วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

เสริมหล่อสไตล์มิตซู ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส

เสริมหล่อสไตล์มิตซู ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส เมื่อไม่นานมานี้ค่ายมิตซูบิชิได้จับเจ้าไทรทัน พลัส มาเสริมหล่อกันอีกครั้ง โดยให้ชื่อว่า ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส พร้อมกับนำสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะความแข็งแกร่งกับ การเดินทางครั้งนี้นอกจากจะได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถในรุ่นใหม่แล้ว ยังได้ร่วมกันทำบุญด้วยการบริจาคสิ่งของ-ข้าวสารและอุปกรณ์การเรียนให้กับโรงเรียน ตชด. วิจิตรวิทยาคาร ต. ปิล๊อก อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี โดยมีกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมิตูซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ ร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย

ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส โฉมใหม่นี้ มีการปรับกระจังหน้าและกันชนให้ดูสปอร์ตและบึกบึนมากขึ้น พร้อมกับการเพิ่มไฟเลี้ยวด้านข้างเลนส์ใส ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ และ ล้ออัลลอยล์ขนาด 16 นิ้ว ซึ่งหากมองกันผ่านๆก็จะดูไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆสักเท่าไรนัก แต่เมื่อมาดูด้านหลังก็จะพบกับสิ่งใหม่ๆของรถรุ่นนี้กัน นั่นก็คือ ราวกระบะด้านบน “bed side rails”และ ชุดปูท้ายกระบะ “ bed liner”

ด้านเครื่องยนต์ยังคงเป็น 2.5 DI-D ไฮเปอร์ คอมมอนเรล DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จแบบใบพัดคู่ ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 321 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่วนใครที่กังวลเรื่องการเปลืองน้ำมัน รถรุ่นนี้สามารถที่จะใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี5ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดเงินในกระเป๋า

สำรวจตรวจสอบกันพอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางไปยังจุดหมายปลาย โดยภายในห้องโดยสารเมื่อเข้ามานั่ง ก็ยังกว้างขวางเหมือนเดิม ส่วนเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานก็ครบครันไม่ว่าจะเป็นที่วางแก้วและที่พักแขน ช่องเก็บของอเนกประสงค์แบบ 2 ชั้น ระบบความบันเทิงครบครันทั้งเครื่องเล่นวิทยุ CD, MP3, DVD, DivX, และช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง พร้อมจอภาพแบบ Wide Screen ขนาด 7 นิ้ว

การเดินทางในช่วงเริ่มแรกไทรทัน เมกะแค็บ พลัส ถือว่าค่อยเป็นค่อยไป เพราะต้องเจอกับสภาพการจราจรที่ติดขัดในเมืองกรุง แต่เมี่อเริ่มเบนเข็มมุ่งสู่นอกเมือง สภาพท้องถนนก็เริ่มปลอดโปร่ง มีพื้นที่ให้สามารถใช้ความเร็ว และสามารถทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ รวมไปถึงระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว,ความแข็งแกร่งของช่วงล่าง,การควบคุมทิศทางของพวงมาลัย ซึ่งการเดินทางที่เป็นจุดไคลแม็กซ์ในวันนั้นคือช่วงที่ต้องขึ้นเขาไปบริจาคของยัง โรงเรียน ตชด. วิจิตรวิทยาคาร ปิล๊อก และ การเดินทางเข้าที่พักคือเหมืองสมศักดิ์

สำหรับเส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างจะคดเคี้ยว และเป็นถนนสองเลนที่ต้องสวนทางกัน ทำให้การขับขี่ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตามด้วยความที่เดินทางกันในวันธรรมดาทำให้ปริมาณรถไม่มากจึงทำให้ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส ได้สำแดงเดชอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวงมาลัยที่เป็นแบบ แร็คแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรง ทำให้การควบคุมบังคับทิศทางขณะเลี้ยวหรือเข้าโค้งค่อนข้างแม่นยำ บวกกับคุณสมบัติคือรัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.9 เมตร ก็ทำให้การขับขี่ในวันนั้นเป็นไปอย่างคล่องตัว

ช่วงที่สนุกสนานและเป็นช่วงที่ระบบช่วงล่างของรถคันนี้ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่คือ การเดินทางเข้าไปยังจุดที่พัก เหมืองสมศักดิ์ ซึ่งถนนที่ต้องวิ่งเข้าไปนั้น ไม่ได้เป็นถนนลาดยาง แต่เป็นถนนดินแดง เรียกว่าออฟโรดกันเต็มที่ ซึ่งช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วน ช่วงล่างหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช้คอัพไขว้ ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ เมื่อทำงานร่วมกันทำให้การขับขี่ค่อนข้างจะนุ่มนวล และเกาะถนนสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

สำหรับการเดินทางกับ มิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส เมกะแค็บ หน้าใหม่คันนี้ สิ่งที่ถูกใจน่าจะเป็นเรื่องของการตอบสนองการขับขี่ ที่สามารถบุกป่าฝ่าดงได้อย่างมั่นอกมั่นใจ ส่วนการขับขี่บนสภาพท้องถนนทั่วไป ก็ทำได้ดีไม่แพ้ใคร จะติดใจอยู่ก็ตรงที่หน้าตาของมันที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยชอบใจกับปิคอัพยี่ห้อนี้สักเท่าไรนัก เพราะมันดูล้ำๆสมัย เอาเป็นว่าใครใคร่ชอบก็ลองเข้าไปสัมผัสได้ ที่โชว์รูมมิตซูบิชิทุกแห่งทั่วประเทศ โดยมี 2รุ่นให้เลือกคือ 2.5 GLX เกียร์ธรรมดาสนนราคา 615,000 บาท อีกรุ่นคือ 2.5 GLS เกียร์ธรรมดา สนนราคา664,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มรุ่นตกแต่งพิเศษ “สีขาวมุก” เป็นการนำรุ่น GLS ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองลูกค้าที่ชื่นชอบความแตกต่างไม่เหมือนใคร โดยการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูปราดเปรียวและโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยตัวถังภายนอกสีขาวมุก พร้อมไฟหน้าสไตล์ใหม่เพิ่มประกายสีเงิน แบบ Chrome bezel รับกับกระจังหน้าโครเมียมที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง เพิ่มความลงตัวยิ่งขึ้นด้วยกรอบไฟตัดหมอกหน้าและโป่งล้อด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมติดตั้งคิ้วข้างตัวรถสไตล์สปอร์ต ในขณะที่ภายในได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย


ที่มา http://www.managerweekly.com/