนที่ทำแท้งด้วย พร้อมสั่งการให้ตั้งคณะทำงานในส่วนของ บช.น.ขึ้นมาสอบสวนคลี่คลายคดีนี้โดยมอบหมายให้ บก.น. 9 เป็นหน่วยงานหลัก ส่วนกรณีที่ น.ส.รัญฉกร ผู้ต้องหาที่ให้การว่ามีดาราหลายคนมาทำแท้งด้วย อาจต้องเรียกตัวดาราที่ถูกล่าวอ้างมาสอบปากคำ แต่ต้องดูที่พยานหลักฐานประกอบข้อมูลด้วย หากมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือก็ต้องเชิญตัวมาสอบสวนกัน แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานมีเพียงแต่คำพูดที่กล่าวอ้างของผู้ต้องหาเท่านั้น

สัปเหร่อสารภาพหมดเปลือก
ขณะที่ พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผกก.3 บก.ปคม. ได้นำตัว นายสุชาติ ภูมี อายุ 38 ปี มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดย นายสุชาติ เปิดรับสารภาพอย่างหมดเปลือกว่า ที่ผ่านมาได้ร่วมกันกระทำความผิด น.ส.รัญฉกร หรือ โก๊ะ มานาน 6 ปี ตั้งแต่แม่ของ น.ส.รัญฉกร ยังเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ที่รพ.แห่งหนึ่งย่านคลองตัน โดยตนกับ2แม่ลูกจะนัดส่งมอบซากศพทารกกันที่ปั๊มน้ำมันบางจากริมถนนเจริญราษฎร์ แต่ระยะหลัง น.ส.รัญฉกร จะเป็นผู้นำซากศพทารกซ้อนท้ายจยย.มาส่งให้ตนเอง

งงแม่ผู้ต้องหาสาวไม่ยอมรับ
ส่วนกรณีที่ นางสมบัติ สิโนทก แม่ของ น.ส.รัญฉกร ปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นและไม่เคยรับจ้างทำแท้ง ตนรู้สึกข้องใจมากว่าเหตุใดจึงไม่ยอมรับความจริงทั้งๆที่ความจริงถูกเปิดเผยทั้งจากปากของตนและลูกสาวว่าซากศพที่อยู่ในช่องเก็บศพที่ 9 และ10 เป็นซากศพที่แม่ของน.ส.รัญฉกร นำมาทิ้งส่วนใหญ่ ซึ่งตนมีหลักฐานยืนยันได้เนื่องจากได้จดบันทึกแยกไว้ในปฏิทินทุกครั้งที่ทั้ง 2 คนนำศพมามอบให้ จริงๆแล้วตนอยากนำซากทารกที่รับมอบมาไปเผาหรือฝังเพื่อทำลายหลักฐานเหมือนกันแต่ไม่มีโอกาสจนเรื่องแดงขึ้นทำให้หลายฝ่ายต้องเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นเจ้าอาวาสวัดนายสุจินพ่อของตนและญาติๆซึ่งตนอยากจะขอโทษทุกๆคนและขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

ยึดปฏิทินที่บันทึกวันส่งศพ
ในตอนเที่ยงวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้นำปฏิทินปี 2553 ซึ่งร้านวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่งพิมพ์แจกให้กับ นายสุชาติ ไปตรวจสอบพบว่าปฏิทินดังกล่าวถูกฉีกออกเหลือเพียง 2 แผ่น คือ เดือน พ.ย. และธ.ค. โดยปฏิทินแผ่นเดือน พ.ย. มีรอยขีดวันที่น.ส.รัญฉกรกับแม่นำซากทารกมาส่งให้นายสุชาติ ใน วันที่ 4 พ.ย.แม่ 2 โก๊ะ1,วันที่ 6 พ.ย.โก๊ะ 4,วันที่ 8 พ.ย.แม่ 2 โก๊ะ1,วันที่ 10 พ.ย.โก๊ะ1 และวันที่ 13 พ.ย.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายระบุว่า โก๊ะ2 แม่1 ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ประกอบสำนวนต่อไป

ศาลออกหมายจับ 2 สัปเหร่อ
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท. คำทราย พงส.สบ.2 สน.วัดพระยาไกร เจ้าของคดี ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพฯใต้อนุมัติหมายจับ นายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 56 ปี สัปเหร่อวัดไผ่เงินและนายสุชาติ ภูมี อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลศาลา ในข้อหาร่วมกันทำลายซ่อนเร้นพยานหลักฐานในการกระทำความผิดเพื่อช่วยผู้อื่นให้ไม่ต้องรับโทษ ตามหมายจับเลขที่ 910,911/2553 ลงวันที่ 19 พ.ย. 2553 จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปชี้จุดเกิดเหตุและทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่วัดไผ่เงินโดยใช้เวลา 20 นาที จึงนำตัวผู้ต้องหากลับไปสน.เพื่อสอบสวน โดยจะนำผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังในช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ย.นี้

ฝากขังผู้ช่วยพยาบาลสาว
ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.สนธิชัย กลีบบัว พงส.(สบ 2 ) สน.หนองแขม ได้นำตัว น.ส.รัญฉกร ผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว โดยศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ ซึ่งจากการสอบสวน น.ส.รัญฉกร ยืนยันว่า หิ้วซากทารกไปให้สัปเหร่อของวัดไผ่เงินทำลายเพียง 100 กว่าซากเท่านั้น

พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ตั้งปรัชญากูล รอง ผกก.สส.สน.หนองแขม เปิดเผยว่า ตำรวจดำเนินคดี น.ส.รัญฉกร รวม 4 ข้อหา คือ ประกอบสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบวิชาเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หญิงอื่นแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม และซ่อนเร้นทำลายหลักฐานเพื่อให้ตนและผู้อื่นไม่ต้องรับโทษทางอาญา ในส่วนแม่ของเด็กที่มาทำแท้งหากตำรวจสืบสวนจนทราบว่าผู้นั้นเป็นใครก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รับส่งซากทารก100กว่าซาก
สำหรับผู้ต้องหารายนี้ให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดีโดยรับสารภาพว่าเคยลงมือทำแท้งเอง 20-30 ราย และนำซากศพทารกไปให้สัปเหร่อทำลายกว่า 100 ซาก แต่ละครั้งจะได้ค่าจ้าง 500 บาท จะแบ่งให้สัปเหร่อของวัด 200 บาท นัดส่งมอบซากทารกกันตามหน้าห้างสรรพสินค้าต่างๆ ไม่ได้ไปรับซากทารกที่คลินิกจึงไม่รู้ว่ามีคลินิกทำแท้งอื่นอยู่ที่ใดบ้าง ส่วนที่พบซากทารกเพิ่มเติมนั้นผู้ต้องหาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

เจอซากศพทารกอีก 1,654 ศพ
ส่วนจำนวนซากศพทารกหลังจากใช้เวลาตรวจค้นช่องเก็บศพนาน 5 ชั่วโมง พบในช่องเก็บศพที่ 9 มีทั้งหมด 950 ศพ ในจำนวนนี้เป็นซากศพทารกฝาแฝด1คู่ ส่วนในช่องเก็บศพที่ 10 พบซากศพทารกทั้งหมด 704 ศพ เป็นฝาแฝด 2 คู่ รวมทั้งหมด 1,654 ศพ เมื่อรวมกับซากศพทารกที่พบเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาในช่องเก็บศพที่ 17 จำนวน 348 ศพ รวมยอดซากศพทารกที่พบทั้งหมด 2002 ศพ จึงนำซากศพทารกทั้งหมดส่งนิติเวชจุฬาเพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

ซีเอ็นเอ็นแพร่ข่าวทั่วโลก
ด้าน สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลกในวันเดียวกันนี้ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจับกุมหญิงรายหนึ่ง หลังการค้นพบซากทารกหลายร้อยศพในวัดไผ่เงินโชตินารามย่านใจกลางกรุงเทพฯ ก่อนจะตั้งข้อหารับทำแท้งเถื่อน และเปิดคลินิกโดยไม่มีใบอนุญาต นอกจากนั้น ตำรวจยังควบคุมตัวสัปเหร่อของวัด 2 คน ไว้สอบปากคำ และตั้งข้อหาซ่อนเร้นศพ การค้นพบศพเด็กทารกจำนวนมากในวัดดังกล่าวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้วัดว่า ได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงออกมาจากวัด

ที่มา เดลินิวส์

พันธมิตรฯ ด่ากราด“อภิสิทธิ์”เนรคุณ

ชี้ พธม.-ทหารบีบพรรคร่วมตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่นายกฯ กลับสร้างเงื่อนไขให้บ้านเมืองวุ่นวาย ประกาศชุมนุมจนกว่าจะถอนร่างแก้ไข รธน.ทุกฉบับ

วันนี้ (19 พ.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 13/2553 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หยุดสร้างเงื่อนไขวิกฤติเพื่อยุบสภาว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ถือว่าเป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเอง โดยที่ประเทศชาติและประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งรัฐบาลยังใช้เล่ห์เพทุบายในการตั้งคณะกรรมการหลายชุดเพียงเพื่อตบตาประชาชนโดยจำกัดการศึกษาเฉพาะประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของนักการเมืองเท่านั้น โดยพันธมิตรฯได้เตือนรัฐบาลถึง 4 ครั้งว่าให้มีการประชามติก่อนที่จะแก้และแก้ประเด็นใดบ้าง หากประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน 14.7 ล้านเสียงเห็นด้วยแม้จะให้แก้ทั้งฉบับ พันธมิตรฯก็ยอมรับได้

“แต่ปรากฏว่าได้มีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญอีกสองฉบับเข้าสภาคือร่างแก้ไขของพรรคร่วมรัฐบาลและโดยเฉพาะร่างแก้ไขของนายแพทย์เหวง โตจิราการ ที่ยึดเอารัฐธรรมนูญ 2540 มาทั้งฉบับเป็นร่างที่พันธมิตรฯ ได้ชุมนุมคัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในปี 2551 เป็นเวลา 193 วัน เพราะมีเจตนาฟอกความผิดของนักการเมืองทั้งการทุจริตเลือกตั้งและทุจริตคอรัปชั่น อีกทั้งยังมีเจตนาให้มีลักษณะผูกขาดรวบอำนาจเป็นเผด็จการทางรัฐสภาโดยระบบทุนนิยม ครอบงำองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญซึ่งนักการเมืองจนไม่สามารถตรวจสอบการกระทำความผิดของนักการเมืองได้ และถือเป็นเจตนาที่จะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทั้งฉบับ ทั้งๆที่มาจากความเห็นชอบในการลงประชามติของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ”นายปานเทพ กล่าว

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่ามติของแกนนำพันธมิตรฯประณามการกระทำของนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอาใจพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติไม่มีความเคารพประชาชนเสียงข้างมาก14.7 ล้านเสียงเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 หากไม่มีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯตั้งแต่ปี 2549 ระบอบทักษิณก็ครองประเทศอย่างที่ไม่มีใครที่จะไปตรวจสอบใดๆ ได้ และหากไม่มีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ 2551ที่ยอมเสียสละชีวิตในวันที่ 7 ตุลาคม รัฐบาลในขณะนั้นก็คงจะทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของระบอบทักษิณ ซึ่งก็คงจะไม่มีการเอาผิดนักการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่น หรือยุบพรรคการเมืองที่ทุจริตเลือกตั้ง และคงไม่มีพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเหมือนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจจะกลายเป็นชนวนสาเหตุอันสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องเผชิญหน้า เพราะรัฐบาลย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าพันธมิตรฯจะต้องออกมาคัดค้านการแก้ไข ในขณะที่กลุ่มเสื้อแดง จะมาสนับสนุนอีกรัฐธรรมนูญของนายแพทย์เหวง ด้วย ถือว่ารัฐบาลจงใจสร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงอีกจะได้เป็นเหตุในการยุบสภาและโยนความผิดให้กับภาคประชาชนเพื่อนายอภิสิทธิ์ จะได้ภาพวีรบุรุษในตอนจบ ซึ่งในความเป็นจริงนายกรัฐมนตรี ต้องการจะยุบสภาเร็วๆนี้เพื่อหนีความรับผิดชอบในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ที่คณะกรรมการมรดกโลกในปีหน้าจะเข้ามาจัดการบริหารพื้นที่เขาพระวิหารและต้องการยุติปัญหาการเมืองที่ล้มเหลว”นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพ กล่าวว่าขอประณามคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวหาว่าคนที่คิดอยากให้มีการรัฐประหารแอบแฝงอยู่กับการชุมนุมของพันธมิตรฯ นายอภิสิทธิ์ กำลังโกหก และกล่าวหากองทัพที่เป็นผู้อุ้มชูสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้มาโดยตลอด ดังนั้นการกระทำของรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชั่น เนรคุณ ตระบัดสัตย์ โกหก ขายชาติ ที่จะเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร หากมีรัฐประหารเกิดขึ้นจริงเป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ เป็นต้นเหตุ

“รัฐบาลชุดนี้ได้มีการจัดตั้งขึ้นมาได้ เพราะกองทัพได้ไปสนับสนุนและเจรจาให้พรรคการเมืองอื่นๆมาจัดตั้งมาเป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งกองทัพได้มีความกล้าหาญในการใช้มาตรการตามกฎหมาย จัดการกับกองกำลังติดอาวุธ ในภาวะที่รัฐบาลมีความอ่อนแอไม่กล้าสั่งการใดๆ จึงทำให้รัฐบาลสามารถอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นการพูดเรื่องรัฐประหารจึงเป็นเพียงวาทกรรมที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีความรับผิดชอบ ดังนั้นจะมีการนัดชุมนุมใหญ่อย่างสงบปราศจากอาวุธคัดค้านหน้ารัฐสภาตั้งแต่วันที่23-25 พ.ย. โดยจะจะชุมนุมตั้งแต่ 08.00 น.จนปิดการประชุมสภาและจนกว่าจะมีการถอนร่างหรือลงมติไม่รับรองการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกฉบับ”นายปานเทพ กล่าว

ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่าพันธมิตรฯรู้ดีกว่าเป็นเกมของรัฐบาลที่ต้องการให้พันธมิตรฯออกมาชุมนุมและอาจจะมีการเผชิญหน้ากับกลุ่ม นปช.และกลุ่มเสื้อแดง เป็นแผนที่นายอภิสิทธิ์ ออกแบบไว้แล้วเพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวายทั้งนอกสภาและในสภาหากมีการอภิปรายร่างของนายแพทย์เหวง จะเกิดความตึงเครียดขึ้นแน่นอน โดยนายอภิสิทธิ์ จะใช้โอกาสนี้ชิงยุบสภาโยนความผิดให้กับภาคประชาชนเพื่อตัวเองจะได้เป็นพระเอก และคงความเป็นนักประชาธิปไตยไว้ แต่ในความเป็นจริงนายอภิสิทธิ์ เป็นเพียงนักการเมืองน้ำเน่าที่มีอยู่เต็มสภา ฝากไปถามด้วยว่าหากไม่มีพันธมิตรฯพรรคประชาธิปัตย์ก็จะนั่งอยู่มุมๆหนึ่งของรัฐสภาอย่างง่อยเหงา และที่บอกว่ามีคนในพันธมิตรฯชอบสร้างเงื่อนไขให้ทหารมารัฐประหาร ถามว่าหากทหารไม่พาพรรคร่วมมาบีบในค่ายทหารให้มาร่วมตั้งรัฐบาลซึ่งครั้งนั้นก็ถือว่าปฎิวัติแล้ว นายอภิสิทธิ์ จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างที่ฝันไว้ตั้งแต่ 10 ขวบว่าอยากเป็นนายกรัฐมนตรีจนพ่อนายอภิสิทธิ์ ต้องส่งไปเรียนเมืองนอกให้นายชวน หลีกภัย ฟูมฟักเพื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีและอยากนั่งเก้าอี้นายกฯให้นานที่สุด แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ เป็นคนไม่รู้กาลเทศะ อัตตาสูงและเนรคุณ เพราะนายอภิสิทธิ์ รู้ดีว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อใด พันธมิตรฯต้องออกมาแน่ ถึงแม้จะเป็นเกมเราต้องมาเพราะเป็นจุดยืนแต่ต้น หากไม่ออกมาคัดค้านและอาจจะมีการพลิกในสภาเอารัฐธรรมนูญ 2540 ขึ้นมาได้ทั้งฉบับถึงคราวประเทศไทยเกิดวิกฤติร้ายแรงที่สุด

