วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมีย“พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์”เข้าให้การตำรวจคดีหมอมุก

แห่เยี่ยมให้กำลังใจ “หมอมุก” แน่น รพ. หมอเผยอาการดีขึ้นมาก คาดอีกไม่นานถอดเครื่องช่วยหายใจได้แล้ว

ความคืบหน้า คดีขับรถพุ่งชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก แพทย์ รพ.พระมงกุฎ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผอ.กองกลางสำนักงานบัญชีทหาร ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาขับรถชนหมอมุก ได้เดินทางมาที่ สน.พญาไท พร้อมด้วย นางสภาวัน ภู่กลั่น ภรรยา โดยนางสภาวัน แต่งกายในชุดเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีชมพู
หมวกกันแดดปีกกว้างสีชมพู มีผ้าปิดบังใบหน้าลายลูกไม้สีเข้ม สวมแว่นตาสีดำ พร้อมด้วยทนายความ และนายทหารพระธรรมนูญ จากนั้น ได้เดินทางขึ้นไปที่บริเวณห้องประชุมชั้น 2 โดยชุดพนักงานสอบสวน ประกอบด้วย พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พงส.(สบ2) สน.พญาไท เจ้าของคดี พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท มี พล.ต.ต.วิชัย สังประไพ ผบก.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เข้าร่วมสอบปากคำด้วย

ก่อนสอบปากคำ ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ตำรวจหญิงนำกล้องวีดีโอมาบันทึกการสอบปากคำด้วย พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มาให้ปากคำเพิ่มเติม และได้เชิญนาง สภาวัน ภรรยาของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ มาให้ปากคำ ในฐานะพยานผู้ให้ถ้อยคำ ซึ่งขณะเกิดเหตุได้อยู่ภายในรถ ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนการสอบสวน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ลูกสาว ของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ จะมาให้ปากคำเมื่อใด พล.ต.ต.วิชัย ตอบว่า ขณะนี้ลูกสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เรียนหนังสือ ซึ่งเราจะนัดมาให้ปากคำในวันหลัง ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร เนื่องจากต้องพิสูจน์ตัวบุคคลว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด และสังคมเคลือบแคลงว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดตัวจริง คดีนี้คืบหน้าไปมาก มีพยานแวดล้อม ประจักษ์พยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยนำหลักฐานทั้งหมดนำมาเปรียบเทียบกับหลักฐานทั้งหมดกับหลักฐานที่มีอยู่ ซึ่งถ้าข้อมูลตรงกัน ก็จะแจ้งข้อกล่าวหากับพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ และถ้าพยานหลักฐานไม่ตรงกัน ก็จะต้องสืบสวนไปถึงผู้กระทำความผิดตัวจริง

ถามต่อว่า เรื่องกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้เป็นอย่างไร พล.ต.ต.วิชัย ตอบว่า ตอนนี้เราได้ตรวจสอบตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ และหลังจากเกิดเหตุ ก็สมบูรณ์มาก และเป็นพยานหลักฐานที่ดี

ถามต่อเรื่อง ทหาร ยศ พ.ท.ที่มีกระแสข่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ พล.ต.ต.วิชัย ตอบว่า ยังไม่ได้เรียกมาสอบ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางสภาวัน ว่า มีอะไรจะพูดหรือไม่ โดย นางสภาวัน เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาให้การในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนรายละเอียดจะแจ้งให้กับพนักงานสอบสวนเท่านั้น

ถามต่อว่า มีอะไรจะพูดไปถึงหมอมุก หรือไม่ นางสภาวัน ตอบว่า ขอให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า

ถามย้ำว่า ยืนยันหรือไม่ว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ขับขี่ชนหมอมุก เจ้าตัวตอบย้ำอีกครั้งว่า ขอให้การกับตำรวจ

หลังสอบปากคำเสร็จ พล.ต.ต.วิชัย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เบื้องต้น จากการสอบปากคำนางสภาวัน ให้การว่าอยู่ในเหตุการณ์จริง และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งยืนยันตรงกันกับคำให้การของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้ให้การไว้ก่อนหน้า พร้อมกันนี้ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังได้นำภาพถ่ายในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายไว้ก่อนเกิดเหตุ ถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่รอผลตรวจจากทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยกองพิสูจน์หลักฐานส่งมาให้ เพื่อรวบรวมประกอบสำนวนคดี ในส่วนของลูกสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ทีได้ให้การว่าอยู่ในเหตุการณ์ ทางเจ้าหน้าที่จะนัดมาให้ปากคำใน 2-3 วันนี้

