วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

“พจน์” เผยได้หลักฐานเด็ดมัด “แอนนี่” ยัน “ฟิล์ม” เตรียมฟ้องแหลกอาทิตย์หน้า

“พจน์ อานนท์” ประกาศ “ฟิล์ม” จะฟ้อง “แอนนี่” หมิ่นประมาท เผยตอนนี้รวบรวมหลักฐานเด็ดไว้เรียบร้อยแล้ว มั่นใจถ้าใครได้เห็นเป็นเซโลงังแน่ จวก แอนนี่ ทำเป็นนิ่งไม่ได้ เพราะคนประณามฟิล์มไปแล้ว ยันจำเป็นต้องฟ้อง ไม่งั้นจะเป็นชนักติดหลังไปตลอดชีวิต
ขยับปากทีไรเป็นได้เฮทุกทีสำหรับ “พจน์ อานนท์” หรือ อานนท์ มิ่งขวัญตา เมื่อวานก่อน (11/ต.ค/53) ก็ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แฉแต่เช้า” อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เผยว่า ขณะนี้เจ้าตัวได้ข้อมูลลึก ชนิดลึกเข้าไปถึงช่องคลอดเลยทีเดียว

''ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานที่เขาบอกว่าท้องก่อนที่จะมามีอะไรกับฟิล์ม หลักฐานทางการแพทย์ไปตรวจครั้งแรกไม่ท้อง แต่พอไปตรวจครั้งที่ 2 ปรากฏท้อง มันมีอะไรกับฟิล์ม คบกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ว่ามีช่วงหนึ่งที่ฟิล์มไปหาแอนนี่ที่บ้านแล้วเจอแอนนี่อยู่กับนักร้องเกาหลี วงเอฟ.ที.ไอแลนด์ ฟิล์มโกรธเลยงอน และหายไปไม่โทร.ไม่คุยไม่เจอประมาณ 3 วัน แอนนี่มาตามง้อที่คอนโดฯ ฟิล์ม วันนั้นเป็นวันที่มีอะไรกัน แล้วก็หลั่งข้างใน ก่อนหน้านั้น เคยมีอะไรกันครั้งหนึ่งแล้ว แต่แอนนี่มีประจำเดือนเลยเสร็จข้างนอกแทน”

“ผมเช็กแล้วว่า วันที่ฟิล์มมีอะไรกับแอนนี่ แล้ววันที่แอนนี่ไปตรวจ ยืนยันว่า เขาท้องก่อนที่จะมามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟิล์ม เดี๋ยวจะมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีก เป็นชายอักษร บ.ซึ่งเป็นผู้ชายที่มีลักษณะที่แอนนี่ ทำคล้ายกับ ฟิล์ม ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งคนนี้เป็นคนที่แอนนี่กลัวมาก และเคยให้ตังค์แอนนี่ไปแล้วเยอะมาก”

พอเปิดประเด็นไปเมื่อวันก่อน พออีกวันเจ้าตัวก็ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ค่ายพระนครฟิล์ม ส่งข้อความบอกผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ (12/ต.ค/53) จะเดินทางไปร่วมงานรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง “อีเห็ดสด” ที่เอสพลานาด และจะมีการแถลงข่าวเรื่อง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” โดยครั้งนี้จะงัดหลักฐานเด็ดมาแฉกันจะจะ แต่พอเริ่มต้นแถลงข่าวเจ้าตัวก็ออกตัวหมุนติ้วๆ ว่า วันนี้ไม่สามารถนำหลักฐานมายืนยันได้เนื่องจากผิดกฎหมาย

“ตอนนี้ผมคุยกับครอบครัวฟิล์มในฐานะผู้ปกครองฟิล์ม เพราะทางอาร์เอสเขาไม่ยุ่งแล้ว ก็ตอนนี้รวบรวมหลักฐานเยอะมาก และได้ให้ทนายความไป แล้วจะขอจากทนายความมาให้ผู้สื่อข่าววันนี้ แต่ทนายความบอกให้ไม่ได้ เปิดเผยไม่ได้ เพราะมันผิดกฎหมาย รับรองได้ว่าถ้าสื่อมวลชนได้เห็นหลักฐานชิ้นนี้ ต้องเซโลงังแน่นอน มั่นใจเลย แต่มันบอกไม่ได้เป็นความลับห้ามพูด ถ้าพูดก็คงโดนจับเลย”