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่าเป็นสิ่งที่ยืนยันชัดเจนว่าภาคประชาชนต้องประชามติแต่รัฐบาลไม่ทำอ้างว่าเสียเวลา แต่มาฉวยโอกาเอาเข้าสภาในขณะที่คนไทยกำลังประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ เหมือนกับร่างเจรจากรอบเจบีซี ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนเกือบสองล้านไร่ซึ่งพันธมิตรฯจะชุมนุมคัดค้านวันที่ 11 ธ.ค.ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยปักหลักพักค้างหากไม่ถอนออกก็จะไม่ยุติการชุมนุมเพราะรัฐบาลยัง พยายามจะให้ผ่านสภาให้ได้ เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีความจริงใจและไม่เห็นประโยชน์ของประชาชน ซึ่งการชุมนุมใหญ่หน้าสภาฯจะไม่เกิดขึ้นหากรัฐบาลยอมถอยโดยการถอนร่างแก้ไขออกและไม่มีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีการประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ.
ที่มา เดลินิวส์

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ไทยเฮ!! “น้องหยิน สริตา ผ่องศรี” เทควันโด ซิวเหรียญทองแรก

“น้องหยิน” สริตา ผ่องศรี จอมเตะสาวไทย คว้าเหรียญทองแรกให้ทัพนักกีฬาจากแดนสยามในศึก “กวางเจาเกมส์” หลังจากรอบชิงชนะเลิศเตะเข้าศีรษะของคู่ต่อสู้ เวียดนาม แบบเต็มๆ เฉือนชนะไปอย่างบีบหัวใจด้วยสกอร์ 4-3

การแข่งขันเทควันโดศึก เอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 16 ณ กวางเจา สาธารณรัฐประชาชนจีน รุ่น 53 กิโลกรัมหญิง สริตา ผ่องศรี จอมเตะสาวไทย กรุยทางเข้ามาหลังจากรอบรองชนะเลิศ เอาชนะ เกาหลีใต้ ที่มีอาการบาดเจ็บต้องถอนตัว พบกับ เหงียน ธิ ฮอย จากเวียดนาม

ยกแรก เหงียน ธิ ฮอย ออกสตาร์ทอย่างเร้าใจ เตะศีรษะจนขึ้นนำไปอย่างรวดเร็ว 3-0 แต้ม ทว่า สริตา ตีตื้นขึ้นมา 3-1 ยกสองทั้งสองคนไม่มีใครทำแต้มเพิ่มได้ เข้าสู่ยกสุดท้ายต้องหยุดเกมและปฐมพยาบาล เนื่องจาก “น้องหยิน” โดนฝ่ามือของจอมเตะ เวียดนาม เข้าเต็มใบหน้า

แม้ว่า สริตา จะมีอาการบาดเจ็บที่ตา ทว่า อาศัยจังหวะสะบัดเท้าเข้าใบหน้าของ เหงียน ธิ ฮอย แบบเต็มๆ พลิกขึ้นนำ 4-3 ช่วงเวลาที่เหลือสาวจาก เวียดนาม หาจังหวะเข้าทำไม่ได้หมดเวลา สริตา เอาชนะคว้าเหรียญทองแรกให้ไทยได้สำเร็จ

หลังการแข่งขัน “น้องหยิน” คว้าเหรียญทองแรกประวัติศาสตร์ให้ทัพเทควันโด ไทย ใน เอเชียน เกมส์ เผยว่า “ตอนโดนเตะศีรษะเสียสามแต้มแรกเพราะว่าเสียสมาธิไปวูบหนึ่ง ส่วนจังหวะโดนมือฟาดเข้าที่ตารู้สึกเจ็บมากแต่ใจสั่งให้สู้ จากนั้นโชคดีได้จังหวะเตะคืนทันควันจึงแซงชนะได้ ก็ดีใจที่ทำได้ตามเป้าโค้ชตั้งเอาไว้ ขอมอบเหรียญทองนี้ให้พ่อและแม่บรรดาสต๊าฟฟ์โค้ชรวมถึงคนไทยทุกคนที่ให้กำลัง ใจ”

ส่วน เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย กล่าวว่า “ตอนแรกก็ใจหายเหมือนกันที่เสียสามแต้ม โชคดีที่เอาคืนได้ทันควัน คุมทีมมา 2 ครั้งที่ ปูซาน และ โดฮา ในที่สุดก็สมหวังคว้าเหรียญทองเสียที คู่แข่ง เวียดนาม คนนี้เปลี่ยนรุ่นมาเราจึงไม่มีข้อมูลต้องให้เครดิต น้องหยิน เต็มๆ ที่ใจสู้เหลือเกิน จากนี้ให้ลุ้น เป็นเอก การะเกตุ และ ชัชวาล ขาวละออ”

ทางด้าน พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดไทย เผยว่า “ดีใจกับ น้องหยิน ที่ทำได้สำเร็จ เมื่อคืนสั่งให้ พีรพร สุวรรณฉวี ผู้จัดการทีมกำชับเรื่องเตะศีรษะ เนื่องจากเกราะไฟฟ้าเตะแล้วคะแนนขึ้นยาก แท็กติกนี้ใช้ได้ผลจนได้สามแต้มและคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ถือเป็นประวัติศาสตร์ของเทควันโดไทย จากนี้ก็ขอให้ช่วยเชียร์อีกสองรุ่นที่เหลือทั้ง เป็นเอก และ ชัชวาล”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

สาวน้อยฮีโร่“น้องหยิน”ปลื้มประเดิมทองให้ไทย

“น้องหยิน” สริตา ผ่องศรี จอมเตะเทควันโดวัย20ปีประเดิมทองแรกให้ไทยใน “กวางโจวเกมส์” ขอกอดแม่ให้หายคิดถึง

วันนี้ 19 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 “กวางโจวเกมส์” ที่นครกวางโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 18 พ.ย. “จอมเตะไทย” ลงแข่งขัน เทควันโด เป็นวันที่ 2 หลังจากวันแรกประเดิมสนมไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ได้มาแค่ 2 เหรียญทองแดงเท่านั้น โดยวันนี้ ไทยมีนักกีฬาลงแข่งขัน 2 รุ่น เริ่มจาก “น้องหยิน” สริตา ผ่องศรี จอมเตะวัย 20 ปี ลงแข่งขันรุ่นไม่เกิน 53 กก.หญิง (แบนตั้มเวท) รอบแรก ปะทะกับ โคเซตเต้ บาสโบอัส (เลบานอน) ปรากฏว่า สริตา เอาชนะไปได้แบบไม่ยากนัก 3-0 ก จากนั้นเป็นรอบ 8 คนสุดท้าย “น้องหยิน” เจอกับ ลัตติกา ฮันดารี (อินเดีย) ซึ่ง สริตา ก็เล่นได้ดี แตะได้อย่างแม่นยำ ทำแต้มเอาชนะไปได้ 6-0 ได้อย่างน้อยเหรียญทองแดงมากครอง

ตัดเชือกชนะโสมขาวหืด
เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ สริตา ลงปะทะ วอน อึน คุง (เกาหลีใต้) ตลอดการแข่งขันทั้ง 3 ยก ทั้งคู่ขับเคี่ยวกันอย่างสูสี ชนิดไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครทำพลาด จบ 3 ยกเสมอกัน 3-3 ต้องไปตัดสินกันในช่วงยกซัดเดิ้ลเดทตัดสินหาผู้ชนะ โดยออกอาวุธเตะกันไม่ยั้ง และในจังหวะแลกแข้ง “จอมเตะสาวไทย” ที่แข็งแกร่งกว่า ทำเอานักกีฬาเกาหลีใต้ เข่าเดี้ยง และแม้จะฝืนขึ้นมาสู้ต่อหลายครั้ง แต่ก็ต้านทานความเจ็บปวดไม่ไหว ต้องขอถอนตัวยอมแพ้ไป ทำให้ “น้องหยิน” เป็นฝ่ายชนะ ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

พลิกคว้าทองแบบสะใจ
รอบชิงชนะเลิศ สริยา ลงแข่งขันกับ เหงียน ธิ ฮวย ทู “จอมเตะสาวญวน” ที่เพิ่งจะคว้าเหรียญเงินรายการชิงแชมป์เอเชีย ปี 2010 โดยรูปร่างของ “น้องหยิน” จะเตี้ยและช่วงขาสั้นกว่าคู่แข่งแรก ทำให้ยกแรกถูกเตะที่ศีรษะ ตามหลังอยู่ 1-3 พอยกที่ 2 สริตา พยายามจะเดินเจ้าทำ แต่ยังคลำเป้าแบบนัดๆไม่ได้ กระทั่งมาถึงยกสุดท้าย “น้งหยิน” ยังเดินรุกหนัก และจากจังหวะที่หลบการถีบของ เวียดนาม มือขวาของ เหงียน ธิ ฮวย ทู กลับ ไปฟาดข้าที่หน้าและโดนเข้าที่ใต้ตาขวาของ “น้องหยิน” จนล้มลงไปกองกับเวที ต้องให้แพทย์เข้าไปปฐมพยา บาลอยู่หลายนาที แต่เมื่อกลับมาแข่งขันต่อ สริตา กลับหาจังหวะเตะทำแต้มได้อย่างถนัด 3 คะแนนรวด จึงพลิกกลับขึ้นมานำ 4-3 จนพลิกกลับมาเอาชนะได้อย่างสะใจกองเชียร์ คว้าเหรียญทองแรกให้กับ “ทัพไทย” ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16

ร่ำไห้ทำทองแรกให้ไทย
หลังคว้าเหรียญทอง “น้องหยิน” หลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ ก่อนจะกล่าวว่า วันนี้เล่นอย่างเต็มที่สุดความสามารถแล้ว สู้ตลอด ดีใจมากที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลแรกให้กับประเทศไทยในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ และเป็นเหรียญแรกของสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ก่อนหน้านี้เคยได้รับบาดเจ็บหนักที่ขาทั้งสองข้าง จนเคยคิดจะเลิกเล่นเทควันโด แต่ได้กำลังใจจากพ่อแม่ (นายสุวิทย์ และนางจำรูญศรี ผ่องศรี) จึงไม่ย่อท้อ และเพิ่งกลับมาซ้อมได้เมื่อช่วงกลางปี จนกระทั่งติดทีมชาติได้สำเร็จ

ขอกอดแม่ให้หายคิดถึง
“น้องหยิน” ยังกล่าวด้วยว่า รอบชิงเหรียญทอง ที่ถูกแขนคู่ฟาดเข้าที่ใต้ตาอย่างแรง แข่งจนล้มไปนอนนั้น เนื่องจากปวดตาและลืมตาไม่ขึ้น หลังจากลุกขึ้นมาได้คะแนนตามอยู่ 1-3 คิดว่าจะต้องเข้าไปวัดดวงแลก ไม่ได้ 3 คะแนน ก็เสีย 3 คะแนน แต่ก็ทำแต้มจากการเตะศีรษะได้ และคว้าเหรียญทองตามเป้าหมายได้สำเร็จ

"หนูขอมอบเหรียญทองนี้ให้กับพ่อ และแม่ รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ สิ่งแรกที่จะทำเมื่อหนูกลับเมืองไทยก็คือ การเข้าไปกอดแม่ค่ะ"

ส่วนปีหน้า มีการแข่งขันรายการสำคัญ 2 รายการคือ ชิงแชมป์โลก และซีเกมส์ 2011 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต้องคัดตัวกับรุ่นพี่ในทีมชาติก่อนว่าจะติดทีมหรือไม่ เช่นเดียวกับการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 2012

พิมลเชื่อยังมีทองเพิ่มอีก
“บิ๊กเอ” นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโด กล่าวว่า ดีใจ และโล่งใจที่สมาคมทำได้ตามเป้าเหรียญทอง หลังจากเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ทำได้เพียงแค่เหรียญทองแดง ซึ่งตนได้บอกให้ทุกคนในทีมอย่าเกร็ง และก็คว้าเหรียญทองได้ในที่สุด เชื่อว่าว่าอีก 2 วันที่เหลือ นักกีฬาไทยน่าจะมีโอกาสคว้าเหรียญได้เพิ่มเติมอีกส่วน "จูน" รังสิญา นิสัยสม ที่ลงแข่งในรุ่นเฟเธอร์เวท น้ำหนักไม่เกิน 57 กก. นั้น รอบแรกได้บาย รอบ 16 คน แพ้ ลี ซุง เฮ จากเกาหลีใต้ 1-8 คะแนน ตกรอบ

ประวัติสวยสมแล้วคว้าทอง
สำหรับประวัติของ “น้องหยิน” สริตา ผ่องศรี ปัจจุบันอายุ 20 ปี เป็นคนกรุงเทพฯ กำลังศึกษาอยู่ที่ ม.เกษตรศาสตร์ วิชกเอกบริหารธุรกิจ บิดาชื่อ นายสุวิทย์ ผ่องศรี อายุ 61 ปี, มารดาชื่อ นางจำรูญ ผ่องศรี อายุ 45 ปี “น้องหยิน” สอบผ่านเทควันโด สายดำ ดั้ง 3 ผลงานที่ผ่านมา เหรียญทอง รายการเทควันโดเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย พ.ศ. 2549, เหรียญทอง รายการเทควันโดชิงแชมป์ประเทศไทย พ.ศ. 2550, เหรียญทองแดง เทควันโด โคเรีย โอเพ่น ปี 2008, เหรียญทองแดง กีฬามหาวิทยาลัยโลก ครั้งที่ 25 ที่ประเทศเซอร์เบีย ปี 2009, เหรียญเงิน รายการชิงแชมป์โลก ปี 2009, เหรียญทอง กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่ประเทศลาว
ที่มา เดลินิวส์

'สเตฟาน' แอ่นอกรับเคยลงอ่าง

ตั้งแต่เป็นโสดพระเอกหนุ่ม สเตฟาน-ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ ก็ตกเป็นข่าวควงสาวคนนั้นทีสาวคนนี้ทีอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดนอกจากจะมีข่าวว่าไปจีบสาวชื่อ “พลอย” เพื่อนของ บี-มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ แล้ว ยังมีข่าวว่าหนุ่มสเตฟาน “ติด อ่าง” อีกด้วย วันก่อนเจอสเตฟานที่งาน “พริอุส เดอะ ฟิวเจอริสติค ปาร์ตี้” ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เจ้าตัวก็แอ่นอกรับว่าเคยใช้บริการจริง เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย

สเตฟาน กล่าวว่า “ไม่ได้จีบ เป็นเพื่อนกันเฉย ๆ ยอมรับว่ารู้จักกันจริง” ไปดูหนังด้วยกันด้วย? “ผมก็ไปดูหนังกับหลายคน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น พลอยนี่คือเพื่อนจริง ๆ รู้จักกันมาสองเดือนแล้ว เขาเป็นคนนิสัยดี ถามว่าอนาคตมีสิทธิเป็นมากกว่าเพื่อนมั้ย ก็ไม่แน่ แต่ผมก็ว่าเป็นทุกคนแหละ ผมรู้จักกับพลอยได้เพราะช่วงนี้ผมถ่ายละครกับบี พอว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ ก็เลยไปเที่ยวกับบีเลยได้เจอพวกเพื่อนเขาหลายคน” บีเป็นแม่สื่อรึเปล่า? “ไม่ครับ ไม่ได้จีบกันจริง ๆ” ...แล้วกับเก๋-รุ่งนภา ล่ะ... “คนนั้นก็เป็นเพื่อน ไปดูหนังด้วยกันเหมือนกัน คือถ้าผมเลือกได้ก็ไม่อยากดูหนังกับผู้ชายนะ (หัวเราะ) ผมก็ดูกับเพื่อนผู้หญิง แต่ผมไม่ได้ไปจีบเขาแน่นอน” พอไปกับใครก็ถูกจับคู่ตลอด? “เหมือนผมเลือกได้เลยนะ แต่พี่ ๆ ต้องไปถามเขามากกว่า อย่าถามผมเลย ผมไม่ได้จะไปจีบใครติดทุกคน” ...เล็งจะจีบใครมั้ย... “ไม่มีเลยครับ ช่วงนี้ เหมือนแห้วใคร จะไปจีบใครก็ต้องรอก่อน”

มีข่าวเมาท์ ๆ ว่าฟานติดอ่าง? “ผมไม่ซีเรียสเลย ข่าวบอกว่าผมเป็นเกย์ ติดอ่างผมก็ไม่ซีเรียส ผมก็พูด ชัดนะ ไม่ได้ติดอ่างซะหน่อย (ยิ้ม) ก็ยอมรับตรง ๆ ว่าเคยไป ผมมองเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ผิดกฎหมายสักหน่อย ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายเลยไม่จำเป็นต้องโกหก” ...หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นพระเอก เป็นดาราต้องรักษาภาพมั้ย... “ผมเป็นดาราทำผลงานให้ประชาชนผมก็ภูมิใจ แต่มีหลายอาชีพเขาก็ไป ยังไม่เห็นเป็นไร คือถ้าจะให้ผมตอบแบบจบไปเลยว่าไม่เคยไปก็ได้ ง่ายจะตาย แต่ผมเลือกที่จะพูดความจริง ผมว่าสังคมไทยควรจะเรียนรู้การพูดอะไรตรง ๆ กันบ้าง และควรชื่นชมคนที่พูดตรง ๆ มากกว่าคนที่พูดโกหก เสแสร้ง” กลัวผู้ใหญ่เรียกไปติ? “ไม่ครับ ผมว่าผมไม่เคยทำอะไรไม่ดี แต่ต้องชี้แจงด้วยนะว่าเมื่อก่อนเคยไป แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปนานแล้ว”.
ที่มา เดลินิวส์

