จากที่ ’ตึงเครียด“ อยู่แล้ว อันเนื่องจากข้อพิพาทเขตแดน เขตพื้นที่ทับซ้อนบริเวณ เขาพระวิหาร พอเกิดเหตุการณ์ทหารกัมพูชาจับ 7 คนไทย นำโดย วีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ กับ พนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ไปขังคุก ความตึง เครียดระหว่าง ไทย-กัมพูชา ก็ยิ่งเขม็งเกลียว ซึ่งแม้คนไทยกลุ่มนี้จะได้ประกันตัวแล้วเป็นส่วนใหญ่ แต่อีก 2 ราย คือ วีระ และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ล่าสุดทางศาลกัมพูชาได้ตัดสินจำคุก 8 ปี และ 6 ปี รวมทั้งปรับเงินอีก 1.8 ล้านเรียล และ 1.2 ล้านเรียล ตามลำดับ ขณะที่กระแสกดดันให้รัฐบาลไทยเล่นบทเข้มกับกัมพูชาก็เชี่ยวกรากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่เท่านั้น ระหว่างทางการไทยกับทางการกัมพูชา ต่างก็มีการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการระบุผ่านสื่อมวลชน การที่ทหารกัมพูชาชักธงชาติกัมพูชาตรงประตูทางเข้าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ เขตพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารแล้วทหารไทยตอบโต้ด้วยการชักธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาใกล้กับสถูปคู่ติดกับฐานตรวจการณ์ผามออีแดง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และโดยเฉพาะการเตรียมกำลังทหารของทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทย
ประเทศเพื่อนบ้าน ไทย-กัมพูชา มีแต่ความตึงเครียดตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา นโยบายทำ สนามรบเป็นตลาด ที่เคยนำความรุ่งเรือง และความร่วมมือของเพื่อนบ้านกลับคืนมา กำลังถูกสั่นสะเทือนเพราะนโยบายต่างประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดนี้? คนไทยเคยมีสุภาษิตว่า ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว นับว่ายังใช้ได้เสมอหนังสือของ เอก อนันต์ ชื่อ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย การทูตไทยในเวทีสากล มุมมองผ่านผู้สมัครเลขายูเอ็น และอดีต รมว. คลังและการต่างประเทศ (รมต.บัวแก้วที่เก่งสุดคนหนึ่งเท่าที่ไทยเคยมีมา...ข่าวสกู๊ปเดลินิวส์) ช่างมาได้ทันเวลาจริง ๆ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง การทูตชั้นครู การทูตขั้นเทพ ที่คนทำหน้าที่ขณะนี้ สมควรจะหามาอ่านประดับสติปัญญาอย่างมาก
เช่น ในบทที่ 4 สัมพันธ์ข้ามมิติ สุรเกียรติ์–ฮุนเซน สืบเนื่องแต่คืนวันหฤโหด เมื่อ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ วางระเบิด ตอนหนึ่งในหน้า 57.... มีอยู่วันหนึ่ง สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศเชิญท่านนายกฯชาติชายไปพูดที่โรงแรมโอเรียนเต็ล พูดเสร็จ นักข่าวถาม “น้าชาติ” ว่า ท่านคิดจะแก้ปัญหากัมพูชาให้เกิดสันติภาพอย่างไร ท่าน
บอก ไอ อินไวท์ ฮุนเซน อินไทยแลนด์ ทู แบงคอก (แปลว่า ผมจะเชิญท่านฮุนเซนมากรุงเทพฯ) ...วงแตกสิ
ข่าวใหญ่ระดับโลก นักข่าวตกอกตกใจเพราะ 15 ปีแล้วที่ไทยไม่เคยคุยกับ “ฮุนเซน” เลย คงจำได้ เราได้รับรองเขมร 3 ฝ่าย มีเขมรแดง เขมรเสรี และก็กลุ่มของเจ้าสีหนุ ส่วนเขมรฝ่ายที่ 4 คือ ฮุนเซน เราไม่รับรอง ตอนนั้นเราถือนโยบายว่าฮุนเซนมาจากรัฐบาลเฮงสัมริน ซึ่งเวียดนามเข้ามาบุกรุก เราจึงไม่ยอมรับรอง กระทรวงการต่างประเทศ สมัยนั้นยึดจุดยืนนี้มาตลอด จีนเองก็สนับสนุนเขมร 3 ฝ่าย อเมริกาก็สนับสนุนเขมร 3 ฝ่าย ทุกคนต่างไม่รับรองฝ่ายของฮุนเซนมาตลอด แล้วเราจะไปรับรองและอยู่ดี ๆ จะเชิญเขามาไทยอีกต่างหาก!?!
