วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สวีเฟน ฮอว์คิง กล่าวชี้ชีวิตหลังความตายไม่มีจริง

สวีเฟน ฮอว์คิง ลั่นต่อสื่ออังกฤษ ชี้ชีวิตหลังความตายไม่มีจริง มนุษย์ดับสูญคล้ายคอมพิวเตอร์เสียหยุดทำงาน ส่วนสวรรค์เป็นแค่นิทานสำหรับบุคคลผู้เกรงกลัวความมืดมิด...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 18 พ.ค. ถึงนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ชื่อดัง "สวีเฟน ฮอว์คิง" วัย 69 ปี ให้สัมภาษณ์กับ เอียน ซิมเพิล ผู้สื่อข่าวเดอะการ์เดียน ของอังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ กรณีเขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า และว่ามนุษย์ทุกคนควรกระทำสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ทั้งยังเปรียบเทียบสวรรค์ว่า เป็นนิทานสำหรับบุคคลผู้เกรงกลัวความมืดมิด พร้อมทั้งยืนกรานว่า ชีวิตหลังความตายเหมือนกับสมองหยุดสั่งการ
คล้ายกรณีคอมพิวเตอร์เสีย ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป

โดยเขากล่าวว่า "ผมอยู่แบบมีโอกาสเสียชีวิตได้ตลอดระยะเวลา 49 ปีที่ผ่านมา ผมไม่กลัวความตาย แต่ผมก็ไม่รีบที่จะตาย ผมมีสิ่งที่อยากทำอีกมาก ผมมองว่าสมองก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์ จะหยุดทำงานต่อเมื่อส่วนประกอบหลายส่วนพัง และไม่มีสวรรค์ หรือ ชีวิตหลังความตายอะไรทั้งนั้นสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้การไม่ได้ มันเป็นแค่นิทานปรัมปราของคนกลัวความมืดเท่านั้น"

ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว เกิดกระแสต่อต้านรุนแรงจากกลุ่มผุ้นำทางศาสนา ภายหลัง ฮอว์คิง ออกมาอ้างว่า "พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้สร้างจักรวาล" โดย
แนวคิดดังกล่าวถูกบรรจุไว้ในผลงานเขียนเล่มล่าสุดของเขา ชื่อว่า "The Grand Design" ซึ่งระบุว่า กฎของฟิสิกส์อยู่เบื้องหลังการระเบิดครั้งใหญ่ หรือ "บิ๊ก แบง" น่าจะเป็นจุดกำเนิดที่แท้จริงของจักรวาล

ฮอว์คิง ผู้ล้มป่วยจากอาการผิดปกติของระบบประสาท จนทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อไม่ทำงานต้องอาศัยรถเข็น อธิบายไว้ในหนังสือของเขาว่า ผลจาก "บิ๊ก แบง" และ กฎเรื่อง "แรงโน้มถ่วง" น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการถือกำเนิดแบบ "ทันทีทันใด" ของสรรพสิ่งในจักรวาลมากกว่าที่จะเป็นฝีมือของอำนาจเหนือธรรมชาติ

ทั้งนี้ ฮอว์คิง เป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ถือเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ไม่กี่คนในยุคปัจจุบัน ที่สามารถอธิบายทฤษฎีสัมพันธภาพ ของ "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" ได้อย่างถ่องแท้ โดย ฮอว์คิง ยังเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง "A Brief History of Time" และ "The Universe in a Nutshell" ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือที่อธิบายเรื่องยาก ๆ อย่าง "ควอนตัมฟิสิกส์" ให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้

อย่างไรก็ดี แม้เขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า หรือชีวิตหลังความตาย แต่สิ่งหนึ่งที่เขาปักใจเชื่อ คือเรื่อง "มนุษย์ต่างดาว" โดยให้เหตุผลว่า "จักรวาลประกอบด้วยกลุ่มดาวตั้ง 100 พันล้าน แต่ละกลุ่มดาวมีดาวฤกษ์เรือนเป็นล้าน ในจำนวนขนาดนี้ โลกจึงไม่น่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีชีวิตวิวัฒนาการอยู่เพียงแห่งเดียว และเตือนว่า หากว่าพวกเขามาถึงโลกอาจจะไม่ได้มาดีแน่ แต่จะมาปล้นเอาทรัพยากรแล้วจากไป ผลจะเป็นแบบเดียวกับที่ โคลัมบัส ค้นพบอเมริกา ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ชาวอเมริกันพื้นเมืองเลย ดังนั้นแทนที่เราพยายามจะติดต่อคบหากับพวกเขา กลับควรจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้พบปะจะดีกว่า"
ที่มา ไทยรัฐ