วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

ฮุนไดเลื่อนขาย 'ไอ10' ลุ้นไทยประกอบ 'เอลันตร้า'

ฮุนไดเลื่อนขาย 'ไอ10' ลุ้นไทยประกอบ 'เอลันตร้า' ค่ายรถเกาหลี “ฮุนได” เดินหน้าลุยตลาดเก๋งเต็มตัว หลังทำใจ “โซนาต้า” ไม่เกิด ล่าสุดเจรจาบริษัทแม่ขอขึ้นไลน์ผลิต “เอลันตร้า โฉมใหม่” โดยว่าจ้างธนบุรีประกอบรถยนต์เหมือนเดิม คาดถ้าเป็นไปตามแผนจะเริ่มผลิตได้กลางปี 2554 แถมทำราคาท้าชน “ฮอนด้า ซีวิค” และ “โตโยต้า อัลติส” ส่วนเก๋งเล็กรุ่น “ไอ10” ต้องเลื่อนการเปิดตัวจากปลายปีนี้ ไปเป็นต้นปีหน้า เพราะตัดสินใจรอตัวไมเนอร์เชนจ์ ที่รูปลักษณ์สดใหม่โดนใจกว่า ส่วนจะเป็นการนำเข้ามาจากมาเลเซีย หรืออินเดียต้องลุ้นกันอีกที แต่ก่อนที่ฮุนไดจะตีปีกกับ 2 เก๋งรุ่นใหม่ ปลายปีในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปเตรียมเสริมทัพรถอเนกประสงค์ “แกรนด์ สตาร์เร็ก” ราคาเฉียด 2 ล้านบาท หวังขายคู่ไปกับ “เอช1” และช่วยปั้นยอดขายรวมทั้งปี ทะลุ 3,000 คัน
หลังทำใจกับเก๋งขนาดกลางรุ่น “โซนาต้า” โดยประกาศหยุดการผลิตที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ และเลิกทำตลาดในรูปแบบแมสโปรดักต์ชันไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กอปรกับปัญหาต่างๆที่ได้รับตั้งแต่เริ่มลุยธุรกิจในไทยตลอด 3 ปี ดูเหมือนไม่ได้ทำให้ “ฮุนได มอเตอร์ไทยแลนด์” ท้อถอย แถมยังกลายเป็นบทเรียนสำคัญ ที่ค่ายรถเกาหลีนำกลับมาวิเคราะห์โครงสร้างองค์กร รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย จนตั้งหลักลงตัวพร้อมสู้ศึกด้วยแผนพิมพ์เขียวรถยนต์ฉบับใหม่

“เราเชื่อในศักยภาพของฮุนได ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ใหญ่ระดับท็อป 5 ของโลก ส่วนการทำตลาดในไทยจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ โดยเน้นสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยบริการหลังการขาย และความพอใจสูงสุด ขณะเดียวกันเตรียมเสริมรถยนต์รุ่นใหม่ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”
นั่นคือคำกล่าวของ “โยชิซึมิ คุราตะ” ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และพร้อมสู้ศึกในสมรภูมิเดือด ขณะเดียวกัน “บิ๊กบอส คุราตะ” ยังตั้งเป้ายอดขายรวมทุกรุ่นปีนี้ไว้กว่า 3,000 คัน หรือเติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกับปี 2552

จากตัวเลขเป้าหมาย 3,000 คันที่ฮุนไดตั้งไว้ ไม่น่าจะมีปัญหาในบั้นปลาย เพราะยอดขายสะสม 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.2553) ทำได้ถึง 1,582 คันแล้ว และแน่นอนว่าพระเอกของฮุนได ประเทศไทย ปัจจุบันต้องยกให้ “เอช 1” (H1) รถตู้นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ครองสัดส่วนยอดขายกว่า 70% จากฮุนไดทุกรุ่น

ด้วยจุดเด่นด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซลอันทรงพลังแถมประหยัดน้ำมัน บวกกับความสะดวกสบาย อเนกประสงค์ ขณะเดียวกัน ราคาอยู่ระดับล้านต้นไปถึงล้านกลางๆ จึงโดนใจนักธุรกิจ คนรักครอบครัว ซื้อหามาวิ่งกันเกลื่อนถนน

เมื่อ “เอช1” ได้การตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ฮุนไดไม่รอช้ารีบต่อยอดความสำเร็จ เตรียมเปิดตัว “แกรนด์ สตาร์เร็ก” (Grand Starex) รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลCRDi 2.5 ลิตร โดยนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะได้สิทธิประโยชน์ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า