ตั๊กบงกชท้าสาบานโต้ทำแท้ง

ถ้าท้องจะเก็บลูกไว้ 'ทราย เจริญปุระ' โวยลั่น ไม่มีทางทำอะไรชุ่ย ๆ แน่

ประกาศท้าสาบาน ตั๊ก-บงกช คงมาลัย ลั่นไม่เคยทำแท้งหลังตกเป็น 1 ดาราดังที่ผู้ต้องหาอ้างเคยใช้บริการ ระบุหากตั้งท้องจะเก็บเด็กไว้ ย้อนถามจะทำทำไม ในเมื่อทุกวันนี้รับเลี้ยงลูกบุญธรรมไว้ตั้ง 2 คน เปรยใจอยากเป็นแม่คนอยู่แล้ว สุดเดือดสาปส่งประหารชีวิตผู้ต้องหา เช่นเดียวกับ “ทราย เจริญปุระ” ส่ายหัวไม่เคยเกี่ยวข้อง ย้ำไม่มีแฟนมา 3-4 ปี แล้วจะไปท้องกับใคร “จุรินทร์” เตือน รพ.ออกใบรับรองให้หญิงทำแท้งเถื่อนไปแจ้งเกิดถือว่าออกใบรับรองเท็จ ขณะที่ “วัดพระยาไกร” โล่งอกยกสำนวนคดีใหญ่ให้ “หนองแขม” รับไปดำเนินการต่อ เหตุต้นทางของคดี

ข่าวสลดหดหู่พบซากทารก 348 ศพ จากการทำแท้งโผล่ในวัดกลางกรุงฯ เตรียมรอทำลายทิ้ง กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ประชาชนต่างพากันให้ความสนใจอยากรู้ว่า 2 นางเอกสาว อักษรย่อที่ถูกพาดพิงถึงคือ “ต กับ ท” กับอีก 1 นางแบบชื่อดัง อักษรย่อ “น” ด้านกระทรวง สาธารณสุข สั่งล้อมคอกกวาดล้างคลินิกทำแท้งเถื่อนทันที ส่วนเรื่องคดีหลังจากตำรวจบุกจับกุม น.ส.รัญฉกร จันทมนัส อายุ 33 ปี ผู้ช่วยพยาบาล เปิดให้บริการทำแท้งย่านหนองแขม ให้การรับสารภาพว่า นำซากทารกไปจ้างให้สัปเหร่อวัดไผ่เงินทำลาย ทั้งนี้ได้อุปการะเด็ก ๆ หลายคน ซึ่งเป็นลูก ของลูกค้าที่มาใช้บริการทำแท้ง แต่เด็กไม่เสียชีวิต เนื่องจากสงสารจึงเลี้ยงจนเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเรื่องนี้เจ้าหน้าที่กำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเด็ก ๆ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เตือนรพ.ออกใบรับรองเท็จ

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 18 พ.ย. นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นได้มอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ในฐานะที่กำกับ ดูแลสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ไปประสานกับทางตำรวจเพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดแล้ว ถามว่ากรณีที่มีการทำแท้งแล้วเด็กไม่ตายรอดมาได้แล้วทางหญิงที่ให้บริการทำแท้งไปแจ้งเกิดเป็นลูกของตัวเอง ซึ่งอาจจะมีการแจ้งเกิดเท็จนั้น นายจุรินทร์ ตอบว่า ปกติหากคลอดใน รพ.ก็จะมีใบรับรองจากทาง รพ. เพื่อไปแจ้งเกิด ยกเว้นคลอดที่ร้าน ดังนั้นถ้าไม่ได้ไปคลอดที่ รพ. แล้วทาง รพ. ออกใบรับรองให้ก็ถือว่าออกใบรับรองเท็จทาง รพ. จะต้องรับผิดชอบเข้าข่ายมาตรา 73 อย่างไรก็ตามในการทำแท้งนั้นต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น และต้องมีข้อบ่งชี้ คือหากเก็บเด็กไว้อาจจะเป็นอันตรายต่อแม่ หรือถูกข่มขืน โดยเรื่องนี้มีหลักเกณฑ์กำหนดอยู่แล้ว

สั่งวัดทั่วประเทศระวังเผามั่ว

ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากกรณีมีการพบซากศพทารกซุกซ่อนภายในโกดังเก็บศพของวัดไผ่เงินโชตนารามนั้น ทาง พศ. ในฐานะดูแลวัดทั่วประเทศมอบหมายให้สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) ทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังเจ้าคณะปกครองเพื่อแจ้งให้วัดที่มีฌาปนสถานให้ความระมัดระวัง กรณีที่อาจจะมีคนแอบนำศพมาเผาโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง การเผาศพต้องมีใบมรณบัตรและมีชื่อของบุคคลที่นำมาเผา นอกจากนี้ทางวัดจะต้องมีการดูแลสัปเหร่อ ไม่ควรปล่อยให้ทำงานโดยลำพัง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น มองว่าเป็นการลักลอบนำศพทารกเข้ามาเผา เพราะจากที่ได้สอบถามไปยังเจ้าอาวาสวัดแล้วไม่ทราบเรื่องดังกล่าว

“ตั๊ก”ปฏิเสธไม่เคยทำแท้ง

ขณะที่คนในวงการบันเทิงต่างรีบ ออกมาให้สัมภาษณ์ประเด็นร้อนทันที เริ่มจากนักแสดงสาวทรงโต ตั๊ก-บงกช คงมาลัย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า “หลังจากอ่านข่าวแล้วตกใจมาก อยากให้แม่เข้าใจเรื่องนี้ด้วย ยังเสียใจกับข่าวที่เกิดขึ้นอยู่ ยืนยันว่าไม่เคยไปแถวนั้นด้วยซ้ำ ที่เขาบอกว่ามีชื่อตั๊กไปทำแท้งนั้น ถ้าอย่างนั้นตำรวจก็ต้องมาจับตั๊กสิ เพราะคนที่ทำแท้งต้องได้รับโทษมีความผิดด้วย แต่นี่ทางตำรวจยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาเลย เพราะไม่มีหลักฐานอะไร เป็นการพูดลอย ๆ ว่ามีตั๊กเป็นหนึ่งในนั้นเท่านั้น เรื่องจะฟ้องกรณีที่มีสื่อเขียนข่าวดาราเซ็กซี่ ชื่อย่อ ต. มีแฟนเป็นนักร้องฮิปฮอป คือ มีหลายคนเซ็กซี่กว่าตั๊ก แล้วคนที่มีแฟนเป็นฮิปฮอปก็เยอะ แม่บอกว่าถ้าไปฟ้องคงไม่ดี เพราะเป็นแค่ชื่อย่อ ไม่ได้หมายถึงตั๊ก”

เดือดท้าสาบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ถามว่ากล้าสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ นักแสดงสาวกล่าวว่า กล้าสาบานแน่นอน ถ้าตนท้องจะเก็บลูกไว้จะไปทำแท้งทำไม ทุกวันนี้ตนเลี้ยงเด็กที่ขอมาเลี้ยงไว้ 2 คน ถ้าเกิดเลี้ยงเด็ก 2 คนได้ ตนจะเลี้ยงลูกตัวเองไม่ได้เหรอ ในเมื่อตนเป็นคนเซ็นรับเขาเป็นลูกบุญธรรม ถ้าไม่อยากเป็นแม่คน จะเอาเด็กมาเลี้ยงทำไม อยากบอกว่ารู้สึกแย่มากที่รู้ข่าวมีคนทำแท้งเด็ก 300 กว่าคนตาย ถ้าให้ตนแสดงความคิดเห็น ตนอยากให้เขาถูกประหารชีวิตเลยนะ อีกอย่างตนคงไม่ฟ้องร้อง เพราะไม่รู้ว่าพูดถึงตนจริงหรือไม่ แต่ในเมื่อนักข่าวมาถามตนเพราะมีชื่ออยู่ ตนก็ต้องออกมาปฏิเสธปกป้องตัวเอง คนทำผิดก็ต้องได้รับผลกรรมอยู่แล้ว ตนแคร์คนรอบข้าง และประชาชนที่เชื่อใจตนมากกว่า

เปิดตัว 2 เด็กลูกบุญธรรม

แม่นางเอกสาว กล่าวต่อว่า “ตัวตั๊กเองก็งงช่วงนี้เขากลับตัวแล้ว ไม่เที่ยวเตร็ดเตร่ ดูแลแม่อย่างเดียว เขาตกใจมาก แต่โชคดีใจเย็นไม่อารมณ์ร้อนแล้ว อีกอย่างตอนนี้ตั๊กรับเด็กมาเลี้ยง 2 คน คือน้องทราย-ด.ญ.ปิยะวรรณ อายุ 12 ขวบ และน้องน้ำหวาน-ด.ญ.เพชรรินทร์ วัย 2 ขวบ 3 เดือน อย่างน้องน้ำหวานตั๊กไปขอแม่ จริง ๆ ซึ่งพักที่ จ.สุพรรณบุรี ตอนที่แม่น้องน้ำหวานคิดจะทำแท้งตอนอายุ 14 ปี ยังไม่พร้อม ตั๊กเป็นคนไปขอว่าอย่าทำแท้งเลย เขาเลยขอเด็กมาเลี้ยงเอง ดังนั้นไม่มีทางที่ตั๊กจะไปทำแท้งแน่นอน บ้านแม่รักเด็กมาก อยากวอนให้มองตั๊กในแง่ดีกันบ้าง ตอนนี้ลูกแม่ไม่ค่อยมีข่าวแล้ว ล่าสุดเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา แม่น้องน้ำหวานตั้งท้องคลอดเด็กออกมาอายุเกือบ 9 เดือน เป็นเด็กผู้หญิง ตั๊กยังขอแม่ว่าจะขอเด็กคนนั้นมาเลี้ยงอีกคน แต่แม่บอกว่าแม่เลี้ยงไม่ไหว เพราะแม่เองก็ป่วย พอแค่นี้เหอะ”

“ทราย”จวกไร้แฟนท้องได้ไง

ด้านทราย เจริญปุระ นางเอกสาวชื่อดังเปิดเผยหลังอักษรย่อไปตรงกับชื่อตัวเองว่า ตนเชื่อว่าคนที่พูดไม่น่าจะหมายถึงตนแน่นอน คนคงจะไปคิดต่อกันเองมากกว่า ตนไม่ได้ทำแน่นอน ถ้ามีแฟนคงจะดูน่าเชื่อกว่านี้ แต่ตนไม่มีแฟนมา 3-4 ปี แล้วจะไปท้องกับอะไร หรือบางคนอาจมองว่าเคยทำก่อนหน้านี้หรือเปล่า ตนก็ขอบอกตามตรงว่าไม่มีแนวโน้มที่จะทำอะไรชุ่ย ๆ กับชีวิตแน่นอน คนใกล้ชิดหรือคนรู้จักที่ได้ยินข่าวนี้จะขำ แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จักตนก็ไม่รู้จะไปอธิบายให้เขาเชื่อได้อย่างไร กลัวจะหาว่าแก้ตัว

กิ๊บซี่”เตือนสติคนบันเทิง

ขณะที่กิ๊บซี่-วนิดา เติมธนาภรณ์ นักร้องวงเกิร์ลลี่เบอร์รี่ กล่าวว่า “ข่าวการทำแท้งมีมานานแล้ว เป็นเรื่องอันตรายมาก ข่าวที่ว่ามีคนวงการบันเทิงไปทำแท้งนั้น ไม่อยากให้ตัดสินหรือมองว่าวงการบันเทิงแย่ มองที่การกระทำของบุคคลดีกว่า คนในวงการก็คือมนุษย์ทั่วไป แต่คนในวงการบันเทิงจะเป็นที่จับตามอง และตกเป็นกระแสข่าวได้ง่าย กิ๊บเชื่อว่าวงการไหน ๆ ก็มีเหมือนกัน ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหรือลดน้อยลงขึ้นอยู่กับการป้องกัน การตัดสินใจและความรับผิดชอบมากกว่า อยากฝากถึงทุกคนว่าจะคิดหรือทำอะไร ต้องรอบคอบ และมีสติ”

เค้นสอบคนดูแลศาลาวัดฯ

ส่วนความคืบหน้าเรื่องคดี ที่โรงพักวัดพระยาไกร วันเดียวกัน ตำรวจได้สอบปากคำนายสุชาติ ภูมี อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลศาลาพิธีในวัดไผ่เงินโชตินาราม 1 ใน ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันนำศพทารก 348 ศพมาทิ้งภายในโกดังเก็บศพวัดฯ โดยนายสุชาติให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นลูกของผู้ช่วยสัปเหร่อวัดดังกล่าว เป็นคนแรกที่ได้รับการ ติดต่อจาก น.ส.รัญฉกรให้นำศพทารกมาทิ้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยแห่งหนึ่ง มีศูนย์ตั้งอยู่ใกล้กับคลินิกรับทำแท้งของผู้ต้องหา ประกอบกับญาติของ น.ส.รัญฉกรก็เป็นหัวหน้าศูนย์ ทำให้คุ้นเคยกัน โดย น.ส.รัญฉกรมีครอบครัวแต่ไม่มีบุตร ต่อมาตนลาออกจากการเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย มาช่วยงานที่วัดฯแต่ก็ยังไม่ขาดการติดต่อกับทางมูลนิธิฯ

สารภาพได้ค่าจ้างครั้งละ 200

กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา น.ส.รัญฉกร ติดต่อกับตนให้ช่วยหาสถานที่ทิ้งศพทารก ตกลงจะให้ค่าจ้างครั้งละ 200 บาท ทุกครั้งน.ส.รัญฉกรจะหิ้วถุง 3-4 ถุง ซ้อน จยย. มาส่งให้ที่หน้าวัด เมื่อรับเสร็จก็เอาไปทิ้งในช่องเก็บศพ หากไม่เจอตนก็จะให้นายสุเทพ ชะบางบอน สัปเหร่อวัดฯ นำไปทิ้งแทน ทั้งนี้ตนไม่เคยคิดจะเอาศพไปเผาทำลาย กำลังคิดว่าจะเลิกด้วยซ้ำไป เนื่องจากกลัวบาปกรรมแต่เรื่องมาแดงขึ้นก่อน ส่วนเรื่องที่ น.ส.รัญฉกร ให้การว่ารับเลี้ยงเด็กที่รอดชีวิตจากการทำแท้งไว้ 8 คนนั้น เป็นเรื่องจริง เพราะตนเคยเห็นเด็กเหล่านั้นเคยคิดจะขอรับน้องไฟว์ เด็กผู้ชาย อายุ 5 ขวบ หน้าตาน่ารักมาอุปการะ แต่ช่วงหลังไม่ได้พบเด็ก ๆ อีก คาดว่าผู้ต้องหาน่าจะส่งเด็กทั้งหมดไปให้ญาติเลี้ยงที่ จ.นครปฐม ตนเคยถาม น.ส.รัญฉกร เกี่ยวกับเอกสารการเกิดของเด็ก ๆ เจ้าตัวก็บอกว่ามีผู้รับจ้างดำเนินการให้ อย่างไรก็ตามตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ตนคิดจะรับสารภาพกับตำรวจแต่เกรงความผิด จนมาเห็นพ่อแม่และบุคคลรอบข้างต้องเดือดร้อน ประกอบกับตำรวจยืนยันว่าจะกันตนไว้เป็นพยานตนจึงตัดสินใจสารภาพความจริงดังกล่าว

ไม่แจ้งข้อหากันไว้เป็นพยาน

พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้จับกุมตัว น.ส.รัญฉกร ได้ในท้องที่ สน.หนองแขม ขั้นตอนหลังจากนี้ตนสั่งการให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เร่งรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องส่งให้พนักงานสอบสวน สน.หนองแขม รับโอนไปดำเนินการต่อ เนื่องจากเป็นท้องที่ต้นทาง คดีลักลอบเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อน และลักลอบทำแท้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเพราะพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าศพที่ถูกนำมาทิ้งที่สุสานวัดไผ่เงิน บางส่วนมาจากคลินิกของผู้ต้องหา และบางส่วนมาจากคลินิกทำแท้งเถื่อนย่านชานเมือง ที่เป็นเครือข่ายของผู้ต้องหา คงเป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน สน.หนอง แขม ที่จะสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายศาลที่มีอำนาจออกหมายค้นต่อไป สำหรับนายสุเทพ และนายสุชาติ ซึ่งได้กันไว้เป็นพยาน ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อหา คงต้องรอผลการสอบสวนผู้ต้องหาคือนางรัญฉกร ว่าให้การพาดพิงถึงทั้ง 2 รายด้วยหรือไม่ จึงจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.หนองแขม สอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

