วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

“พสิษฐ์” มือปล่อยคลิปคดียุบพรรค ปชป.ติดต่อขอมอบตัวพรุ่งนี้

“พสิษฐ์” มือปล่อยคลิปคดียุบพรรค ปชป.ติดต่อขอมอบตัวพรุ่งนี้
อดีตเลขานุการศาลรัฐธรรมนูญ มือปล่อยคลิปคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ให้ญาติติดต่อขอมอบตัวกับตำรวจกองปราบปราม ในวันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.) ขณะที่ รองผบช.ก.สั่งเตรียมสถานที่รองรับ และจัดกำลังคอมมานโดเฝ้าดูแลความเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อายุ 40 ปี อดีตเลขานุการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2568 และ 2569/2553 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานรู้ หรืออาจรู้ความลับในราชการกระทำการใดๆ อันมิชอบด้วยหน้าที่ ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับนั้น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 หลังถูกกล่าวหาว่า ลักลอบบันทึกคลิปวิดีโอการประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้ญาติติดต่อขอเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม โดย นายพสิษฐ์ จะเดินทางเข้ามอบตัวในช่วงเช้าวันที่ 30 มีนาคมนี้ แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดและยืนยันกำหนดเวลาที่แน่ชัด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทาง พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก.ซึ่งรับผิดชอบคดีดังกล่าว ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน บก.ป.เตรียมความพร้อมในส่วนของประเด็นการสอบสวนและสถานที่ในการรับมอบตัวไว้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับจัดกำลังตำรวจคอมมานโด บก.ป.เฝ้าดูแลรักษาความเรียบร้อยด้วย

ทั้งนี้ สำหรับคดีคลิปวิดีโอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ทาง ป.ป.ช.ได้มีมติในที่ประชุมเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 ให้ส่งสำนวนคดีกลับคืนให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ โดยอ้างประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 31 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 ข้อ 6 เรื่อง การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.ที่เห็นสมควรส่งเรื่องที่มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งไม่ใช่บุคคลตามมาตรา 66 ว่า กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่กระทำความผิดต่อตำแหน่งราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการทางวินัย หรือดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้วแต่กรณี หรือส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไปก็ได้

สำหรับ นายพสิษฐ์ เป็นอดีตเลขานุการส่วนตัว นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และกลายเป็นข่าวโด่งดังเมื่อเดือน ต.ค.2553 ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีคลิปเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูป เป็นเหตุการณ์การเจรจาพูดคุยระหว่างนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ ทีมกฎหมายคดียุบพรรค กับ นายพสิษฐ์ ในร้านอาหารย่านประชาชื่น จากนั้นมีคลิปเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ และคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ตามออกมาอีกหลายคลิป จนสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพสิษฐ์ และศาลอาญาอนุมัติหมายจับ แต่นายพสิษฐ์ เดินทางไปฮ่องกง และหลบหนีหมายจับ ก่อนให้ญาติติดต่อเข้ามอบตัวดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นอกจากถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวแล้ว นายณพล อรุณอาศิรกุล ทนายความรับมอบอำนาจจากนายจรูญ อินทจาร นายสุพจน์ ไข่มุก และ นายเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กรณีมีกลุ่มบุคคลร่วมกันกระทำการในลักษณะเป็นองค์กร มีพฤติการณ์ที่เล็งเห็นได้ว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายศาลรัฐธรรมซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ โดย นายพสิษฐ์ จำเลยที่ 1 และนายพร้อมพงศ์ จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว จัดทำคลิปวิดีโอที่เป็นข้อมูลปลอม หรือเป็นเท็จเผยแพร่ ออกข่าวโจมตีศาลรัฐธรรมนูญให้เสียหายขาดความน่าเชื่อถือ โดยมีการให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าจะมีการเผยแพร่วีดีโอที่เป็นข้อมูลปลอมหรือเท็จที่ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเสียหายอีกด้วย
ที่มา http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039820