“แกรนด์ สตาร์เร็ก” พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันกับรุ่น “เอช1” แต่สำหรับการทำตลาดในไทยจะวางตำแหน่งสินค้าสูงกว่า ด้วยการตกแต่งรูปลักษณ์ให้โดดเด่นทันสมัย ภายในหรูหราระดับวีไอพี พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สนนราคาอยู่ที่ 1.7-1.8 ล้านบาท แพงกว่า “เอช 1” ตัวท็อปที่ปัจจุบันขายอยู่ 1.47 ล้านบาท ส่วนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในงาน “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2010” เดือนธันวาคมนี้
แผนการรุกตลาดไทยยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ เพราะฮุนไดมีทีเด็ดกับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่หลายโมเดลประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก เช่นเดียวกับ “ไอ10” (i10) รถระดับ เอ-เซกเมนต์ ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ขนาดกะทัดรัด เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งขนาด 1.1 ลิตร 66 แรงม้า และ 1.2 ลิตร 88 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ ซึ่ง “โยชิซึมิ คุราตะ” เคยประกาศว่าเตรียมจะนำเข้ามาเปิดตลาดไทยช่วงปลายปีนี้

อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าล่าสุดจากฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะนำเข้า “ไอ10” มาจาก “อินเดีย” ซึ่งเป็นฐานการผลิตใหญ่ หรือประเทศเพื่อนบ้าน “มาเลเซีย” ขณะเดียวกันเก๋งเล็กรุ่นนี้ได้เปิดตัวทำตลาดมาเกือบ 3 ปี ดังนั้นจึงใกล้ถึงเวลาที่ต้องกระตุ้นความสดใหม่ด้วยการไมเนอร์เชนจ์แล้ว

ผลสุดท้ายฮุนได มอเตอร์ไทยแลนด์ ตัดสินใจรอทำตลาดรุ่นปรับโฉมทีเดียว ตลอดจนรอฟังความชัดเจนจากฮุนไดบริษัทแม่ และประเทศที่ทำการป้อนรถให้ ซึ่งถ้าเป็นการนำเข้ามาจากมาเลเซีย จะสามารถทำราคา “ไอ10” สู้กับคู่แข่ง หรือมีโอกาสเห็นรุ่นเริ่มต้นขาย 4แสนบาทปลายๆได้เช่นกัน ดังนั้นด้วยปัจจัยที่กล่าวมาทำให้ฮุนไดต้องเลื่อนแผนการเปิดตัว “ไอ10” ไปเป็นต้นปีหน้า
นอกจากนี้ฮุนไดยังมองเห็นศักยภาพของตลาดรถยนต์นั่งเมืองไทยที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยกลุ่ม เอ และบี-เซกเมนต์ จะเป็นหน้าที่ของ “ไอ10” แต่ในส่วน ซี-เซกเมนต์ หรือกลุ่มคอมแพกต์ ค่ายรถจากเกาหลีก็พยายามหาโปรดักต์มาตอบสนองความต้องการตลาดเช่นกัน

ฮุนได “เอลันตร้า” (อาวันเต้) รถขนาดคอมแพกต์ยอดนิยม กับยอดขายรวมทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านคัน ภายในระยะเวลาทำตลาด 20 ปี ซึ่งโมเดลโฉมใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 เพิ่งเปิดตัวทำตลาดในประเทศบ้านเกิดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

สำหรับประเทศไทย “โยชิซึมิ คุราตะ” เคยโยนหินถามทางการทำตลาด “เอลันตร้า” มาหลายครั้ง ขณะเดียวกันยังศึกษาความเป็นไปได้ตั้งแต่ 2 ปี ก่อน ในการนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซียซึ่งขณะนั้นยังเสียภาษีนำเข้า 5% แต่สุดท้ายแล้วเมื่อดูจากสภาพตลาด คุณภาพโปรดักต์ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง แถมต้องนำเข้าทั้งคัน จึงเชื่อว่ายังไม่เหมาะสมในการทำธุรกิจ
ล่าสุดฮุนได มอเตอร์ไทยแลนด์ คิดการใหญ่ไม่ง้อมาเลเซีย ยืนยันจะขอผลิต “เอลันตร้า โฉมใหม่” จากบริษัทแม่ประเทศเกาหลี โดยชูศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และตัวเลขยอดขายต่อปีที่กำลังทะยานพุ่ง ซึ่งกรณีบริษัทแม่ตอบตกลง ก็เตรียมจ้างพันธมิตรอย่าง “ธนบุรีประกอบรถยนต์” ให้ขึ้นไลน์ผลิตช่วงกลางปี 2554 ทันที

“เอลันตร้า” หรือ “อาวันเต้” โฉมใหม่ มากับรูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว กับตัวถังซีดาน4 ประตู ประกบเครื่องยนต์เบนซินไดเรกต์อินเจกชัน หรือ GDI 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,600 ซีซีในรหัส Gamma ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.5 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ สนนราคา14.9-16.5 ล้านวอน หรือ 415,000-544,000 บาท

...ต้องจับตา ฮุนได ในประเทศไทย ที่ดูแลตลาดโดย บริษัท โซจิทซึ คอร์ปอเรชั่น เทรดดิ้งเจ้าใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับจากนี้ไปจะมีความเคลื่อนไหวและความน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยทีเดียว
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์