ยอมรับยืมเงินจริง แต่ ยอดแค่ 5 ล้าน ชี้โฉนดที่ดิน 20 ล้าน แค่เปรยว่าจะยืมไปค้ำประกันเงินกู้ สุดท้ายไม่ได้ใช้ ยันไม่เคยมั่วหญิงอื่น
วันนี้ ( 10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชั้น 21 อาคารจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ อโศก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ดีเจชื่อดัง”กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์”วัย 31 ปี เดินทางมาพร้อมกับนายสุชาติ จันทโรภาสกร ทนายความ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเพื่อแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีที่กฤษณ์ตกเป็นข่าวว่ายืมเงินจากอดีตแฟนสาว และนักร้องชื่อดัง”มาช่า วัฒนพานิช”หลายล้านบาท รวมทั้งชี้แจงเรื่องที่นักร้องสาวไปตรวจเลือด อ้างว่าระหว่างคบกันฝ่ายชายได้คบหาหญิงอื่นด้วย กฤษณ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากข่าวที่ลงในวันที่ 4 และ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนอยากจะพูด 4 ประเด็นหลักที่เป็นข่าวทั้งนั้น ส่วนประเด็นที่ไม่เป็นข่าว ตนไม่ขอพูดถึง เรื่องแรกเรื่องยืมเงิน 8-9 ล้านบาท 2.เรื่องที่ดินมูลค่า 20 ล้านบาท 3.เรื่องของการมั่วผู้หญิง และ 4.เรื่องที่ตนจะแฉมาช่า ตนขอเริ่มเรื่องแรกได้มีการเขียนว่ามาช่า วัฒนพานิช วัย 40 กะรัตออกมาแฉพฤติกรรมแฟนหนุ่มรุ่นน้องกฤษณ์ ถึงชนวนเหตุที่ต้องเลิกกันว่าเป็นเพราะเรื่องเงินที่ฝ่ายชายยืมไป 8 ล้านบาท แต่ใช้กลับคืนมา 2-3 ล้านบาท โดยเขียนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ตนเลิกกับมาช่า
“เรื่องที่ 2 คือเรื่องเอกสารโฉนดที่ดินมูลค่า 20 ล้านบาทที่ผมขอใช้ดำเนินการอะไรสักอย่าง ซึ่งผมไม่ทราบจริงๆ ว่าปัจจุบันโฉนดอยู่ที่ไหน และเอาไปทำอะไรบ้าง ผมให้ทนายทวงถามไปแล้ว ผมขอพูดถึง 2 เรื่องนี้ก่อน ผมกับมาช่าคบกันมา 6 ปีเต็ม แน่นอนว่าเราก็ต้องมีเรื่องของเงินที่ผ่านมือทั้งของผมและมาช่าแน่นอน ซึ่งคงไม่ใช่เป็นการยืมอย่างเดียว บางทีก็เป็นการฝากกันทำอย่างโน้นอย่างนี้บ้าง ผมคงไม่ลงรายละเอียด เรื่องเงินผมก็ไม่ได้ยืมมาช่าอย่างเดียว มาช่ายืมผมก็มี ยืมผ่านมือกันไปมา เป็นเรื่องปกติของคนที่ใช้ชีวิตคู่ ตลอดระยะเวลา 6 ปีถ้าเราไม่ดีต่อกัน คงไม่คบกันมานาน 6 ปี ถึงตัดสินใจจะแต่งงานกันอย่างที่เป็นข่าว ส่วนความรู้สึกที่ผมมีต่อมาช่ายังรักเขาเสมอ แต่ปัจจุบันเราแยกทางกันด้วยเหตุผลใดก็ตามผมไม่ขออธิบาย เป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ”ดีเจดังย้ำ
จากนั้นกฤษณ์ เปิดเผยถึงเรื่องโฉนดที่ดินมูลค่า 20 ล้านบาท ว่า เมื่อ 3 ปีก่อน ตนเริ่มเปิดบริษัทกับหุ้นส่วน มีอยู่ครั้งหนึ่งคุยกับมาช่าเรื่องขอยืมโฉนดที่ดินของเขาเพื่อจะนำมาเป็นแบ็คอัพ และขอวงเงินโอดี(เงินกู้เกินบัญชี)จากทางธนาคาร ซึ่งตอนนั้นบริษัทเพิ่งจะเปิดทำการ ยังไม่มีเครดิตที่จะขอวงเงินโอดีนี้ได้ เราพูดคุยกัน และมาช่ามีสติดีทุกอย่าง และทราบว่าตนจะเอาโฉนดที่ดินไปขอวงเงินโอดี พอเวลาผ่านไปการดำเนินการยังไม่เกิดขึ้น เป็นแค่การพูดคุย และดูรายละเอียดกันเฉยๆ มาช่าได้คุยกับตนว่าที่ดินตรงนี้เป็นชื่อมาช่า แต่บริษัทเป็นชื่อของตนและหุ้นส่วน ถ้าเกิดว่าเรายังไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าเอาที่ดินตรงนี้มาแบ็คอัพบริษัทตน แล้วต่อไปถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร ตนได้คุยกับมาช่าว่า ถ้าตนเอาที่ดินผืนนี้มาแบ็คอัพบริษัท ตนจะโอนหุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทให้กับคุณมาช่า แต่เป็นแค่การพูดคุย ยังไม่ได้ทำนิติกรรมอะไรทั้งสิ้น พอผ่านไปสักพัก เราเริ่มรู้แล้วว่าคงจะไปด้วยกันไม่ได้ ต้องแยกทางกัน สิ่งที่คุยกันทุกอย่างได้ล้มเลิกไป ไม่มีการทำนิติกรรมใดๆ ทั้งสิ้น โฉนดตัวจริงยังอยู่กับมาช่า และข้อความที่ลงบอกว่ามีการให้ทนายทวงถาม อันนี้ตนยืนยันว่าไม่มีทนายมาทวงถามตนเกี่ยวกับเรื่องนี้
