วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พ.อ.มอบตัวปัดขับรถชน"หมอมุก"

แม่เผย"หมอมุก"อาการดีขึ้น บีบมือพ่อแม่ได้ แพทย์เจ้าของไข้ยืนยันมีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ยังไม่รู้สึกตัว ด้าน"พ.อ."โชเฟอร์โผล่มอบตัว

ที่สน.พญาไท วันที่ 21 มิ.ย.พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผอ.กองกลางสำนักปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการทหารไทย ผู้ต้องหาก่อเหตุขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยมีนายทหารพระธรรมนูญ ร่วมรับฟังการสอบปากคำ
เบื้องต้น พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ขับชน แต่ยอมรับว่า วันเวลาที่เกิดเหตุตนเองพร้อมด้วยภรรยาและลูกสาว เพื่อนลูกสาวอีกคน ได้เข้าไปทานอาหารที่ร้านเสนาวิลล่า บริเวณที่เกิดเหตุจริง หลังจากที่ทานอาหารเสร็จออกมาที่รถเพื่อจะเดินทางกลับ แต่เมื่อถึงรถยนต์ถูกรถของ หมอมุก จอดขวางอยู่ ทำให้ไม่สามารถขยับรถได้ เพราะรถไม่ได้ใส่เกียร์ว่างไว้ ทำให้ลูกสาวโมโห ไปเขียนบนกระจกรถ ว่า " จอดรถไม่มีมารยาท" หลังจากนั้นหมอมุกเดินออกมา จึงมีการโต้เถียงกันเล็กน้อยเรื่องการจอดรถ

พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้โทรไปที่ 191 เพื่อให้มาเคลียร์เหตุการณ์แต่โทรไม่ติด ทั้งนี้หลังจาก หมอมุก ขยับรถแล้ว จึงนำรถออกมา หมอมุกได้ทุบรถของตนเองจึงถ่ายทะเบียนรถหมอมุกไว้ แต่หมอมุกขวางรถไว้ หลังจากนั้นเมื่อขยับรถออก หมอมุกกระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ พร้อมกับเกาะที่ปัดน้ำฝนและดึงติดมือไปจึงตกใจและหยุดรถทันที และถอยหลังทำให้หมอมุกตกลงจากรถ ไม่ได้มีเจตนา จะไปชนซ้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการสอบปากคำแล้ว พนักงานสอบสวน ได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาโดยไม่ต้องประกันเนื่องจากว่า ผู้ต้องหาติดต่อขอเข้ามอบตัวเอง หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรอผลการตรวจพิสูจน์ หลักฐานบนตัวรถก่อน เพื่อดำเนินการต่อไป

ด้านนพ.บุญโชติ เคียงกิติวรรณ แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดเผยอาการล่าสุดของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ว่า ความดันสมองขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และสามารถลดการให้ยาเพื่อลดอาการสมองบวมได้แล้ว ภาวะไข้ลดลง รวมถึงผู้ป่วยสามารถลืมตาและขยับตัวได้ ซึ่งเป็นสัญญาณถึงแนวโน้มอาการที่ดีขึ้น แต่ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์จนกว่าจะผ่านภาวะวิกฤตสมองบวมให้ได้ก่อน จึงจะสามารถคาดการณ์อาการในอนาคตได้

ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงในเรื่องเดียวกันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้กำชับไปยังพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุดและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้อำนวยความสะดวกต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกรณี และสั่งให้กองทัพตั้งชุดสืบหาพยานหลักฐานต่างๆสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.อ.ธนาธิปกล่าวต่อว่า คดีนี้ทางตำรวจมีพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ คิดว่าคงดิ้นไม่หลุดคาดว่าในไม่ช้าจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องสะเทือนขวัญต่อสังคม ไม่ว่าจะใครก็ตามต้องถูกดำเนินคดีและรับโทษถึงที่สุด ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นไม่มีนโยบายในการช่วยเหลือคนกระทำความผิดทุกกรณี เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตาสีตาสา ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง หมดสมัยที่กองทัพ จะมีอิทธิพลหรือสิทธิประโยชน์ ซึ่งน่าจะใช้เวลา 15 วันในการสอบสวน

เมื่อถามว่า ผู้ก่อเหตุเป็นถึงลูกนายทหารระดับพลเอก พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ทุกชั้นยศในกองทัพหากทำความผิดจริงต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และรถที่ใช้ในการก่อเหตุอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐาน มีลายนิ้วมือของผู้บาดเจ็บอยู่ที่รถ ซึ่งรถคันดังกล่าวทราบว่ามีการเบิกจ่ายให้สำนักงานปลัดบัญชีทหารตั้งแต่ปี 2550 และเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2554 ได้นำมาจอดทิ้งไว้ในที่จอดรถ เนื่องจากเครื่องยนต์เสียไม่สามารถวิ่งได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีการสวมทะเบียนรถที่ก่อเหตุ พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า มีความเป็นไปได้แต่พิสูจน์ไม่ได้ อย่างไรก็ตามทางตำรวจคงจะมีพยานหลักฐาน หากกำลังพลในกองทัพก่อเหตุจะนำมาดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ปกปิดซ้อนเร้นอำพรางคดี หรือดัดแปลงรถแต่อย่างใด เมื่อถามว่า มารดาของผู้บาดเจ็บตั้งข้อสังเกตว่ารถที่ใช้ก่อเหตุมี สติกเกอร์หน้ารถมากกว่ารถที่นำมาพิสูจน์หลักฐาน พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ต้องฟังคณะกรรมการเพราะจะได้ข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่ที่มาที่ไปของรถ