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

โชเฟอร์ปอร์เช่มรณะมอบตัว

หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง มอบตัวหลังซิ่งปอร์เช่ชนสาวตัวขาด ลั่นเป็นอุบัติเหตุ ซ้ำไม่คิดหลบหนี แต่ช็อกอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังเจ้าของรถปอร์เช่ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ง-1352 กรุงเทพมหานคร ที่ก่อเหตุสยองชน น.ส.คำใบ อินทิลาด สาวชาวลาวจนตัวขาด เบี้ยวนัดไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวน โดยอ้างว่าติดธุระต้องไปไหว้บรรพบุรุษที่ต่างจังหวัด ในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง ตามที่เสนอข่าวให้ทราบนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 27 มี.ค. ญาติกับเพื่อนของนายโย (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนขับรถปอร์เช่คันดังกล่าว ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.บัญชา มีเลิศ สารวัตรเจ้าของคดี โดยนายโย อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ แว่นตาดำ ปิดบังใบหน้า ขณะที่เพื่อนชายอีก 2 คนแต่งกายเหมือนกัน

ซึ่งทันทีที่นายโย เจอสื่อมวลชนที่ดักรอหน้าโรงพัก ได้ยกมือไหว้และกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า "ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ" จากนั้นเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อจะกลับที่พัก โดยใช้เส้นทางเกิดเหตุซึ่งเป็นเส้นทางประจำ แต่ขณะนั้นขับมาด้วยความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. ในเลนขวาสุด ซึ่งพอถึงจุดเกิดเหตุเห็นรถโดยสารประจำทางจอดส่งผู้โดยสารอยู่ที่ป้ายรถในเลนซ้าย แล้วจู่ ๆ หญิงสาวเคราะห์ก็โผล่ออกมาพ้นหน้าณถประจำทางอย่างรวดเร็ว จึงเบรกไม่ทันชนเข้าอย่างจัง

หนุ่มนักศึกษาหนุ่ม เผยต่อว่า หลังชนแล้วรู้สึกตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเมื่อเห็นศพของหญิงสาวกระเด็นเข้ามาในรถด้วยแล้วยิ่งช็อก ทำอะไรไม่ถูกรู้สึกตัวอีกทีก็ขับเลยจุดชนมากไกลแล้ว จึงจอดรถทิ้งไว้ แล้วรีบโบกแท็กซี่กลับบ้านไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง ขอยืนยันว่าไม่เคยคิดจะหลบหนี ทว่าตนได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกกับต้นคอ ทั้งตกใจกับข่าวด้วย จากนี้ยินดีที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง โดยจะให้บริษัทประกันภัยติดต่อกับญาติผู้เสียหาย เพื่อเจรจากันอีกครั้ง

จากนั้นนักศึกษาหนุ่มได้ขอตัวไปพบพนักงานสอบสวน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนปล่อยตัวไปชั่วคราว เพราะผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง จากนั้นจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวและสอบปากคำอีกครั้ง.
ที่มา เดลินิวส์

“แร็พเตอร์” คืนชีพ “หลุยส์-จอนนี่” เตรียมจัดคอนเสิร์ตใหญ่กลางปี

“แร็พเตอร์” คืนชีพ “หลุยส์-จอนนี่” เตรียมจัดคอนเสิร์ตใหญ่กลางปี ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมงาน ซุ่มฟิตหุ่นให้เฟิร์มเพราะร้างเวทีไปนาน

เมื่อ 13 ปี “หลุยส์ สก็อต” กับหนุ่ม “จอนนี่ อันวา” ก่อนเคยโด่งดังในนามของ “แร็พเตอร์” ดูโอรุ่นเด็ก แต่พอโตก็แยกย้ายกันไปทำงาน แต่ล่าสุดก็มีข่าวว่าทั้งคู่เตรียมหวนจับไมค์คู่กันอีกครั้ง และได้มีการเข้าไปคุยกับ “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” บอสใหญ่ของอาร์เอสและได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการว่าจะจัดคอนเสิร์ตแร็พเตอร์อีกครั้งแน่นอน ซึ่งหลุยส์ก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า....
“งานคอนเสิร์ตตอนนี้ได้คุยกับทางอาร์เอสและคุยกับคู่หูเรียบร้อยแล้วครับ ก็น่าจะมีข่าวดีครับ แล้วก็พยายามจะจัดคอนเสิร์ตให้คุ้มกับการรอคอยของทุกคน ตอนนี้ยังพูดถึงเรื่องโครงสร้างจะจัดที่ไหน บรรจุคนกี่คน แล้วก็ธีมของงานจะย้อนยุคไหมหรือจะอะไรยังไงดี ส่วนเพลงโยกๆ ต้องมีแน่นอนครับ ผมว่าถ้ามันไม่มีคนก็จะผิดหวัง แต่เราอาจจะมีเพลงที่เอามารีมิกซ์ใหม่ ร้องใหม่ ส่วนแขกรับเชิญที่จะมาเซอร์ไพรส์มีแน่นอนครับ เราคุยๆ ไว้หลายคนแล้ว บางคนก็โอเคแล้วด้วย แต่ก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์มว่าเขาจะมาเล่นนะ เพราะเราแค่ชวนๆ ได้หลายคนเหมือนกัน เซอร์ไพรส์แน่ครับ”

