วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนก็หรูได้

ปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนก็หรูได้ ซิ่งซูเปอร์คาร์อย่างปอร์เช่ โฉบไปโฉบมา ว่าดูหล่อ ดูสวยแล้ว ยิ่งถ้าเป็นเจ้า ปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ เปิดประทุนตัวใหม่ล่าสุดคันนี้ คุณคงดูเท่มีสไตล์อีกมากโขเลยล่ะ ด้วยรูปทรง ลวดลายเส้นสาย เชื่อว่าโดนใจใครหลายๆ คนแน่นอน
ซูเปอร์คาร์ เปิดประทุนคันนี้ถูกเสือปืนไวอย่าง ทีเอสแอล ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระรายใหญ่ นำมาจำหน่ายก่อนใครๆ ซึ่งเป็นสไตล์การทำตลาดของเกรย์มาร์เกตรายนี้ นอกจากเน้นขายรถตลาดพวกรถอเนกประสงค์ หรือพวกขับเคลื่อน 4 ล้อแล้ว ซูเปอร์คาร์ก็เป็นงานถนัด และเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้ที่ชอบรถยนต์ประเภทนี้ นอกจากค่ายผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ

ปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ คันนี้เป็นรถยนต์แบบเปิดประทุน พร้อมหลังคาผ้าใบ รูปทรงเน้นความลู่ลม มีแนวสันหลังคาที่ต่ำ เส้นสายต่อเนื่องกับกระจกหน้า ตกแต่งด้านข้างด้วยสติกเกอร์ที่บอกตัวตนของมันอย่างชัดเจน ภายในนั้นดูออกจะหรูหราด้วยเบาะหนังแบบสปอร์ต (Porsche Crest Embossed on Head Restraints) ต่างจากซูเปอร์คาร์บางรุ่นที่ต้องการให้มันดูดิบๆ พร้อมปักตัวอักษร 'Boxster Spyder' ให้มันชัดๆ ว่าที่ขับๆ อยู่มันเจ๋งขนาดไหน ติดอยู่บนเบาะนั่ง

ใช่ว่าเป็นซูเปอร์คาร์แล้วมันต้องเหมือนกับนั่งรถแข่งเสมอไป เพราะเจ้านี่ติดตั้งความบันเทิงลิขสิทธิ์ของปอร์เช่มาด้วย กลางคอนโซลติดตั้งจอคอมมานด์ พร้อมเครื่องเสียงแบบมัลติมีเดีย ทั้งภาพและเสียง รวมถึงระบบนำทาง GPS

มันคือซูเปอร์คาร์ที่คุ้มค่ารุ่นหนึ่ง เพราะเครื่องยนต์ไม่ใหญ่โตนัก และเป็นรุ่นเครื่องยนต์วางกลาง ขนาด 3400 ซีซี. กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด และระบบส่งกำลังที่เรียกว่า PDK (Porsche-Doppelkupplung) เทคโนโลยีอันเลื่องชื่อของปอร์เช่

ทีเอสแอล บอกว่า มันเป็นซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูง แม้จะเป็นรถเปิดประทุนก็ตาม ความเร็วสูงสุดของมันทำได้ 267 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 5 วินาที แต่ถ้าเป็นโหมดที่เรียกว่า Sport Chrono Package หรือ Sport Chrono Package plus มันจะขยับเร็วขึ้นมาอีกนิดหน่อยเป็น 4.8 วินาที โหมดนี้ติดตั้งร่วมกับ Launch Control ฟังก์ชั่นหน่วยความจำส่วนบุคคลใน PCM (Porsche Communication Management) สามารถแสดงประสิทธิภาพการประเมิน รอบอัตราเครื่องต่อวินาที ด้วยเทคโนโลยีของสนามแข่ง ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 9.3 ลิตรต่อ100 กิโลเมตร หรือราวๆ 10.75 กิโลเมตรต่อลิตร นั่นเอง

นอกจากความเร็ว แรง ด้วยสมรรถนะตามสไตล์ของปอร์เช่แล้ว รุ่นที่นำเข้าโดย ทีเอสแอล ยังติดตั้งอุปกรณ์แบบพิเศษครบชุด Full Option ได้แก่ พวงมาลัยใหม่ล่าสุดของปอร์เช่ (Three-Spoke Sports Steering Wheel with Paddles) พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หรือที่เรียกว่า Paddle Ship สามารถเปลี่ยนเกียร์ง่ายเพียงเสี้ยววินาที อุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นมายังมีระบบไฟหน้าซีนอนสามารถปรับองศาซ้าย-ขวา ตามระดับพวงมาลัยได้ และระบบปรับการทำงานของท่อไอเสียให้มีเสียงเบาแบบธรรมดาหรือเสียงดังแบบสปอร์ต โดยการปรับเป็นแบบสปอร์ตทำให้ลมเข้ามาหมุนเวียนมากขึ้นแล้ว ส่งผลให้การไหลเวียนไอเสียคล่องตัว และมีการระบายที่ดีขึ้น อีกทั้งยังส่งผลถึงสมรรถนะให้ดีขึ้นอีกด้วย

สำหรับคนที่หลงใหลรถยนต์สไตล์เปิดประทุน ชอบในสมรรถนะของซูเปอร์คาร์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา และสะดวกสบายในการใช้งาน ทีเอสแอล ได้ส่งเจ้า บ็อกซ์สเตอร์ สไปเดอร์ คันนี้มาประเคนให้แล้ว

รายละเอียดตัวรถ
มิติ (ยาว/กว้าง/สูง) มิลลิเมตร 4,342/1,801/1,231
เครื่องยนต์เบนซิน ไดเรกต์อินเจ็กชั่น 6 สูบนอน วางกลาง
ความจุกระบอกสูบ 3436 ซีซี.
กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 7,200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร ที่ 4,750 รอบ/นาที
เกียร์ อัตโนมัติ 7 สปีด แบบคลัตช์คู่
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
ราคา 8,500,000 บาท
ผู้นำเข้า ทีเอสแอล ออโต้

ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์