แจ้ง3ข้อหามือรีดมารหัวขน

ที่ สน.หนองแขม เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว น.ส.รัญฉกร ออกจากห้องขังมาพิมพ์ลายนิ้วมือส่งกองทะเบียนประวัติอาชญากร โดย น.ส.รัญฉกร ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เปิดเผยถึงเรื่องราวทั้งหมดไปแล้ว ทั้งนี้หลังเสร็จ พ.ต.ท.สมธิชัย กลีบบัว สวส.เจ้าของคดีได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี จ.นครปฐม เดินทางมาเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับเด็กที่รอดชีวิตจากการทำแท้งทั้ง 7 คน โดยพบว่าเด็กอยู่กับแม่ผู้ต้องหา 4 คน ญาติผู้ต้องหา 2 คน และอยู่กับผู้ต้องหาอีก 1 คน โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงเดินทางกลับไปดูสภาพเด็ก ๆ ที่ จ.นครปฐม เพื่อให้การช่วยเหลือพร้อมน้องสาวของผู้ต้องหา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 3 ข้อหาคือ 1. เปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3. ทำแท้งโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเวลา 09.00 น. วันที่ 19 พ.ย.นี้ ตำรวจจะนำตัว น.ส.รัญฉกร ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน พร้อมยื่นคัดค้านประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชน เกรงว่าจะมีผลต่อคดี

พัฒนาสังคมฯเยี่ยมเด็กรอดชีวิต

เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม และสวัสดิ การบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนคร ปฐม กล่าวภายหลังการพูดคุยกับผู้ต้องหาว่า วันนี้มาเพื่อต้องการช่วยเหลือดูแลเด็กที่อยู่ในความดูแลของผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหาเล่าว่าเด็กที่อยู่ในความอุปการะมีทั้งหมด 7 คน อายุระหว่าง 9 เดือน-8 ปี โดยการอุปการะของมารดาผู้ต้องหา 4 คน อยู่ที่บ้าน อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม โดยผู้ต้องหายืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าจะขอเลี้ยงดูเอง ซึ่งทางผู้ต้องหาแจ้งว่าหลังเด็กรอดชีวิตก็ได้แจ้งเป็นมารดาเอง ซึ่งสภาพความเป็นอยู่ของเด็กโดยเฉพาะเด็กที่อายุ 8 ขวบนั้น ผู้ต้องหาได้เลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนหนังสือขณะนี้ศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ส่วนเด็กอีกสองคนผู้ต้องหาแจ้งว่าพักอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตหนองแขม ส่วนอีกคนผู้ต้องหาเลี้ยงดูไว้เอง

ลั่นไม่ให้ใครเอาไปเลี้ยงเด็ดขาด

เย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 6/5 หมู่ 4 ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หลังทราบว่าเป็นบ้านที่รับเด็กซึ่งรอดชีวิตจากการทำแท้ง เมื่อไปถึงพบนางสมบัติ สิโนทก อายุ 60 ปี แม่ น.ส. รัญฉกร อาชีพเผากะลามะพร้าวทำถ่าน พร้อมเด็กผู้ชาย 4 คน คนโตชื่อน้องฟราน 9 ขวบ ชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง 2. น้องเฟิสร์ 7 ขวบ ป.1 3. น้องโฟม 6 ขวบ อนุบาล 2 และ 4. น้องจืด อายุ 9 เดือน ทั้งหมดเมื่อเห็นกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างรีบโผกอดนางสมบัติ โดยนางสมบัติ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ลูกสาวตนนำเด็กพวกนี้มาฝากเลี้ยง ตนไม่ทราบที่มาที่ไปของเด็ก ขอย้ำว่าจะไม่ให้ใครเอาเด็กไปเด็ดขาด หากจะเอาไปก็ต้องฆ่าตนก่อน จะให้ไปดำเนินการอย่างไรให้ถูกต้องก็บอกมา ตนพร้อมจะทำให้อย่าเอาเด็กไปเลย ตนส่งเสียให้เรียน รักเหมือนลูกทุกคน อยาก เกาะชายผ้าเหลืองมาก ขอร้องอย่านำภาพเด็ก ๆ ไปลงเลยโตขึ้นเด็กอาจมีปมด้อยได้.
ที่มา เดลินิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

"โดม" แหวกแนว! เลิกอาศัยสื่อออกแถลงการณ์แก้ข่าว คนดูกว่า 2 แสนชมคลิปฮาเจ๋ง

มาสร้างความฮือฮาอีกระลอก สำหรับนักร้องหนุ่มหล่อขั้นเทพ “โดม ปกรณ์ ลัม” ที่เพิ่งจะใช้วิธีกิ๊บเก๋ โพสต์คลิปแถลงการณ์โต้ข่าวแย่งแฟนคนอื่น และเลิกแฟนตัวเองลงยูทูป แทนที่จะพูดแก้ต่างผ่านสื่อเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจะว่าไปในช่วงหลังมานี้สังคมออนไลน์แบบ Social Network ได้รับความนิยม และความสนใจจากเหล่าศิลปินดาราในวงการบันเทิงบ้านเรามากขึ้น

โดยเฉพาะ Facebook และ Twitter ที่คนบันเทิงส่วนใหญ่ใช้เป็นช่องทางติดต่อ และสื่อสารกับเหล่าแฟนคลับ แฟนเพลง หรือแฟนละครโดยตรง มีทั้งการพูดจาทักทายให้กำลังใจกันในช่วงที่ตกเป็นข่าวฉาว โพสต์ภาพส่วนตั๊ว...ส่วนตัว หรือการไปทำงานในที่ต่างๆ ให้ได้เห็น หรือแม้แต่การถามถึงข่าวคราวความเคลื่อนไหวอัพเดทในแต่ละวัน ซึ่งการได้พูดคุยโดยตรงกับศิลปินสุดโปรดเหล่านี้ ทำให้แฟนๆ ปลาบปลื้มที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ส่วนตัวศิลปินดาราเองก็ดีใจที่สามารถเช็คเรตติ้งตัวเอง และแสดงความเป็นตัวตนให้แฟนๆ ได้เห็นเช่นกัน

แต่สำหรับการโพสต์คลิปบอกเล่าเรื่องราวจากปากตัวเองผ่านเว็บยูทูป ยังไม่ค่อยมีศิลปินดาราเมืองไทยคนไหนนิยมหรือกล้าทำกันมากนัก ก่อนหน้านี้ที่เห็นมีเพียงกรณีของดาราสาว “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ที่ออกมาขอโทษขอโพยสื่อหลังถูกแบนจากความปากเสียของตัวเอง แต่คลิปดังกล่าวก็ไม่ได้รับความสนใจมาก สู้คลิปของนักร้องหล่อขั้นเทพ “โดม” ซึ่งขึ้นชื่อเป็นเจ้าพ่อ Social Network ไปแล้วไม่ได้

เพราะหนุ่มโดมได้ขยันโพสต์คลิปตัวเองแทบจะในทุกอิริยาบถลงยูทูป โดยใช้ชื่อ “Domepakornlamonline” มีตั้งแต่คลิปตื่นนอนตอนเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน ทานอาหาร การเดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยวในแต่ละวัน จนกระทั่งส่งเขาขึ้นเตียงเพื่อเข้านอน หรือการอัพเดทกิจกรรม โชว์รอยสักมังกรอันใหม่ พร้อมยังให้ความรู้ในเรื่องของเทคนิคต่างๆ เช่นความสวยความงาม การแต่งหน้าเวลาเข้าฉากถ่ายละคร ฯลฯ และที่สร้างความแปลกใหม่เรียกเสียงฮือฮาคือ คลิปแถลงการณ์ฉบับที่ 1 จากศูนย์ปฏิบัติการณ์ ด.ป.อ ที่หนุ่มโดมได้แต่งตัวใส่ชุดสีกากีและหมวกขนสัตว์ พร้อมวางมาดขรึมทำน้ำเสียงต่ำๆ คล้ายทหารประกาศอย่างเป็นทางการ เลียนแบบยามที่บ้านเมืองมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้เจ้าตัวได้แถลงแก้ข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไปถ่ายละครที่ประเทศญี่ปุ่นนาน 1 สัปดาห์ โดยไม่ต้องรอให้สื่อมวลชนมาซักถาม เรื่องแรกคือเรื่องไปแย่งแฟนวิศวกร หลังมีคนไปโพสต์ข้อความในเว็บไซต์หนึ่ง ใช้ชื่อกระทู้ว่า “โดม ปกรณ์ ลัม มาจีบแฟนผม ผมทำไงดี” โดยโดมได้อ่านข้อความนั้นอย่างละเอียด มีการพูดทำเสียงเล็กเสียงน้อยประชดประชันในแต่ละช่วงประโยค พร้อมโชว์หลักฐานเป็นคลิปในวันเกิดเหตุที่ถูกกล่าวหาว่า พยายามเข้าไปจีบแฟนของวิศวกรคนนั้น เป็นวันที่เจ้าตัวซ้อมดนตรีอยู่ที่บ้าน แถมยังพูดท้าทายให้หนุ่มวิศวกรคนนั้นโผล่หน้าออกมาให้เห็น แทนที่จะหลบอยู่หลังคอมพิวเตอร์แต่งเรื่องว่าชาวบ้าน

เรื่องที่ 2 เป็นการชี้แจงกระแสข่าวเลิกกับแฟนสาว “น้องเพ้นท์” หลังฝ่ายหญิงได้ไปโพสต์อักษรย่อลงในทวิตเตอร์ และมีคนพยายามตีความออกมาเป็นประโยคในทำนองตัดพ้อ และเลิกกับนักร้องหนุ่มหล่อขั้นเทพแล้ว โดยโดมยอมรับว่ามีปัญหาทะเลาะกับแฟนสาวจริง แต่ตอนนี้ยังรักกันดี และเพื่อเป็นการคอนเฟิร์มคำพูด เจ้าตัวได้ให้ “น้องเพ้นท์” มาโชว์โฉมหน้าให้เห็นตัวเป็นๆ ในคลิปด้วย

ซึ่งคลิปแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ของหนุ่มโดมนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ มีคนเข้ามาคลิกดูมากมายถึง 245,350 ครั้ง และคอมเมนต์ส่วนใหญ่ต่างชื่นชอบในความเจ๋ง ฮา สนุกสนาน ก็นับว่านักร้องหนุ่มใช้ช่องทางในการแก้ข่าวตัวเองได้อย่างตรงจุดและถูกทาง ส่วนหลังจากนี้ จะมีศิลปินดาราคนไหนใจกล้าทำเลียนแบบหนุ่มโดมบ้าง ต้องมาจับตาดูกัน!!



ข้อความที่วิศวกรโพสต์กล่าวหาโดมมาแย่งแฟน
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นางเอก“แตงโม-ภัทรธิดา”ควงแม่ตัวจริงโต้ข่าว

นางเอก“แตงโม-ภัทรธิดา”ควงแม่ตัวจริงโต้ข่าว พร้อมนำสูติบัตร-ภาพถ่ายสมัยเด็กคู่กับแม่ยืนยัน เผยญาติคนตายที่อุบลฯแจงแค่สงสัยเป็นลูกเพราะชื่อเหมือนและเกิดวันเดียวกัน

วานนี้ (15 พ.ย.) ที่ร้านตำนัว ถนนเกษตร-นวมินทร์ “แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ดาราสาว พร้อมกับ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดา เปิดแถลงข่าวเรื่องที่ นางไพรัช ไชยมงกุฎ ระบุ ว่า แตงโม-ภัทรธิดา เป็นลูกสาวที่พลัดพรากจากกันไปนานหลายปี และอยากเจอก่อนที่จะเสียชีวิต โดย แตงโม-ภัทรธิดา นำสูติบัตร หรือใบแจ้งเกิดมาแสดงให้สื่อมวลชนดูด้วย
สำหรับสูติบัตร หรือใบแจ้งเกิดของดาราสาวออกที่เขตพระโขนง ระบุ ชื่อ ด.ญ.แตงโม พัชรวีระพงษ์ เกิดวันพฤหัสบดีที่ 13 ก.ย. 2527 เวลา 13.30 น. ที่ รพ.พร้อมมิตร หมายเลขบัตรประชาชน 1 1009 0002140 มารดาชื่อ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน อายุ 29 ปี บิดาชื่อ นายโสภณ พัชรวีระพงษ์ อายุ 39 ปี ที่อยู่ 2/106 หมู่ 1 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตบางเขน มี นายพายัพ มีลาภ ผู้ช่วยนายทะเบียนท้องถิ่นเขตพระโขนง เป็นนายทะเบียนผู้รับแจ้งการเกิด รับแจ้งการเกิดวันที่ 21 ก.ย. 2527 นอกจากนั้น ดาราสาวยังนำภาพถ่ายคู่กับนางภนิดา เมื่อยังเป็นเด็กไปเที่ยวทะเลมาโชว์เพื่อยืนยันอีกด้วย

แตงโม –ภัทรธิดา กล่าวยืนยันว่า หลังจากมีข่าวเรื่องนี้ ตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับญาติของ นางไพรัช ผู้ตาย ซึ่งทางนั้นบอกว่า แค่สงสัยว่า ตนจะเป็นลูกของผู้ตาย เพราะเกิดวันที่ 13 ก.ย. เหมือนกัน แต่เขาจำ พ.ศ.เกิดไม่ได้ ส่วนที่ว่าพ่อเคยพาตนไปอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยายที่หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ช่วงโรงเรียนปิดเทอมสมัยตนเป็นเด็กนั้น ทางนั้นเขาเคยไปที่หมู่บ้านนี้ด้วย ทำให้ตนรู้ว่าเขาก็ตามหาหลานเขาจริงๆ ตนรู้สึกเสียใจกับผู้ตายและญาติเขาด้วย ตนอยากจะไปเคารพศพแต่ติดที่กองถ่ายละคร แต่ได้ส่งพวงหรีดไปเคารพศพเขาแล้ว และยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือตามกำลังที่ตนมี

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ไม่มีผลกระทบกับตนเท่าไหร่ แต่เวลาตนไปทำงานถ่ายละครก็มีคนมาแสดงความเสียใจเรื่องแม่ตาย บางคนเห็นตนร่าเริงไม่ได้มีอาการโศกเศร้าก็ยังคิดว่าตนทอดทิ้งแม่ ตนก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจ ครั้งนี้ตนจึงนำแม่พร้อมหลักฐานสูติบัตรและภาพถ่ายตอนเด็กๆมายืนยัน ซึ่งตอนแจ้งเกิดตนชื่อ ด.ญ.แตงโม จริงๆ แต่ตอนหลังเอาชื่อของพ่อกับแม่มารวมกันจึงเปลี่ยนเป็นภัทรธิดา

ด้าน นางภนิดา กล่าวว่า ตนเลิกกับพ่อของแตงโม มานาน 22 ปีแล้ว ตั้งแต่โมอายุ 2 ขวบ แต่ยังติดต่อกันตลอดเรื่องเกี่ยวกับลูก ยืนยันว่าแตงโมเป็นลูกของตนกับนายโสภณ จริงๆ ตนอยากให้ นายวีระศักดิ์ สุวรรณพร คนที่เอาลูกที่เกิดกับนางไพรัช ผู้ตาย ออกมาแสดงตัวเรื่องทุกอย่างจะได้กระจ่าง

ที่มา เดลินิวส์

แฉคลิปลับ“บิ๊ก สธ.”-“ไพจิตร์”ลั่นฟ้องคนปูด

แพทย์ สผพท.แฉคลิปลับ “บิ๊ก สธ.” นัวเนีย นศ.สาว-“ปลัด สธ.” ประกาศตัดพี่ตัดน้องคนปูด ลุยแจ้งความจับไม่ไว้หน้า

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 พ.ย. ที่รัฐสภา พญ.อรพรรณ์ เมธาดิลกกุล รักษาการประธานสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศ ไทย (สผพท.) นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ รองประธาน สผพท. ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังเข้ายื่นหนังสือต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมว.สาธารณสุข เพื่อคัดค้านกรณี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะคณะกรรมการสมานฉันท์พิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการ รับบริการสาธารณสุข และร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับบรการ และผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการบริการสาธารณสุขที่ได้มีการเสนอ 12 ประเด็น ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากไม่ใช่บทสรุปที่แท้จริง เพราะไม่ครบองค์ประชุม และไม่มีการลงมติ

