วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จับสึกพระสักยันต์ก้นนร.สาว

โร่ร้องเจ้าคณะจ.นครสวรรค์ จับสึกพระจอมขมังเวทย์ สักยันต์ที่ก้นให้นักเรียนสาว

วันนี้( 28 ส.ค.) พ.ต.อ.อรุณ แตงนารา รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ พร้อมด้วยนางศิวารมย์ ศิริภาพ ผอ.โรงเรียนโพฒิสารศึกษานครสวรรค์ นางเอ และนางบี (นามสมมมุติ) อายุ 35 ปี ร่วมเดินทางเข้าพบพระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ที่อาคารสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดฯ
เพื่อร้องเรียนถึงพฤติกรรมของพระธีระ ฉายา ฌานโสภโณ อายุ 55 ปี พระลูกวัดป่ามโนธรรม บ้านทัพชุมพล ต.หนองกรด อ.เมือง กรณีทำผิดวินัยประกาศของคณะสงค์ เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเรียกร้องเงินค่าเวทมนต์และห้ามทดลองของขลัง ซึ่งมีความผิดต้องสึกออกจาการเป็นพระสถานเดียว


นางศิวารมย์ กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อช่วงประมาณ 3 สัปดาห์ก่อน น.ส.ฟ้า และน.ส.สวย (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนระดับชั้น ม.2 ของโรงเรียน ซึ่งเป็นบุตรสาวของนางเอ และนางบี ถูกเพื่อนนักเรียนชายร่วมห้อง 9 คน ชักจูงกันหนีเรียน ขี่รถ จยย.เดินทางไปพบพระธีระ หรือที่ชาวบ้านในละแวกทัพชุมพลรู้จักกันในนาม พระเปี๊ยก เพิ่มภัย เพื่อขอให้สักยันต์ตามร่างกาย โดยพระธีระได้เรียกเก็บเงินค่าทำพิธีขึ้นครูกับนักเรียนกลุ่มดังกล่าว รายละ 124 บาท และทำการสักให้กับนักเรียนชายที่กลางแผ่นหลัง แต่ในรายของนักเรียนหญิงกลับสักให้ที่บริเวณตั้งแต่สะโพกลงมาจนถึงก้น หนำซ้ำ หลังจากที่ได้รับการสักแล้ว ปรากฏว่านักเรียนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คือมีความก้าวร้าวรุนแรงยิ่งขึ้น ชอบท้าทาย ไม่เชื่อฟังอาจารย์ แม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง และที่ยิ่งร้ายไปกว่านั้น บางรายถึงกับมีอาการของขึ้นลงไปนอนชักดิ้นในระหว่างที่เรียนหนังสืออีกด้วย

ด้านนางเอ กล่าวว่า ตอนแรกตนไม่ทราบมาก่อนว่า บุตรของตน ไปให้พระธีระสักยันต์ให้ แต่ก็สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของลูกมาได้พักใหญ่แล้ว เพราะจะมีอาการสั่นให้เห็นบ่อยๆ เหมือนคนถูกของเข้า พอตนถามว่าเป็นอะไร ก็ได้รับเสียงตะหวาดกลับมาว่าร้อนวูบวาบตามตัว เดี๋ยวสักพักก็หาย ส่วนในช่วงระยะหลังมานี้ มักชอบเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอนคนเดียว โดยเฉพาะตอนกลางคืน ช่วงเวลาตี 2 ของทุกคืน ลูกก็มักจะชอบนอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียงนานนับชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งบางคืนก็คุยกันจนเกือบสว่าง จนเกิดสงสัยว่าทำมัยลูกสาวถึงเปลี่ยนพฤติกรรมไปได้เพียงนี้ จึงได้ซุ่มแอบดูเรื่อยมา ก็พบว่าตอนเช้าของทุกวันลูกจะนั่งสมาธิอยู่ในห้องและท่องสวนมนต์คล้ายกับคาถาอะไรสักอย่างอยู่นานเป็นชั่วโมง