น้าชาติพูดเสร็จก็ขึ้นรถกลับบ้าน ทำเอาทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกขนหัวลุก คาดไม่ถึง ประโยคนั้นจะหลุดออกจากปากนายกฯไทย ทุกคนประเมินว่า ไม่มีทางเป็นอื่น นอกจาก น้าชาติเผลอหลุดปากแหง ๆ สรุปง่าย ๆ งานนี้พลาดไปแล้ว ทีมบ้านพิษฯรุดไปพบน้าชาติที่บ้าน แล้วน้าชาติก็เดินยิ้มแย้มแจ่มใสเอามือลูบหน้านั่งรออยู่ พวกเรามีอะไรกันหรือ... พวกเรากังวลมาก... เออ... “ผมตั้งใจพูดเองแหละ” ทีมบ้านพิษฯแทบหงายหลังตกเก้าอี้... “เมื่อกระทรวงการต่างประเทศไปเชิญเขามาไม่ได้ เพราะไม่รับรองรัฐบาลเขา ก็ใช้ทางทหารแล้วกัน ทหารเราก็ติดต่อเขาอยู่ เชิญเขามาเมืองไทย บอกเขาผมอยากคุยด้วย คุณไปหาวิธีการมา ทำอย่างไรก็ได้”
’เราต้องการสันติภาพในกัมพูชาหรือเปล่า“ น้าชาติถาม
“ถ้าอย่างนั้น สมมุติคุณมีลูก 4 คนทะเลาะกันอยู่ ลูกคนที่ 4 เป็นลูกที่มีพลังมากที่สุด เป็นลูกที่ปกครองบ้านนี้อยู่ แต่ 3 คนไม่ได้ปกครองบ้าน คนในบ้านเป็นคนของลูกคนที่ 4 หมด คุยกับ 3 คนมา 10 กว่าปีแล้ว คุณไม่คุยกับคนที่ 4 มันจะเกิดสันติภาพได้อย่างไร มันจะเลิกทะเลาะกันได้อย่างไร คุณต้องคุยกับทุกฝ่าย ผมอยากคุยกับเขา.... ”
’ลองทำวิธีผมดูบ้าง“ น้าชาติตัดบท... “ผมจะเชิญท่านนายกฯฮุนเซนมากรุงเทพฯ” หลังจากนั้น ก็คือ กุศโลบายที่ ดร.สุรเกียรติ์และทีมบ้านพิษฯต้องดำเนินการทุกวิถีทางให้ “ฮุนเซน” เดินทางเข้ากรุงเทพฯให้ได้ โดยมีเงื่อนไข ไม่ผิดธรรมเนียมทางการทูต มีการกำหนดสคริปต์ให้ “ฮุนเซน” ไปเวียงจันทน์ก่อนแวะเข้าไทยในเวลาต่อมา กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก
ไทยได้หน้าได้ตาในฐานะพี่ใหญ่ที่นำสันติภาพกลับคืนสู่ภูมิภาคนี้ เป็นจุดเริ่มต้นสันติภาพไทย-กัมพูชา ยุคใหม่ เป็นจุดเริ่มต้นนโยบายแปรสนามรบเป็นตลาด ประชาชน 2 ฝั่งทำมาค้าขายกันอย่างพี่น้อง พื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหาร ก็จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ร่วมกัน ผลประโยชน์ทางทะเลก็มาเจรจากันต่อไป ...วิน-วิน ทั้ง
2 ฝ่าย
’การทูตชั้นครู“ เขาทำกันอย่างนี้
’ไม่ทำสงคราม“ เพราะมันไม่มีใครได้หรอก
มีแต่พังพินาศกันทุกฝ่าย ใช่ไม่ใช่...ลองตรองดู.
ที่มา สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์