นพ.ฐาปนวงศ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดต่อ นพ.วิชัย โชควิวัฒน์ ประธานบอร์ดองค์การเภสัช ในการทุจริตน้ำมันหลวงถึง 197 ครั้ง ตั้งแต่เดือน พ.ค.2553 แต่จนถึงขณะนี้ นพ.ไพจิตร์ กลับไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อคนทุจริต กลับอ้างว่าเรื่องยุติ เพราะคนทุจริตได้รับการนิรโทษกรรมไปแล้ว ทั้งขอตั้งข้อสังเกตว่า นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ที่ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะมีเรื่องการทุจริตในกระทรวงสาธารณสุขเรื่องใด มักจะออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนทันทีทุกครั้ง แต่กับเหตุการณ์นี้ กลับเงียบ จึงสงสัยว่ามีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่

นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังเคลือบแคลงประพฤติผิดศีลธรรมของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงรายหนึ่ง ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะชู้สาว โดยนั่งแนบชิด และโอบกอดนักศึกษาสาว ซึ่งมีการเผยแพร่เป็นคลิปอยู่ในเว็บดังแห่งหนึ่งมากว่าสัปดาห์แล้ว จึงอยากให้ รมว.สาธารณสุข ตรวจสอบด้วย ล่าสุด พบว่า คลิปดังกล่าว ได้ถูกลบออกไปแล้ว แต่ปรากฎว่า ยังมีคลิปอีกชุดที่มีพฤติกรรมเข้มข้นมากกว่านี้ เผยแพร่อยู่ ซึ่งตนคงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอย่างไร แต่ทุกคนสามารถเข้าไปเปิดดูได้

ต่อมา เวลา 12.20 น. วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึง กรณีที่มีกลุ่มแพทย์เข้ายื่นหนังสือต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีคลิปฉาว ภาพปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการส่งเอสเอ็มเอสโจมตีตนมาเป็นปีแล้ว ซึ่งในช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ได้เข้าแจ้งความเอาไว้แล้ว ดังนั้น กรณีที่มีแพทย์บางกลุ่มไปแถลงข่าวที่สภาฯ ในวันนี้ และนำภาพไปเผยแพร่นั้น ตนก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกับแพทย์ที่แถลงข่าว เพราะการกระทำดังกล่าว ถือว่าไม่ใช่รุ่นพี่รุ่นน้องกันแล้ว ที่ผ่านมา ตนได้พยายามอดทน และรักพี่น้อง ๆ ทุกคน ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร

นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า การแจ้งความเรื่องคลิปเมื่อเดือนที่แล้ว ก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันว่า ไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างในรูป ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมาย แต่การดำเนินการตามระบบไอทีคงไม่รวดเร็ว ยืนยันว่า ตั้งแต่เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งใจทำงาน เพื่อส่วนรวม แต่ก็คงมีแพทย์บางส่วนที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เรื่องที่ตนรับมาทำนั้น หลายเรื่องอยู่ท่ามกลางคน 2 กลุ่ม ดังนั้น จะให้มารักเราทั้งหมดคงไม่ได้

เมื่อถามว่า คลิปดังกล่าว เป็นการตัดต่อหรือไม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าว่า ตนไม่มีความรู้เรื่องไอที แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าวแน่นอน ดังนั้น คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ พิสูจน์ ยืนยันว่า ไม่ได้ทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการเลื่อยขาเก้าอี้ปลัดหรือไม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า คงไม่ต้องถามมั้ง เพราะตำแหน่งปลัดมีตำแหน่งเดียวในกระทรวง

ต่อข้อถามว่า มีความขัดแย้งกับฝ่ายการเมืองหรือไม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนก็สนองนโยบายฝ่ายการเมืองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือรัฐมนตรี ซึ่งนโยบายเกือบทุกเรื่อง ก็ได้ลงไปช่วยแก้ไขปัญหา ดังนั้น คิดว่าไม่น่าเป็นประเด็นขัดแย้งเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมา กับ รมว.สาธารณสุข ก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรกัน เพราะต่างคนต่างมุ่งทำงาน และการส่งเอสเอ็มเอสต่าง ๆ ที่มีมานับปี รมว.สาธารณสุข เอง ก็ได้รับมาตลอด ซึ่ง รมว.สาธารณสุข ก็ไม่เคยถามอะไรตน หากจะคิดปลดตนออกจากตำแหน่งก็ควรหาเรื่องอื่นดีกว่า.
ที่มาข่าว dailynews

'วุ้นเส้น' ห่วง 'เจนี่' ภาพหลุดฉีกขา วอนคนมีรูปอย่าส่งต่อ

เรียกว่าความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกจริง ๆ สำหรับนางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณที่เคยเผลอเดินเหยียบชายกระโปรงจนจุกหลุดมาแล้ว ล่าสุดก็มีภาพของ เธอขณะฉีกขาในงานโชว์ตัว สร้างความหวาดเสียวให้แก่คนดู ปรากฏหราบนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่ง งานนี้เมื่อเจอเพื่อนซี้อย่างวีเจ วุ้นเส้น- วิริฒิพา ภักดีประสงค์ จึงเข้าไปสอบถามสภาพจิตใจของสาวเจนี่ทันที ได้ความว่า

วุ้นเส้น เผยว่า “ตอนนี้ก็แย่กว่าคราวที่แล้วอีก” ...ข่าวว่าร้องไห้ตัวสั่น... “ใช่ เมื่อวานไปบ้านนานามา เจนี่ก็อยู่ มันเป็นสภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง คือคนอื่นเห็นหมด มันก็แรงไปสำหรับภาพลักษณ์ของเขา คือเขาเศร้าครั้งนั้นครั้งเดียวก็หนักแล้ว ยังมีครั้งนี้อีก มันติด ๆ กันเกินไป ก็รู้สึกเห็นใจเพื่อน แต่เขาก็ยังทำงานได้ แต่วุ้นว่าข้างในเขาคงช้ำมาก ยิ่งกว่าอกหักอีก สิ่งที่ช่วยได้อย่างเดียวคือ ใครมีรูปอยู่ในมือก็ช่วยทำลายหรืออย่าส่งต่อ เรารู้ว่าผู้หญิงแค่หวอออก ก็ไม่อยากให้ใครเห็นแล้ว นี่แบบมันแรงไป ตอนแรกที่เห็นรูปก็แบบพยายามช่างมันเถอะ แต่ก็ไม่ได้ เขาก็บีบีมาบอกเราว่าเขาก็แย่ เราก็เลยให้กำลังใจอยู่เป็นเพื่อน และเขาต้องการให้คนที่ทำรับผิดชอบบ้าง”

เจนี่เจอสองรอบติด ๆ กันแบบนี้ เราปลอบยังไง? “พูดไม่ออกเลยว่าจะปลอบใจเขายังไงดี ครั้งที่แล้วก็พูดว่าฟ้าหลังฝนต้องมีอะไรดีกว่า ถือว่าฟาดเคราะห์ไป แต่มาเจออย่างนี้อีก ก็ไม่รู้จะปลอบใจยังไงแล้ว เพราะมันติดกันเกินไป ก็บอกว่าดับเบิ้ลเลยละกัน ขอให้สิ่งดี ๆ เข้ามาแทนที่” ...ถามเขามั้ยว่าวันนั้นเซฟหรือเปล่า... “เขาก็เซฟแหละ แต่มันมีหลายรูป เลือกรูปที่ไม่น่าเกลียดก็ได้ อย่างตัววุ้นเองก็ระมัดระวัง แต่บางทีก็ไม่สามารถระวังได้ตลอดเวลา ด้วยชุดก็บังคับไม่ได้ทุกอย่าง เพราะเราไม่ได้เลือกชุดเอง”.
ที่มา เดลินิวส์

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เปิดใจ 'พิ้งกี้' ครั้งแรก หลังประกาศลาวงการ

จากปกติจะเจอหน้านางเอกสาวตาคม พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช ได้เป็นประจำตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ แต่พอเจ้าตัวตกเป็นข่าวพัวพันกรณีคลิปเสียง ธัญญ่า-ธัญญาเรศ และ เป๊ก-สัณชัย เองตระกูล ปุ๊บ เธอก็ออกมาเคลียร์ข่าวครั้งหนึ่ง พร้อมขอถอนตัวจากงานละคร “เงาพราย” ทางช่อง 3 รวมไปถึงงานต่าง ๆ ที่เคยรับไว้ก่อนหน้านี้ด้วย จากนั้นก็หายหน้าไป จนล่าสุด “ดาวต่างมุม” ได้นัดแนะพิ้งกี้ที่สถาบันเสริมความงาม “หนึ่ง โนแอล” ย่านลาดพร้าว 53 เพื่อเปิดใจถึงชีวิตในช่วงที่หายไป

@ หลังจากที่พิ้งกี้เคยออกมาให้สัมภาษณ์คราวก่อน แล้วเราก็หายไปเลย เราไปทำอะไรมาบ้าง

-จากวันนั้นที่ให้สัมภาษณ์ กี้ก็มีเวลาว่างขึ้นเยอะ ไปเรียนและทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำ เป็นเวลาที่ดีมาก ไปเรียนทำอาหาร ถือว่าไม่ได้ปล่อยเวลาว่างให้หายไป เพราะระหว่างนี้กี้ถือเป็นเวลาพักที่ดี ได้อยู่กับครอบครัว

@ มาดูแลเรื่องธุรกิจเครือ โนแอล กรุ๊ป

-กี้เป็นหนึ่งในทีมบริหารของที่นี่ มีตำแหน่งเป็นประชาสัมพันธ์การตลาด ปกติพี่หนึ่งกับที่นี่ ก็มาเหมือนเป็นครอบครัวกันอยู่แล้ว ช่วงที่กี้ทำงานหนักก็ไม่ค่อยมีโอกาสมาที่นี่ ฉะนั้นช่วงนี้เราว่าง ก็มีโอกาสมาลุย ไม่ใช่ว่ากี้จะแค่เป็นดาราเดินไปมา ในอนาคตกี้ก็ต้องดูงานที่ต่างตังหวัดและเมืองนอกด้วย เหมือนกับธุรกิจทางร้านที่ต่างประเทศที่กี้ต้องไปดูด้วยหลายประเทศ พี่หนึ่งจะส่งไปดูงาน กี้ว่าก็ดีนะ กี้ก็จะ 25 ปีหน้าแล้ว กี้คิดว่ายังมีโอกาสได้เรียนรู้ในเวลาช่วงนี้ ถือว่าเป็นช่วงที่ดี และมีอีกหลายอย่างที่กี้ต้องเรียน ก็ดีที่มีเวลาว่าง

@ ทำไมจึงตัดสินใจพักงาน

-กี้คิดว่าถ้ายังเป็นอะไรแบบนี้ต่อไปสักพัก มันคงไม่จบ ถึงขนาดกี้ไม่ทำอะไรแล้ว ก็ยังมีให้กี้ปวดหัวอีก กี้อยู่นิ่ง ๆ ก็ยังมีนู่นนี่ เอากี้ไปเกี่ยว กี้เงียบของกี้ ไม่ได้ออกงานไปไหน ถือว่าเป็นช่วงพักกายพักใจ ก็เดี๋ยวรองานของกี้ด้วย

@ เราเป็นเสาหลักครอบครัว ช่วงที่หยุดงานเสียรายได้เยอะมั้ย

-ก็เสียเยอะนะคะ คนอื่นก็คงไม่มาเห็น แต่ตรงนี้ครอบครัวกี้ คิดว่ากี้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ถือเป็นการพักที่ดีด้วย ถ้าไม่พักตอนนี้ ก็ต้องพักในอนาคตอยู่ดี ซึ่งตอนนี้ก็ว่าเป็นเวลาที่ยินยอม ทางครอบครัวก็โอเค ถึงเราจะเสียไป แต่เราก็ได้อะไรกลับมาเยอะเหมือนกัน คิดว่าหยุดเพื่อเตรียมตั้งหลักต่อไปในอนาคต

@ งานละคร “เงาพราย” ที่กี้ถอนตัวไป พี่ปิ่น-ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์ บอสใหญ่ทีวีซีน เสียดายมาก

-กับพี่ปิ่น เราก็คุยกันแล้วว่ามันจบ ที่กี้ออกมาตรงนี้ก็เป็นสปิริตที่กี้ไม่อยากให้ใครต้องมาเกี่ยวข้อง และถ้าข่าวอะไรที่ออกมาอีกเรื่อย ๆ ต่อไปนี้อย่ามาเขียนถึงกี้อีก เพราะไม่ได้มายุ่งกับวงการตรงนี้แล้ว ซึ่งกับพี่ปิ่นก็บอกว่าถ้ากี้ไปเรียน ก็พี่ปิ่นยังรออยู่ ทุกคนไม่ได้ทิ้ง ยังอยู่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า กี้จะกลับมาเล่นเมื่อไหร่ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมากี้ก็ไปขอสัญญาคืนจากทางทีวีซีน

@ วางแผนการทำงานหลังจากนี้ยังไง

-ตอนนี้ก็หนังที่อินเดียออก ตอน ธ.ค. หรือไม่ก็ ม.ค.นี้ ถ้าเกิดหนังออกมาดี หลาย ๆ งานก็รออยู่ที่นั่นด้วย ช่วงนี้กี้ถือเป็นเวลาพักผ่อนรอเตรียมความพร้อมเพื่อไปทำงานที่นั่น สำหรับละครเมืองไทย กี้ยังไม่ให้คำตอบ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตเป็นยังไง

@ กี้ต้องกลับที่ประเทศอินเดียอีกเมื่อไหร่

-น่าจะเป็นตอนที่หนังเปิดตัวเลย ช่วงเปิดก็คงยุ่งกับการโปร โมต เพราะที่นู่นถ้าหนังออกมาแล้ว จะอยู่เป็นปีเลย เพราะฉะนั้นก็คงต้องมีงานเปิดตัว ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าผลตอบรับจะดีหรือเปล่า ตอนนี้ก็ฟิตซ้อม เรียนเต้น และภาษา ใช้ภาษาอังกฤษใช้อย่างหนักเลย ที่นู่นทุกคนต้องพูดเก่งมาก ต้องฝึกให้คล่องกว่าเดิม

@ ถ้ากลับมาเราจะเล่นละครให้พี่ปิ่นเป็นที่แรกเลยหรือเปล่า

-ตอนนี้ก็อิสระ เราก็ทำอะไรก็ได้ เพียงแต่ช่วงนี้ให้คำตอบอะไรที่มันจะเกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ เพราะกี้ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่เราคงเล่นในอนาคตอยู่แล้ว คงไม่หายไป

@เพิ่งออกจากช่อง 7 แล้วย้ายมาอยู่ช่อง 3 ก็เจอข่าวแรง ๆ แบบนี้อีก เรียกว่าเป็นมรสุมครั้งใหญ่หรือเปล่า

-เป็นชะตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คงจะมีเหตุผลที่พระเจ้าอยากให้เราเป็นแบบนี้ กี้อาจจะไปทำงานที่อินเดียเลยก็ได้ อาจจะมีเหตุผลของมัน แต่ถามว่า ณ ปัจจุบันนี้ แฟน ๆ ทุกคนก็อยากให้กี้กลับไปเล่นละคร ไปไหนมาไหนทุกคนก็เสียดายมาก เมื่อไหร่จะกลับมา เขาก็จะถามแบบนี้ตลอด เราก็คิดถึงแฟน ๆ นะ ถามว่าเป็นมรสุมมั้ย มันก็มากที่สุดในชีวิต และถ้าเราย่อท้อ ไม่มีความอดทนก็คงแย่ แต่กี้คิดว่ามันผ่านมาถึงจุดนี้ กี้ก็ถือว่ามันผ่านมาแล้วหละ ก็คงมีสิ่ง ดี ๆ เข้ามาอีก เราก็ต้องแข็งแกร่งมาก

@ ผ่านช่วงเลวร้ายมาแล้ว สภาพจิตใจเป็นไงบ้าง

-ดีนะ ไม่ต้องมีข่าวเราให้ปวดหัว ไม่ต้องมีใครมานินทาหรือพูดทำให้เราซีเรียส มาอยู่ที่ร้านเรา ก็สบายใจ มาอยู่กับพี่หนึ่งที่โนแอลและทีมงานก็สนุกดี เป็นธุรกิจของเราด้วย เราออกมาสักพักหนึ่งมาเห็นอะไรข้างนอก

@ ขนาดเราเงียบไป แต่ยังคงมีกระแสข่าวมาโยงถึงเรา รู้สึกยังไง

-ไม่ค่อยจะสนใจข่าว เพราะไม่อยากอ่านอะไรทั้งนั้น บางวันกี้ก็เป็นแม่บ้าน มาทำอาหาร ก็ไม่รับรู้ เพื่อความสบายใจ เรามุ่งเตรียมตัวไปอินเดียดีกว่า