“จอนนี่เขาเป็นตัวไอเดียอยู่แล้วครับ จะเอาอย่างนั้นอย่างนี้ ออกไอเดียทุกอย่าง ส่วนผมเองก็ต้องไปเข้ายิมก่อน เพราะว่าสุขภาพร่างกายเราก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ก็เลยอาจจะต้องทุ่มเทเวลาให้กับมันมากขึ้น แต่ถามว่าผมกับหลุยส์ยังจะต่อกันติดไหม ผมว่าแร็ตเตอร์มันจะเป็นตัวกลางมากกว่า เพราะว่าตัวผมเองก็ไปทางละคร ถ่ายหนัง ส่วนจอนนี่ก็เป็นทางแนวติสท์ๆ ไป แต่แร็พเตอร์มันอยู่ตรงกลาง สองคนก็ต้องโน้มตัวลงมาตรงกลางให้มันยืนอยู่จุดเดียวกัน ก็คิดว่าไม่น่าจะถึงปลายปีหรอกครับ อาจจะประมาณกลางๆ ปี”

เผยถ้าฟิตหุ่นได้เฟิร์มตามที่ต้องการแล้วอาจจะมีถ่ายเซ็กซี่เก็บไว้ดูก็ได้ เพราะบอกอยากมีรูปตัวเองเก็บไว้ดูตอนอายุมากๆ เหมือนกัน

“ถ่ายเซ็กซี่เหรอครับ อันนี้มันต้องมีเวลาเข้ายิมบ้าง เพราะเราก็รู้ตัวเองว่าเราไม่ได้เข้ายิมมาปีครึ่งแล้ว ก็เลยมีความรู้สึกว่ามันยังไม่มั่นใจมากกว่า แต่ก็ยังไม่แน่นะ(หัวเราะ) เพราะมีคนถามมาบ้างว่าอยากจะถ่ายหรือเปล่า ผมก็เลยบอกว่ายังไม่มั่นใจว่าจะไปถ่ายขนาดนั้น แต่ถ้าหุ่นเรามั่นใจเมื่อไหร่ผมก็อยากจะถ่ายบ้างนะ แต่ก็คงไม่ถึงกับหวือหวาอะไรมาก ก็คงเป็นส่วนนึงของชีวิตผมที่อยากจะเก็บรูปเอาไว้ตอนที่เรายังกลางๆ ไม่ได้หนุ่มมาก ไม่ได้แก่มาก(หัวเราะ)”

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ฮือฮา! อิหร่านแอบสร้าง ‘ยูเอฟโอ’ อ้างไว้ใช้ถ่ายภาพทางอากาศ

สื่ออิหร่านรายงาน รัฐบาลประธานาธิบดีมะห์มูด อะห์มาดิเนจัดแอบสร้าง “ยูเอฟโอ” แบบลับๆ อ้างไว้ใช้ถ่ายภาพทางอากาศ อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยหน้าตาที่แท้จริงของจานบินฝีมืออิหร่านต่อสาธารณชนแต่อย่างใด…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 มี.ค. โดยอ้างสำนักข่าวฟาร์สของทางการอิหร่านว่ารัฐบาลเตหะรานภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีมะห์มูด อะห์มาดิเนจัดได้แอบสร้าง “ยูเอฟโอ” ขึ้นแบบลับๆ และได้มีการเปิดตัวจานบินดังกล่าวไปแล้วในงานรัฐพิธีสำคัญงานหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้

รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลอิหร่านตั้งชื่อจานบินของตัวเองว่า โซฮัล ซึ่งเป็นภาษาเปอร์เซียหมายถึง “ดาวพระเสาร์” โดยแหล่งข่าวในรัฐบาลอิหร่านเผยว่าเจ้าจานบินที่ว่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ถ่ายภาพทางอากาศเท่านั้น แม้นักวิเคราะห์ในโลกตะวันตกจะลงความเห็นว่า จริงๆแล้ว อิหร่านน่าจะใช้จานบินนี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารก็ตาม



มะห์มูด อะห์มาดิเนจัด

ข้อมูลที่สำนักข่าวฟาร์สของอิหร่านนำมาเผยแพร่ระบุว่า ยูเอฟโอ “เมดอินอิหร่าน” ลำนี้สามารถบินได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องใช้นักบินแต่อย่างใด และยังมีการติดตั้งระบบบอกตำแหน่งจีพีเอส มีระบบกล้องถ่ายภาพที่แยกกัน 2 ชุดที่มีความคมชัดสูงถึงระดับ 10 เมกาพิกเซลและสามารถส่งภาพถ่ายกลับมาให้ศูนย์ปฏิบัติการภาคพื้นได้ในทันทีหลังจากถ่ายภาพเสร็จ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เครื่องร่อนกลับมาถึงฐานก่อนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเผยแพร่ภาพที่แท้จริงของจานบินลำนี้ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านความมั่นคงล่าสุดของอิหร่านออกมาสู่สาธารณชนแต่อย่างใด ทำให้รูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของจานบินลำนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันไปต่างๆนานา บ้างก็ว่า มันมีรูปร่างเหมือนกับจานบินของมนุษย์ต่างดาว หรือไม่ก็มีรูปร่างคล้ายกับอากาศยานรบแบบไร้นักบิน หรือ ” โดรน” ของกองทัพสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ทางการอิหร่านก็เพิ่งเปิดตัวเรือ “บาวาร์ -2″ ที่อ้างว่าสามารถบินได้มาแล้ว แม้จะยังไม่เคยมีใครได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของมันก็ตาม.
ฮือฮา! อิหร่านแอบสร้าง ‘ยูเอฟโอ’ อ้างไว้ใช้ถ่ายภาพทางอากาศ
ที่มา ไทยรัฐ

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

ด่วน..แผ่นดินไหว6.7ริกเตอร์ที่พม่าดับแล้ว3

ด่วน..แผ่นดินไหว6.7ริกเตอร์ที่พม่าดับแล้ว3 แผ่นดินไหว6.7ริกเตอร์ที่พม่าสะเทือนถึงไทยยันกรุงเทพฯดับเซ่น3ศพแม่สายฝาผนังบ้านล่มทับเมืองกรุง2คนงานเครนทับ
วันนี้ 24 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวเอพีรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ แจ้งเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อเวลา 20.25 น.วันที่ 24 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่น วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.0 ริคเตอร์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศพม่า ใกล้กับชายแดนประเทศลาวและไทย โดยห่างจากจังหวัดเชียงรายไปประมาณ 110 กม.และมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 230 กม. ซึ่งถือว่าลึกมาก แต่แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวยังรู้สึกได้ถึงกรุงเทพฯ ซึ่งรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในตึกสูง ส่วนศูนย์เตือนภัยสึนามิแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก ระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นลึกเข้าไปในเขตแผ่นดินมาก จึงไม่มีผลที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิแต่อย่างใด

สั่นสะเทือนถึงเมืองไทย
ด้านสำนักงานเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย รายงานว่า เมื่อเวลา 20.55 น. เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 6.7 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศพม่า ห่างจากทางทิศเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 56 กม. โดยแรงสั่นเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้ รับรู้ได้ในจังหวัดทาภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะเกือบทุกอำเภอใน จ.เชียงราย และที่ จ.ลำปาง จ.เชียงใหม่ จ.พะเยา และอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในอาคารหรือตึกสูง นอกจากนี้ ในจังหวัดที่ใกล้เคียงกับรัศมีแผ่นดิน บ้านบางหลัง หรือตึกถึงกับสั่นอย่างรุนแรง และมีรายงานว่า ทีวี และทรัพย์สินในบ้านเรือนหลายแห่งได้รับความเสียหายด้วย