รายงานแจ้งอีกว่า ภาพถ่ายที่ทาง พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ นำมายื่นให้ทางพนักงานสอบสวน เป็นภาพที่หมอมุกยืนกอดอกขวางหน้ารถ

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง คดีของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ซึ่งถูกรถพุ่งชน ว่า เรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ฝ่ายทหารได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ ตนได้กำชับไปยัง รพ.พระมงกุฎฯ ให้ดูแลหมอมุกอย่างเต็มที่

ถามว่า ทหารที่เข้ามารับสารภาพเป็นตัวจริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ตนไม่ขอพูดดีกว่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน เราอย่าเข้าไปก้าวก่าย เพราะเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ก็ไม่รู้

เมื่อถามว่า กองทัพยืนยันจะไม่ปกป้องลูกน้อง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่เรื่องของหน่วยงาน อย่าเอาไปผูกกัน ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าการตรวจสอบรถที่ก่อเหตุ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงสอบสวน และรายงานตามขั้นตอน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่หออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ICU) อาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ พ.ต.พญ.หทัยพร หรือ หมอมุก พักรักษาตัว ยังมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เพื่อน ๆ ลูกน้องที่ทำงาน และประชาชนที่ทราบข่าว รวมทั้งคนไข้ที่มาหาหมอที่ รพ.พระมงกุฏฯ นำกระเช้าดอกไม้มาให้กำลังใจ และเซ็นชื่อในสมุดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

โดย พญ.พรรณกร มารดาหมอมุก เปิดเผยว่า วันนี้ลูกมีไข้สูง เอาแต่หลับอย่างเดียว ไม่ค่อยยอมเล่นกับแม่เหมือนเมื่อวานเลย อยากให้เขาพักผ่อนมาก ๆ วันนี้จะให้เยี่ยมเฉพาะญาติสนิทเท่านั้น

ต่อมา เวลา 12.00 น. คณะครู และนักเรียนจากโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาล เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมนำพวงมาลัยดอกมะลิมาให้หมอมุกผ่านคุณแม่ ซึ่ง พญ.พรรณกร บอกคณะนักเรียนที่เดินทางมาเยี่ยมด้วยว่า หากหมอมุก หายเมื่อไหร่ จะกลับไปเยี่ยมที่โรงเรียนบ้าง สำหรับกรณี พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ คู่กรณีที่เข้ามอบตัวกับตำรวจนั้น ถึงเวลานี้แม่ไม่ขอยืนยัน

พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุ และเวชกรรมฉุกเฉิน รพ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเผยอาการของหมอมุกในวันนี้ ว่า ยังทรงตัวคล้ายกับเมื่อวาน สามารถลืมตาตอบสนองตามเสียงเรียกของคนรอบข้างได้ และบีบมือคุณแม่ได้เป็นบางครั้ง แต่ว่าเรายังเป็นห่วงเรื่องมีไข้ และกลัวการติดเชื้อ จึงได้ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อมาตรวจสอบอาการ ขณะนี้ยังไม่พบอาการติดเชื้อที่อวัยวะส่วนใด แต่ทีมแพทย์ก็ได้ให้ยาปฏิชีวนะครอบคลุมเอาไว้แล้ว สำหรับอาการทางสมองยังทรงตัวอยู่ คิดว่าจะดีขึ้นตามลำดับ ต้องดูวันต่อวัน เพราะสมองเป็นส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของร่างกาย หมอมุกเป็นคนแข็งแรง หากไม่มีโรคอื่นแทรกซ้อนสมองก็จะดีเร็วขึ้น ซึ่งผู้ป่วยสมองส่วนใหญ่หากไม่รุนแรงก็มักจะใช้เวลาการฟื้นตัวเป็นแรมเดือนอยู่แล้ว หากรุนแรงก็จะใช้เวลาเป็นปี การหายใจดีขึ้นมาก สามารถลดปริมาณของเครื่องช่วยหายใจได้แล้ว สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ในเวลาอันใกล้นี้