@ เรื่องที่เราถูกโยงว่าเป็นมือที่สามของครอบครัวอื่น เป็นเรื่องที่ เซ็นซิทีฟของคนไทย ที่ผ่านมาพิ้งกี้ โดนฟีดแบ็กอะไรบ้าง

-ที่กี้ไปเจอ ก็ไม่มีใครนะ แฟนคลับก็รักกี้เหมือนเดิม กี้ไม่รู้ ทุกอย่างก็เท่าที่เราบอกไป ก็หมดแล้ว เราพูดไปหมดทุกอย่าง คือทำถึงขนาดนี้แล้ว

@ หลังจากที่คราวก่อนคำตอบพิ้งกี้ยังดูคลุมเครือ วันนี้เราอยากจะเคลียร์อะไร

-เคลียร์ไปเรียบร้อยแล้ว ใครทำอะไรก็ปล่อยเขาไป คลิปเสียงกี้ไม่ได้เป็นคนเอาไปปล่อย กี้ไม่ได้ไปทำอะไรที่มันไม่ดี ก็เอาเป็นว่าให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้รู้ว่าใครทำอะไรไว้ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ

@ข่าวที่ผ่านมากระทบภาพลักษณ์เราเยอะมั้ย

-มันก็กระทบถึงว่ากี้ต้องออกจากช่อง 3 มันเป็นถึงขนาดนั้น สื่อหลาย ๆ อย่าง เรียกว่ามีอิทธิพลสำหรับชีวิตคน ๆ หนึ่ง

@จะทำยังไงให้ภาพลักษณ์กลับมาเหมือนเมื่อก่อน

-กี้คิดว่า จริง ๆ แล้ว กี้ว่ากี้ไปทำงานที่อินเดีย และผลงานที่กี้กำลังจะได้ออก ให้ประชาชนได้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น คงไม่พูดแก้ตัว และกี้ก็รับผิดชอบเรื่องที่จะเกิดขึ้น โดยกี้ถอนตัวออกมา มันก็เป็นสิ่งที่ครอบครัวเราแสดงออกว่าไม่อยากจะยุ่งแล้ว

@ ณ วันนี้สัมพันธ์กับพี่เป๊กเป็นยังไงบ้าง

-ไม่ตอบดีกว่า เดี๋ยวหาว่าเป็นนู่นเป็นนี่ กี้เคลียร์ไปหมดแล้ว ไม่อยากพูด เพราะกี้โดนคนเอาไปตีคำพูดอีก

@ มีการติดต่อมั้ย

-ไม่พูดแล้ว เหนื่อย

@ พอพิ้งกี้เงียบไป ก็มีข่าวว่าเราไปหมั้นกับนักธุรกิจต่างชาติ

-ก็อ่านข่าว ไม่เข้าใจเหมือนกัน เดี๋ยวหาว่าแหวนวงนั้นของเป๊ก อีกวงของนักธุรกิจต่างชาติที่หมั้นไว้เงียบ ๆ แม่ก็บอกว่า ถ้าเขาจะหมั้นเงียบ ๆ ทำไมเขาไม่บอกนักข่าวว่ากี้มีอยู่แล้ว เพราะกี้เป็นดารากี้จะไปแอบทำไม มันเป็นข่าวที่ตลกจะไม่ให้มีเครื่องประดับติดมือเลยเหรอ ผู้ชายสองคนจ่อก็ตลกมาก คนที่เขาอ่านก็มาบอก บางคนก็เชื่อบางคนก็ไม่ บางคนบอกว่าไร้สาระก็มี แล้วแต่วิจารณญาณ

@ ตอนนี้มีใครเข้ามาคุยกับเราบ้างมั้ย

-ไม่มี ใครจะกล้า และทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว ไม่ชอบเที่ยว ถ้าเที่ยวก็จะเที่ยวกับครอบครัว เดี๋ยวนี้เป็นแม่บ้านแม่เรือนทำอาหาร แม่ทำอาหารเก่งก็สอนทุกอย่างหมดเลย ปกติเราทำงานทุกวัน ตื่นแต่เช้าไม่มีเวลาทำอะไร พอมีเวลาปุ๊บ แม่ก็สอนความเป็นผู้หญิง แม่บ้านแม่เรือน ก็ดีนะ เข้าคอร์สกับคุณแม่

@ เคยมองเอาไว้มั้ยว่าหนุ่มในฝันที่จะมาร่วมสร้างครอบครัวในอนาคตกับเรา

-หนุ่มคนนั้นต้องเป็นคนที่เข้ากับครอบครัวได้ ไม่ขออะไรมาก จริงใจ อยู่กับกี้ได้ทุกเมื่อ ไปลุยที่ไหน ทำอะไรกับกี้ ไม่มีข้อแม้ และลุย ๆ เป็นผู้ชาย เพราะกี้ไม่ชอบอะไรที่จุกจิก เพราะกี้เป็นคนทำอะไรทำเลย ไม่คิดมาก ยืนหยัดกับเราได้ทุกสถานการณ์ ทำได้ทุกอย่าง

@ มองเอาไว้มั้ยอยากมีครอบครัวเมื่อไหร่

-พี่น้องที่มีตอนนี้ก็มีลูกกันแล้วนะ เวลาเห็นหลาน ๆ เราก็ชอบ เพราะเรารักเด็ก ถ้าในอนาคต แต่งงาน มีสามี กี้ก็อยากมีลูกเร็ว ๆ เพราะรู้สึกอบอุ่น ก็ไม่อยากจะมีช้า ถ้าเป็นไปได้อยากจะมีสักอายุ 28 ปี สำหรับวงการบันเทิงคงจะไม่ได้เห็น เพราะกี้คงมีครอบครัวไปเลยค่ะ

เชื่อว่าบทสัมภาษณ์นี้น่าจะช่วยให้คนที่รักพิ้งกี้ คลายความคิดถึงกันไปบ้าง ยังไงก็ขอให้โชคดีกับเส้นทางที่เลือกเดินต่อไป.
คนกลาง : เรื่อง / สุรเชษฏ์ วัชรวิศิษฏ์ : ภาพ
ที่มา เดลินิวส์

ตะลึง! "เจนี่"อุบัติเหตุเต้าหลุดกลางเวที!

ตะลึง! ภาพหลุดนางเอกสาว ''เจนี่'' ว่อนเน็ต หลังเจ้าตัวพลาดเกิดอุบัติเหตุกลางแค็ตวอล์ก เดินเหยียบชายกระโปรงตัวเองจนเกาะอกชุดสวยหลุดเผยเห็นเต้าเต็มๆ แต่โชคดีนางเอกคนดังแปะสติกเกอร์เซฟกันไว้!

เรียกว่าอึ้งกันไปทั้งเมืองเลยทีเดียว เมื่อจู่ๆ เกิดมีภาพฟอร์เวิร์ดแพร่กระจายทั่วอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นภาพหลุดของนางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ หลังจากที่ไปร่วมงานเดินแฟชั่นโชว์งานหนึ่ง เมื่อค่ำคืนวันที่ 20 ต.ค. 53 ที่ผ่านมา แล้วเกิดอุบัติเหตุกลางแค็ตวอล์กเผยให้เห็นหน้าอกของนางเอกสาว ''เจนี่'' เต็มๆ เลยทีเดียว

จากกรณีภาพหลุดดังกล่าวได้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลก ไซเบอร์ โดยบางคนที่ได้อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์แฟชั่นโชว์หวิวดังกล่าว ได้เล่าผ่านข้อความในอินเทอร์เน็ตให้ฟังว่านางเอกสาว ''เจนี่'' ได้มาร่วมงานแฟชั่นโชว์ ''ไทยแลนด์ แฟชั่น เอกซโป 2010'' ซึ่งอยู่ในชุดราตรียาว เกาะอก ซึ่งระหว่างที่ ''เจนี่'' กำลังเดินออกมาอย่างสง่างามบนแค็ตวอล์กนั้นเอง ปรากฏว่าได้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น โดยนางเอกสาวได้เดินเหยียบชายกระโปรงชุดสวยที่ยาวลากพื้น จนทำให้ชุดเกาะอกที่ใส่อยู่ถึงกับหลุดลงมากลางแค็ตวอล์ก เผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจทั้งยวงของนางเอกคนดังทันที

แต่งานนี้โชคดีตรงที่นางเอกสาว ''เจนี่'' ได้เซฟตัวเองไว้ทางหนึ่งด้วยการแปะสติกเกอร์ที่หน้าอกไว้นั่นเองและหลังจาก ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด...อุบัติเหตุบนแค็ตวอล์กดังกล่าว แหล่งข่าวก็ได้รายงานว่านางเอกสาว ''เจนี่'' ถึงกับตกใจและยังไม่หายขวัญผวากับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกลางแค็ตวอล์กดัง กล่าว จึงขออนุญาตที่จะไม่ร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในชุดอื่นๆ อีกนั่นเอง

กรี๊ด ไม่เป็นไรนะคะ สู้ๆ

ที่มาsiamzone.com

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

'ธัญญ่า'เปิดใจข้ามทวีปเปิดเผยมีคลิปลับมากกว่านี้อีก

ธัญญ่า'เปิดใจข้ามทวีปเปิดเผยมีคลิปลับมากกว่านี้อีก 'ธัญญ่า' อุ้มลูกให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศ ในรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" เผย มีคลิปมากกว่าที่หลุด แต่ทำลายหลักฐานหมดแล้ว รับรู้สึกแย่ ปัดพูดเรื่องหย่า ยันยังรัก 'เป๊ก'...

เรื่องราวของ ดาราสาว "ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล" ที่เกิดมรสุมข่าว "คลิปฉาว" เรื่องรักสามเส้า ก็ได้หอบลูกน้อย "น้องลียา" ออกมาเปิดใจข้ามประเทศ ผ่านระบบเทเลเพรสเซนส์เป็นครั้งแรกของรายการวาไรตี้ทอล์กเมืองไทย ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ขณะพำนักอยู่ที่เมืองฟีนิกซ์ สหรัฐอเมริกา ในการบันทึกเทปรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ซึ่งจะออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี เวลา 22.30 น. วันที่ 14 พ.ย. โดยธัญญ่า ซึ่งปักหลักเลี้ยงลูกอยู่ที่อเมริกานาน 3 เดือนแล้ว ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องบันทึกเสียงขณะทะเลาะกับสามี เป๊ก-ร.ท.สัญชัย เองตระกูล จนตกเป็นข่าวครึกโครมชนิด "ทอล์กออฟเดอะทาวน์" ว่า เชื่อว่าคนที่เป็นแม่คนทุกคนต้องเข้าใจ ธัญญ่าเคยคิดว่าจะต้องเสียลูกไป แล้วเราจะเป็นยังไง จะอยู่ยังไง เหตุการณ์ต่างๆสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เลยอัดเสียงไว้ จนเพื่อนก็กลัวว่าเวลาคุยกับธัญญ่า ธัญญ่าจะอัดเสียงไว้ จริงๆมีคลิปมากกว่าที่มันหลุดออกไป แต่ตนทำลายหลักฐานหมดแล้ว เพราะรู้สึกแย่ ไม่อยากให้ใครได้ยินว่าทะเลาะกัน มันเสียทุกฝ่าย เป็นบทเรียนที่ไม่ดี เรื่องหย่ายังไม่อยากพูดถึง แต่ยืนยันว่ารักพี่เป๊กอยู่ แต่ตอนนี้ขออยู่แบบนี้ แบบสบายใจ อยู่กับตัวเองและลูก ดูแลเขาให้ดีที่สุด

ธัญญ่า ยังกล่าวถึงน้องลียา ซึ่งขณะนี้มีอายุ 1 ขวบ 5 เดือน ว่า ทุกวันนี้ตื่นเช้ามาก็คุยกับลูก เล่นกับลูกบนที่นอน แล้วพาไปอาบน้ำ ทำอาหารเช้า เช่น ข้าวต้มปลาให้ทาน ลียากินง่าย ชอบทานผลไม้ โยเกิร์ต จากนั้นก็จะเล่น พอบ่าย 2 ก็นอนกลางวัน เย็นก็อาจไปเดินที่สวนสาธารณะ ไปซื้อของบ้าง ช่วงนี้ลียาเริ่มพูดแล้ว เช่น หม่ำๆ บายบ๊าย และค่อนข้างซนมาก อยู่ไม่นิ่ง ชอบเล่นกับสัตว์ พวกหมา แมว นก เห็นแล้วชอบมาก เวลาพี่เป๊กมา ลียาจะเขินไม่เข้าใกล้พ่อ พักนึงก็มากอด เวลาพี่เป๊กโทร.มาคุยกับลูก ลียาก็คุยอือๆออๆ ตามประสาเด็ก

ธัญญ่า กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่มีข้อสรุป เริ่มไปดูโรงเรียนให้ลียา แต่ขอปรึกษาพี่เป๊กก่อน เพราะเขาอยากให้กลับเมืองไทย แต่ตอนนี้เริ่มใจอ่อนและเห็นด้วยกับการให้ลียาเรียนที่นี่ เพราะจะได้ภาษา ส่วนเรื่องธัญญ่าจะกลับเมืองไทยหรือไม่ ตอนนี้ยืนยันว่ายังไม่กลับ 1 ปีที่ผ่านมามันทรมานมาก ตอนนี้กำลังรู้สึกว่าสบายใจที่สุด ตื่นมายิ้มได้ มีกำลังใจเลี้ยงลูก เรื่องค่าใช้จ่ายพี่เป๊กดูแลรับผิดชอบทั้งหมด เพราะเขาเคยพูดไว้ว่าจะไม่ยอมให้ลูกลำบาก ตอนนี้ธัญญ่าคุยกับพี่เป๊กด้วยเหตุผล ไม่ทะเลาะกันแล้ว คุยกันเรื่องลูกมากกว่า เรา 2 คนอยากให้ลียามีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่มันยังไม่มีข้อสรุป เป็นช่วงเวลาให้คิดและทบทวนกันมากกว่า
ธัญญ่า'เปิดใจข้ามทวีปเปิดเผยมีคลิปลับมากกว่านี้อีก
ที่มาของข่าว : ไทยรัฐออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

TOP TEN ‘พิ้งกี้-อ้อม-ได๋’ นำทีม คลิปหลุดดาราสุดฉาว!!