จากนั้นนายสุชาติ ทนายความส่วนตัว ได้กล่าวถึงวิธีการตรวจสอบว่าโฉนดนี้ถูกนำเอาไปทำนิติกรรมใดหรือไม่ ว่า“โฉนดมูลค่า 20 ล้านบาทที่คุณมาช่ามีความกังวลว่าทางคุณกฤษณ์เอาไปดำเนินการอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่ทราบว่าตอนนี้โฉนดอยู่ที่ไหน ทางคุณกฤษณ์ยืนยันว่าต้นฉบับโฉนดไม่ได้อยู่ที่คุณกฤษณ์ ที่นี้ถ้าเกิดว่าคุณมาช่ายังติดใจในส่วนนี้อยู่ว่ามีการไปดำเนินการอะไรยังไง ก็ให้คุณมาช่าไปที่สำนักงานที่ดิน ตรวจสอบสารบบในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ไปตรวจสอบต้นฉบับโฉนดที่ดินด้านหลังจะมีสารบัญอยู่ ถ้ามีการดำเนินการอะไร ด้านหลังจะปรากฏนิติกรรมที่ไปดำเนินการ”
ดีเจ”แฉแต่เช้า”กล่าวต่อไปว่า”เรามาว่ากันต่อถึงเรื่องเงิน ปีที่ผ่านมาบริษัทของตนได้เครดิต และวงเงินจากธนาคารมาพอดี ซึ่งเครดิตและวงเงินอันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับตัวโฉนดฉบับนี้ เป็นเครดิตที่ทางบริษัทสร้างมา และทางธนาคารก็พิจารณามอบให้ พอเราจะตัดสินใจว่าจะแยกทางกัน ได้มีการเคลียร์ทรัพย์สินทั้งหมดระหว่างผมกับมาช่าอย่างชัดเจน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ติดค้างกันอยู่ คือ เงินที่ผมติดค้างมาช่าอยู่ 5 ล้านบาท ไม่ใช่ 6 ล้าน 7 ล้าน 8 ล้านอย่างที่เป็นข่าวเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา มาช่าได้ให้ผมเซ็นสัญญาหนังสือรับสภาพหนี้ 1 ฉบับ ซึ่งหนังสือสัญญาฉบับนี้ได้ระบุตัวเลขชัดเจนว่าผมติดเงินมาช่าหลังเคลียร์เรื่องทรัพย์สินกันเรียบร้อยเป็นจำนวน 5 ล้านบาทถ้วน มีลายเซ็นของผมและมาช่าอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ผมจะให้ทนายของผมติดต่อกับทนายของมาช่า เพื่อจะได้ทำหนังสือสัญญาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการคืนเงิน ระบุวันที่ และจำนวนเงินให้ชัดเจน
กฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า “ส่วนเรื่องที่ 3 คือการมั่วผู้หญิง ซึ่งมีการเขียนข่าวว่า “ยิ่งตอนนี้รู้ว่าเขามั่วผู้หญิง ตนรู้สึกเป็นกังวลมาก จนต้องไปให้แพทย์เจาะเลือดตรวจ ระหว่างรอผลตรวจเลือดใจคอไม่ค่อยดี แต่พอรู้ว่าไม่เป็นอะไรจึงโล่งอก” เรื่องนี้ผมขอพูดว่าตลอดระยะเวลา 6 ปีที่คบมาช่าผมไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงหรือทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ทราบว่ามาช่าได้รับข่าวสารข้อมูลมาจากไหน แต่ผมกำลังจะบอกว่าข่าวสารข้อมูลนั้นไม่เป็นความจริง พอมันไม่เป็นความจริง แล้วมีการมาลงในสื่อสาธารณะ ตัวผมก็เสียหาย มันลุกลามใหญ่โตจนเป็นเรื่องของการตรวจเลือดอะไรก็แล้วแต่ ผมขอปฏิเสธ ส่วนตัวผมภาพลักษณ์อาจจะเจ้าชู้ อย่างในรายการ“แฉแต่เช้า” อาจมีการแซวกันในรายการ อยากจะให้สื่อและประชาชนเข้าใจว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในรายการ แซวเพื่อความสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มาช่าไปตรวจเลือด แต่ผมไม่ได้ตรวจ เพราะมั่นใจว่าไม่ได้เป็นแน่ๆ และก็ไม่ได้มั่วผู้หญิง”
