วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กู้ชีวิต 33 คนงานเหมืองชิลีสำเร็จ

โลกแซ่ซ้องกู้ชีวิต 33 คนงานติดเหมืองชิลีสำเร็จ เผยใช้เวลา22ชั่วโมงเศษ หลังติดค้างอยู่ใต้ดินลึก 625 เมตรมาราธอน 69 วัน


วันนี้ (14 ต.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเหมืองทองคำและทองแดงซานโฮเซ่ ในทะเลทรายอาทาคามาของเมืองโกปิอาโป ทางเหนือของชิลี ว่า ในที่สุดเจ้าหน้าที่สามารถช่วยคนงานเหมืองทั้ง 33 รายขึ้นมาจากใต้ดินได้สำเร็จเมื่อเวลา 07.55น. ตามเวลาประเทศไทย เมื่อ นายลูอิส อูร์ซัว วัย 54 ปี โผล่พ้นผิวพื้นดินท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้องโดยใช้เวลาทั้งหมด22ชั่วโมงเศษซึ่งเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากใช้ชีวิตอยู่รอดในพื้นที่แคบและมืดมานานเกือบ 10 สัปดาห์ได้ราวปาฏิหาริย์ ท่ามกลางการเอาใจช่วยของผู้คนทั่วโลกที่เฝ้าติดตามการถ่ายทอดสดจากสื่อต่าง ๆ

โดยคนงานเหมืองรายแรกจากทั้งหมด 33 คนที่ติดค้างอยู่ใต้ดินในระดับความลึก 625 เมตร (2,050 ฟุต) มานานถึง 69 วัน จากดินถล่มปิดทางเข้าออก ได้รับการช่วยเหลือขึ้นสู่พื้นผิวเป็นผลสำเร็จในปฏิบัติการกู้ภัยครั้งประวัติศาสตร์เมื่อ 10.11 น.ของเช้าวันพุธตามเวลาในไทย ด้วยความดีใจของชาวชิลีทั่วประเทศ และการเกาะติดรายงานข่าวนี้ของกองทัพนักข่าวราว 1,000 คน มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ข่าวทั่วโลก เช่น ซีเอ็นเอ็น และบีบีซี ตลอดจนสถานีภาคภาษาอังกฤษของอัลจาซีรา ไปยังหลายประเทศเช่น นครนิวยอร์กของสหรัฐ เมืองซิดนีย์ในออสเตรเลีย กรุงลอนดอนของอังกฤษ และกรุงโตเกียวในญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน ผู้คนทั่วเอเชียไม่ว่าจะเป็นประชาชนในสิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไทยหรือเวียดนาม ต่างร่วมยินดีและตื่นเต้นไปกับข่าวคนงานเหมืองรายแรกได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาได้แล้ว

ประธานาธิบดีปิเนร่า ซึ่งสั่งปรับปรุงกฎระเบียบความปลอดภัยของเหมืองในชิลีขนานใหญ่ กล่าวว่า ปฏิบัติการกู้ภัยครั้งนี้ ไม่มีประวัติศาสตร์ครั้งใดของมนุษยชาติที่นำมาเปรียบเทียบได้ และผู้คนทั่วประเทศ ก็ได้เรียนรู้คุณค่าแห่งความศรัทธาและความหวังจากกลุ่มคนงานเหมืองเหล่านี้ สำหรับปฏิบัติการกู้ภัยคนงานเหมืองชิลียังดำเนินต่อไป คาดว่า จะต้องใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมงหรือ 2 วันในการนำคนงานเหมืองรายสุดท้ายขึ้นมา เพราะการนำคนงานเหมืองขึ้นมาทีละคนนั้น ต้องใช้เวลาประมาณ 15 -20 นาที เนื่องจากแคปซูลสามารถเดินทางได้ประมาณ 1 เมตรต่อวินาที หรือสามารถเร่งความเร็วได้เป็น 3 เมตรต่อวินาที หากคนงานเหมืองที่อยู่ในแคปซูลประสบปัญหา

อย่างไรก็ตาม คนงานเหมืองยังสามารถติดต่อสื่อสารกับทีมกู้ภัยด้วยการใช้อินเตอร์คอมในแคปซูล แต่หลังจากขึ้นมาสู่พื้นผิวแล้ว พวกเขาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลอีก 2 วัน สำหรับการช่วยเหลือคนงานเหมืองแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีร่างกายแข็งแรงที่สุด ตามมาด้วยคนที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง หรือโรคปอด ส่วนสุดท้าย คือผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงอีกกลุ่ม นอกจากนี้ มีคำเตือนจากจิตแพทย์ที่บอกว่า คนงานเหมืองที่ติดอยู่ใต้ดินมานานกว่า 2 เดือน จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป และอาจประสบปัญหาในการกลับคืนสู่ชีวิตปกติ

ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ออกแถลงการณ์ที่กรุงวอชิงตันว่า เขาติดตามสถานการณ์ของคนงานเหมือง 33 รายในชิลีอย่างใกล้ชิด และตามความคิดของเขาเชื่อว่า มีการสวดมนต์ให้แก่คนงานเหมือง และครอบครัวของพวกเขา รวมถึงทีมกู้ภัยที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อช่วยเหลือคนงานเหมืองเหล่านี้ขึ้นมาอย่างปลอดภัย ขณะที่ สถานทูตชิลีในสหรัฐ มีการติดตั้งวิดีโอถ่ายทอดสดปฏิบัติการกู้ภัย แม้กระทั่งประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ ผู้นำเวเนซุเอล่า ยังใช้บล็อกของตนเองในอินเทอร์เน็ต ส่งความปรารถนาดีไปยังทีมกู้ภัยและคนงานเหมือง

นอกจากนี้ ยังเกิดความชุลมุนวุ่นวายและเบียดเสียดของกลุ่มนักข่าวที่พยายามเข้าไปสัมภาษณ์พ่อของนายอวาลอส ถึงความรู้สึกที่ลูกชายขึ้นจากใต้ดินเป็นคนแรก ทว่าเหตุการณ์กลับเลวร้ายเมื่อนักข่าวต่างแย่งกันที่จะเป็นคนแรกที่ได้สัมภาษณ์เครือญาติของคนงานเหมือง โดยมีการจิกทึ้งดึงผม และชกต่อยกันเพื่อแย่งกันทำข่าว ทำให้นางมาเรีย แม่ของนายอวาลอส ไม่พอใจมาก จึงคว้าธงชาติชิลีที่อยู่ใกล้ตัวเธอไล่ฟาดนักข่าวเหล่านั้นออกไป

แต่ฝูงนักข่าวยังทำลายข้าวของกันต่อ จนในที่สุดเต็นที่พักของพวกเขาก็พังลงมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ที่มองเห็นเหตุการณ์ไม่ได้เข้าห้ามปราม สุดท้ายม็อบสื่อก็ได้สลายตัวไป เหตุการณ์ครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันของสื่อที่มีต่อคนงานเหมือง 33 คน ซึ่งกลายเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ และเป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วโลก

ในส่วนของประเทศไทย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับช่วยเหลือคนงานเหมืองครั้งนี้ด้วย โดยผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุบลราชธานีรายงานว่า ได้เดินทางไปพบกับนายวีรโชติ นาสารีย์ นายก อบต.ท่าไห อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพ่อของนายวชิระพงษ์ นาสารีย์ ช่างเทคนิคชาวไทยทีมช่วยเหลือ ซึ่งนายวีรโชติ กล่าวว่ารู้สึกยินดีและปลื้มใจที่ลูกชายได้เดินทางไปเหมือนเป็นตัวแทนประเทศไทยไปในทีมช่วยเหลือคนงานเหมือง ทองและทองแดง ที่ประเทศชิลีในครั้งนี้ และตนเองได้ให้กำลังใจแก่ลูกชาย และฝากถึงลูกชายให้ทำหน้าที่ดีที่สุดตามที่ได้รับมอบหมาย

นายวีรโชติ กล่าวว่านายวชิระพงษ์ เป็นลูกชายคนโต ในจำนวน 3 คนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิชาเอกฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัดอุบลราชธานี และไปสมัครทำงาน และศึกษาต่อเพิ่มเติมความรู้ด้านช่างควบคู่กับการทำงาน ในส่วนอุปนิสัยเป็นคนไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ก่อนเดินทางไปที่ชิลินายวชิระพงษ์ ได้โทรศัพท์แจ้งให้ตนเองทราบ ซึ่งได้ให้กำลังใจก่อนเดินทาง ซึ่งการช่วยเหลือสามารถดำเนินการประสบผลสำเร็จตนเองในฐานะผู้เป็นพ่อมีความดีใจและภูมิใจในตัวลูกชาย ที่ได้ร่วมทีมปฏิบัติการช่วยเหลือเสมือนเป็นตัวแทนนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทย

ทางด้านนางกนกนาถ เกษมพันธ์ เพื่อนบ้านท่าไห อ.เขื่องใน กล่าวว่า ชาวท่าไห อ.เขื่องใน มีความภูมิใจที่นายวชิระพงษ์ ลูกบ้านท่าไหได้ใช้ความรู้ความสามารถ จนได้รับการพิจารณาคัดเลือกร่วมทีมในการช่วยเหลือชาวชิลีที่เดือดร้อน ถือเป็นตัวแทนของประเทศไทยในทีมกู้ภัยนี้ซึ่งชาวท่าไห ทุกคนทราบข่าวต่างภาคภูมิใจ.

ที่มา dailynews