นางเอ กล่าวต่อว่า แต่ที่ตนต้องตกใจมากที่สุด ก็เมื่อตอนแอบฟังลูกสาวคุยโทรศัพท์ แล้วได้ยินเรียกคนในโทรศัพท์ว่าพ่อและเรียกแทนตัวเองว่าลูก ทั้งที่พ่อของ น.ส.บี ก็มาแอบฟังอยู่ด้วย ซึ่งตนรู้สึกตกใจอย่างมากจึงได้เรียกออกมาถาม ก็ได้รับคำตอบเพียงว่าคุยเล่นกับเพื่อนเท่านั้น แต่สุดท้าย ความจริงก็ปรากฏจนได้ เมื่อนางบี ได้พาลูกสาว เดินทางมาหาตนด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก พร้อมกับเล่าว่า พบรอยสักคล้ายรูปยันต์ที่บริเวณสะโพกของลูกสาว จึงเค้นสอบถามอย่างหนัก จนทราบว่า ทั้ง น.ส.ฟ้า น.ส.สวย และเพื่อนชายร่วมห้องอีก 10 คน ร่วมกันหนีเรียนไปให้พระธีระสักยนต์ให้ เลยมีอาการแปลกๆ เกิดขึ้น

เบื้องต้น หลังจากที่ทราบเรื่องร้องเรียน พระเทพปริยัติเมธี จึงได้มอบหมายให้พระโสภณวราภรณ์ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดฯ พระเกศีวิกรม เจ้าคณะ อ.เมืองนครสวรรค์ เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดป่ามโนธรรม โดยมี พ.ต.อ.อรุณ และกลุ่มผู้เสียหาย ร่วมติดตามไปเฝ้าสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งจากการสอบปากคำ พระธีระให้การยอมรับว่า ได้ทำพิธีสักยันต์ให้กับนักเรียนกลุ่มดังกล่าวจริง ทั้งชายและหญิง แต่ไม่ได้มีการบังคับ เพราะนักเรียนตั้งใจมาสักกันเอง ส่วนเงินค่าครู ตนก็ได้มอบให้กับทางวัดเพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่

ทั้งนี้ในระหว่างที่กำลังสอบสวน ปรากฏว่าผู้ปกครองผู้เสียหาย ได้ลุกขึ้นถามพระธีระด้วยความโมโหว่า เหตุใดจึงยอมสักยันต์ให้กับนักเรียนกลุ่มนี้ ทั้งที่อยู่ในเครื่องแบบ ถึงแม้นักเรียนจะหนีเรียนกันมา แต่ทำไมไม่ไล่ให้กลับไปเรียนหนังสือ พระธีระตอบว่า ตนเป็นพระที่มีความเมตตา เมื่อมีการร้องขอ ตนก็ไม่สามารถขัดได้ ส่วนข้อถามว่า ทำไมถึงต้องสักให้ผู้หญิงที่บริเวณสะโพกไปจนถึงก้นด้วย พระธีระถึงกับหน้าถอดสี ไม่สามารถตอบได้ จนในที่สุด พระโสภณวราภรณ์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่พระธีระ ว่ากระทำผิดวินัยประกาศของคณะสงค์ เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเรียกร้องเงินค่าเวทมนต์และห้ามทดลองของขลัง ก่อนจะให้พระครูนิมิตร ธรรมสุนทร เจ้าคณะ ต.หนองกรด เขต 1 ทำการสึกออกจากความเป็นพระ เพื่อไม่ให้ไปกระทำความผิดแบบเดิมอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ช่วงที่จะทำพิธีสึก ได้มีชาวบ้านในละแวกดังกล่าวประมาณ 10 คน ไม่ยอมให้จับพระธีระสึก โดยอ้างว่าพระธีระทำเพื่อวัดแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามผู้กระทำความผิดก็ต้องยอมสึกออกจากการเป็นพระแต่โดยดี เนื่องจากหลักฐานมัดตัวจนไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้.
ที่มาเดลินิวส์