วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

บิ๊กช่อง3ยันได้ข่าวสัมพันธ์“จุ๊น-แอนนี่”

วันพุธ ที่ 29 กันยายน 2553
บิ๊กช่อง3ยันได้ข่าวสัมพันธ์“จุ๊น-แอนนี่”
บิ๊กช่อง 3 ยันได้ข่าวสัมพันธ์ “จุ๊น-แอนนี่” แต่ไม่ฟันธงจริงหรือไม่ แนะทุกคนควรออกมาพูดความจริง จะได้อยู่ในสังคมได้ ด้าน “ครูหยุย” วอนสื่อหยุดขายข่าวฉาว

วันนี้ (29 ก.ย.) ที่อาคารมาลีนนท์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 3 นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการช่อง 3 กล่าวถึง กรณีที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอสฯ ระบุผู้บริหารช่อง 3 ยืนยันดาราหนุ่ม “จุ๊น-กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข” ดาราหนุ่ม เคยมีสัมพันธ์กับแอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว และถูกนักแสดงสาวขอเงินค่าคลอดลูก 2.5 แสนบาท ว่า ตนได้ทราบข่าวดังกล่าวจากเลขา และแหล่งข่าว โดยได้พยายามโทรศัพท์ไปสอบถามจุ๊น แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้

“ทุกคนควรออกมาพูดความจริง จะได้อยู่ในสังคมได้อย่างไม่หวาดระแวง คนเราทำผิดได้ แต่ต้องแก้ไข จะได้ไม่ต้องมีใครถูกพาดพิงอีก จะได้ทำมาหากินกันอย่างสุจริตกันต่อไป” นายสมรักษ์ กล่าว

ครูหยุยวอนสื่อหยุดขายข่าวฉาว“ฟิล์ม-แอนนี่”

ชี้สังคมไม่ได้อะไร หนำซ้ำทำร้ายเด็กแย่ไปใหญ่ จวกพวกปากพล่อยไม่รู้จริงอย่าพูดแทน ด้าน ปธ.กมธ.เด็กติงบิ๊กอาร์เอสฯ ให้โอกาสเด็กเคลียร์กันเอง

ด้าน นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า ปรากฏการณ์นี้ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ซึ่งดีหรือไม่ดีก็ไม่มีใครสามารถรับรู้พฤติกรรมได้ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ดังนั้น คนที่เที่ยวออกไปพูดเรื่องราวของคนอื่นโดยไม่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงในขณะนี้ ถือว่าเป็นบาปกรรมเปล่า ๆ มิหนำซ้ำกรณีมีเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ซึ่งนอกจากจะแย่ เพราะไม่รู้ว่าเป็นลูกใครกันแน่แล้ว ยังต้องไปปรากฏตัวออกตามสื่อต่าง ๆ ซึ่งสื่อจะโดยเจตนาหรือไม่ ก็เป็นการทำร้ายเด็กให้เสียหายกันไปใหญ่ ดังนั้น การปรากกฎเป็นข่าวใหญ่โตเช่นนี้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิเด็กอย่างรุนแรง

“ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องของคนสอง แต่ทำไมต้องเอาเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ผมคิดว่าสื่อมวลชนจะต้องเลิกทำข่าวในลักษณะขายข่าวแบบนี้ได้แล้ว ถามว่าสังคมได้อะไร เพราะเหมือนกับการแสดงละคร ข่าวก็จะเลยเถิดไปเรื่อย ๆ แต่จะมีคนบางส่วนที่ได้ประโยชน์ คนที่ขายข่าวฉาวขอให้หยุดได้แล้ว โดยเฉพาะคู่กรณีจะต้องหยุด เพราะถือว่าคุณได้เป็นเหยื่อ โดยมีเด็กเป็นตัวกลาง พาดพิงกันไปมามั่วซั่วหมด” นายวัลลภ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ได้ออกมาแฉพฤติกรรมฉาวของแอนนี่ บรู๊ค นายวัลลภ กล่าวว่า หลักการเราไม่รู้ว่าใครอยู่กับใคร แต่คนที่เที่ยวไปพูดเช่นนั้น เชื่อว่าสังคมได้คิดตามว่าจะฟังหรือเชื่อได้หรือเปล่า จะเสียความชอบธรรมหรือไม่เหมาะสม ซึ่งตามกฎหมายการพูดทำให้คนอื่นเสียหายเช่นนี้ สามารถฟ้องร้องกันได้ ดังนั้น จะต้องกลั่นกรองด้วย

เมื่อถามว่า แอนนี่ บรู๊ค ปฏิเสธการตรวจดีเอ็นเอ เรื่องจะยุติได้อย่างไร นายวัลลภ กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องจะต้องหยุด เพราะขณะนี้ องค์กรสตรีก็ได้ออกมาปกป้องให้คำแนะนำ รวมทั้งมีกระบวนการทางศาลที่จะพิจารณา และคิดว่าหากมีคนที่กลางที่ทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อถือ ก็จะตรวจสอบกันได้ เรื่องไม่ยืดเยื้อแน่นอน