แวดวงบันเทิงบ้านเราช่วงนี้ก็มีคลิปหลุดออกมาว่อนไปหมดยังไงซะ “เจ๊หญ้าอ่อน” ว่าควรจะใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะคะ

สำหรับละครเล่มนี้เดี๋ยวจะหาว่าเจ๊ตกกระแสขอจัดโผ “Top Ten” คลิปสุดเสียวจนฉาวมาฝาก
1. “พิงค์กี้” คลิปเราสองสามคน

ขอปรบมือให้ความแรงของเธอเลยค่ะสำหรับ “สาวพิ้งค์กี้-สาวิกา” ที่สามารถคว้าชัยมาเป็นอันดับ 1 อีกแล้วค่ะ แหมก็ดูซิคลิปเสียงฉาวรักสามเส้าเราสองสามคนเรื่องเดียวลากคนมาพัวพันทั้ง “พี่เป๊ก-สาวธัญญ่า-แม่อ้อย” งานนี้แหละคร่าพอคลิปหลุดเผยแพร่ไปว่อนเน็ตปั๊บดูเหมือน “สาวพิ้งค์กี้” จะงานเข้าสุดทีน She ก็เลยไม่รอช้าขอลากกระเป๋าจากอินเดียมาแถลงการณ์ความจริงบินกลับไทยทันทีจ้า เฮ้อ... แต่ดูเหมือนเรื่องนี้คงไม่จบกันง่ายๆ หรอก แต่ถึงยังไง “เจ๊หญ้าอ่อน” ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
2. “อ๋อม-อาท” คลิปพ่อแม่รังแกฉัน

อยู่ๆก็มีงานเข้าสำหรับหลังมีมือผีแอบปล่อยคลิปขณะที่ “อ้อม” ควง “พี่อาท” ไปดูหนังรอบดึกแต่ดั๊นเกิดไปทะเลาะกับเด็กวัย 5 ขวบและแน่นอนค่ะ ระดับ “อ้อม-พิยดา” มีรึจะให้สังคมประณามจัดแถลงข่าวเป็นการณ์ด่วน ชี้ว่าที่เห็นในคลิปนั้นไม่เกี่ยวกับเด็กแต่มันเกี่ยวกับผู้ใหญ่ที่บังเอิญมีปากเสียงกัน หุหุ แม้ล่าสุดฝั่งนั้นจะไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ดูเหมือน “สาวอ้อม” อยากให้เรื่องมันจบ แถมยังเปรยๆ อภัยกันเถอะค่ะ แต่ถ้าไม่จบฟ้องชัวร์...เริ่ดดดด ม๊วก!! เรื่องจิ๊บๆผ่านมันไป

3. “ได๋-พลอย” คลิปฉันหวง

ไม่จบไม่สิ้นสำหรับคดีชิงรักหักสวาท “นาวิน ต้าร์” เพราะล่าสุด “ได๋” กับ “พลอย” ก็ดันโคจรมาพบกันในงานอีเว้นท์งานหนึ่งและด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเมื่ออยู่ๆ “ได๋” เกิดเป็นพิธีกรบนเวทีแล้วดั๊นไปพูดว่า “กรี๊ดอะไรกันคะ เขาไม่ได้กรี๊ดคุณ” เท่านั้นแหละ โอ้วแม่เจ้า “หนูพลอย” ปรี๊ดแตกหาว่า “ได๋” กัด แขวะ แต่งานนี้ “หนูได๋” ไม่ยอมให้หยามค่า ขอไลท์วีซีดีสู้รบว่าไม่ได้แขวะใคร เอ่อเจ๊ว่าจบซักทีได้มั๊ยผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก

4. “แอนนา” คลิปน้องตาข่าย
ถ้าย้อนกลับไปคงไม่มีใครปฏิเสธคลิปนี้แน่นอน เมื่ออยู่ๆพวกบ้ากามดั๊นไปเจอคลิปสาวสวยสไตล์ฝรั่งใส่ชุดต่าข่ายหน้าเหมือน “แอนนา วงแจมป์” กำลังขึ้นสวรรค์ชั้นแปดกับหนุ่มตี๋ลีลาดีและเมื่อคลิปนี้ได้ปล่อยลงในเน็ตหลายเสียงก็บอกชัวร์ป๊าบ เพราะจำไฝใต้คางของ “แอนนา” ได้ แต่งานนี้ She ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่ตัวเอง เฮ้อ จะว่าไปก็เห็นใจ “แอนนา” เพราะฤทธิ์คลิปนรกขุมนี้แท้ๆ เลยทำให้ “แอนนา” ต้องหายลึกลับประหนึ่งลาออกจาวงการ.... เอ้า เจ๊รอการกลับมาของหนูอยู่นะจ๊ะสู้ๆ คร่า
5. “โฟร์-มด” คลิปช่องลม

เป็นที่ฮือฮาเกือบสามเดือนเต็มค่ะเมื่ออยู่ๆ มีคลิปหลุดหน้าคล้ายนักร้องดูโอ้ฝั่งลาดพร้าว “โฟร์-มด” กำลังทำภาระกิจส่วนตัวในโรงแรมแห่งหนึ่งของจังหวัดขอนแก่นอย่างไม่ทันระวังตัว สุดท้ายทั้ง “โฟร์” ทั้ง “มด” ต้องขอร้องทั้งน้ำตาว่าอย่าส่งคลิปต่อหรือถ้ามีลบไปเถอะ แม้ว่า ณ ตอนนี้คลิปจะเงียบฉี่ลง แต่ “เจ๊หญ้าอ่อน” ยินดีค่ะที่ได้ยินข่าวว่าคนถ่ายคลิปโดนจับแล้ว... แหมน่าตีซะจริงๆคนถ่าย

6. “อ้น” คลิปสวรรค์ชั้น7

ว๊ายยยยยย...ย้อนไปซักสองสามปีอยู่ๆ เจ๊ก็ได้รับคลิปฮือฮามาอีกคลิปเมื่อเปิดดูเจ๊ก็คลับคล้ายคลับคลาหน้ามันเหมือน “หนุ่มอ้น-สราวุฒิ” ที่กำลังทำภาระกิจรักกับสาวคนหนึ่งอยู่ และงานนี้ทั้งโลกความจริงทั้งโลกไซเบอร์ต่างขีดเส้นใต้ยืนยันใช่ “หนุ่มอ้น” ชัวร์ อ่ะอ่ะอ่ะ โดนสังคมยัดเยียดขนาดนี้ “หนุ่มอ้น” ก็โชว์ความแมนออกมายอมรับพร้อมหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายกราบขอโทษทุกๆ คนที่ทำให้ผิดหวัง และบอกกับเจ๊มาว่าโทรศัพท์ผมหายคลิปโจ๊ะๆ กับแฟนสาวก็เลยหลุด โธ่ๆๆๆๆ ออกมายอมรับแบบนี้ “เจ๊หญ้าอ่อน” พร้อมให้อภัยซาเหมอ อ๊าาา

7. “แตงโม” คลิปร้อนวอนสื่อ

ติดโผมาอีกรายสำหรับนางเอกสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” ที่ออกมาขอโทษสื่อโดยเลือกวิธีขอโทษผ่านคลิปแต่ดูเหมือนคลิปนี้จะไม่ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลย หุหุ ก็ดูซิ เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ ที่ She ไปวีนสื่อไม่ขอตอบประเด็นรักร้าวกับ “น้องแต๊งค์” ก่อนจะล่วงเลยมาถึงเรื่องจิกสื่อผ่านเฟคบุ๊คจนเกิดปรากฏการณ์สื่อแบน “น้องแต๊งค์” ซะงั้น เอ้าแต่คลิปนั้นทั้งคลิป “แตงโม” ก็ขอโทษอย่างจริงใจแถมยังเดินสายมาเคลียร์สื่อถึงออฟฟิศด้วยกล้าขอโทษเจ๊ก็กล้าให้อภัยคร่าาา จุ๊บๆๆๆ
8. “เมย์” คลิปหน้าเหมือน

นางร้ายสาวสวยก็ขอมีชื่อติดมาด้วยสำหรับ “สาวเมย์ เฟื่องอารมย์” ที่ตอนนั้นเจ๊จำได้ว่าอยู่ๆ ก็มีข่าวลือว่ามีคนตาดีไปเจอคลิปปริศนาผู้หญิงนางหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายกับ “เมย์” กำลังทำภารกิจสยิวกิ้วช่วยตัวเองกับน้องนางทั้งห้า หุหุ แม้ “สาวเมย์” จะออกมาปฏิเสธแต่พวกหวังดีประสงค์ร้ายก็ยังไม่หยุดปล่อยคลิป งานนี้ “หนูเมย์” หมดความอดทนสุดๆ ขอเดินหน้าแจ้งความทันทีซึ่งถึงทุกวันนี้สาวกคลิปร้อนก็ยังเถียงไม่เลิกตกลงน้องนางทั้งห้านิ้วคนนั้นใช่ “เมย์” หรือเปล่า...เอ๊ะ!! ก็เขาบอกแล้วว่าไม่ใช่เดี๋ยวให้ “กรรชัย” ตี๊บเลย

9. “แหม่ม-ปราย” คลิปด่ากกน.

ตามติดๆกับคลิปเสียงปริศนาสำหรับ “ปราย” กับ “แหม่ม” ที่ตอนนั้นว่ากันว่ามีการเปิดศึกชิงกางเกงใน เพราะที่เจ๊จำความได้ “หนูแหม่ม” ยืนยันเลยคร่าว่า “น้องปราย” ส่ง กกน.ของผู้กำกับ “นก-จิรศักดิ์” แฟนหนุ่มมาให้จริงงานนี้เป็นข่าวครึกโครมหน้าหนึ่งทุกฉบับ นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงของ “ปีใหม่” เจอเพื่อสาวด่าโทษฐานแย่งแฟน แล้วก็มีคลิปเสียงด่ากันของ “แจ๊ส-ปอย” อุ๊ย ยุคนี้คลิปเสียงฮิตจริง

10. “อุ่น KPN” คลิปเต้นสุดซี๊ด

ปิดท้ายกับหนุ่มจากเวทีการประกวด “อุ่น KPN” ที่อยู่ๆ ก็เกิดมีคลิปหลุดหน้าคล้าย “หนุ่มอุ่น” กำลังโชว์เต้นเปลือยบนหวิวล่างจนน้องชายจะโผล่มาให้ “เจ๊หญ้าอ่อน” บ้างซิรับรองเจ๊เก็บไว้คนเดียวไม่เผยแพร่คลิปแน่นอนๆ 555+

สุดท้ายท้ายสุดเจ๊เจ๊อยากจะฝากบอกว่า “คิดก่อนทำไม่ใช่ทำแล้วค่อยคิดเน้ออออ” …จุ๊บๆๆๆ

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก STAR NEWS 341 TOP TEN และ tvpool.co.th
ที่มา teenee.com

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เศร้า! เด็ก2ขวบ ถูกฝูงสุนัขพิตบูลล์ของคุณยายรุมกัด อาการปางตาย

เกิดเหตุสะเทือนใจเมื่อ เด็กชายวัย 2 ขวบ ชาวสหรัฐ ถูกสุนัขพิตบูลล์พันธุ์โหด 5 ตัว ของคุณยายรุมขย้ำ บริเวณ คอ ท้อง และขา อาการปางตาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุสะเทือนใจเมื่อ เด็กชายวัย 2 ขวบ ในเมืองร็อบบินส์วิลล์ รัฐนอร์ท แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกสุนัขพิตบูลล์พันธุ์โหด 5 ตัว ของคุณยายรุมขย้ำ บริเวณ คอ ท้อง และขา จนเป็นแผลเหวอะหวะอาการปางตายระหว่างนั่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งสุนัขทั้ง 5 ตัวนี้ คุณยายเผยว่า ครอบครัวเลี้ยงเอาไว้ แต่ไม่เคยปล่อยให้ผสมพันธุ์ ตอนเกิดเหตุเธอพยายามกันสุนัข แต่ไม่เป็นผล

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ตั้งข้อหาใดกับคุณยาย และนำตัวสุนัขโหดทั้ง 5 ตัว ไปกักบริเวณไว้ที่ศูนย์พักพิงสัตว์เขตเฮย์วูด ก่อนจะถูกฆ่าทิ้งต่อไป
เศร้า! เด็ก2ขวบ ถูกฝูงสุนัขพิตบูลล์ของคุณยายรุมกัด อาการปางตาย
ที่มา สนุก

งามหน้า! รวบนางเอก MV นักร้องดัง บี้ ค้ายาบ้า

งามหน้า! รวบนางเอก MV นักร้องดัง บี้ ค้ายาบ้า
(10 พ.ย.) บก.น.7 รวบ นางเอก MV เพลง I need somebody บี้ The star ขนยาบ้า 20,000 เม็ด และยาไอซ์อีก 1 ก.ก. สารภาพร่วมกับแฟนหนุ่มที่ยังติดคุกในเรือนจำบางขวาง

น.ส.จิราวรรณ หรือ ดิว พยุงแก้ว อายุ 24 ปี ถูกตำรวจสืบสวนนครบาล 7 จับกุมตัวได้ บริเวณถนนพระราม 5 พร้อมของกลางยาบ้า 20,000 เม็ด ยาไอซ์ 1 ก.ก. รวมมูลค่าของกลาง 4,000,000 บาท

หลังเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวน ทราบว่ามีกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยจะสั่งยาจากเรือนจำและติดต่อเครือข่ายภายนอกเรือนจำเป็นผู้ส่งมอบยา เจ้าหน้าที่จึงทำการวางแผนล่อซื้อ โดยให้สายแจ้งว่าให้รับเงินที่ห้างเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน และให้เครือข่ายไปส่งมอบยาเสพติดที่ถนนพระรามม 5 ในวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา จนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ดังกล่าว

ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับ นายบอล และ นายก้อง แฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำกลางบางขวาง ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด พร้อมกับอ้างว่า ทำเป็นครั้งแรก เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป

สำหรับ น.ส.จิราวรรณ เคยแสดงเป็น นางเอกมิวสิกวิดีโอ เพลง I Need Somebody ของ บี้ เดอะสตาร์ และมีงานโฆษณาทางโทรทัศน์อีกหลายชิ้น ล่าสุดกำลังมีผลงานโฆษณากับบัตรเครดิต KTC ที่ออกอากาศอยู่ในประเทศมาเลเซียด้วย
ที่มา sanook

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

'เป๊ก – ธัญญ่า' บ้านแตก!! ต้องเรียกตำรวจเคลียร์


หลังเหตุการณ์คลิปพลีชีพ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล บินด่วนไปแอริโซนาเพื่อเคลียร์กับภรรยาสุดเลิฟ ธัญญาเรศ ต่อหน้าแม่ยายและแม่ตัวพร้อมสักขีพยาน ใครจะคิดว่า ความหวานชื่นจะจบลงในเวลาอันรวดเร็ว ชีวิตรักของครอบครัวนี้ถึงจุดวิกฤตอีกครั้ง หลังธัญญ่าเมาไวน์อย่างหนักและเอ่ยพาดพิงถึง “บุคคลที่ 3” ความชุลมุนบนโต๊ะอาหาร แม่ยายกรีดร้องเสียงหลงเมื่อเป๊กปรี่เข้าหาธัญญ่า จนต้องเรียกตำรวจมาช่วยเคลียร์!!
ฝ่ายชายหัวเสียลากกระเป๋าเดินทางบินกลับเมืองไทยทันที แนวโน้มชีวิตคู่ล่มสลายมีสูงหมดหนทางกู้คืนในเร็ววัน ด้าน “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช คู่กรณีต้นตอรักสามเส้าในครั้งนี้ตัดสินใจล่าสุด ไม่ไป “อินเดีย” ตามหมายเดิม แต่เดินทางไปประเทศในแถบยุโรป อาจจะเป็นอังกฤษ หรือ สวิตเซอร์แลนด์
ก่อนจะถึงวันนี้
“เจ” เจตริน วรรธนะสิน เป็นพ่อสื่อให้ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล กับ “ธัญญ่า” ธัญญาเรศ รามณรงค์ได้พบรักและแต่งงาน ทั้งคู่จัดพิธีแต่งงานกัน ที่โบสถ์อัสสัมชัญ บางรักเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2548 เป๊กและธัญญ่ามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ “ลียา” ซึ่งเกิดจากการอุ้มบุญโดยมิเชล ซึ่งเป็นพี่สาวของธัญญ่า ภายใต้ชีวิตสมรส เป๊ก ยังคงเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ สนุกสนานกับสาวๆในวงการบันเทิงโดยผ่านงานปาร์ตี้ต่างๆ ผู้หญิงในวงการบันเทิง ซึ่งเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ของธัญญ่าก็หมุนเวียนสลับเปลี่ยนมาเป็น “ของเล่นชั่วคราว” ให้กับ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล แต่เขาไม่ได้สมัครใจรักใครเป็นตัวเป็นตน ชีวิตรักในช่วงแรก เมียรักสำคัญที่สุดยิ่งกว่าหญิงคนใด

จนเมื่อ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูลและผองเพื่อนร่วมทุนกันทำหนังสือชื่อ RPM “สาวิกา ไชยเดช” นางเอกจากช่อง 7 สีถูกเชื้อเชิญให้มาเป็น “นางแบบปก” จากนั้น... ความสัมพันธ์ของ “เป๊ก” และ “พิ้งกี้” ก็เริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ จนเริ่มเป็นข่าวจริงจังเมื่อเดือนเมษายนในปีนี้ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ชีวิตรักสามเส้าของทั้งคนสามคนก็กลายเป็น “มหากาพย์แห่งรัก” ท่ามกลางสมรภูมิของข่าวลือมากมาย และมากขึ้นตามลำดับ ที่สุดแล้ว ทั้ง “เป๊ก - ธัญญ่า - พิ้งกี้” เคยเคลียร์กันหลายครั้ง มีทั้งการเคลียร์แบบเผชิญหน้า รวมถึงการเคลียร์และสอบถามกันทางโทรศัพท์หลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ จนกลายเป็นที่มาของ “คลิปเสียง” ที่ “ถูกปล่อย” !? หรือ “หลุด” จากการขายบีบี เครื่องนั้น เวลาต่อมา ผลกระทบที่เกิดจากคลิปเสียงชุดนี้ ทำให้ “เป๊ก” ต้องแจ้งความ และยืนยันว่า พิ้งกี้เป็นเพียง “อดีต” !? และจบไปนานแล้ว

ทว่า “อดีต” สำหรับ “เป๊ก” ยังคงแสดงให้สังคมประจักษ์ชัดว่า ยังคบและพูดคุยกันอยู่ !! แม้ในเหตุการณ์ดังกล่าวสรินยา ไชยเดช แม่ของพิ้งกี้ยืนยันว่า เป๊กได้โทร.มาแสดงความห่วงใย !? ณ ช่วงเกิดเหตุของคลิปเสียงดังกล่าว พิ้งกี้ยังทำงานอยู่อินเดีย และบินกลับมาร่วมงาน “เวสป้า แบงคอก ฮอลิเดย์” ที่ Color Frame Studio ตามที่รับปากไว้ก่อนหน้านี้ ในงานดังกล่าว พิ้งกี้ได้เปิดใจด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บอกสื่อมวลชนว่า ตัดสินใจพักงานแสดงกับช่อง 3 โดยจะบินไปเรียนและทำงานต่อที่ประเทศอินเดีย ในงานดังกล่าว นอกจากพิ้งกี้จะมีท่าทีไม่สะทกสะท้านกับเรื่องดังกล่าว ยังพยายามโชว์แหวนวงที่ติดนิ้วข้างซ้ายอีกต่างหาก