ที่ห้องไอซียู ชั้น 3 อาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ศ.นพ.อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภา พร้อมด้วย นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา น.อ.(พิเศษ) อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา พ.อ.(พิเศษ) ผศ.นพ.กิฎาพล วัฒนกูล ผอ.กองส่งเสริมสุขภาพและเวชกรรมป้องกัน กรมแพทย์ทหารบก ได้นำกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยม พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก โดยมี พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา อายุ 70 ปี มารดา “หมอมุก” นพ. บุญโชติ เคียงกิตติวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมประสาท ในฐานะแพทย์เจ้าของไข้ พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ. พระมงกุฏเกล้า ให้การต้อนรับ

พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา อายุ 70 ปี มารดา “หมอมุก” กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่อาการของลูกดีขึ้น ไข้ลด สมองที่บวมก็ยุบ ความดันสมองก็ลดลง วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เข้าเยี่ยมลูกสาวและพูดคุยกับลูก เพราะที่ผ่านมาไม่อยากเข้าเยี่ยมเพราะกลัวลูกติดเชื้อ ทั้งนี้พอแม่อกให้ลูกบีบมือลูกก็สามารถบีบมือได้ ในความรู้สึกของคนเป็นแม่ลูกอาการดีขึ้นบีบมือได้ก็ดีใจ มีความสุขแล้ว ซึ่งขอขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวจนคดีคืบหน้าและมีแนวโน้มจะคลี่คลายไปในทางที่ดี คิดว่าคดีนี้คงจะไม่มีการจับแพะ ทั้งนี้ตัวแม่คงไม่เคียดแค้นคนที่ทำ แม่นับถือศาสนาพุทธก็อยู่กับปัจจุบันเพราะอายุ 70 ปีแล้ว ก็คงให้ว่าไปตามกฎหมายบ้านเมือง แม่ไม่ทราบเรื่องที่ผู้ต้องหามอบตัว แต่จะรออ่านข่าวจากสื่อมวลชน ตอนนี้ขออยู่กับลูกดีกว่า และคงจะหานิทานมาเล่าให้ลูกฝังเหมือนสมัยเด็ก ๆ ที่ผ่านมาก็เล่าเรื่องเต่ากับกระตาย แต่น้องมุกชอบอ่านหนังสือพระอริยสงฆ์ต่าง ๆ

นพ. บุญโชติ เคียงกิตติวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมประสาท กล่าวว่า อาการหมอมุกดีขึ้น ลืมตาได้บางครั้ง ขยับแขนได้บางครั้ง มีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ยังไม่รู้สึกตัว ความดันในสมองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ตอนนี้ก็ต้องระวังเรื่องภาวะติดเชื้อ ภาวะชัก เกลือแร่ต่ำ ดังนั้นยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะอยู่ในห้องไอซียูนานแค่ไหน

ด้านพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ยืนยันการตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานในคดีของ พ.ต.พญ. หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก ว่าสามารถใช้หลักการทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานได้แม้รถคันที่คาดว่าใช้ก่อเหตุจะมีการทำความสะอาดแล้วก็ตาม โดยหลักการตรวจสอบคดีดังกล่าวจะต้องตรวจสอบ 3 จุด สำคัญคือ ผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุ และรถที่ก่อเหตุ เพราะทั้ง 3 จุดนี้จะต้องมีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ เช่น ตัวผู้บาดเจ็บสามารถตรวจสอบเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุอาจมีอะไรบางอย่างที่สามารถชี้ว่าถูกชนโดยรถของผู้ต้องหาหรือไม่ ส่วนที่เกิดเหตุทราบว่ามีวงจรปิดที่ตรวจสอบได้ ขณะที่รถคันก่อเหตุกรณีที่ชนจะต้องมีหลักฐานบางอย่างของผู้บาดเจ็บติดอยู่ และแม้จะมีการทำความสะอาดแล้วแต่ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ยังมีเครื่องมือที่สามารถนำมาตรวจสอบหาหลักฐานได้ โดยเฉพาะคราบเลือดที่แม้จะล้างออกแล้วแต่เชื่อว่าน่าจะยังหลงเหลือไว้ตรวจสอบ โดยใช้น้ำยาทดสอบเพื่อนำคราบเลือดไปตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับผู้บาดเจ็บ
ที่มา เดลินิวส์