ฮุนไดคิดใหม่ ใช้นิชมาร์เก็ตสร้างแบรนด์
ฮุนไดเปลี่ยนวิธีคิด เริ่มสร้างแบรนด์ใหม่ด้วยตลาดนิชมาร์เก็ต อาศัยรถตู้เอนกประสงค์ H-1 เป็นที่มั่นสำคัญหลักทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ เลิกทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางชั่วคราว หันมาเปิดตลาดรถยนต์ SUV ที่ดูจะมีอนาคตกว่า เพื่อสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้เด่นขึ้นมา รับแผนรุกรถยนต์ เอเซ็กเมนท์ ชนตลาดอีโคคาร์ปลายปี ทูซอน รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ SUV จะเป็นรุ่นใหม่ที่ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งเข้ามาทำตลาดเป็นรุนแรกของปีนี้ แผนการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ทั้งหมด 3 รุ่น ปัจจุบันฮุนไดมีตลาดหลักคือรถยนต์รุ่น H1 ในตลาดรถตู้เอนกประสงค์ โดยมียอดขายสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ระดับเดียวกัน
ขณะที่รถยนต์รุ่น โซนาต้า ในเซ็กเมนท์รถยนต์นั่งขนาดกลาง และเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) ใช้เป็นผลิตภัณฑ์นำร่องในการพลิกพื้นแบรนด์ฮุนได จะยกเลิกการทำตลาดชั่วคราว โยชิซึมิ คุราตะ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด บอกว่า ได้หยุดการขายโซนาต้าแล้ว หลังความต้องการตลาดลดลง และส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ฮุนได เกาหลี ได้เปิดตัวโซนาต้า รุ่นโมเดลเชนจ์เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ลูกค้าส่วนใหญ่ชะลอการซื้อโฉมปัจจุบันที่ทำตลาดในไทย เพื่อรอโซนาต้ารุ่นใหม่ ซึ่งในส่วนนี้ฮุนได ประเทศไทยอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทแม่ในการทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางในอนาคต
การแทนที่ด้วยรถยนต์ SUV จึงเป็นเส้นทางการสร้างความมั่นใจของลูกค้าต่อแบรนด์ฮุนได ในเมืองไทยอีกครั้ง แม้จะเป็นตลาดที่ไม่ใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับเซ็กเมนท์รถยนต์นั่งขนาดกลาง ที่ต้องเจอกับคู่แข่งรายใหญ่จากญี่ปุ่นคือ โตโยต้า คัมรี, ฮอนด้า แอคคอร์ด และนิสสัน เทียน่า ในเซ็กเมนท์รถยนต์ SUV อาจสร้างโอกาสได้ดีกว่า
ฮุนได ค้นพบแล้วว่า ตลาดนิชมาร์เก็ตเมืองไทยสามารถสร้างการยอมรับได้ดีกว่า ตลาดแมส ด้วยผลสำเร็จของฮุนได H1 ที่ทำยอดขายสูงกว่า 1,000 คันในปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นเซ็กเมนท์เล็กแต่ก็มีคู่แข่งน้อยด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ฮุนไอ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จึงเตรียมส่งรถ SUV อีก 1 รุ่นคือแกรนด์ สตาร์เร็กซ์ เข้ามาเสริมตลาด
การมี SUV ถึง 2 รุ่นในตลาด เป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับฮุนได ในด้านความหลากหลายผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญคือทั้ง 2 รุ่นเป็นรถยนต์นำเข้า ขณะที่โซนาต้า เดิมเป็นรถยนต์ที่ประกอบในประเทศซึ่งอาจมีต้นทุน และรายละเอียดในขั้นตอนการผลิต โดยทูซอน เป็นการนำเข้าจากเกาหลี และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์จะนำเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งจะได้ประโยชน์จากภาษีนำเข้า 0% ของเขตการค้าเสรีอาเซียนหรืออาฟต้า
เป้าหมายสำคัญของ SUV ทั้ง 2 รุ่นอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขยอดขาย แต่เป็นการเสริมแบรนด์ฮุนได ในเมืองไทยให้แข็งเกร่งยิ่งขึ้น และที่ผ่านมาฮุนได H-1 ก็สร้างได้จนเป็นผลสำเร็จมาแล้ว แบรนด์ที่แข็งแกร่งจะเป็นผลต่อการบุกตลาดรถยนต์ในขนาด เอ เซ็กเมนท์ ของฮุนได I 10 ที่จะนำเข้าจากมาเลเซีย มาเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
ฮุนได I 10 เป็นแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แน่นอนว่า จะต้องทำตลาดแข่งกับรถยนต์จากโครงการอีโคคาร์ อย่างนิสสัน มาร์ช ที่เปิดตัวแล้ว และยังต้องแข่งกับรถยนต์ในระดับเดียวกันจากมาเลเซียอย่างโปรตอน ดังนั้นการสร้างความเชื่อมั่นก่อนจะบุกเข้าไปในเซ็กเมนท์ดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างมาก ตลาด SUV เป็นเหมือนการเตรียมแบรนด์ให้พร้อม
นอกจากนี้การที่รถยนต์ฮุนได เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ของการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup 2010 ประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นแรงเสริมในการสร้างการรับของรถยนต์และ แบรนด์ฮุนไดต่อผู้บริโภค ซึ่งฮุนได มอเตอร์ประเทศไทยเองก็ เตรียมจัดกิจกรรมมากมาย พร้อมของรางวัลพิเศษๆ อาทิ กิจกรรมพบลูกค้าและแจกของที่ระลึกให้กับผู้ใช้รถผ่านสื่อต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ส่วนฐานการตลาดที่สำคัญของธุรกิจรถยนต์คือ ตัวแทนจำหน่ายนั้น ในปีนี้ฮุนไดมีแผนจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มจาก 19 แห่ง เป็น 30 แห่งทั่วประเทศ
ดังนั้นในปีนี้รถยนต์ฮุนได ที่จะบุกตลาดทั้ง 3 รุ่น จึงเป็นเครื่อง และตัวชี้วัดอนาคตของรถยนต์ฮุนได ในเมืองไทยว่าจะสามารถกลับมาเป็นที่นิยมในตลาด และผงาดขึ้นมาเทียบชั้นกับรถยนต์จากญี่ปุ่นได้มากน้อยเพียงใด
ฮุนไดคิดใหม่ ใช้นิชมาร์เก็ตสร้างแบรนด์
ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์