สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยรายงานว่า ตัวเลขชาวอเมริกันที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างยากจนข้นแค้น เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 46.2 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่กำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อการฟื้นตัวจากภาวะถดถอย ซึ่งรายงานฉบับนี้ ถือเป็นการท้าทายทางเศรษฐกิจที่ประธานาธิบดีโอบามาและรัฐสภาสหรัฐกำลังเผชิญ เนื่องจากอัตราความยากจนเพิ่มขึ้นเป็นปีที่สามติดต่อกัน จาก 43.6 ล้านคนของปี 2552 เป็น 46.2 ล้านคน
รายงานระบุต่อไปว่า ตัวเลขคนอเมริกันยากจนเมื่อปีที่แล้ว นับเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบ 52 ปี อีกทั้งภาวะเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐน่าจะดำเนินต่อไปในปีนี้ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจหดตัวลง และอัตราการว่างงานยังคงมากกว่าร้อยละ 9 ทำให้เกิดความวิตกอย่างยิ่งว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกรอบ
โดยรายงานเกี่ยวกับคนจนเพิ่มขึ้นในสหรัฐ เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่ประธานาธิบดีโอบามา กำลังผลักดันแผนการสร้างงานมูลค่า 450,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13.5 ล้านล้านบาท และการที่สหรัฐเผชิญการว่างงานสูงขึ้น ทำให้ประธานาธิบดีโอบามา กำลังพยายามโน้มน้าวสมาชิกพรรครีพับลิกันในรัฐสภา ให้ยกมือสนับสนุนแผนการสร้างงาน
ทั้งนี้ สหรัฐ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราคนยากจนสูงสุดในโลกพัฒนาแล้ว ขณะที่ องค์การเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจได้ทำการสำรวจประเทศสมาชิก 34 ชาติ พบว่า ชิลี และอิสราเอล รวมทั้งเม็กซิโก มีอัตราคนยากจนสูงที่สุด
ที่มาเดลินิวส์