“แม่สาย”ฝาผนังถล่มดับ1
ขณะเดียวกัน ที่ อ.แม่สาย นางหงส์ คำปิง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 10 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ถูกฝาผนังบ้านเป็นปูนถล่มทับเสียชีวิต และในหลายจุดของ อ.แม่สาย ไฟดับ เนื่องจากเสาไฟฟ้าหักโค่น และสายไฟฟ้าขาด ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดหลวงราษฎร์สัณฐาน (วัดหลวงใน) ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา ว่าประชาชนที่มาร่วมงานในงานพิธีศพที่วัด ต่างรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน โดยพวงหรีดในงานสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ส่วนพื้นที่ก็สั่นไหวจนฝ่าเท้ารับรู้ได้ โดยแรงสั่นไหวครั้งนี้เกิดขึ้น 2 ครั้งๆ ละประมาณ 30 วินาที

“เชียงใหม่” เผ่นโรงแรม
ส่วนในพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง โคมไฟที่ประดับประดาตามร้านค้าและบ้านเรือนสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายเข้ามา มีเพียงแต่ประชาชนบางส่วนในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ที่แตกตื่นพากันวิ่งหนีออกจากอาคาร หรือบ้านเรือน ออกมานอกตัวบ้านด้วยความตกใจ และหลังแผ่นดินไหวผ่านไป หลายคนยังรอดูท่าทาง ยังไม่กลับเข้าบ้าน หรือที่พักอาศัยโดยทันที เพราะกลัวจะเกิดแผ่นดินไหวซ้ำหรือรุนแรงขึ้นอีก
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ สั่งการให้ทุกอำเภอตรวจสอบความเสียหาย ขณะเดียวกัน ประชาชนจำนวนมากในพื้นทีจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งที่อยู่ในอาคารสูง บ้านพัก โดยเฉพาะในโรงแรม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างแตกตื่นพากันวิ่งหนีออกจากโรงแรมตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่โรงแรมเพื่อความปลอดภัย ส่วนที่ จ.น่าน มีรายงานว่า ถนนบางแห่งแตกแยกหรือมีรอยร้าว

กรุงเทพฯ ผวาตึกสั่นไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรงสั่นสะเทือนครั้งนี้ สามารถรับรู้ได้ในกรุงเทพฯ ตึกสูงหลายแห่ง อาทิ ย่านเอกมัย ถนนวิภาวดีฯ อโศก เพชรบุรี สีลม พระราม 4 บางรัก ผู้คนซึ่งอยู่ในห้องพักโดยเฉพาะอาคารสูงๆ ต่างแตกตื่นกับเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นอยู่สดๆร้อนๆ ทั้งนี้มีนักจัดรายการวิทยุคลื่นหนึ่งย่านอโศก พูดออกอากาศขึ้นมาทันทีว่า เกิดการสะเทือนขึ้นจนสามารถรับรู้ได้ สาเหตุมาจากแผ่นดินไหว ซึ่งไม่ทราบจุดศูนย์ของการเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุได้ไม่นานมีประชาชนได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามที่สำนักพิมพ์เดลินิวส์กันอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การสั่นสะเทือนตึกสำนักงานใหญ่เดลินิวส์ก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน ขณะที่พนักงานต้อนรับโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งย่านสีลม บอกว่าหลังเกิดเหตุ แขกที่มาพักโทรฯลงมาสอบถามว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เพราะมีอาการวิงเวียนศรีษะ คล้ายกับเกิดแผ่นดินไหว