เป๊ก - ธัญญ่า จบความหวานแค่ 8 วัน

ในเดือนนี้ … “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ตัดสินใจบินไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ทว่า ไม่ใช่ “อินเดีย” ตามที่เคยลั่นปากไว้ แต่ประเทศเป้าหมายของเธอในครั้งนี้อยู่ในแถบยุโรป และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็น อังกฤษ หรือ สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศใดประเทศหนึ่ง

หลังเหตุการณ์ “คลิปเสียง” “เป๊ก” สัณชัยมีเวลา 2 เดือน ในการเคลียร์เรื่องราวทั้งหมด โดย “เป๊ก” สัณชัยตัดสินใจบินไปที่อเมริกา เนื่องจาก ธัญญ่า , ลียา , นุชนารถ เองตระกูล (แม่เป๊ก) , แจ็คเกอรีน (แม่ธัญญ่า) พักอยู่ที่มลรัฐแอริโซนา ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา

“เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล เดินทางจากเมืองไทย หวังและตั้งใจไปใช้ชีวิตที่อเมริกา 10 วัน เพื่อที่จะขอโทษเมียรักกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หวังเต็มเปี่ยมที่จะเกลี่ยเรื่องไม่เข้าใจให้จบสิ้น เพื่อให้ครอบครัวและชีวิตรักราบรื่น อบอุ่นเหมือนเมื่อทั้งคู่แต่งงานกันใหม่ๆ เขาเดินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปลงเครื่องที่แอลเอ บินต่อไปที่ซานฟรานซิสโก และแอริโซนาตามลำดับ เพื่อพาธัญญ่าและลูกลียาไปท่องเที่ยวกันที่เมืองลาสเวกัส มลรัฐเนวาดา แล้วจึงขับรถยาวไปที่เลคทาโฮ มุ่งหวังที่จะเคลียร์เรื่องทั้งหมด เพื่อให้ชีวิตคู่กลับมาหวานชื่น พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกเหมือนเดิม

ส่วนธัญญาเรศ เองตระกูล ตั้งใจที่จะกลับเมืองไทยในเดือนธันวาคม ตามกำหนดเดิมที่เคยบอกผ่านมายังสมเกียรติ คุณานิธิพงศ์ ผู้จัดการส่วนตัว

การพบหน้าและเคลียร์ทุกเรื่องราวครั้งนี้ ทำต่อหน้าของผู้ใหญ่และพยานร่วมที่ได้รับการเชื้อเชิญ การเดินทางไปอเมริกาของเป๊กในครั้งนี้ เป๊กได้ปูความสุขตามประสา “พ่อ - แม่ -ลูก” ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งเป๊ก, ธัญญ่า และลูกลียาพากันไปเที่ยวที่เมืองลาสเวกัส ความหวานชื่นในครั้งนี้ได้รับการบันทึกภาพและส่งให้กับเพื่อนๆของธัญญ่าที่อยู่เมืองไทยที่กำลังนั่งลุ้นกันตัวโก่ง ภาพที่เป๊กและธัญญ่ากำลังหยอกล้อกับลูกสาวอย่างมีความสุขนั้น ทำให้เพื่อนหลายคนเห็นอนาคตชีวิตรักของเป๊กและธัญญ่าว่าน่าจะมีแนวโน้มกลับมาสมานฉันท์ จูบปากกันอีกครั้ง ความเพียรพยายามของ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูลในครั้งนี้คงจะไม่สูญเปล่า เพราะตลอดทั้ง 8 วันแรก เป๊กได้ทำให้ธัญญ่าใจอ่อน ยอมรับฟังเหตุและผลต่างๆ ที่สามีอธิบาย

บรรยากาศแห่งความสุขตลอดทั้ง 8 วันนี้ ธัญญ่าไม่เคยพบนับจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่มี “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ผ่านเข้ามาในชีวิตรักของเธอกับเป๊ก ขณะที่บรรยากาศของความรักกำลังจะหวนคืนสู่ชีวิตครอบครัวอีกครั้ง จู่ๆก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ทำให้ครอบครัวนี้อลเวงอีกครั้ง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 9 ได้ขยายความขัดแย้งมากขึ้นถึงขีดที่ยากแก่การเคลียร์ !! ซะแล้ว

“ชีวิตคู่” หกคะเมนตีลังกาอีกครั้ง
ความรักที่เกี่ยวข้องกับวาสนาและชะตากรรม ทำให้เขาและเธอมีปัญหากันอีกครั้ง ความสดชื่นที่ดำเนินมาตั้งแต่วันแรกที่ “เป๊ก” สัณชัย ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกากับลูกลียาและธัญญ่าก็หมดสิ้นลง การมาอเมริกาในครั้งนี้ เขาตั้งใจว่า จะเดินทางไปรับคุณแม่นุชนารถกลับมายังเมืองไทยพร้อมกัน โดยที่ธัญญ่ายังคงมีโครงการที่จะกลับเมืองไทยตามกำหนดเดิมในเดือนหน้า

ค่ำวันที่ 9 ซึ่งเป๊กมาอยู่ที่อเมริกา มีงานเลี้ยงส่ง “เป๊ก” บนโต๊ะอาหารมื้อค่ำนั้น นอกเหนือจาก เป๊ก, ธัญญ่า, ลียา, คุณแม่นุชนารถ (แม่ของเป๊ก) และ คุณแม่แจ็คเกอรีน (แม่ของธัญญ่า) รวมถึงกลุ่มเพื่อนๆของทั้ง 2 ฝ่ายที่ร่วมกันมาเป็นสักขีพยานกับความรักของคนคู่นี้

สื่อมวลชนท่านหนึ่งที่ได้รับเกียรติถูกเชื้อเชิญให้ไปร่วมโต๊ะอาหารคือ เกียงศักดิ์ สกุลชัย หรือ “ต้อย แอ็คเน่อร์” แห่งมายาแชนแนลและมายาออนไลน์

ขณะที่บรรยากาศแห่งความสนุกสนาน ชื่นมื่นดำเนินไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จู่ๆ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อธัญญ่าเริ่มเมาไวน์ จนไม่อาจเก็บ “เรื่องในใจ” ที่กักเก็บไว้ในส่วนลึก เธอเริ่มพูดถึงเรื่องผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง !!

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ อย่าไปพาดพิงถึงคนอื่น” สัณชัย เองตระกูลกล่าวกับธัญญาเรศผู้เป็นเมีย
เนื่องจากมีแขกร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วย ทำให้ “ เป๊ก” ต้องเตือนมิให้เอ่ยถึง “บุคคลที่ 3” การห้ามปราม แทนที่ธัญญ่าจะเชื่อ กลับทำให้ธัญญ่าคิดว่า เป๊กยังมีเยื่อใยกับ “อดีต” จนทั้งคู่เริ่มมีเสียงทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร “เป๊ก” สัณชัยปรี่เข้าไปหมายจะห้ามปรามในระยะประชิดตัว !! และก่อนที่เป๊กจะถึงตัวธัญญ่า เสียงหวีดร้องของคุณแม่แจ็คเกอรีนก็ดังขึ้น !!

การที่เป๊กปรี่เข้าไปห้ามปราม คุณแม่แจ็คเกอรีนเข้าใจว่า เป๊กจะเข้าไปทำร้ายลูกสาว ตามที่เป๊กเคยลั่นวาจาไว้ในคลิปเสียง !?

คิดและเข้าใจเช่นนี้ ความรักที่ทำท่าจะสมานกันได้เมื่อ 8 วันที่ผ่านมา ก็ถึงทางตัน จนเหมือนกับถูกต้อนเข้าสู่จุดแตกหัก จนยากที่จะปะติดปะต่อ เยียวยาแก้ไข คุณแม่แจ็คเกอรีนเป็นคนที่เสนอความเห็นให้เรียกตำรวจเข้ามายุติและไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในครั้งนี้ !?

ขณะที่แขกรับเชิญที่มาร่วมเป็นองค์พยานถึงกับช็อกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แขกบางคนอดคิดไม่ได้ว่า ความรักสำหรับคนคู่นี้คงจะเดินทางมาถึงระยะสุดท้ายจนยากแก่การเยียวยาแล้ว เพราะความขัดแย้งนี้ทำให้มองหน้ากันได้ไม่สนิทใจ

“เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล หัวเสียกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมากที่ไม่อาจสมานฉันท์ชีวิตรักภายในครอบครัวตามที่ตั้งใจไว้ และบินกลับเมืองไทยทันที !!

เดือนธันวาคมตามกำหนดเดิมของธัญญ่าที่จะเดินทางกลับเมืองไทยอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง และบางทีชีวิตของคู่นี้ … อาจจะต้องหยุดและดำเนินการบางอย่างเพื่อให้ชีวิตคู่ได้รับ “อิสรภาพ” ไม่ถูกจองจำจากข้อผูกมัดใดๆ ในเร็วๆนี้

พิ้งกี้บินไปยุโรป
กลางเดือนนี้ … “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช จะบินไปยังประเทศในแถบยุโรป แทนที่จะเป็นประเทศอินเดียที่เธอแพลนไว้แต่เดิม อาจจะเป็น “อังกฤษ “ หรือ “สวิตเซอร์แลนด์” ส่วนสายสัมพันธ์ด้านมิตรภาพนั้น “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล ยังพูดคุยและสนิทสนมกับ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ความสนิทสนมนี้ อาจจะอยู่ในฐานะ “พี่ชาย - น้องสาว” !!? หรือจะเป็น “อดีตที่ลบไม่สิ้น” ก็ยากแก่การคาดเดา

ที่ผ่านมา “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช เจอคำกล่าวหาเรื่องมือที่ 3 เพราะไปเกี่ยวข้องกับครอบครัวและชีวิตรักของ “เป๊กและธัญญ่า” และการที่ฐานะของ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูลที่ “โคตรรวย” ทำให้เธอถูกมองว่า เธอเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และรางวัลสิเน่หามากมายของฝ่ายชาย ข้อกล่าวหาเหล่านี้ มีความพยายามที่จะ “แก้” ไม่ว่าจะผ่านรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย - ภาคพิเศษ” และบทสัมภาษณ์ของนิตยสาร Who? ฉบับที่78 ประจำวันที่ 01 - 11 - 10 (1 พฤศจิกายน 2553) ที่กำลังวางแผงอยู่ในขณะนี้

ฟอกขาว “พิ้งกี้” ในมุม “พ่อ-แม่-ลูก”
ในนิตยสารดังกล่าว เราเห็นการปรากฏตัวของ “แซม” สมาน ไชยเดชในค่ำคืนของงาน “ เวสป้า แบงคอก ฮอลิเดย์” ที่ Color Frame Studio เขามาเพื่อช่วยพิ้งกี้อีกแรงด้วย “ กลัวว่าสองสาวจะรับมือไม่ไหว” !? งานนี้ สมาน ผู้เป็นพ่อมายืนยันที่จะเคียงข้างกับลูกและเมียในวันวิกฤต หน้าที่ส่วนใหญ่ในการบอกเล่าเรื่องราวทั้งหลายจึงเป็นหน้าที่ของสาวิกาและสรินยาซะเป็นส่วนใหญ่

สำหรับ “อ้อย” สรินยา ผู้เป็นแม่ของพิ้งกี้เท่านั้นอยากจะให้ลูกมีคู่ครองที่ดี

“ แม่อยากให้เขาเจอคนที่เขารัก เหมือนที่แม่รักเขา อยากให้มองลึกไปถึงจิตใจเขา เพราะเขาจิตใจดี ไม่ค่อยยุ่งกับใคร ให้เกียรติคน จะยากดีมีจนก็ไม่ว่า เพราะรวยแล้วไม่มีความสุขก็เยอะแยะ แต่... รวยได้ก้ดี (หัวเราะ) ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ต้องรักกัน รับสภาพและทนนิสัยซึ่งกันและกันได้ พิ้งกี้อาจจะตื่นสายหน่อยเพราะนอนดึก อาจจะต้องทำกับข้าวให้ด้วย (ยิ้มป เพราะเขาไม่ใช่แม่ศรีเรือน อย่าคาดหวังอย่างนั้น แต่เขาอาจจะทำอย่างอื่นให้ได้ อย่างล้างรถ ถูบ้าน

ซึ่งวันหนึ่งเราอยากให้มีคนมารักและดูแลเขาต่อ เพราะพ่อแม่ก็แก่แล้ว ไม่รู้จะตายเมื่อไร มีแต่คู่ครองเท่านั้นที่จะช่วยดูแลเขาได้”

มองพิ้งกี้ผ่านสายตาแม่
“เขาเป็นเด็กมีเสน่ห์ แต่ก็กวนประสาท เป็นของแปลกไง (ยิ้ม) คือสวยด้วย บ๊องด้วย โก๊ะด้วย จริงๆพิ้งกี้เป็นเด็กขี้อายมาก บางทีไปไหนมาไหนกับแม่ก็คอยหาเสาไว้หลบ ไปร้านไหนถ้าเขินๆ เกรงใจคนขายขึ้นมา ยอมซื้อเป็นหมื่นก็มี ตอนไปถ่ายหนังที่อินเดียก็ชอบซุกตัวหลบอยู่ข้างหลัง เขาเป็นคนแบบนั้น เคยแซวเหมือนกันว่า ถ้ามีแฟน สงสัยต้องเดินใกล้ๆกับแฟน (หัวเราะ)

ไปถ่ายละครก็ต้องหาห้องน้ำ หลบไปตั้งสติก่อน ขนาดทำงานมา 16 ปีแล้วยังต้องหลบไปดูก่อนว่าใครนั่งตรงไหน (หัวเราะ) ขี้อายมาก เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครรู้ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่”

นอกจากเรื่องขี้อายแล้ว แม่ - ลูกคู่นี้ ตัวแทบจะติดกันทั้งยามหลับ ยามตื่น และไปไหนต่อไหนด้วยกันเสมอ เหมือนจะอธิบายว่า ข่าวลือ !! ตรงข้ามกับ “ทุกเรื่องจริง” ทุกประการ …

“ตื่นเช้ามา...เอาอีกแล้ว (ถอนหายใจยาว) แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แม่อยู่ข้างๆกี้ตลอดเวลา ตั้งแจต่ช้ากระทั่งเข้านอน กี้เลือกปรึกษาแม่เป็นคนแรก มีอะไรก็บอกแม่ทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นแม่รู้หมดทุกอย่างค่ะ” พิ้งกี้กล่าวอย่างนั้น

ฝ่ายแม่ยืนยันว่า
“ เราเป็นทั้งแม่และเพื่อน รู้อะไรก็ไม่ได้ดุด่าว่ากล่าว แต่จะชี้แจงเหตุผล พูดกันด้วยความเข้าใจมากกว่า”

สรินยา ไชยเดช แม่ของพิ้งกี้ บอกว่า ลูกสาวเป็นคนกตัญญู ทั้งคนในครอบครัวและในหมู่ญาติพี่น้อง ทุกวันนี้ที่มีกินมีใช้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของลูกสาวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้ทุนการศึกษาแก่หลานๆ ส่งเสียเลี้ยงดูคุณยาย ฯลฯ ญาติพี่น้องคนไหนเดือดร้อน เป็นต้องยื่นมือเข้าช่วยโดยไม่ลังเล

“เรารู้ระบบจัดการว่าจะสร้างสมอะไรไว้ให้เขา ทุกวันนี้พิ้งกี้มีบ้านในกรุงเทพฯ 3 หลัง เป็นสมบัติของเขาด้วยหยาดหงื่อของเขาเอง สร้างมา 3 ปีเพิ่งจะเสร็จ ทำบ้านสวนให้ยายอยู่ เป็นบ้านพักตากอากาศกลางป่าริมน้ำเงียบๆ มีแมวของเขา เป็นบ้านพักจริงๆ บางครั้งเขาก็ไปนอนกับยาย”

นอกจากการทำงานในฐานะนักแสดงแล้ว ยังร่วมหุ้นกับเพื่อนทำธุรกิจสถาบันความงาม “โนแอล บาย พิ้งกี้” ซึ่งเปิดขายไปแล้ว 5-6 แฟรนไชส์

นี่เป็นอีกมุมหนึ่ง … ของ “พิ้งกี้ “ สาวิกา ไชยเดช และครอบครัว อ่านแล้ว … ทุกอย่างอาจจะดูสวนทางกับเรื่องราวความเป็นจริงจากการเสพข่าวตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์