ด้าน นางยุวดี นิ่มสมบุญ ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา กล่าวถึง ปัญหาความคลุมเครือว่าใครเป็นพ่อของลูกแอนนี่ บรู๊ค กับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งฝ่ายหญิงคือแอนนี่ และฝ่ายชายคือฟิล์ม รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เชื่อว่าเขาจะตกลงกันได้ เพื่อผลประโยชน์ของเด็ก ขณะนี้ กลายเป็นว่าเด็กต้องมากลายเป็นเหยื่อ เป็นเครื่องต่อรองจากความขัดแย้งนี้ โดยมีบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ตนอยากให้คำนึงถึงเด็กให้มาก ถึงทั้งคู่จะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่การจะทำให้สังคมเกิดการยอมรับได้ไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถทางการแสดงเท่านั้น แต่ต้องรักษาศีลธรรมการประพฤติที่ดีด้วย

เมื่อถามว่า การออกมาแถลงข่าวของนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ และบริหารบริษัท อาร์เอสฯ ถูกวิจารณ์หนักจากกลุ่มสิทธิสตรี ว่า มุ่งรักษาผลประโยชน์บริษัทฯ จนเหยียดหยามเพศแม่ นางยุวดี กล่าวว่า ผู้ใหญ่ก็ควรให้เวลาทั้งคู่ไปจัดการชีวิตส่วนตัวของเขาเอง ให้เขาได้ตั้งสติคิด และทำในสิ่งที่ถูกต้อง การที่เขาจะอยู่ร่วมกัน หรือเขาจะมีลูกกันก่อน ไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ขั้นตอนมันกระโดดไปหน่อย เรื่องนี้ จะจบลงด้วยดีได้คือทุกฝ่ายต้องคิดถึงเด็กมากกว่าผลประโยชน์ของตัว ขณะที่ บุคคลที่เป็นผู้ใหญ่เองก็ควรให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย ฝ่ายชายเองก็คงกลัวจะเสียอาชีพ แต่ตนอยากให้นึกถึงว่าถ้าเขาเป็นเด็กคนนี้ เขาจะคิดอย่างไร บาดแผลที่เกิดขึ้นวันนี้ จะฝังลึกไปที่ตัวเด็กหรือไม่ อย่าทำอะไรที่เป็นการเพิ่มปัญหาให้กับสังคม

กสม.วอนสังคมหยุดวิพากษ์“ฟิล์ม-แอนนี่”

กสม.ออกโรงวอนสังคมหยุดวิพากษ์เรื่อง “ฟิล์ม-แอนนี่” ลั่นละเมิดสิทธิเด็ก และละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

อีกด้านหนึ่ง ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นางวิสา เบ็ญจมะโน กสม. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิเด็ก สิทธิสตรี และสิทธิความเสมอภาค กล่าวถึง กรณีที่มีการโต้แย้งทางสังคมระหว่างนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม ศิลปิน-นักแสดง และ น.ส.แอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว ว่า กสม.ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิเด็กเข้าไปดูแล และให้คำแนะนำกับ น.ส.แอนนี่ เพราะรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องของสิทธิเด็กที่ถูกนำมาเป็นตัวแสดง เนื่องจากเด็กไม่ได้รับรู้ในปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะตามสิทธิแล้ว เด็กจะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองในเกียรติยศ และชื่อเสียง รวมถึงเด็กมีสิทธิที่จะได้รับรู้ว่าใครเป็นบิดามารดา

นอกจากนี้ การที่มีบุคคลออกมาให้ความเห็นว่า มารดาของเด็กคบผู้ชายหลายคนนั้น เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และตอกย้ำความสงสัยจากสังคมว่าเด็กเป็นบุตรของใคร ซึ่งหากฝ่ายหญิงได้รับความเสียหายก็สามารถไปปรึกษาทนาย เพื่อฟ้องร้องดำเนินการทางคดีได้ ทั้งนี้ ทัศนคติความเสมอภาคทางเพศเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และไม่ควรนำมาเป็นข้อถกแถลงของสังคม จนกลายตราบาปของฝ่ายหญิงเพียงฝ่ายเดียว อีกทั้ง สื่อปัจจุบันมีความก้าวหน้าสามารถจัดเก็บ และเผยแพร่ได้ ซึ่งในอนาคตเด็กอาจได้รับการล้อเลียนจากสังคม ดังนั้น สื่อมวลชนควรจะช่วยกันระมัดระวังการนำเสนอภาพของเด็กด้วย

“ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำอย่างไรที่จะหยุดเรื่องนี้ไว้ เพื่อไม่ให้เด็กบอบช้ำ เพราะกรณีนี้ เป็นข้อพิพาทของคน 2 คน ที่ต้องไปพิสูจน์ในเชิงกฎหมาย โดยะเฉพาะฟิล์มเป็นบุคคลสาธารณะน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคม ทั้งนี้ รู้สึกเป็นห่วงในเรื่องความสัมพันธ์ของชายหญิง โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และยังไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงดูบุตร ทำให้เด็กที่เกิดมาไม่ได้รับการเลี้ยงดู และการปกป้องคุ้มครองตามมาตรฐานที่ควรจะได้รับ อย่างไรก็ตาม กสม.จะมีการจัดเวทีเสวนาเกี่ยวกับเรื่องของสื่อ และการคุกคามสิทธิเด็ก โดยจะเน้นไปในเรื่องของการปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กในเร็ว ๆ นี้” นางวิสา กล่าว

