วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Volkswagen Jetta ขยายร่างกอล์ฟ เจาะตลาด 4 ประตู

Volkswagen Jetta ขยายร่างกอล์ฟ เจาะตลาด 4 ประตู อย่างที่ทราบกันดี นอกจากตัวถังแฮตช์แบ็ก, แวกอน และเปิดประทุน (สูญพันธุ์ไปแล้วเพื่อเปิดทางให้นิวบีเทิล ทำตลาดเต็มตัว) โฟล์คสวาเกนยังมีอีกเวอร์ชั่นของตัวถังในสไตล์ซีดาน 4 ประตูที่แชร์พื้นฐานของกอล์ฟออกมาทำตลาดด้วย ซึ่งนับจากปี 1976 เป็นต้นมา คนทั่วโลกได้มีโอกาสสัมผัสกับชื่อของเจ็ตต้า (Jetta) และถือเป็นรถยนต์ยอดเยี่ยมอีกรุ่นของโฟล์คฯ
แน่นอนว่าในเมื่อกอล์ฟมีการเปลี่ยนเจเนอเรชั่น หรือเปลี่ยนโฉมตามอายุตลาด ตัวถังอื่นๆ ที่แชร์พื้นฐานเดียวกันก็ต้องมีการขยับตัวตามไปด้วย และในตอนนี้ โฟล์คฯ เผยโฉมหน้าของเจ็ตต้าใหม่ออกมาแล้ว จะมีคิววางขายในตลาดทั่วโลกต้นปีหน้า โดยเน้นหนักไปที่สหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ถึงขนาดยึดไทม์สแควร์ ของนครนิวยอร์กเพื่อเปิดตัว พร้อมกับดึงนักร้องขวัญใจวัยรุ่นอย่าง Katy Perry มาจัดมินิคอนเสิร์ตเพื่อสร้างสีสัน และดึงกลุ่มลูกค้าหลักของเจ็ตต้า คาดว่าจะเป็นวัยรุ่นไปจนถึงกลุ่มคนทำงานช่วง 20 ต้นๆ

ก่อนที่จะไปถึงเรื่องราวของเจ็ตต้าใหม่ มาทำความรู้จักกับรถยนต์รุ่นนี้กันสักหน่อย เจ็ตต้าถือเป็นตัวถังที่ถูกผลิตออกมาเพื่อเสริมทางเลือกให้กับกอล์ฟ โดยการเปิดตัวในปี 1979 หรือตามหลังการเปิดตัวเจเนอเรชั่นแรกของกอล์ฟ 5 ปีนั้น เจ็ตต้ารุ่นแรกมากับตัวถัง 4 ประตูและคูเป้ 2 ประตูที่แชร์พื้นฐานเดียวกับกอล์ฟ

เมื่อถึงรุ่นที่ 3 เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อโฟล์คฯ ยกเลิกการใช้ชื่อเจ็ตต้าสำหรับตลาดหลัก และเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่าเวนโต้ (Vento) แทน จากนั้นเมื่อถึงเจเนอเรชั่นที่ 4 ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกด้วยการดร็อปชื่อเวนโต้ และเปลี่ยนมาเป็นบอรา (Bora) ก่อนที่จะใช้ชื่อนี้ในการเจาะตลาดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดหลักเพียงแห่งเดียวที่ใช้ชื่อเจ็ตต้าในการทำตลาดเรื่อยมา

ตลอด 34 ปีที่ผ่านมา รถยนต์สายพันธุ์นี้มียอดขายรวมเบ็ดเสร็จมากกว่า 9.6 ล้านคัน และจากนโยบายของโฟล์คฯ ที่จะเพิ่มยอดขายในปี 2018 ของตัวเองในตลาดสหรัฐอเมริกาให้มีตัวเลขในระดับ 800,000 คัน เจ็ตต้าจะรับบทบาทสำคัญในการเพิ่มตัวเลขตรงนี้ให้ตรงตามเป้าหมาย ในปัจจุบัน เจ็ตต้ามียอดขายในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 110,000 คัน

ในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดหลักของเจ็ตต้า จึงไม่น่าแปลกใจที่โฟล์คฯ จะให้ความสำคัญกับรถยนต์รุ่นนี้โดยเน้นไปที่เมืองลุงแซม เจเนอเรชั่นที่ 6 ของเจ็ตต้าถูกเปิดตัวครั้งแรกที่นี่ โดยยึด Time Square ในนิวยอร์กเพื่อเปิดตัว อีกทั้งยังอิงสไตล์การออกแบบมาจากต้นแบบรุ่น NCC หรือ New Coupe Concept ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคม 2010
ตัวรถเป็นแบบซีดาน 4 ประตูหรือทรง 3 กล่องที่มีระดับในการทำตลาดกลุ่มเดียวกับฮอนด้า ซีวิค, โตโยต้า โคโรลล่า และมาสด้า 3 และเมื่อเปรียบเทียบกับเจ็ตต้ารุ่นเดิมแล้ว ในรุ่นใหม่นี้มีการขยายตัวถังในทุกมิติทั้งระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 70 มิลลิเมตร เป็น 2,648 มิลลิเมตร และยาวขึ้น 90 มิลลิเมตร เป็น 4,644 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,450 มิลลิเมตร

สำหรับสเปกของเจ็ตต้าใหม่ที่เปิดเผยออกมาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มีเบนซิน 3 รุ่นและเทอร์โบดีเซลแบบ Clean Diesel อีก 1 รุ่นที่อยู่บนพื้นฐานของบล็อก 4 สูบเรียง โดยเริ่มต้นกับรุ่น 115 แรงม้าของเบนซิน ตามด้วย 2500 ซีซี. 170 แรงม้า ไปจนถึงตัวแรงเร้าใจสุดๆ 2000 ซีซี. เทอร์โบ ไดเรกต์อินเจ็กชั่น หรือ TSI ที่มีเรี่ยวแรงในระดับ 200 แรงม้า ส่วนเทอร์โบดีเซล 2000 ซีซี. มีกำลังสูงสุด 140 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 8.7 วินาที

ส่วนตลาดยุโรปที่ไม่มีการเปิดเผยว่าจะใช้ชื่อบอร่าในการขายต่อไป หรือว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรนั้น จะมีทางเลือกของเครื่องยนต์ถึง 6 แบบ 4 รุ่นเป็นบล็อกใหม่ คือ 1200 ซีซี. TSI 105 แรงม้า, 1400 ซีซี. TSI 160 แรงม้า และเทอร์โบดีเซลคอมมอนเรลอีก 2 รุ่นเป็นแบบ 1600 ซีซี. TDI 105 แรงม้า และ 2000 ซีซี. 140 แรงม้า

ส่วนที่เหลือก็เป็นเครื่องยนต์ 1400 ซีซี. TSI 122 แรงม้า และ 2000 ซีซี. TSI 200 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์ก็มีทั้งแบบ DSG 6 และ 7 จังหวะให้เลือกใช้งาน

ในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มขายเดือนตุลาคมนี้โดยเป็นรถยนต์โมเดลปี 2011 เช่นเดียวกับยุโรปที่คาดว่าน่าจะเปิดตัวขายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ยังไม่เปิดเผยราคาออกมาในตอนนี้ แต่คาดว่าในเมืองลุงแซมคงจะขยับราคาขึ้นจากเดิม เริ่มต้นที่ 15,995 เหรียญสหรัฐ หรือ 528,000 บาทไม่มาก

ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์