วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

เร้าใจเกินความคาดหมาย ฟอร์ดโฟกัส 1.8 และ2.0 ลิตร

เร้าใจเกินความคาดหมาย ฟอร์ดโฟกัส 1.8 และ2.0 ลิตรมันอาจไม่ใช่ทางเลือกในอันดับต้นๆ ของรถยนต์เซ็กเมนท์คอมแพ็กต์คาร์เมืองไทย แต่มีคนใช้รถไม่น้อยที่บอกว่า ฟอร์ด โฟกัส โฉมปัจจุบันแลดูสวยงามเลยหละ ข้อดีของมันคือ นอกจากรูปลักษณ์ตัวถังที่มีให้เลือกทั้งแบบ1.8 ลิตร "แอมเบี้ยนต์" (Ambiente)และรุ่น "ฟิเนซ" (Finesse) ทั้งแบบ 4 ประตูและ 5 ประตู และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรในรุ่น "เกีย" (Ghia) แบบ 4 ประตู และรุ่นสปอร์ต (Sport) แบบ 5 ประตู แถมด้วยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลอีกหนึ่งรุ่นด้วย

โฟกัสที่ผมนำมาทดสอบในครั้งนี้ เป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินทั้ง 2 ขนาดคือ 1.8 ลิตร 125 แรงม้ากับแรงบิดสูงสุด 122 นิวตันเมตร และ 2.0 ลิตร 145 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 137 นิวตันเมตร ทั้ง 2 สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ แต่ถ้าจะให้เลือกแล้วผมคงให้น้ำหนักกับเจ้าตัว 1.8 ลิตรมากกว่า ด้วยเหตุผลด้านความคุ้มค่า และความประหยัดในสภาวะการณ์โลกปัจจุบัน

แรงม้าแม้จะน้อยกว่า แต่รถคอมแพ็กต์คาร์แบบนี้ แค่ 125 แรงม้าก็เพียงพอกับการใช้งานในเมือง และออกไปร่อนต่างจังหวัดช่วงสุดสัปดาห์ได้สบายๆ ยิ่งถ้าประเภทขับรถแบบชิลๆ แล้วหายห่วงครับ 120-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ใช่ปัญหาเลย เอาเป็นว่าอัตราเร่งการออกตัว ผมว่าเหนือกว่าคอมแพ็กต์คาร์บางยี่ห้อเสียอีก ช่วงล่างแบบยูโรสไตล์ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท โช้กอัพแก๊สและคอยล์สปริง ด้านหลัง คอนโทรลเบลดมัลติลิงค์ ถ้าจะให้ตรงๆ เลยก็ไม่ต่างจากรถยนต์ที่ออกจากโรงงานเดียวกันอย่างมาสด้า 3 สักเท่าไร

มันให้อารมย์การขับขี่คล้ายๆ กับรถยุโรป ตามคอนเซ็ปต์ที่ฟอร์ดวางไว้ ตั้งแต่คอนโซลหน้า และตรงกลาง จะติดอยู่นิดหน่อยก็ตรงที่การออกแบบโดยรวมคงเน้นตลาดพวงมาลัยซ้ายไปหน่อย และทำให้เบรกมือมันไปอยู่ใกล้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า แทนที่จะอยู่ติดกับเบาะคนขับ ก้านไฟเลี้ยวอยู่ด้านซ้าย สวิตท์ไฟก็เป็นตัวบิดในติดกับคอนโซล แทนที่จะเป็นก้านบิดเหมือนกับรถญี่ปุ่น lส่วนแผงหน้าปัดกลางแบบดิจิตอลเรืองแสงสีแดงอ่อนในช่วงกลางคืน ดูง่ายและทันสมัย

ส่วนรุ่น 2.0 ลิตรนั้น คงเหมาะกับคนที่ชอบความแรงเป็นหลัก ไม่แยแสกับราคาน้ำมันสักเท่าไร ทั้งอัตราเร่ง และการเรียกกำลังในช่วงกลางถึงปลาย รับรองว่าถูกใจประเภทนักซิงเท้าหนักเป็นแน่ เรื่องการควบคุมก็มั่นใจในช่วงล่างของโฟกัสได้ แต่ผมก็ไม่ได้หมายถึงมันจะทำให้อารมย์เหมือนกับรถยุโรปหรูๆ อย่างบีเอ็มฯ หรือเบนซ์ ที่กระแทกคันเร่งไปเฉียด 200 ได้หรอกนะ แต่เอาเป็นว่า 145 แรงม้ากับน้ำหนักตัวถัง 1,300 กิโลกรัม มันทำให้คุณขับได้สนุกแน่นอน

สำหรับผมชัดเจน ถ้าเลือกขอแบบประหยัดจะดีกว่า เพราะแม้กำลังสมรรถนะจะต่างกัน แต่ในเรื่องออฟชั่นต่างๆ การตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน ถือว่าใกล้เคียงกันมากทีเดียว ยิ่งถ้าเป็นรุ่น 5 ประตูแฮชท์แบ็ค ที่มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังเพิ่มขึ้นมา มันตอบโจทย์ของคนใช้รถในแบบคนเมืองได้เลย

ราคาค่าตัวของโฟกันเครื่องยนต์เบนซินทั้ง 2 รุ่น ก็จัดว่าเข้าถึงได้ไม่ยาก ถูกกว่าอัลติส และซีวิค แต่ที่อาจทำให้ไม่สบายใจคือ เรื่องของราคาขายต่อหากในอนาคตอยากเปลี่ยน และพื้นที่ให้บริการของโชว์รูมและศูนย์บริการ อย่างไรก็ตามครับ แคมเปญล่าสุดของโฟร์ดที่ออกมาคือ การสื่อสารการตลาดในเรื่องความคุ้มค่า ความคงทน และรูปลักษณ์ ที่จะทำให้มันมีอายุการใช้งานยาวนาน รวมถึงศูนย์บริการฟอร์ด ที่คาดว่าจะเพิ่มให้ได้ถึง 100 สาขาในปีนี้

ดังนั้นถ้าคิดว่าฟอร์ด โฟกัส เป็นคำตอบสุดท้ายแล้วหละก็ ถึงตอนนี้ก็น่าจะมั่นใจแบรนด์นี้ได้ในระดับหนึ่งแล้วหละครับ ส่วนราคานั้น ราคาเริ่มต้นที่ 749,000บาท สูงสุดที่ราคา 949,000 บาท


ที่มาhttp://www.managerweekly.com/