วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หรูสบายระดับเฟิร์สคลาส BMW 730Ld

หรูสบายระดับเฟิร์สคลาส BMW 730Ld ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใครที่เห็นรถคันใหญ่โตขนาดบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ในโฉมปัจจุบันวิ่งอยู่บนท้องถนนคงเดากันว่า มันคงต้องใช้เครื่องยนต์สัก 4 ลิตร หรือ 5 ลิตร เพื่อส่งเจ้าซูเปอร์ซาลูนคันโตให้ทะยานไปข้างหน้า ไม่ผิดหรอกครับถ้าจะคิดกันอย่างนั้น
แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีใครที่ไหนจะคิดสร้างเครื่องยนต์ใหญ่กินน้ำมันเป็นลิตรๆ เพื่อให้ได้ม้าเป็นร้อยตัว ซีรีส์ 7 ใหม่ก็เช่นกัน รุ่นที่ทำตลาดในบ้านเราไม่ว่าจะเป็น 740Li หรือ 730Ld ล้วนใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตรทั้งนั้น

อันที่จริงซีรีส์ 7 โฉมใหม่คันนี้เปิดตัวด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร ในราคา 8.9 ล้านบาท แต่หลังจากบีเอ็มฯ เริ่มปรับแนวคิด หันมาพัฒนาเรื่องยนต์ดีเซลจนเป็นที่ประจักษ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เจ้าซีรีส์ 7 โฉมใหม่ก็ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร V6 มาเป็นทางเลือกให้กับเศรษฐีผู้รักษ์ ในสิ่งแวดล้อม และใส่ใจในเรื่องการจ่ายเงินเพื่อเติมน้ำมันมากขึ้น

บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld คันนี้ภายนอกและภายในไม่ได้แตกต่างกับ 740Li ด้วยขนาดและความยาวผมว่ามันพอๆ กับรถตู้เลยล่ะ แต่นั่นก็เพราะบีเอ็มฯ ต้องการให้มันเป็นซูเปอร์ซาลูนที่มีขนาดกว้างขวาง นั่งสบายในระดับเฟิร์สคลาส ไม่ให้น้อยหน้าคู่ปรับอย่าง เอส-คลาส

อาจเป็นเรื่องดีที่คุณมีทุนทรัพย์มากพอจะซื้อ 730Ld คันนี้ในราคา 7.9 ล้านบาทมาใช้ แต่ถ้าซื้อมาขับไปทำงานเอง อาจเป็นเรื่องที่คิดผิด เพราะเจ้านี่มันเหมาะสำหรับนั่งโดยสาร ฟังเพลง ดูหนัง ด้านหลังเสียมากกว่า มันคือรถยนต์สำหรับผู้บริหาร ที่ต้องการพักผ่อนอย่างแสนสบายในระหว่างเดินทางไปติดต่อธุรกิจ มากกว่าจะขับมันเสียเอง แล้วไปติดอยู่กลางสี่แยกไฟแดง

730Ld ถูกออกแบบให้ผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลังสะดวกสบายจนไม่อยากลุกออกจากรถคันนี้ เบาะนั่งสามารถปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมแผงควบคุมiDrive ระบบอำนวยความสะดวกบนที่วางแขนตรงกลางเบาะโดยสาร มีจอ LED ติดตั้งบริเวณที่รองศีรษะของเบาะคนขับ และเบาะนั่งด้านหน้า ผู้โดยสารด้านหลังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนโหมดได้เอง จะฟังเพลง ดูหนัง ชมโทรทัศน์ หรือแม้กระทั่ง การตรวจสอบแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ผ่านดาวเทียม หรือจีพีเอส เพื่อค้นหาสถานที่ต่างๆ รวมถึงจุดหมายปลายทาง

อย่างไรก็ดี แม้มันจะพัฒนาเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายแบบเต็มเปี่ยม แต่ด้านสมรรถนะและระบบความปลอดภัย เป็นสิ่งที่บีเอ็มฯ ใส่ใจด้วยเช่นกัน เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร 218 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร ให้ประสิทธิภาพการใช้งานได้ไม่แพ้เครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่โต แต่มันเผาไหม้เชื้อเพลิงที่น้อยกว่าอยู่พอสมควร ความเร็วระดับ 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเรื่องปรกติ ช่วงล่างทำงานสัมพันธ์กับความเร็ว ทำให้มันนิ่งเหมือนจอดอยู่กับที่ คงไม่ต้องบอก ถ้ามันวิ่งด้วยความเร็ว 100-120 เหมือนๆ ชาวบ้าน มันจะนิ่งขนาดไหน

คุณสมบัติอีกอย่างของเครื่องยนต์ดีเซลคือ ความประหยัด ความจุของถังน้ำมันจำนวน 80 ลิตรนั้น คอมพิวเตอร์ภายในตัวรถคำนวณระยะทางที่วิ่งได้คือราวๆ 700 กิโลเมตร แต่มันจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามสไตล์การขับขี่ ตัวอย่างกรณีที่ผมขับออกนอกเมืองบนมอเตอร์เวย์ ที่ความเร็ว 120-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวเลขระยะทางวิ่งเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าขับในเมืองกลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตัวเลขนี้ก็ลดลงด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะยังไง มันถือว่าประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซินแน่นอน

ระบบความปลอดภัยเพียบพร้อมจริงๆ เช่น Dynamic Damping Control ระบบปรับความแข็ง-อ่อน ของโช้กอัพแบบอัตโนมัติ มีการประมวลผลได้ถึง 400 ครั้งต่อวินาที สำหรับระบบรับแรงกระแทกของโช้กอัพสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติและอิสระเมื่อช่วงล่างต้องรองรับแรงกระแทกและเด้งกลับ มันจะปรับความแข็ง-อ่อนของโช้กอัพ ไม่ว่าสภาพถนนจะเป็นแบบไหน ความสะดวกสบายก็ไม่เปลี่ยนแปลง

ใกล้ๆ ตำแหน่งเกียร์จะมีปุ่มควบคุมการขับขี่แบบไดนามิก สามารถปรับระดับการขับขี่ได้ 4 สไตล์แบบสะดวกสบาย แบบธรรมดา แบบสปอร์ต หรือสปอร์ตพิเศษ รอบเครื่องยนต์และช่วงล่างจะถูกปรับให้เหมาะสมกับรูปแบบของระบบ เช่น แบบธรรดา ความนุ่นนวลจะมาก่อน แต่ถ้าไปที่โหมดสปอร์ต คงไม่ต้องบอกว่าช่วงล่างจะถูกปรับให้หนึบขึ้น โหมดนี้คงเหมาะสำหรับให้เจ้าของขับเองน่าจะเหมาะกว่า

730Ld มีอีกสารพัดระบบที่ผมไม่สามารถสาธยายในเวลาอันสั้น อย่างเช่นระบบ Night Vision พร้อมระบบตรวจจับคนและวัตถุในที่มืด มันสามารถแสดงผลของวัตถุได้ไกลถึง 300 เมตรก่อนถึงตัวรถ ด้วยกล้องอินฟราเรดด้านหน้า และแสดงผลบนจอภาพ

สำหรับอัครความสะดวกสบายบนรถยนต์นั่งระดับซูเปอร์ซาลูน ที่ให้ความประหยัดสูงขนาดนี้ คุณต้องจ่ายเงินประมาณ 7.599 บาท สมน้ำสมเนื้อกับรางวัลชีวิต ของคนที่ต้องการความสบายระดับเฟิร์สคลาส

ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์