วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ร้องโรคจิตแอบถ่ายห้องน้ำ ตร.หญิง บช.น.-เหยื่อ 8 ราย!

ร้องโรคจิตแอบถ่ายห้องน้ำ ตร.หญิง บช.น.-เหยื่อ 8 ราย! ตร.หญิง บก.อก.บช.น.ตกเป็นเหยื่อโรคจิตแอบถ่ายขณะทำกิจส่วนตัวในห้องน้ำ เผยสังเกตเห็นแสงไฟสีแดงที่ผ้าเช็ดมือลูกบิดประตูลักษณะคล้ายปากกาแอบถ่าย ก่อนเปิดประตูออกมาพบ ตร.นายหนึ่งท่าทางพิรุธ จึงให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบปากกาดังกล่าว ผงะมี ตร.หญิงเป็นเหยื่อ 8 ราย ระบุร้องเรียนไม่คืบ

วานนี้ (8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้รับการร้องเรียนจาก ส.ต.ต.หญิง รายหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยนาม) สังกัด บก.อก.บช.น.ว่าถูกโรคจิตใช้กล้องไฮเทคแบบดิจิตอล ลักษณะคล้ายปากกา แอบถ่ายในห้องน้ำหญิงโดยตั้งกล้องไว้ใต้ลูกบิดประตูห้องน้ำแล้วใช้ผ้าเช็ดมือปิดบังอำพรางเอาไว้ เหตุเกิดบริเวณชั้น 2 ฝั่งห้องทำงานของนายตำรวจระดับรอง ผบช.น. หรือซอยนายพล อาคาร บช.น. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2553 ส.ต.ต.หญิงสาวรายนี้ได้มีการร้องเรียนแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.อก.บช.น.ทราบ และประสาน พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ดุสิต ให้มาสอบสวนเป็นการภายในหลังจากปีใหม่ผ่านไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงรายดังกล่าวระบุว่า วันเวลาที่เกิดเหตุขณะที่ตนทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำดังกล่าว สังเกตเห็นแสงไฟสีแดงที่ผ้าเช็ดมือลูกบิดประตู จึงรีบเปิดประตูออกจากห้องน้ำทันที พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจชายนายหนึ่งที่ทำงานอยู่สำนักงาน รอง ผบช.น.ท่านหนึ่ง รีบเดินหนีอย่างเร็ว จึงได้ตะโกนเรียกแต่ตำรวจนายนั้นไม่ยอมหยุด กลับไปห้องทำงานทันที ตนได้ติดตามไปพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชายนายนั้นพกกล้องดิจิตอลลักษณะเป็นปากกาแบบใช้แอบถ่ายที่มีขายตามท้องตลาด เมื่อสอบถามก็ได้รับการปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไปบันทึกหรือแอบถ่ายแต่อย่างใด จึงขอพิสูจน์ด้วยการเปิดดู ซึ่งก็ไม่พบภาพใดๆ ในหน่วยความจำในกล้องปากกาด้ามดังกล่าว

ตนจึงได้ไปเล่าให้สารวัตรที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงทราบ ก่อนจะไปแจ้งต่อ ผบก.อก.บช.น.ทราบในเวลาต่อมา ซึ่งสารวัตรผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตนได้ร้องขอให้ทำการตรวจสอบกล้องดิจิตอลดังกล่าวด้วยการนำไปกู้ข้อมูลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีการถ่ายจริง โดยได้ดำเนินการกู้ข้อมูลจากหน่วยความจำกล้องดังกล่าว พบว่ามีภาพที่ถูกแอบบันทึกภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงในสำนักงานต่างๆ บก.อก.บช.น.จำนวน 8 ราย ขณะเข้าไปทำธุระส่วนตัวภายในห้องน้ำ พร้อมกันยังมีภาพใบหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจชายคนที่เป็นเจ้าของกล้องปากกาดังกล่าวบันทึกไว้ด้วย

“หลังจาก สน.ดุสิต ได้ตรวจสอบเหตุดังกล่าวจนระยะเวลาล่วงเลยมากว่า 1 เดือน แต่ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชายคนดังกล่าวแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังได้ส่งตัวกลับไปต้นสังกัดเดิมโดยไม่มีการพิจารณาดำเนินการใดๆ แม้จะมีผู้เสียหายเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่ถูกแอบถ่ายถึง 8 ราย ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงใน บก.อก.บช.น.อย่างหนาหูว่า เป็นเพราะพ่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจชายคนนั้นเป็นเพื่อนกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงใน บช.น. จึงไม่มีการพิจารณาข้อกบพร่องเอาผิดทางวินัย เพื่อให้เรื่องเงียบไปในที่สุด” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงรายดังกล่าว กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงรายอื่นๆ ภายใน อก.บช.น. รวมทั้งนักการภารโรงหญิง และเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายได้รับการยืนยันว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่ไม่ขอพูดรายละเอียด เกรงจะถูกผู้บังคับบัญชาไม่พอใจที่ไม่ต้องการให้เรื่องครึกโครมเกิดความเสื่อมเสียต่อหน่วยงาน นอกจากนี้ยังต้องการทราบถึงความคืบหน้าการดำเนินการและติดตามจับกุมผู้กระทำผิด รวมทั้งเหยื่อที่ถูกแอบถ่ายเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชายยศชั้นประทวนนายหนึ่งซึ่งเป็นคนขับรถของนายตำรวจระดับนายพลใน บช.น. ที่เหยื่อสงสัยว่าเป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุนั้น

ทาง บช.น.ได้มีการสืบสวนสอบสวนแล้วมีผลเป็นอย่างไร พร้อมทั้งเอาผิดทางวินัยหรืออาญาได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอีกทั้งเหตุที่เกิดขึ้นข้างห้องทำงานของรอง ผบช.น.อีกด้วย นอกจากนี้ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่เป็นตำรวจหญิงที่เพิ่งสอบบรรจุเข้ามาใหม่ได้ประมาณ 4-5 เดือน

ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยัง พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ดุสิต ในเรื่องดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนที่ไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่ยินยอมมอบกล้องดิจิตอลแบบปากกาที่ยึดมาได้ให้ไปทำการตรวจสอบเพื่อใช้เป็นหลักฐานทางคดี โดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าภาพที่ถูกแอบบันทึกเอาไว้จะถูกเผยแพร่ออกไปจะได้รับความอับอายมากยิ่งขึ้น ขณะนี้ขึ้นอยู่กับทางผู้เสียว่ามีความประสงค์อย่างไร ถ้าต้องการให้ดำเนินคดีก็พร้อมที่จะทำให้ทันที ไม่ใช่เป็นเรื่องการช่วยเหลือกันแต่อย่างใด
ที่มา manager