
คำว่า "ฮัลโลวีน" หรือ " Halloween" นั้นเพี้ยนมาจาก " All Hallows Eve" คือ คืนก่อนวัน " All Hallows Day" หรือ " All Saint's Day" (วันที่ 1 พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นวันที่เหล่าคาทอลิกจะมาปฏิบัติศาสนกิจเพื่อระลึกถึงนักบุญต่างๆ
ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลฮัลโลวีน มันก็มีมาหลายกระแส แต่ที่คล้ายๆ กันก็คือ เทศกาลฮัลโลวีน เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว จากความเชื่อของชาวเซลติก (ชนพื้นเมืองตอนเหนือของยุโรป) โดยบางคนก็บอกว่า เป็นเทศกาล บูชาเทพเจ้า แห่งความตาย ก่อนจะเข้าสู่ฤดูเหมันต์ (ฤดูหนาว) โดยการนำเหล้าและอาหารออกมาวางนอกบ้าน เพื่อให้เทพเจ้าแห่งความตายได้ดื่มกิน
บ้างก็ว่า วันที่ 31 ตุลาคม เป็น วันปล่อยผี (คงคล้ายๆ กับวันทำบุญเดือนสิบของไทย) เหล่าวิญญาณจะกลับมายังโลก เพื่อเข้าสิงร่างของคนที่มีชีวิตอยู่ ชาวบ้านที่กลัวว่าจะถูกวิญญาณเข้าสิง ก็จะทำการดับเตาไฟในบ้าน เพื่อบ้านจะได้หนาวเย็น วิญญาณจะได้ไม่อยากเข้ามา และต่อจากนั้น ก็จะออกไปรวมตัวกัน ก่อกองไฟเพื่อให้วิญญาณกลัว นอกจากนี้ยังแต่งตัวให้เหมือนผี เดินขบวนส่งเสียงร้องไปรอบๆ หมู่บ้าน เพื่อให้วิญญาณเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกัน (คนหลอกผี !!! )

หนึ่งปีผ่านไป ซาตานก็กลับมาหาแจ็คอีก คราวนี้ แจ็คก็ออกอุบายหลอกอีกครั้ง บอกให้ซาตานปีนต้นไม้ไปเก็บผลไม้ให้หน่อย เมื่อซาตาน (คนซื่อ) ปีนขึ้นไป แจ็คก็จัดการแกะเปลือกไม้ เป็นรูปไม้กางเขน ทำให้ซาตานไม่สามารถปีนลงมาได้ แล้วแจ็คก็ยื่นเงื่อนไขว่า ถ้าซาตานอยากลงจากต้นไม้ จะต้องสัญญาว่าภายใน 10 ปีจะไม่มาเอาวิญญาณของแจ็คไป ซึ่งซาตานก็จำต้องตกลงให้คำสัญญาอีกจนได้

ต่อมาคนในไอร์แลนด์ และสกอตแลนด์ ได้ทำ Jack O'Lantern เอง โดยการแกะสลัก หัวมันแกวหรือหัวมันฝรั่งให้ดูน่ากลัวแล้ววางไว้ที่หน้าต่าง เพื่อให้ผีแจ็คและผีอื่นๆ กลัว และเมื่อชาวอังกฤษ เดินทางอพยพไปอยู่อเมริกา ก็ได้นำธรรมเนียมนี้ติดไปด้วย แต่ที่อเมริกานั้นฟักทองหาง่าย อีกทั้งยังแกะสลักง่ายกว่ามันแกวกับมันฝรั่งด้วย ผู้คนจึงเปลี่ยนจาก การแกะสลักมันแกวมาเป็นฟักทองแทน (เนื้อฟักทองที่คว้านออกมาได้ ก็นำไปทำเป็นพายฟักทอง)

จากเรื่องราวต่างๆ พอจะสรุปได้ว่า วันฮัลโลวีนเกี่ยวเนื่องกับสามสิ่ง คือ ความตาย ภูตผีปีศาจ และช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยว แต่ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นที่ว่าเทศกาลนี้ เป็นเทศกาลเกี่ยวความตายเทศกาลเดียว ที่นำมาซึ่งความสนุกสนาน (ถ้าอยู่ในขอบเขต)
ที่มา Phuketindex , teenee.com