Mitsubishi Triton CNG ใหม่ พร้อมระบบ Bi-Fuel ทั้ง CNG และ E20 เคาะราคาเริ่มต้น 4.69 แสนบาท
New Mitsubishi Triton CNG ใหม่
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กระตุ้นตลาดรถกระบะอีกระลอก ส่งมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เจาะกลุ่มลูกค้าใช้งานหนัก ชูจุดเด่นเรื่องความประหยัดจากการเลือกใช้งานได้ 2 ระบบ (Bi-Fuel) ทั้ง ซีเอ็นจี (CNG) และน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์อี 20 รองรับงานบรรทุกและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว เคาะราคาขายเริ่มต้นที่ 469,000 บาท ถึง 611,000 บาท พร้อมส่งกองทัพรถยนต์มิตซูบิชิสีขาวร่วมโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ อีกเพียบมร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แนะนำรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เพิ่มเติมอีกรุ่น โดยสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งน้ำมันเบนซินและก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจี เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถกระบะที่ให้ความประหยัดสำหรับการใช้งานบรรทุกรวมไปถึงใช้งานในแต่ละวัน โดยจะมีให้เลือกทั้งในแบบกระบะตอนเดียว ซิงเกิ้ลแค็บ และกระบะตอนครึ่ง หรือเมกะแค็บ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
“เราเน้นนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย เพื่อให้รถมิตซูบิชิเป็นรถที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด สำหรับการแนะนำรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความประหยัดจากการเลือกใช้งานได้ทั้งน้ำมันเบนซินได้ถึงแก๊สโซฮอล์อี 20 และ ก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี ที่ให้ระยะทางในการขับขี่โดยรวมได้มากกว่า น่าจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคน้ำมันแพงได้เป็นอย่างดี โดยในส่วนของราคาจำหน่ายจะมีการปรับขึ้นจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเพียง 65,000 บาท จึงถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่จะลดลงในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นครั้งแรกในตลาดเมืองไทย ที่มิตซูบิชิในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ทำการผลิตรถกระบะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 ระบบ (Bi-Fuel) ภายใต้มาตรฐานของบริษัทฯ พร้อมการรับประกันนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร” มร.มูราฮาชิ กล่าวสำหรับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ใช้พื้นฐานมาจากรถกระบะเครื่องยนต์เบนซิน โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ ซิงเกิ้ลแค็บ 2.4 GL และเมกะแค็บ 2.4 GLX โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.4 MPI ให้พละกำลังสูงสุด128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเทคโนโลยี Bi Fuel System ที่สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบทั้งก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีและน้ำมันเบนซินรองรับแก๊สโซฮอล์ อี 20 อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วยสวิตซ์เลือกชนิดของเชื้อเพลิงและไฟแสดงระดับของก๊าซที่เหลืออยู่ พร้อมกล่องสมองกลอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการวิเคราะห์และประมวลผลการจ่ายเชื้อเพลิง จึงให้การจ่ายเชื้อเพลิงเป็นไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำตามความต้องการของเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดพลังงานพร้อมการขับเคลื่อนที่นุ่มนวลเมื่อระบบปรับการทำงานจากน้ำมันเป็นก๊าซและจากก๊าซเป็นน้ำมัน
