รองอธิบดีกรมสรรพากร เผย คลังเห็นชอบเสนอคืนภาษีพานทองแท้ พินทองทา 1.1 หมื่นล้านบาท คดีโอนหุ้น ชินคอร์ป ผ่านแอมเพิล ริช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (8 ส.ค.) นางจิตรมณี สุวรรณพูล รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า กระทรวงการคลังเห็นชอบตามที่กรมสรรพากรเสนอไม่อุทธรณ์เก็บภาษี นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
คนละ 5,675 ล้านบาท รวม1.1 หมื่นล้านบาท ในคดีโอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ผ่านทางบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสเมนต์นอกตลาดหลักทรัพย์เพื่อเลี่ยงการเสียภาษี
"ศาลภาษีกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2553 ว่าทั้งสองคนไม่ใช่เจ้าของหุ้นตัวจริงเพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชรเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง การที่กรมสรรพากรจะเก็บภาษีหุ้นจากนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทาเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง" นางจิตรมณี กล่าว
นางจิตรมณี กล่าวต่อว่า กรมจึงได้คืนเงินสดประมาณ 200 ล้านบาทและทรัพย์สินที่เป็นที่ดินและหลักทรัพย์อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่เคยอายัดไว้คืนให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับการดำเนินการเก็บภาษีหุ้นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาททางกรมอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดว่าจะเก็บภาษีจากทั้งสองคนได้หรือไม่
ด้าน แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ตั้งข้อสังเกตว่า ปกติการฟ้องร้องทางกรมก็จะดำเนินการอุทธรณ์ทุกเรื่อง เพื่อให้เรื่องถึงที่สิ้นสุด และไม่มีปัญหาว่าเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสียภาษี โดยหากกรมไม่ยื่นอุทธรณ์ จะต้องส่งเรื่องมาให้คลังเห็นชอบก่อนซึ่งในกรณีนี้เห็นว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาไว้ชัดเจน การอุทธรณ์ไม่มีประโยชน์ กรมต้องไปดำเนินเรียกเก็บภาษีจากเจ้าของหุ้นตัวจริง ก่อนที่จะหมดอายุความทำให้รัฐเสียหาย
ทั้งนี้ คดีความดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี2549 เมื่อกรมสรรพากรพบว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา กรรมการของบริษัท แอมเพิลริชอินเวสเมนต์ ได้ซื้อหุ้นของบริษัทชินคอร์ป จาก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการซื้อขายไร้ใบหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่ได้บันทึกเป็นรายได้และนำมาคำนวณเสียภาษีเงินได้ตามกฎหมาย ภายหลังก็มีการโอนหุ้นและขายหุ้นทั้งหมดให้กับกองทุนเทมาเซกของรัฐบาลสิงคโปร์
ที่มา news.sanook.com