วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เงินบาทแข็งค่าทำส่งออกข้าวทรุดหนัก


รับศึก2ด้าน สู้ญวนไม่ได้ รายย่อย70%จ่อปิด ด้านหอค้าย้ำบาทวิกฤตนานแล้ว แนะจับตาหยวนทำบาทผันผวนอีกระลอก

วันนี้ (6ต.ค.) นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ส่งออกข้าวไทยกำลังประสบปัญหา 2 ด้านคือ การแข่งขันด้านราคาระหว่างข้าวไทยกับเวียดนาม และปัญหาเงินบาทแข็ง ทำให้ผู้ส่งออกยิ่งต้องเพิ่มราคาขาย เพื่อป้องกันการขาดทุน จนกลายเป็นสาเหตุให้ไม่ได้คำสั่งซื้อ ดังนั้น สมาคมฯเตรียมเสนอผ่านหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้เข้ามาช่วยดูแลผู้ส่งออกข้าวที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะรายกลางและเล็กที่มีกว่า 70% ที่ได้รับผลกระทบมาก เพราะไม่มีความสามารถทำประกันค่าเงิน และหากเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกอาจทำให้ดำเนินธุรกิจไม่ไหวต้องเลิกกิจการไปในที่สุด และกระทบต่อศักยภาพการส่งออกข้าวไทย
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาค่าเงินบาทไทยอยู่จุดวิกฤตมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็นตอนแข็งค่าหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะที่ผ่านมาเมื่อเทียบเงินบาทกับสกุลเงินอื่น บาทไทยแข็งค่าขึ้นเร็วและแรงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก จนเป็นอุปสรรคต่อภาคการค้าการส่งออก และลดศักยภาพการแข่งขันด้านราคา รวมถึงโอกาสทางการค้าของไทย เพราะไม่สามารถทำสัญญาซื้อขายได้ระยะยาว โดยสินค้าที่กำลังเพลี่ยงพร่ำหนัก เป็นกลุ่มสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวที่ถูกเวียดนามแย่งตลาดส่งออกมาก รวมถึงจีนที่ได้เปรียบจากราคาสินค้าที่ถูกกว่าไทย
สำหรับมาตรการผ่อนปรนการถือครองเงินสกุลต่างประเทศ และสนับสนุนการลงทุนต่างแดนของรัฐบาลถือเป็นเรื่องดีในระยะยาว แต่ไม่น่าแก้ปัญหาค่าเงินแข็งได้ทันที เพราะการตัดสินใจลงทุนแต่ละครั้งต้องใช้เวลาตัดสินใจ อีกทั้งเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาก็มีปริมาณสูงกว่าเงินลงทุนมาก แต่ตอนนี้ผู้ประกอบการจะต้องเร่งปรับตัวด้วย เพราะอนาคตบาทจะแข็งไปอีกนาน หลังจากสหรัฐอเมริกามีนโยบายคงอัตราแลกเปลี่ยนต่ำเพื่อลดการขาดดุล รวมถึงควรศึกษารับมือเงินหยวนที่จะแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยใหม่กระทบต่อเงินบาทในอนาคตอันใกล้
สำหรับมาตรการแก้ปัญหารัฐควรช่วยดูแลแยกเป็นรายอุตสาหกรรม ดูว่าภาคไหนกระทบอะไรก็เข้าไปช่วย ไม่จำเป็นต้องช่วยทั้งหมดเพราะบางส่วนได้ประโยชน์จากบาทแข็ง ซึ่งอาจจะเป็นการช่วยสภาพคล่องด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การลดภาษีเพื่อส่งออก หรือค่าธรรมเนียมด่านศุลกากร
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าว่า ขณะนี้ หัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ใน 76 แห่งทั่วโลกได้รายงานให้ทราบว่า เป็นห่วงสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่า รวมถึงค่าเงินในเอเชียที่แข็งค่าขึ้นประมาณ 6% เพราะจะกระทบกับศักยภาพการส่งออกสินค้าไทย และทำให้ไทยส่งออกสินค้าได้ลดลง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจในตลาดหลัก อย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ยังทรงตัวต่อเนื่องในปี 54 และสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาค่าเงินบาท ตามข้อเสนอของภาคเอกชนใน 8 ประเด็น เพื่อให้ศักยภาพการแข่งขันในสินค้าและบริการของไทยไม่เป็นรองคู่แข่ง โดยเร็วๆ นี้ จะหารือกับนายกรณ์ จาติกวาณิช รมว.คลัง เพื่อแก้ปัญหาโดยเร็ว
สำหรับข้อเสนอ 8 ประเด็น ได้แก่ การแทรกแซงค่าเงินไม่ให้ผันผวน และสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค, ควบคุมการไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างประเทศ ทั้งในตลาดเงิน และตลาดทุน, อนุญาตให้ชำระค่าระวางเรือเป็นสกุลเงินต่างประเทศ โดยไม่ต้องแลกเป็นเงินบาท, ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพราะการขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นภาระต้นทุนของผู้ประกอบการมาก, การลดค่าธรรมเนียมศุลกากรในการส่งออก, การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) เข้าถึงแหล่งเงินทุนและเข้าถึงการทำประกันความเสี่ยง, ขอให้ภาครัฐจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ส่งออกเอสเอ็มอี เช่นเดียวกับกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว และขอให้หน่วยงานภาครัฐให้ข้อมูลค่าเงินบาทอย่างตรงไปตรงมาแก่ผู้ประกอบการ
ที่มา dailynews