เครนพังถล่มคนงานดับ2
ไล่เลี่ยกันไม่นาน เกิดเหตุเครนถล่มข้าง รพ.สัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างตึกกำลังก่อสร้าง 7 ชั้น กับ 4 ชั้น พบเครนสูงประมาณ 25-30 เมตร พังถล่มลงมาทับนั่งร้านตึกที่กำลังก่อสร้างที่อยู่ติดกันสูง 4 ชั้น มีศพนายพลอย ก้อนคำ อายุ 17 ปี คนบังคับเครน กระเด็นลงมากระแทกกับขอบปูนชั้น 4 เสียชีวิตอย่างอนาถ ส่วนที่พื้นด้านล่างมีศพผู้หญิง ยังไม่ทราบชื่อ เสียชีวิตอีก 1 คน ทั้งคู่เป็นคนงานสัญชาติพม่า คาดว่าถูกเครื่องโม่ปูนร่วงลงมากระแทกใส่ขณะยืนอยู่ด้านล่าง สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเครนยกเครื่องโม่ปูนกำลังขึ้นไปที่ชั้นบน ระหว่างทางเกิดโอนเอนไม่ทราบสาเหตุจากนั้นตัวแขนเครนได้หลุดออกมาไปโดนตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่สงผลให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ชาวบ้านบางคนระบุว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากแผ่นดินไหว
ที่มา เดลินิวส์

"แอ๊ด"ขอโทษแฟนเพลงฉุนทีมงานปัดฟิวส์ขาด

ชมคลิป"แอ๊ดคาราบาว"ยัวะขว้างกีตาร์กลางเวทีสีสันอวอร์ดส์ เจ้าตัวแถลงขอโทษไม่พอใจทีมงานปัดเมาฟิวส์ขาด

วันนี้ 23 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ที่ห้องซ้อมดนตรี อาคารอาร์ซีเอร์ โซนอี ศิลปินแนวเพื่อชีวิตชื่อดัง “แอ๊ด-คาราบาว” หรือ นายยืนยง โอภากุล ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีที่ตนได้เขวี้ยงกีตาร์ และเดินลงจากเวที ระหว่างกำลังขึ้นโชว์คอนเสิร์ตในงานประกาศผลรางวัลสีสันอวอร์ดครั้งที่ 23 ประจำปี 2553 จัดขึ้นที่ห้องศรีวรา แกรนด์ บอลล์รูม โรงแรมทาวน์อินทาวน์ เมื่อค่ำวานก่อน
แอ๊ด คาราบาว กล่าวว่า "“เมื่อคืนนี้ผมเองต้องขอยอมรับว่าทำตัวไม่ดี เพราะว่าหลังจากคอนเสิร์ตแล้วผมทำงานหนัก ไม่ได้นอนมาเกือบ 2 วัน ต้องเตรียมซ้อมคอนเสิร์ต แล้วก็รบกับลูกน้องมา ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา ผมค่อนข้างเขี่ยวเขา แต่ไม่ได้ดั่งใจ ผมเลยระเบิดอารมณ์ใส่ เพราะแอมป์ก็ไม่ดัง ไม่โครโฟนก็ไม่ดัง พอตะโกนเรียกเขาก็ไม่สนใจ เลยฟิวส์ขาด ทุบกีตาร์ทิ้ง เหมือนประขดเขา แต่หลังจากนั้นผมก็รู้สึกเสียใจกลับไปบ้านก็พยายามโทรหาทุกคน วันนี้ก็ต้องขอโทษพี่น้องสื่อมวลชนที่ต้องเสียเวลากับเรื่องนี้ กับอารมณ์ ศิลปินของผม ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงชกไปแล้ว สมัยก่อนผมเคยเตะคนดูมาแล้ว สมัยนี้ก็แค่ทุบกีตาร์ สิ่งที่อยากบอกอีกอย่างคือต้องขอโทษน้าทิวา ที่ทำให้งานสีสันอวอร์ดต้องด่างพร้อย ขโมยซีนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ต่อไปผมก็จะพยายามทำตัวดีกว่านี้ ถ้าพ่อผมอยู่คงได้รับโทรศัทพ์สวดแน่นอน บังเอิญท่านจากไปแล้ว ต่อไปนี้ผมก็เป็นผู้ใหญ่ที่จะต้องทำตัวให้ดี”

ผู้สื่อข่าวถามว่าสาเหตุการณ์เกี่ยวกับการทะเลาะกับสมาชิกในทีมอย่าง กับเพื่อนผมไม่มี ส่วนคนดูก็มีแต่คนขอเพลงไม่มีใครด่า ผมอยากจะเล่นจะตาย ส่วนเรื่องดื่มยอมรับว่ดื่ม แต่ไม่ได้เมา อย่างที่บอกว่าทะเลาะกับสตาฟท์แต่อย่าให้บอกเลยครับว่าเป็นใคร ผมก็บอกเขาว่าถ้าอยากทำงานก็ต้องสนใจมากกว่านี้ ไม่ใช่ละเลย จริงๆผมอยากจะไล่ออกจะตาย แต่ผมสงสารลูกเมียเขา ผมไม่เคยไล่ใครออกจากวงเลยนะครับ ก็อยากให้เขาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ ผมว่ามันเป็นปัญหาธรรมดาที่ใครๆก็เจอทั้งนั้นเวลาทำงานใหญ่ๆ

