วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พบพระพุทธรูปเกศทองคำหนัก3กิโล

ถูกต้นไม้ใหญ่ล้มทับจนปูนกระเทาะ ตะลึง ภายในเกศเป็นทองคำแท้ น้ำหนักถึง 3 กิโลกรัม

วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสำลี ปานอำพันธ์ อายุ 76 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.บางตะเคียน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ว่าที่ วัดบางซอ หมู่ 5 ต.บางตะเคียน ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน
พบพระทองคำ ภายในวิหาร จึงรุดไปตรวจสอบ ที่อุโบสถเก่าอายุกว่าร้อยปี


พบชาวบ้านจำนวนมาก กำลังมุงดู และกราบไหว้พระพุทธศิลปะลักษณะปางมารวิชัย หรือปางสะดุ้งมาร ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ที่เนื้อองค์พระหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 49 นิ้ว สูง 2 เมตร แต่ส่วนที่สวยโดดเด่นเป็นสง่านั้น คือส่วนบริเวณ พระเกศ หรือเปลวเพลิง นั้นเป็นเนื้อทองคำแท้บริสุทธิ์ มีน้ำหนักถึง 3 กิโลกรัม โดยในประวัติวัดเขียนระบุว่า วัดบางซอ นั้นก่อสร้างปี พ.ศ.2472 ในสมัยของ หลวงปู่ศุก อดีตเจ้าอาวาสองค์แรก และเป็นผู้ก่อสร้างอุโบสถหลังนี้ ส่วนพระพุทธรูปปูนปั้นนั้น ระบุเพียงว่า มีเก่าแก่มาก่อน ที่จะมีวัดบางซอ เท่านั้น
นายสำลี เปิดเผยว่า กับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักลมพายุพัดแรง ทำเอาต้นไม้ภายในวัดโค่นล้มลงหลายต้น ส่วนต้นโพธิ์ ลำต้นขนาดใหญ่ 5 คนโอบ ซึ่งปลูกอยู่ใกล้กับวิหาร หรืออุโบสถหลังเก่า ได้ถูกลมพัดหักโค่นล้มทับหลังคาพังเสียหาย พระประธาน ซึ่งเป็น พระพุทธรูปปูนปั้น ที่ประดิษฐานอยู่ภายใน ได้ถูกกิ่งต้นโพธิ์หักทับแตกเสียด้วย จึงทำให้องค์พระซึ่งเดิมถูกฉาบด้วยปูนทั้งองค์ กะเทาะแตกล่อนออกมา เนื่องจากถูกปล่อยทิ้งไว้ ตากแดด ตากฝน อยู่นานหลายวัน เพื่อรอการซ่อมแซมเปลี่ยนกระเบื้องหลังคา พระครูปลัดดิลกวัฒน์ เจ้าอาวาส จึงให้ว่าจ้างให้ นางศิริวิมล ใจชื่น ช่างปั้นพระซื่อดัง จากบ้านแพน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดเสียหาย ในราคา 3 หมื่นบาท

นายสำลีกล่าวอีกว่า ขณะที่ช่างลงมือซ่อมแซม โดยเริ่มจากการกะเทาะเนื้อปูนที่ฉาบองค์พระแตกออกมา ได้สังเกตเห็นว่า เนื้อพระที่อยู่ด้านในนั้นเป็นสีทอง จึงได้ใช้น้ำยาตรวจสอบ พระว่าเป็น เนื้อทองคำแท้ จึงรีบแจ้งให้เจ้าอาวาสทราบ หลังจากนั้นจึงได้ให้ช่างแกะปูนที่ฉาบออกให้หมด จึงพบเป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ สีเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ ส่วนที่ พระเกศ หรือเปลวเพลิง เป็นเนื้อทองคำแท้บริสุทธิ์ มีน้ำหนักถึง 3 กิโลกรัม จนกระทั่งชาวบ้านทราบข่าว จึงพากันแตกตื่นพากันมาดูพระทองคำ พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ สักการะ ขอพรกันเป็นจำนวนมาก โดยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

ด้าน พระครูปลัดดิลกวัฒน์ เจ้าอาวาส วัดบางซอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือน ก.ค. นายบุญนาค แจ่มนุช ญาติโยมจากกรุงเทพฯ ได้ที่มาทำบุญที่วัดบางซอ แจ้งความประสงค์ว่า จะขอบริจาคเงินสมทบให้วัด 1 ล้านบาท เพื่อจัดสร้าง พระประธานเนื้อทองสัมฤทธิ์ ไว้ในอุโบสถหลังใหม่ เพื่อที่จะให้วัดบางซอ เป็นวัดแห่งแรกที่มีประธานหล่อด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์ ที่ใหญ่ที่สุดใน อ.สองพี่น้อง กระทั่งต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ลมฝนพัดกระหน่ำอย่างหนักถึง 2 ครั้งๆ จนต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ล้มทับวิหาร หรืออุโบสถหลังเก่า จึงถือได้ว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีของ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ที่อยู่ในวิหาร ต้องการให้ชาวบ้านรู้ว่า ที่วัดบางซอนั้นมี พระประธานเนื้อทองสัมฤทธิ์ เกศทองคำ อายุเก่าแก่เกือบ 300 ปี โดยไม่ต้องเสียเงินสร้างพระประธานขึ้นมาใหม่ จะว่าด้วยปาฏิหาริย์อย่างที่ชาวบ้านเขาร่ำลือกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่พระพุทธรูปองค์นี้ ไม่มีผู้ใดรู้มาก่อนว่าเป็นพระเนื้อทองสัมฤทธิ์ เกศเป็นทองคำแท้ พระเก่าแก่ปลายสมัยอยุธยา

“ขณะนี้ทางวัดบางซอ ได้ให้ช่างมาขัดเงาองค์พระประธานให้สวยสดงดงามสง่าขึ้นกว่าเดิม และได้ทำการปรับปรุงซ่อมแซมส่วนที่พังเสียหาย ให้มีความสวยงามและแข็งแรงยิ่งขึ้น รวมไปถึงเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยได้ติดตั้งกรงเหล็ก ปิดล้อมล็อคกุญแจประตูหน้าต่างทุกบาน พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกมุม พร้อมทั้งได้ประสานกับ พ.ต.ท.อนันต์ธไชย อุ่นเมตตาอารี สวป. สภ.บางตาเถร จัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผลัดเปลี่ยนกันมาตรวจทุกวัน เพื่อป้องกันโจรผู้ร้ายที่จะมาโจรกรรมทรัพย์สินภายในวิหาร เพราะขณะนี้ ทองคำ มีราคาสูงมาก อีกทั้งประชาชนที่ทราบข่าว ต่างเดินทางมากราบไหว้ ขอพรกันเป็นจำนวนมาก ทุกวัน” เจ้าอาวาส วัดบางซอกล่าว.
ที่มา เดลินิวส์