"มาร์ค"ตะลึงแม่ค้าหมูปิ้งบุกเกาะโพเดียมร้องป่วย ทีมรปภ.นายกฯถูกเรียกถกด่วนหลังพลาดประชิดตัวถูกตำหนิหนัก
วันนี้ 21 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์แม่ค้าขายหมูปิ้งย่านคลองเตย ซึ่งพิการหูหนวกเนื่องจากพยาธิตัวจี๊ดขึ้นสมอง ได้บุกขึ้นเวทีร้องขอความเป็นธรรมต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่กำลังมอบนโยบายแก้ปัญหาเด็กและเยาวชน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นความผิดพลาดของการดูแลความปลอดภัยที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ถือเป็นอันตรายต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น พร้อมกล่าวขออภัยในสิ่งที่เกิด
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล และปฏิบัติภารกิจในห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทีมรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีถูกเรียกประชุมด่วน กรณีความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีข้อมูลว่าถูกตำหนิจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่มีประเมินสถานการณ์ผิดพลาด โดยอ้างว่า ผู้หญิงที่เข้าร้องเรียนแต่งกายคล้ายทีมรับจัดงาน จึงไม่ผิดสังเกต และทำให้เกิดความบกพร่องในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบนโยบายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหา เด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งจัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีนายอิสสระ สมชัย รมว.พม. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประมาณ 1,000 คนร่วมงาน โดยระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นไปยืนที่โพเดี้ยมบนเวทีขนาดใหญ่นั้น ปรากฎว่า ได้มีสุภาพสตรีรายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังว่านางเกศรินทร์ วุฒิวงศ์ อายุ 46 ปี ชาวคลองเตย กทม. อาชีพค้าขายหมูปิ้ง ได้บุกเดี่ยวขึ้นไปประชิดตัวนายอภิสิทธิ์ พร้อมแผ่นป้ายรายละเอียดข้อความร้องเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษชนิดประชิดโพเดี้ยม โดยได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือและขอให้นายอภิสิทธิ์ อ่านข้อความบนแผ่นป้ายร้องเรียนดังกล่าว
ในช่วงนาทีดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างตกตะลึง และคาดไม่ถึง โดยครั้งแรกหลายคนเข้าใจว่า เป็นการแสดงประกอบการจัดงาน แต่เมื่อนางเกศรินทร์ ตะโกนส่งเสียงดัง นายอภิสิทธิ์ ถึงกับพูดผ่านไมโครโฟนด้วยน้ำเสียงตกใจ ว่า “เดี๋ยวรับเรื่องไว้ครับ เดี๋ยวจะดูให้น่ะครับ” แต่เนื่องจากนางเกศรินทร์ ไม่ได้ยินคำพูดของนายอภิสิทธิ์ จึงได้พยายามชี้ให้อ่านที่แผ่นป้ายข้อความร้องเรียน เวลาผ่านไปประมาณเกือบ 2 นาที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา และเจ้าหน้าบริษัทรับจัดงาน (อีเว้นท์) ประมาณ 5 คน ได้สติ จึงกรูขึ้นไปบนเวทีและพยายามฉุดกระชากลากตัวนางเกศรินทร์ ลงมาจากเวที ซึ่งระหว่างนั้นนางเกศรินทร์ ก็พยายามตะโกนร้องขอให้นายอภิสิทธิ์ ช่วยเหลือ พร้อมดิ้นรนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยบอกว่าไม่ได้ต้องการมาทำร้ายหรือทำให้ใครเดือดร้อน แต่มาร้องขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี
หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ หายตกตะลึงก็พยายามพูดผ่านไมโครโฟนอีกครั้งเพื่อให้ นางเกศรินทร์ สงบว่าจะรับเรื่องร้องเรียนไปดูแลและแก้ไขให้ ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้พาตัวนางเกศรินทร์ ลงจากเวทีอย่างทุลักทุเลและออกประตูด้านหลังของอาคารเพื่อไปสงบสติอารมณ์ โดยครั้งแรกเจ้าหน้าของ พม.พยายามกันผู้สื่อข่าวไม่ให้ไปทำข่าวนางเกศรินทร์ โดยขอว่าให้ช่วยไปฟังการพูดของนายอภิสิทธิ์แทน
อย่าง ไรก็ตาม สำหรับนางเกศรินทร์ นั้นได้พยายามอธิบายและชี้แจงว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคพยาธิตัวจี๊ดขึ้นสมองมาตั้งแต่ปี 2551 โดยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แต่อาการไม่ดีขึ้นเนื่องจากพิษของโรคจนกลายเป็นคนพิการหูไม่ได้ยิน ซึ่งวิธีรักษามีอยู่ทางเดียวคือต้องใส่ประสาทหูเทียม แต่เนื่องจากเป็นเพียงแม่ค้าไม่มีเงิน ทางโรงพยาบาลจึงไม่ยอมรักษาให้ โดยให้เหตุผลว่าการรักษาต้องใช้เงินจำนวนมาก ตนจึงได้พยายามไปร้องขอที่สภาสังคมสงเคราะห์แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
“ดิฉันได้เขียนจดหมายมาถึงนายกรัฐมนตรี โดยเขียนส่งไปที่บ้านพัก 1 ฉบับ เขียนส่งมาที่ทำเนียบรัฐบาล 8 ฉบับ แต่ก็ไม่มีการตอบรับหรือความช่วยเหลืออย่างใด การมาในวันนี้ก็ไม่ต้องการมาสร้างความเดือดร้อนสร้างความวุ่นวาย ทำร้ายหรือขอเงิน แต่ต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมเท่านั้น ซึ่งก็ต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ด้วยที่บุกขึ้นไปบนเวทีเพราะต้องการให้นายก รัฐมนตรีช่วยเหลือเพราะเดือดร้อนจริงๆ ” นางเกศรินทร์ กล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ของ พม.ได้จดรายละเอียดความเดือดร้อนของนางเกศรินทร์ เพื่อเสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีวันนี้มี พ.ต.ท.นีรนาท ฉินประสิทธิชัย เป็นหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ชุดล่วงหน้าเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยประชิดตัวทั้งตำรวจและทหาร แต่ในช่วงเกิดเหตุการณ์ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเข้าไปป้องกันได้ทัน หากเป็นการลอบทำร้ายนายกรัฐมนตรีก็คงสำเร็จ
ทั้ง นี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับถึงทำเนียบรัฐบาล และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทางทีมรักษาความปลอดภัยได้เรียกหัวหน้าชุดของแต่ละส่วนรักษาความปลอดภัยนายก รัฐมนตรี ประชุมด่วนที่ห้องสีม่วง หลังจากเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้.
ที่มา เดลินิวส์