ส่วนในฐานะของการเป็นต้นแบบและตัวอย่างของเยาวชน เป็นสิ่งที่ผมต้องขอโทษและเสียใจ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ เราเป็นคนสาธารณะ ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เหมือนถูกสังคมวิพากษ์ แต่ผมก็ไม่ได้ทำให้ใครต้องเจ็บปวดนอกจากเสียดายกีตาร์ ซึ่งเป็นกีตาร์ที่ ทศพร หงษ์สนันท์ ซื้อมาให้ แต่ผมดูแล้วว่ามันซ่อมได้"

ขณะที่ ผู้จัดการวงคาราบาว ทราบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่าง ทีมงานดูแลเครื่องเสียงวง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับแฟนเพลง หรือพิธีกร และผู้จัดงาน และเท่าที่ทราบ แอ๊ด เผยว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นแค่เรื่องศิลปินกับทีมงานเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากทีมงานที่ไม่มีความพร้อม แอ๊ด จึงเกิดโมโหจนฟิวส์ขาด เลยโยนกีตาร์ทิ้ง

ที่ห้องศรีวรา แกรนด์ บอลล์รูม โรงแรมทาวน์อินทาวน์ เมื่อเวลา 19.00 น. มีการจัดงานประกาศผลรางวัลทางดนตรี สีสัน อวอร์ดส์ ครั้งที่ 23 ขึ้นโดยมีศิลปินและบุคคลในวงการดนตรีและเพลงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังเดินทางมาร่วมงานอย่างคับคั่งเช่นเคย ในครั้งนี้มีรางวัลทั้งสิ้น 12 รางวัล ประกอบด้วย 1.เพลงยอดเยี่ยม ได้แก่ “รักไม่ต้องการเวลา” : คำร้อง – เกี้ยวเกล้า พูนชัย / ทำนอง – ดนัย ธงสินธุศักดิ์ / ศิลปิน – เคลียร์ 2.เพลงในการบันทึกเสียงยอดเยี่ยม ได้แก่ เพลง “คิดฮอด” : คำร้อง, ทำนอง - อาทิวราห์ คงมาลัย, วสุ ห้าวหาญ / เรียบเรียง – บอดี้ สแลม, พูนศักดิ์ จตุระบุล / ศิลปิน - บอดี้ สแลม

3.ศิลปินชายเดี่ยวยอดเยี่ยม ได้แก่ อ๊อฟ-ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ จากอัลบั้ม “ไลฟ์ อีส คัลเลอร์ฟูล” 4.ศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม ได้แก่ ลุลา จากอัลบั้ม ทวิสต์ 5.ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ได้แก่ โอเวอร์ มี จากอัลบั้ม บิ๊ก สวิง 6.โปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ อภิไชย เย็นพูนสุข จากอัลบั้ม ไลฟ์ อีส คัลเลอร์ฟูล / ศิลปิน–ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ 7.ศิลปินคู่หรือกลุ่มยอดเยี่ยม ได้แก่ วงเคลียร์ จากอัลบั้ม ไบร์ตเทอร์ เดย์ 8.อัลบั้มยอดเยี่ยม ได้แก่ อัลบั้มไบร์ตเทอร์ เดย์ ศิลปิน วงเคลียร์

9.ศิลปินกลุ่มร็อคยอดเยี่ยม ได้แก่ วง แบรนด์ นิว ซันเซ็ท จากอัลบั้ม เวลคัม โฮม 10.อัลบั้มร็อคยอดเยี่ยม ได้แก่ อัลบั้ม เวลคัม โฮมโดย แบรนด์ นิว ซันเซ็ท 11.เพลงร็อคยอดเยี่ยม ได้แก่ เพลง “คราม” :คำร้อง–ขจรเดช พรมรักษา, อาทิวราห์ คงมาลัย/ทำนอง-อาทิวราห์ คงมาลัย, พูนศักดิ์ จตุระบุล/ศิลปิน-บอดี้ สแลม และ 12.เพลงบรรเลงยอดเยี่ยม ได้แก่ “ฟังก์ ยู (ลูปัส)”–อัธพนธ์ มกรานนท์