เมื่อถามว่า กสม.จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างไรบ้างนั้น นางวิสา กล่าวว่า กสม.จะช่วยส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และสิทธิเด็ก เพื่อปกป้องคุ้มครองให้เด็กได้รับผลประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามอีกว่า สิทธิของเด็กที่ควรจะได้รับรู้ว่าใครคือบิดามารดานั้น ต้องมีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอหรือไม่ นางวิสา กล่าวว่า ขณะนี้ สิทธิในการดูแล และปกป้องเด็กอยู่ที่มารดา เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นบิดาของเด็กไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร จึงเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดาเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น การตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับบุตร จึงเป็นอำนาจของฝ่ายหญิง ดังนั้น หากฝ่ายชายจะตรวจดีเอ็นเอ ต้องไปขออำนาจศาล เพื่อยืนยันว่า เป็นลูกของตนจริงหรือไม่

แม่“แอนนี่”โต้ลูกสาวไม่มั่วย้ำห่วงหลาน

มารดา “แอนนี่ บรู๊ค” ออกโรงยันลูกสาวไม่มั่ว ชี้ไม่มีผู้ชายอื่น รับห่วงหลานมาก ด้านกลุ่มสตรี อ.แจ้ห่ม ออกโรงต้านสินค้าอาร์เอส

วันนี้ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจันทร์คำ มีเลข แม่ของแอนนี่ บรู๊ค วัย 54 ปี ที่บ้านเลขที่ 160 หมู่ที่ 4 ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง อีกครั้ง ซึ่งพบว่านางจันทร์คำ กำลังเล่นอยู่กับสุนัขที่เลี้ยงไว้ ในสภาพที่อ่อนเพลีย และดูซูบผอมลงไปมาก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ดูการแถลงข่าวของ บริษัท อาร์เอส หรือไม่ นางจันทร์คำ ได้กล่าวว่า ตนไม่ได้ดู ผู้สื่อข่าวจึงได้เล่าให้ฟัง พร้อมสอบถามว่า ที่ผ่านมาแม่เคยทราบหรือไม่ว่าแอนนี่ คบกับใครบ้าง

นางจันทร์คำ ตอบว่า แม่ไม่ทราบ และไม่เคยถาม แต่ที่ทราบ ไม่มี แอนนี่เป็นคนชอบเก็บตัวไม่มั่วกับใคร เวลากลับมาบ้านก็ไม่ได้ออกไปไหน อยู่แต่บ้าน เหมือนตนเองที่เป็นคนที่ชอบอยู่กับบ้าน พร้อมยืนยันว่า ลูกสาวไม่มีคนอื่น มีเพียงผู้ชายคนนี้ (ฟิล์ม) คนเดียว หากลูกสาวจะมีคนอื่นคงมีไปนานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เรียนหนังสือ แต่ก็ไม่มี และขณะนี้ลูกสาวก็อายุมากแล้ว 30 แล้ว

ส่วนที่มีการออกมาแถลงข่าวกล่าวหาว่า แอนนี่ มีผู้ชายหลายคน จะทำให้ลูกสาวเสียหายหรือไม่ นางจันทร์คำ กล่าวว่า แม่ไม่อยากพูดถึง เพราะใครจะดีหรือไม่ดีสังคมก็จะรู้ได้เอง ในฐานะแม่ก็ย่อมรัก และเป็นห่วง อยากปกป้องลูกเช่นกัน แต่การปกป้องคงไม่ใช่การออกมาพูดแบบไร้สาระ และเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนความเป็นห่วงนั้น ตนห่วงหลานมากกว่า

ส่วนฝ่ายชายที่ออกมาพูดแบบนั้น ตนเห็นว่าหากเขาปฏิเสธก็ปล่อยเขาไป ตนเลี้ยงลูกมาด้วยตนเองได้ ทำไมเขา (แอนนี่) ถึงจะเลี้ยงลูกเองไม่ได้ หากเขาไม่รับ ก็ไม่ต้องมายุ่ง เพราะเราก็ไม่เคยจะเรียกร้องอะไรจากเขาอยู่แล้ว ทั้งนี้ นางจันทร์คำ ยอมรับว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนนอนไม่ค่อยหลับ กินอาหารน้อยลง ประกอบมีโรคประจำตัวหลายโรคทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และซูบผอมลงอย่างมาก

ขณะที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสตรี อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง กว่า 300 คน นำโดย นางยุพิน วรรณารักษ์ ประธานกลุ่มสตรีฯ ได้รวมตัวกันถือแผ่นป้ายให้กำลังใจแอนนี่ พร้อมต่อต้านสินค้าทุกประเภทของ บ.อาร์เอส เนื่องจากไม่พอใจการพูดจาดูถูกผู้หญิงของผู้บริหาร พร้อมยืนยันแอนนี่เป็นคนดี.
ที่มา dailynews