Brabus SL65AMG Black Series : คูเป้ 800 แรงม้า ช้าก่อนสำหรับใครที่กำลังจะอ้าปากต่อว่าหลังจากที่เห็นหัวโปรยของบทความชิ้นนี้ เพราะว่าใครๆ ก็รู้ว่า SL ของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์มันเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนชัดๆ คูเป้ซ่ะที่ไหนล่ะ
คำตอบคือ ถูก แต่ไม่ถูกทั้งหมด เพราะจริงที่ สายพันธุ์ SL ถืออกำเนิดขึ้นมาเป็นสปอร์ตเปิดประทุน 2 ที่นั่งตั้งแต่อ้อนแต่ออด แต่ทว่าในช่วงปลายปี 2008 หลังจากที่ SL เจนเนอเรชันที่ 5 มีการปรับโฉมหลังจากขายมาตั้งแต่ปี 2001 ได้ไม่นาน ก็คลอดเวอร์ชันที่เรียกว่า Black Series หรือรุ่นหลังคาแข็งออกมาขาย
คำว่า ‘หลังคาแข็ง’ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ชุดหลังคาแข็งแบบถอดได้ที่มักจะมีขายพ่วงหรือเป็นออพชั่นขายแยกสำหรับสปอร์ตเปิดประทุน และก็ไม่ได้เกี่ยวกับหลังคาแข็งพับได้จำพวก Retractable Roof หรือ CC ซึ่งกำลังฮิตกัน แต่เป็น ‘คูเป้’ หลังคาแข็งแท้ๆ จากโรงาน
นี่ก็เลยเป็นคำตอบที่สามารถไขข้อสงสัยในเรื่องนี้
กลับมาที่ SL ตัวแต่งรุ่นนี้ เป็นผลผลิตจากค่ายบราบัส ซึ่งในปัจจุบันเป็นมากกว่าสำนักแต่งแล้ว และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายหนึ่ง เพราะพวกเขามักจะเปิดเผยว่ารถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ตัวเองโมดิฟายกันแบบหนักๆ เช่น Black Arrow ของซี-คลาส W203 หรือ Black Barron ของ W212 หรืออี-คลาส ซึ่งใช้ชื่อในการขายว่า E V12 ผ่านการรับรองโดยทาง German Federal Vehicle Registration Agency (Kraftfahrtbundesamt) ว่าเป็นผลผลิตที่มาจากผู้ผลิตรถยนต์ไม่ใช่สำนักแต่ง
ส่วนคันนี้ไม่ได้พูดถึงตรงนี้ บอกแค่ว่าเป็นผลผลิตใหม่ที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ชอบทั้งความแรงและความดุดัน
แน่นอนว่าตัวรถมากับสีดำล้วนตามสไตล์ Brabus แต่อินเทรนด์นิดนึงตรงที่เป็น Matte Black หรือดำด้าน พร้อมกับฝากระโปรงใหม่เจาะช่องอากาศสำหรับระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ และมีฝาปิดที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่ด้านท้ายเสริมด้วยสปอยเลอร์หลังทรงสปอร์ตแบบยกตัวขึ้นเองได้อัตโนมัติเมื่อถึงระดับความเร็วที่กำหนด พร้อมกับกันชนท้ายที่มีการเจาะช่อง Diffuser ซึ่งจะทำงานร่วมกับแผ่นปิดใต้ท้องรถในการจัดเรียงอากาศที่ไหลจากด้านหน้าให้สอดผ่านใต้ท้องรถออกทางด้านท้ายอย่างมีระเบียบ ซึ่งจะทำให้ตัวรถมีการทรงตัวที่ดีเวลาแล่นด้วยความเร็วสูง
ในมุมมองของบราบัส เครื่องยนต์วี12 6,000 ซีซี เทอร์โบคู่ของ AMG อาจจะยังไม่เร้าใจเท่าที่ควรเพราะรีดกำลังออกมาได้แค่ 612 แรงม้าเท่านั้น ทำให้ต้องติดเขี้ยวเล็บให้อีกด้วยชุดแต่ง T65RS ซึ่งเน้นไปที่การปรับแต่งทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ เช่น ปรับ Map การทำงานของเครื่องยนต์ทั้งในส่วนของการจุดระเบิดและการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เปลี่ยนเทอร์โบลูกใหม่เช่นเดียวกับท่อร่วมไอเสียพร้อมแคตาไลติก คอนเวอร์เตอร์แบบ Hi-Flow อินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ทั้ง 4 ตัวทำหน้าที่ในการลดความร้อนของไอดีที่ถูกอัดเข้ามา เช่นเดียวกับการใช้น้ำมันเครื่องสูตรพิเศษที่ทางบราบัสบอกว่าพัฒนาขึ้นมาร่วมกับพันธมิตรอย่าง ARAL ซึ่งในปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือของทาง Deustche BP AG
บทสรุปในด้านกำลังขับเคลื่อนอยู่ที่ 800 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 144.7 กก.-ม. ที่ 2,100 รอบ/นาที แต่เพื่อความปลอดภัยของชิ้นส่วนระบบส่งกำลังและขับเคลื่อย บราบัสก็เลยล็อกการปล่อยแรงบิดสูงสุดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้แค่ 112.1 กก.-ม.
ตัวรถมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.6 วินาที ดีขึ้น 0.3 วินาที เช่นเดียวกับอัตราเร่งในช่วง 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมงซึ่งอยู่ที่ 9.8 วินาทีจากเดิม 11 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดล็อกเอาไว้ที่ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมงแต่จริงๆ แล้วไต่ไปได้ถึง 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่เพื่อความปลอดภัยก็เลยล็อกเอาไว้แค่นี้พอ...
ราคาไม่ได้บอก เช่นเดียวกับว่าจะผลิตจำกัดหรือไม่ แต่ที่แน่ๆสำหรับลูกค้าที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของรถสปอร์ตรุ่นนี้อย่างเต็มตัว บราบัสมีออพชั่นพิเศษ โดยในห้องโดยสารจะมีเพลทโลหะแปะเอาไว้ โดยมีข้อความว่า Brabus One-off แล้วตามด้วยชื่อของรถคันนั้น (นักขับบางคนชอบตั้งชื่อรถจริงๆ) เช่นเดียวกับบนแผงมาตรวัดความเร็ว ด้านล่างก็จะมีการระบุชื่อเอาไว้ด้วยด้วย...พิเศษอย่างอย่างนี้ราคาคงไม่ธรรมดา
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์