ดีเจชื่อดังกล่าวต่อไปอีกว่า”เรื่องที่ 4 คือเรื่องที่บอกว่าผมจะออกมาแฉมาช่า ขอยืนยันว่าส่วนตัวไม่มีนิสัยจะออกมากล่าวหา หรือแฉคนที่ผมรัก ผมจะไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน ฉะนั้นนับตั้งแต่นี้ ถ้ามีสื่อสิ่งพิมพ์และวิทยุมาแอบอ้างว่าผมได้มีการพูดนั่นนี่ และไม่มีหลักฐานชัดเจน ตรงนี้ผมจะต้องปกป้องสิทธิ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด สิ่งแรกที่จะทำคือจะให้ทนายติดต่อทนายของมาช่าให้เร็วที่สุดเพื่อคืนเงินก้อนนี้ อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ไปถ้ามีการลงข้อความ หรือภาพที่ทำให้ผมและบริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง คงต้องให้ทางระบบกฎหมายดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนอีกเรื่องคือหลังจากนี้ 7 วัน ผมอยากให้มาช่าออกมาชี้แจงประเด็น 3 เรื่องนี้ คือ 1.เรื่องเงิน 5 ล้าน 2.โฉนด 20 ล้านบาท และ 3.เรื่องการมั่วผู้หญิง เนื่องจาก 3 เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ทำให้ผมเสียหาย อยากให้มาช่าออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร อันนี้เป็นการเรียกร้องเฉยๆ ผมยังไม่ได้คิดว่าถ้าคุณมาช่าไม่ชี้แจงจะออกมาดำเนินการอะไรต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ผมคงไม่ชี้แจงหรือให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว มีอะไรถามทนายของผมได้เลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนมาแถลงข่าวครั้งนี้ได้พูดคุยกับมาช่าหรือไม่ กฤษณ์ กล่าวว่าได้พูดคุยกัน แต่รอให้มาช่าออกมาพูดเองจะดีกว่า เมื่อถามว่ามีการยืมเงินกันเป็นล้านๆ บ่อยหรือไม่ ดีเจหนุ่มกล่าวว่า “ผมขอไม่บอกรายละเอียดแล้วกัน เอาปัจจุบันดีกว่า”ต่อข้อถามที่ว่า การออกมาแถลงข่าวแบบนี้เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าจากกันไม่ดีหรือไม่ กฤษณ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้จากกับมาช่าไม่ดี เรายังคุยกันอยู่ เพียงแต่ว่าเรื่องรายละเอียดลึก ๆ รอมาช่าออกมาพูดดีกว่าว่ามันคืออะไร” ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า โฉนดไม่ได้เอาไปทำนิติกรรมใดๆ แต่มีการถือครองบ้างหรือไม่ ดีเจชื่อดังกล่าวว่า“ไม่มี การถือครองหมายความว่าโฉนดฉบับนั้นต้องมีการโอนมาสู่ผม ถ้าถือเฉยๆ แล้ววางไม่ใช่ถือครอง ส่วนเรื่องที่บอกว่าการที่นำทนายออกมาชี้แจงแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงหรือไม่ จริง ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคน 2 คนคุยกันแล้วน่าจะจบ แต่พอเป็นประเด็นเรื่องทรัพย์สิน เราให้ทนายความทำให้ถูกต้องดีกว่า นี่เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของผมที่มีต่อมาช่า”
กฤษณ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องผลกระทบกับงานตนว่าคงจะไม่เกี่ยวข้อง ตนขอบอกว่าปัจจุบันนี้บริษัทเอเยนซี่ของตนมีเงินหมุนเวียนร้อยกว่าล้านบาท ฉะนั้นจำนวนเงินที่เป็นข่าวคงจะไม่มีผลกระทบอะไรต่อบริษัท ส่วนเรื่องการจัดรายการในเอไทม์ มีเดียในเครือแกรมมี่นั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร ตนได้ปรึกษาผู้ใหญ่แล้ว ที่มีข่าวออกมาว่าตนจะถอนตัว ก็ไม่จริงแน่นอน สำหรับปัญหาเรื่องเงินนั้นจะมีการฟ้องร้องกันหรือไม่ ตนก็ไม่คิดถึงการฟ้องร้อง แต่อนาคตเราก็ไม่ทราบเหมือนกัน ต่อข้อถามที่ว่า เงินหมุนเวียนในบริษัทก็เยอะ เงินแค่ 5 ล้านถ้าคืนมาช่าไปเรื่องก็น่าจะจบ กฤษณ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า “ก็นั่นนะสิครับ
ที่มา เดลินิวส์