“คือ มันมีหลายอย่างเลยหลักฐานนี่แน่นหนาเลย จะให้แย้มว่า เป็นภาพเป็นเสียง เป็นเอกสารอะไรไม่ได้เลย โดนจับแน่ แต่รับรองว่า ถ้าน้องนักข่าวได้เห็นต้องเซโลงัง เพราะขนาดเราเห็นยังอึ้งเลย มันมีหลายอย่างรู้หมดเลย แต่ขอไม่บอกถึงที่มาของหลักฐานเพราะว่ามันผิดกฎหมาย”

“หลักฐานตอนนี้ขอเก็บเอาไว้ฟ้อง เพราะอาทิตย์หน้าจะฟ้องแล้ว ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่ เพราะมันมีหลักฐานชิ้นใหญ่ขึ้นมาอีก แบบว่าข่าวที่ดังๆ อยู่ตอนนี้สู้ไม่ได้ (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ฟ้องคนเดียว เพราะมีคดีคนเดียวก็ฟ้องหมิ่นประมาท แต่พอได้คุยกับทนายความแล้วจะสามารถฟ้องได้ 3 ข้อหา”

“จริงๆ เราไม่ได้ออกมารังแกผู้หญิง แต่เป็นเพราะตอนนี้เรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นลูกใคร ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ เพราะนอกจากผม นักข่าว แล้วก็คนในสังคมอยากรู้ว่าลูกใคร ไม่อย่างนั้นฟิล์มก็ตายลูกเดียว ฟิล์มก็ไม่มีงาน ไม่มีกำลังใจทำงาน เพราะโดนสังคมประณามอยู่ ไม่มีแรงที่จะทำงาน ก็รับกรรมไป”

“คือ ตอนนี้ฟ้องหมิ่นประมาทไปก่อน แต่จะฟ้องให้พิสูจน์ดีเอ็นเอหรือไม่ ก็ค่อยว่ากัน แต่เรามีหลักฐานแน่นมาก เราไม่ได้ว่าผู้หญิงทั้งประเทศ เรามีปัญหากับผู้หญิงคนเดียว เพราะผู้หญิงมีทั้งดี และไม่ดี แต่พอดีข้อมูลที่เราเจอ มันสามารถบอกได้ว่าความจริงมันเป็นยังไง อยากฝากถึงสตรีองค์กรอะไรต่างๆ ด้วยว่า เราไม่ได้ว่าผู้หญิงทั้งประเทศ แค่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงคนนึงกับผู้ชายคนนึง ช่วยพิจารณาด้วย เพราะฝ่ายเรามันเหมือนเป็นชนักติดหลังอยู่ก็เลยต้องฟ้อง”

“แต่ใจจริงแล้วฟิล์มไม่อยากให้ฟ้อง แต่มันไม่ได้ ผมก็บอกเขาไม่งั้นฟิล์มก็ไม่บริสุทธิ์ซะที ก็ต้องช้ำเลือดช้ำหนองไปจนตาย ตอนนี้ถ้าเขาไม่สู้ก็ไม่ได้ เพราะต้องรักตัวเองบ้าง ต้องลุกขึ้นสู้ รับก็ผิดไม่รับก็ผิด จะยืนอยู่บนโลกนี้ได้ยังไง”

“ส่วนทางครอบครัวเขาก็แล้วแต่ ผมกับทนายความเลย เพราะในเมื่อคุณแม่เขาเคยเรียกร้องให้ออกมาตรวจแล้ วแต่ไม่ได้ คุณแม่เลยต้องตัดใจไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรเลย แต่มันก็ยังมีผู้ชายอีกหลายคนที่ออกมา แต่ไม่รับผิดชอบอะไรเลยก็มีไง เพราะฉะนั้นฟิล์มไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้ เพราะไม่รู้ว่าลูกใคร ในเมื่อผู้หญิงเขายืนยันนอนยันว่าจะไม่ตรวจ เราก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ ก็ดีจะได้เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ชายทุกคนว่ามีสิทธิ์ตรงนี้ ให้ใช้สิทธิ์ของตัวเอง เรียกร้องสิทธิ์มาฟ้องร้องขอตรวจดีเอ็นเอ”

“ถามว่า กลัวเข้าตัวไหม ไม่นะ เพราะผมไม่เคยเอ่ยชื่อเขา ไม่เคยเอ่ยในทางเสียๆ หายๆ ผมต้องการความจริงเท่านั้นเองว่าใครเป็นพ่อของเด็กเท่านั้นเอง เราบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเราไม่ได้รังแก แค่เรียกร้องหาความจริง วันนี้ อยากให้ฟิล์มมาแต่เขาบอกว่า ขออีกอาทิตย์หนึ่งดีกว่า รอให้ทนายจัดการ ตอนนี้รวบรวมหลักฐานยิ่งรวบรวมก็ยิ่งได้เยอะมันก็ยิ่งโผล่ๆ”

