Fiat Uno อเนกประสงค์เพื่อตลาดเกิดใหม่ บราซิลถือเป็นตลาดรถยนต์เกิดใหม่สุดฮ็อตที่ได้รับการจับตามองจากผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก และในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่เปอโยต์เปิดตัวปิกอัพที่แชร์พื้นฐานเก๋งอย่างรุ่นฮ็อกการ์ออกมา ทางด้านเฟียต ซึ่งถือว่าเป็นพี่เบิ้มอีกรายในตลาดกลุ่มนี้ก็ส่งทางเลือกใหม่ของความอเนกประสงค์ด้วยรุ่นอูโน (Uno) ใหม่ออกมาทำตลาด
อูโนถือเป็นรถยนต์อีกรุ่นจากค่ายเฟียตที่โด่งดังและมีความคลาสสิค แต่ทว่ารุ่นแรกถูกส่งออกมาขายเป็นเก๋งทรงแฮทช์แบ็กที่เปิดตัวในปี 1983 ก่อนที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ในปี 1989 และทำตลาดในยุโรปจนถึงปี 1995 เพื่อให้รุ่นพุนโตเข้ามาแทนที่ แต่สำหรับตลาดรถยนต์บางแห่ง เช่น แอฟริกาใต้ หรือโปแลนด์ อูโนรุ่นที่ 2 ยังถูกขายอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับบราซิล ซึ่งเฟียตส่งอูโนเข้ามาขายเป็นครั้งแรกในปี 1991
สำหรับรุ่นใหม่นี้เป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ซึ่งมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง เพราะจริงอยู่ที่แม้จะเป็นตัวถังทรงแฮทช์แบ็ก แต่ก็มีการปรับปรุงรายละเอียดการออกแบบของตัวรถให้แตกต่างออกไป โดยเฉพาะการยกตัวถังให้สูงขึ้นเพื่อให้ดูคล้ายกับรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท Crossover
ในรุ่นนี้ดูเหมือนว่าเฟียตจะตั้งใจให้เป็นผลผลิตที่เกิดมาเพื่อรองรับกับความต้องการและรสนิยมของคนในแถบละตินอเมริกาเป็นหลัก เพราะงานออกแบบและพัฒนาตัวรถทั้งหมดมาจากศูนย์ R&D ของเฟียต หรือ Giovanni Agnelli Center ในบราซิล เช่นเดียวกับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกที่มากับคอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า Round Square ซึ่งตัวถังมากับสไตล์เหลี่ยมเหมือนกล่อง และลบเหลี่ยมมุม และเสริมความโค้งมนกลมกลืนตามรายละเอียดต่างๆ เช่น ไฟหน้า หรือช่องดักลมและช่องสปอตไลต์บนกันชนหน้า
ในห้องโดยสารรองรับกับการใช้งานตามสไตล์รถยนต์อเนกประสงค์ ด้วยเบาะนั่ง 2 แถวรวม 5 ที่นั่ง ซึ่งยังเหลือพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายในอีกระดับหนึ่ง และถ้าต้องการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยก็สามารถเลือกพับเบาะนั่งที่สามารถแยกพับในอัตราส่วน 60:40% หรือพับลงทั้งหมดได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน
เครื่องยนต์ที่ขายในบราซิลจะมากับขุมพลังรหัสใหม่ที่เฟียตเรียกว่า Fire Evo ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยเฟียต ในบราซิล ซึ่งจะมีการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าในภูมิภาคนี้ที่มีรูปแบบการใช้งานแตกต่างออกไป โดยตัวเครื่องยนต์ที่มีความจุทั้งแบบ 1,000 และ 1,400 ซีซี ซึ่งเป็นแบบ Flex Fuel สามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน และ E100 จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ
ถ้าเป็นรุ่น 1,000 ซีซีจะให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 9.5 กก.-ม. ที่ 3,850 รอบต่อนาทีสำหรับการใช้งานเบนซิน และจะเพิ่มเป็น 75 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 9.9 กก.-ม. ที่รอบเท่ากันเมื่อเปลี่ยนมาใช้ E100 มีความประหยัดน้ำมันสำหรับการใช้งานในเมือง 15.6 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับเบนซิน และ 10.5 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับ E100 ส่วนนอกเมืองอยู่ที่ 20.1 และ 12.9 กิโลเมตรต่อลิตรตามลำดับ
ส่วนรุ่น 1,400 ซีซีที่มาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน หรือ CVCP-Continuously Valve Cam Phaser มีกำลังสูงสุด 85 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 12.4 กก.-ม. ที่ 3,500 รอบต่อนาทีสำหรับการใช้น้ำมันเบนซิน และ 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 12.5 กก.-ม. ที่รอบเท่ากันสำหรับการใช้ E100 มีความประหยัดน้ำมันสำหรับการใช้งานในเมือง 14.7 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับเบนซิน และ 10.3 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับ E100 ส่วนนอกเมืองอยู่ที่ 19.4 และ 12.8 กิโลเมตรต่อลิตรตามลำดับ
เฟียตวางแผนส่งขายในตลาดบราซิลปลายปีนี้ และจะกระจายไปยังตลาดละแวกใกล้เคียงอย่างอาร์เจนตินา และชิลีด้วย ส่วนตลาดกลุ่มอื่นของโลกยังไม่มีการประกาศออกมาในตอนนี้ว่า เฟียตสนใจที่จะไปตั้งไลน์เพื่อผลิตขายด้วยหรือไม่
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์