สำหรับการตัดสินใจในครั้งนี้ถือเป็นการยุติบทบาทแบรนด์รถยนต์ที่เก่าแก่อีกรายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ในตลาดมานานถึง 71 ปีโดยที่ผ่านมา เมอร์คิวรี่ถูกรวมกิจการและทำตลาดควบคู่กับลินคอล์นภายใต้ชื่อ Mercury and Lincoln แต่ทว่าทางฟอร์ดไม่ได้วางแผนและสร้างบทบาทอะไรใหม่ๆ ให้กับทางเมอร์คิวรี่เลย เรียกว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ค่ายนี้ไม่มีรถยนต์ใหม่แกะกล่องที่ถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้แบรนด์ของตัวเองทำตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นการนำรถยนต์ของฟอร์ดและลินคอล์นมาแต่งหน้าทาปากใหม่เพื่อขายกลุ่มลูกค้าที่ยังมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์นี้เมอร์คิวรี่ถูกตั้งขึ้นในปี 1939 โดยเอ็ดเซล ฟอร์ด ลูกชายของเฮนรี่ ฟอร์ดเพื่อเป็นแบรนด์รถยนต์สำหรับทำตลาดในระดับหรูหรา ซึ่งมีฐานะทางการตลาดแทรกกลางระหว่างฟอร์ดกับลินคอล์น คล้ายกับบูอิกของเครือเจนเนอรัล มอเตอร์ส โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายของเมอร์คิวรี่ และลินคอล์นในตลาดสหรัฐอเมริกามีตัวเลขรวมกันอยู่แค่ 8,189 คันจากจำนวนยอดขายรวมของฟอร์ด 178,057 คัน หรือคิดเป็น 11.5% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ในปีที่แล้วทั้ง 2 แบรนด์มีตัวเลขยอดขายเพียง 175,146 คัน หรือคิดแล้วมีตัวเลขใกล้เคียงกับยอดขายรถยนต์เพียง 1 เดือนของเชฟโรเลต
จริงอยู่ที่ทั้งเมอร์คิวรี่ และลินคอล์นจะไม่ได้มีบทบาทในด้านการสร้างตัวเลขยอดขายที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับฟอร์ด แต่ดูเหมือนว่าอนาคตของเมอร์คิวรี่จะค่อนข้างมืดมนมากกว่าลินคอล์น และเมื่อฟอร์ดจำเป็นจะต้องเลือกเพียงหนึ่งเดียวในการเป็นแบรนด์ระดับหรูที่ขายเคียงคู่กับฟอร์ดต่อไปในอนาคต ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจเลือกลินคอล์นที่มีชื่อชั้นและยอดขายดีกว่า แทนที่จะเป็นเมอร์คิวรี่
โดยภายใต้กลยุทธ์ใหม่นี้ ทางฟอร์ดจะทุ่มเทการพัฒนาและเงินลงทุนในการยกระดับแบรนด์ลินคอล์นให้มีภาพลักษณ์และความสามารถขึ้นมาเทียบชั้นกับแคดิลแล็กของจีเอ็ม และเล็กซัสของโตโยต้า
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์