“ถ้าวันนี้เอาหลักฐานมาเปิดได้นะอยากเอามามากเลย แต่ขอทนายความเขาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ไง ส่วนเรื่องค่าเสียหายคงไม่เรียกหรอกครับ คงฟ้องแค่หาความจริงเท่านั้นเอง ความจริงเรื่องนี้พี่พูดก็เบื่อนะ แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าลูกใคร ถ้าเขาตรวจดีเอ็นเอตั้งแต่แรกก็จบแล้ว”

ส่วนความคืบหน้าเรื่องงานของ “ฟิล์ม” นั้น “พจน์ อานนท์” บอกว่า วันนี้ฟิล์มได้เข้าไปคุยกับ “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์”
“ตอนนี้รู้สึกเฮียฮ้อเรียกฟิล์มไปคุย แล้วผมก็ต้องดูแลเรื่องฟ้องร้อง แต่เรื่องหลักฐานชิ้นนี้เฮียฮ้อไม่ยุ่งเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลยคือหลักฐานชิ้นนี้ถ้าปรากฏ เรื่องที่เฮีย และพี่สมรักษ์ พูดก็จะปรากฏออกมาด้วย”

“เฮียตอนนี้ก็จะดูแต่เรื่องงาน ว่า อนาคตฟิล์มจะทำยังไงต่อ แต่ฟิล์มบอกเองว่าจะขอบวชก่อน อย่างเรื่องงานตอนนี้ บี้ (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) ก็ได้ไปเกาหลีแทนฟิล์ม ก่อนหน้านี้ ฟิล์มไปเล่นกล้าม เพื่อแสดงหนังบางกอกกังฟู ตอนนี้เลยเหลือแต่กระดูกแล้ว (หัวเราะ) แต่เรื่องบวชไม่ทราบว่าจะบวชเมื่อไหร่ แต่คิดว่าน่าจะหลังฟ้องไปแล้ว ให้จบเรื่องนี้ก่อน”

ทุ่มทุนเอาหน้ามารับเองแบบนี้ ก็เลยทำให้หลายๆ คนอดสงสัยไม่ได้ว่า งานนี้ “พจน์ อานนท์” มีส่วนได้ส่วนเสียหรือได้รับค่าตอบแทนอะไรหรือเปล่า
“ถามว่าได้อะไรจากฟิล์มหรือเปล่า คือ จริงๆ ผมอยากให้สังคมรู้เท่านั้นเองว่าลูกใคร ถ้าลูกฟิล์ม เขาก็บอกอยู่แล้วว่ารับเลี้ยง แต่ถ้าไม่ใช่ก็ส่งเสีย มันต้องจบจะให้เรื่องนี้เป็นชนักติดหลังฟิล์มไปตลอดชีวิตเหรอ สังคมก็อยากรู้ ถ้ามั่นใจก็ต้องตรวจสิ”

เจ้าตัวบอก “แอนนี่ บรู๊ค” จะทำนิ่งไม่ได้ เพราะสังคมประณาม “ฟิล์ม” ไปแล้ว ปัดไม่รู้เรื่องพ่อเด็ก มีชื่อนักธุรกิจฮ่องกง พร้อมด้วยนักร้องเกาหลีโผล่อีก

“ถ้าเขาบอกว่า เขาหยุดแล้วนิ่งแล้วไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ มันไม่ได้ เพราะสังคมประณามฟิล์ม ว่าไม่รับผิดชอบ ตอนนี้เหมือนเขาตายทั้งเป็นไปแล้วนะ ถ้าไม่พึ่งศาลมันก็จะไม่จบ ก็ยังเห็นมีเอสเอ็มเอสด่าฟิล์มอยู่ทุกวัน เขาไม่รู้เรื่องทั้งหมดไง”

“ส่วนเรื่องมีชื่อนักธุรกิจฮ่องกงร่วมด้วย อันนี้ไม่รู้เรื่องเลย รวมไปถึงนักร้องเกาหลีด้วย คงต้องไปพิสูจน์เอง เพราะว่าทางทนายความทางเราก็หาข้อมูลหาหลักฐานมากกว่า เพื่อพิสูจน์ระยะนั้นเป็นยังไง ที่ผู้ใหญ่ 2 คนนั้นออกมาพูดก็ต้องหาข้อมูลในช่วงเวลานั้น ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้ หรือเปล่า หลักฐานตอนนี้แน่น แต่ต้องรออีกจะแน่นกว่านี้กำลังรวบรวมสุดฤทธิ์สุดเดช แต่พูดไม่ได้ จริงๆ อยากพูด แต่ถ้าพูดไปต้องไปเยี่ยมผมนะ (หัวเราะ)”

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์