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี รุ่นซิงเกิ้ลแค็บ ยังคงมาพร้อมกระบะท้ายที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะเพื่อรองรับกับงานบรรทุกหนัก ด้วยการติดตั้งขอเกี่ยวรอบกระบะสำหรับผูกยึดสินค้า ช่วยเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการบรรทุก ในขณะที่รุ่นเมกะแค็บ มาพร้อมกระบะท้ายที่สูงขึ้นกว่าเดิม 57 มิลลิเมตร ที่ช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรทุก พร้อมการติดตั้งถังก๊าซบนกระบะท้ายที่เสริมความลงตัวด้วยพื้นปูกระบะ (Bed Liner) ดีไซน์พิเศษแบบชิ้นเดียว ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ยังสะดวกในการใช้งานและบำรุงรักษาอีกด้วย ในขณะที่ภายในยังคงมาพร้อมห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกกว้างสะดวกสบาย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันในด้านความปลอดภัย มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ปลอดภัยด้วยถังซีเอ็นจี แบบ Type II ซึ่งมีน้ำหนักเบา โดยในรุ่น ซิงเกิ้ลแค็บ มาพร้อมถังก๊าซความจุขนาด120 ลิตรน้ำ ในขณะที่รุ่น เมกะแค็บ มาพร้อมถังก๊าซความจุขนาด 100 ลิตรน้ำ พร้อมการติดตั้ง ลิ้นเปิด-ปิดอัตโนมัติ 2 ตัว โดยตัวแรกติดตั้งบริเวณอุปกรณ์ลดความดัน และตัวที่สองติดตั้งตรงวาล์วหัวถังก๊าซ โดยจะตัดการทำงานของก๊าซอัตโนมัติเมื่อมีก๊าซรั่วไหล ในขณะที่ตัวรถปลอดภัยด้วยตัวถังแบบ RISE BODY พร้อมติดตั้งคานกันกระแทกที่ประตูทุกบาน ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยนพร้อมพาวเวอร์ ผ่อนแรงให้การควบคุมบังคับทิศทางขณะเลี้ยวหรือเข้าโค้งมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ด้วยรัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.7 เมตร
มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ลแค็บ ซีเอ็นจี 2.4 GL มี 2 สีให้เลือก ได้แก่สีขาว และสีบรอนซ์เงิน (สีเมทัลลิค) พร้อมราคาจำหน่ายอยู่ที่ 469,000 บาท และ 476,000 บาท ตามลำดับ ในขณะที่ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ ซีเอ็นจี 2.4 GLX มี 4 สี ให้เลือก ได้แก่ สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ พร้อมราคาจำหน่ายที่ 611,000 บาท
ทั้งนี้ มร.มูราฮาชิ ยังได้กล่าวเสริมถึงการเข้าร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ ว่า นอกเหนือจากการแนะนำไทรทัน ซีเอ็นจี แล้ว ในปีนี้ มิตซูบิชิ ยังได้นำยนตรกรรมรุ่นต่างๆ ร่วมโชว์อย่างคับคั่ง โดยจะเน้นรถยนต์ “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์” ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว พร้อมโชว์ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่นตกแต่งพิเศษ “แรลลี่อาร์ต คอนเซ็ปต์” และ “สมาร์ท คอนเซ็ปต์” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่บริษัทฯ จะนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถแต่งสไตล์สปอร์ต นอกจากนี้ยังมีการแนะนำ มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส รุ่นพิเศษสีขาวมุก (White Pearl) เพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่นนอกเหนือจากการแนะนำไทรทัน เมกะแค็บ พลัส รุ่นพิเศษสีขาวมุก (White Pearl) ไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นอื่นๆ ก็ยังคงถูกนำมาจัดแสดงอย่างครบครัน โดยจะเน้นสีขาวเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รวมไปถึง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี รุ่น 1600 ซีซี. ทั้งนี้จากความหลากหลายของรถรุ่นต่างๆ ประกอบกับข้อเสนอพิเศษที่บริษัทฯ ได้เตรียมมอบให้กับลูกค้า ทำให้เชื่อว่ามิตซูบิชิจะสามารถทำยอดขายในช่วงงานมอเตอร์โชว์ได้กว่า 1,300 คัน
ข้อเสนอพิเศษในงานมอเตอร์โชว์
เงื่อนไขพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิในงานมอเตอร์โชว์ และที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้จนถึง 6 เมษายน
- ดอกเบี้ยต่ำ 1.69% * พร้อมรับฟรีประกันภัย ไดมอนด์ อินชัวรันซ์ ** เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ แลนเซอร์ 1.6 ลิตร ปาเจโร สปอร์ต และ สเปซ แวกอน
- ดอกเบี้ยต่ำ 0.99%* พร้อมรับฟรี ประกันภัย ไดมอนด์ อินชัวรันซ์** เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส ปละ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
* ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ
** ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมพร้อมทดลองขับยนตรกรรมของมิตซูบิชิได้ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่บูธรถยนต์มิตซูบิชิ หมายเลข A08 ณ ไบเทค บางนา ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2553 – 6 เมษายน 2553 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009
ที่มา: Mitsubishi/Thaidriver