วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นิสสันหวั่น “มาร์ช” เสียเปรียบอี 85-ไฮบริด ขอลดภาษี 3%

นิสสันหวั่น “มาร์ช” เสียเปรียบอี 85-ไฮบริด ขอลดภาษี 3% ข่าวในประเทศ - “นิสสัน” ยื่นขอลดภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ลงอีก 3% อ้างหวั่นได้รับผลกระทบจากรถยนต์ใช้น้ำมัน อี 85 และรถไฮบริด ทั้งที่ลงทุนขั้นต่ำมากถึงกว่า 5 พันล้านบาท เผยเล็งคุยกับผู้ประกอบรายอื่นๆ หาข้อสรุปให้รัฐบาลพิจารณาอย่างจริงจัง ขณะที่ “นิสสัน มาร์ช” ยอดจองทะลัก ค้างส่งมอบกว่า 1.1 หมื่นคัน ลูกค้ารอนาน 5 เดือน แต่กำลังการผลิตเพิ่มไม่ได้มากกว่านี้ ส่วนจะลงทุนเพิ่มหรือไม่ต้องรอญี่ปุ่นเคาะ

ประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังการแนะนำนิสสัน มาร์ช ซึ่งเป็นรถยนต์ภายใต้โครงการอีโคคาร์สู่ตลาดเป็นรายแรก และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี แต่นิสสันหวั่นว่าอีโคคาร์จะได้รับผลกระทบในอนาคต เมื่อคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติสนับสนุนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใช้น้ำมันอี 85 ลดลงจากอัตราเดิม 3% และต่อไปก็จะมีรถยนต์ไฮบริดออกมาอีก โดยเสียภาษีในอัตรา 10% เท่านั้น

“เรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบต่ออีโคคาร์ที่เสียภาษีสรรพสามิต 17% นิสสันจึงได้ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลลดภาษีลงอีก 3% เพื่อทำให้มีช่องว่างทางภาษีที่เหมาะสม ไม่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันจนเกินไป และอีโคคาร์ก็เป็นโครงการที่ลงทุนจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท แต่เกิดเหตุการณ์จลาจลของกลุ่มคนเสื้อแดง รัฐบาลจึงยังไม่ได้มีการพิจารณา แต่เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว น่าจะนำเรื่องนี้มาพิจารณาอย่างจริงจังมากขึ้น”

ในส่วนของผู้ประกอบการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ ทราบว่าต่างยื่นข้อเสนอดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งในเร็วๆ นี้คงจะมีการพูดคุยรวบรวมความคิดเห็นระหว่างผู้ประกอบการ เกี่ยวกับการขอลดภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ลงอีก เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การพิจารณาของรัฐบาลชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายประพัฒน์กล่าวว่า ส่วนการที่ผู้บริโภคชาวไทยให้การตอบรับ นิสสัน มาร์ช เป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันมียอดจองมากกว่า 15,000 คัน และมียอดค้างส่งมอบกว่า 11,000 คัน หรือลูกค้าที่จองซื้อมาร์ชช่วงนี้ จะต้องรอรถนานประมาณ 5 เดือนนั้น เป็นเรื่องที่นิสสันพยายามหาช่องทางแก้ไขอยู่ แต่คงลำบากที่จะเร่งผลิตให้ได้มากกว่านี้ เพราะกำลังการผลิตใช้เกือบเต็มที่แล้ว

“ส่วนการลงทุนขยายไลน์ผลิต หรือเปิดโรงงานแห่งใหม่ ยังไม่ได้มีการสรุปในเรื่องนี้ เพียงแต่เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการพูดคุยกันภายใน ยังไม่ได้มีการนำเสนอไปทางบริษัทแม่ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณากันอย่างละเอียด ขณะนี้จึงทำได้เพียงเพิ่มกะ หรือโอทีในการทำงานเท่านั้น”

โดยปีนี้กำลังการผลิตนิสสัน มาร์ช อยู่ที่ 90,000 คัน แบ่งเป็นส่งออก 70,000 คัน และรองรับตลาดในประเทศ 20,000 คัน ส่วนปิกอัพนิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 70,000 คัน ส่งออกประมาณ 60,000 คัน (ฟรอนเทียร์ นาวารา และฟรอนเทียร์) ที่เหลือเป็นรถยนต์นั่งรุ่นอื่นๆ

นายประพัฒน์กล่าวว่า แม้นิสสัน มาร์ช จะมียอดจองค้างส่งมอบหลายเดือน แต่การรุกตลาดและสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ยังคงมีต่อเนื่อง ด้วยการจัดกิจกรรม “ช็อตเด็ดกับมาร์ช ได้ชิดกับเคน” เพื่อประกวดภาพถ่ายรถยนต์มาร์ช กับแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตอกย้ำภาพรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเปิดให้บุคคลทั่วไปส่งภาพถ่ายที่มีรถยนต์มาร์ชเป็นองค์ประกอบบังคับในการส่งภาพเข้าประกวด ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะสื่อถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้น เปิดอิสระให้กับผู้ประกวดในนำเสนอ

สำหรับผู้ชนะการประกวดจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท รองชนะเลิศ 30,000 บาท และ 15,000 บาทตามลำดับ และผู้เข้ารอบสุดท้าย 17 ท่าน จะได้เข้าร่วมกิจกรรมขับรถยนต์นิสสัน มาร์ช กับพรีเซ็นเตอร์ชื่อดัง “เคน” ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ในแบบซิตี้ทัวร์ชมสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่ 9 มิถุนายน จนถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2553 ประกาศผลตัดสินวันที่ 25 สิงหาคม 2553

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์