ต่อมา พระญาณทีปาจารย์ หรือ หลวงปู่ท่อน ญาณธโร แห่งวัดศรีอภัยวัน จ.เลย ที่ทางญาติ และเพื่อน ๆ ที่เคยปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ ได้นิมนต์ไว้ เดินทางมาถึง รพ.พระมงกุฎเกล้า โดยนั่งรถเข็นให้ลูกศิษย์พาขึ้นลิฟท์มาบนชั้น 3 ห้องไอซียู เพื่อเยี่ยมคุณหมอมุก โดยหลวงปู่ท่อน ได้ใช้ไม้เท้าสัมผัสตามใบหน้า แขน ขา และตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย พร้อมเจริญพระพุทธมนต์ และอวยพรให้หมอมุก หายไว ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ทำพิธีอยู่นั้น หมอมุก ได้ลืมตา และเอียงคอมองไปที่หลวงปู่ จากนั้น ทางญาติก็ได้นำผ้าไตรจีวรมาวางให้หมอมุกถวายแก่หลวงปู่ท่อน ก่อนเดินทางกลับหลวงปู่บอกกับทุกคนว่า “หายแล้วหายแล้ว”

ขณะที่ นายกอสล้าง วรรณรสพากย์ ลูกพี่ลูกน้องของหมอมุก กล่าวว่า ทางญาติ แม่ไม่เคยให้ข่าวว่าใครเป็นผู้ขับรถชนหมอมุก ส่วนครอบครัวของหมอมุกกับ พล.อ.อำพล ตุ้มทอง พ่อของ พ.อ.ศิริศักดิ์ ตุ้มทอง นั้น สนิท และนับถือกันเสมือนญาติผู้ใหญ่จริง ๆ ที่ผ่านมา ติดต่อพูดคุยกันตลอด โดยในวันที่ พญ.พรรณกร เดินทางขึ้นโรงพักไปแจ้งความเรื่องนี้ ทาง พล.อ.อำพล ก็เดินทางไปเป็นเพื่อนด้วย

ถามว่า หลังพูดคุยกับ พญ.พรรณกร แล้ว เชื่อหรือไม่ว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ก่อเหตุจริง นายกอสล้าง ตอบว่า พญ.พรรณกร เล่าให้ฟังว่า ไม่ได้เห็นตอนหมอมุก ถูกชน แต่ก่อนเกิดเหตุได้เดินออกจากบ้านไปดูเหตุการณ์ แล้วเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินเข้าบ้าน จังหวะนั้น เป็นเวลาที่คู่กรณีกลับรถเข้ามาจอด แล้วออกตัวเคลื่อนที่รถอย่างรวดเร็วจนเสียงยางบดกับถนนดังลั่น จากนั้น ก็ได้ยินเสียงดังโครม พร้อมเห็นร่างหมอมุก ลอยละลิ่วหลังถูกรถชน ซึ่งเท่าที่พูดคุย พญ.พรรณกร บอกตนว่า เห็นคนร้ายลดกระจกรถลงมา แต่หน้าตาก็ไม่เหมือน พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้ามอบตัวกับตำรวจแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตนอยากบอกว่าครอบครัวหมอมุก ถือเป็นครอบครัวทหารที่ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติมาโดยตลอด ดังนั้น เชื่อว่าทางกองทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวนี้อย่างถึงที่สุด

ช่วงบ่าย กลุ่มเพื่อนร่วมรุ่น "จิตรลดา 24" นำโดย นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ประธานรุ่น เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมเปิดเผยว่า ตอนทราบเรี่องทีแรกช็อกตกใจรีบแจ้งข่าวเพื่อน ๆ ไม่เชื่อตามที่เป็นข่าว เพราะหมอมุก ไม่น่าจะมีเรื่องกับใคร และไม่เชื่อว่ามุก จะกระโดดขึ้นกระโปรงรถ และถ้าใครรู้จักจะทราบดีว่าหมอมุก ฮามาก ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร ตอนนี้อยากให้เพื่อนหายเป็นปกติเร็วที่สุด หรือมีอาการใกล้เคียงกับตอนเกิดเหตุที่สุด ด้านคดีคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่เร่งรัด แต่อยากให้นำคนผิดตัวจริงมารับโทษ
ที่มา เดลินิวส์