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลา 21.00 น.ภายในงานประกาศผลรางวัลสีสันอวอร์ดส์ ทางผู้จัดได้เชิญวงคาราบาวมาร้องเพลงโชว์ด้วย โดยมีการร้องเพลงคั้นก่อนจะประกาศรางวัลศิลปินชายและหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม โดยร้องเพลงเฒ่าทะเล ร้องโดยเล็ก คาราบาว เมื่อร้องเสร็จสิ้นบรรดาผู้ร่วมงานต่างปรบมือกันดังลั่น

ขณะเดียวกัน โด๋ว-มรกต โกมลบุตร ดีเจ 104.5 ซึ่งรับหน้าที่พิธีกรในงานได้พูดแซวว่าคาราบาวมาร้องเพลงเดียวเหรอ จากนั้นแอ๊ด คาราบาวได้เดินขึ้นเวทีอีกครั้งพร้อมกับทำท่าเตรียมพร้อมจะเล่นเพลงที่ 2 แต่ในจังหวัดนั้นเองแอ๊ด ได้เอากีตาร์ออกจากคอแล้วทุ่มลงพื้นเวทีเสียงดังลั่น สร้างความแตกตื่นให้คนในงานเป็นอย่างมาก จากนั้นวงคาราบาวทั้งหมดได้เดินทางกลับทันที

เมื่อสอบถามไปยังโด๋ว-มรกต พิธีกร ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ปรากฏว่า โด๋ว บอกเพียงว่าไม่รู้เรื่องไม่ทราบว่าเกิดเหตุเพราะเรื่องอะไร ขณะเดียวกันได้โทรศัพท์สอบถามไปยังแอ๊ด คาราบาว ปรากฎว่าเมื่อแอ๊ด รับสายแล้วได้ตัดสายไปและปิดเครื่องโทรศัพท์ทันที เบื้องต้นคาดว่า แอ๊ด ไม่พอใจที่พิธีกรแซวบนเวที ซึ่งผู้สื่อข่าวจะได้รายงานความคืบหน้าต่อไป

ดูคลิปได้จาก...แอ๊ด คาราบาว ทุ่มกีตาร์!!

ที่มา เดลินิวส์,youtube

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

ฟันธง ปริศนา 'ซูเปอร์มูน' มี.ค.ดาวเรียงตัว 6 ดวง โลกวิปริต ไทยปฏิวัติ 'มดงาน'


ฟันธง ปริศนา 'ซูเปอร์มูน' มี.ค.ดาวเรียงตัว 6 ดวง โลกวิปริต ไทยปฏิวัติ 'มดงาน'
อึ้งซูเปอร์มูน อันตรายสุดๆ ชี้ มี.ค.-เม.ย.เดือนแห่งการเปลี่ยนแปลง เชื่อมีเซอร์ไพร์ส นายทหารระดับเล็กจะทำการเปลี่ยนแปลงประเทศ…

เป็นที่พูดถึงกันเป็นวงกว้างกับปรากฎการณ์ “ซูเปอร์มูน” หรือปรากฏการณ์ดวงจันทร์จะโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดในวันที่ 19 มี.ค.โดยมีการเชื่อมต่อความน่ากลัวกัน จากสำนักข่าวต่างประเทศว่าแรงดึงดูดของดวงจันทร์ในวันนั้นอาจะทำให้เกิดหายนะภัยพิบัติทั้งในส่วนของ คลื่นยักษ์, ภูเขาไฟปะทุ และแผ่นดินไหว รวมทั้งปรากฏการณ์ “ซูเปอร์มูน” ในประเทศไทยก็ตื่นตระหนกและมีการพูดถึงปริศนานี้กันอย่างกว้างขวางด้วย

อ.ลักษณ์ เลขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ กล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ถึงความน่ากลัวของ “ซูเปอร์มูน” ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 มี.ค.นี้ว่า ภาพใหญ่ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าในวันที่ 19 มี.ค.นี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ดาวพฤหัสบดีโคจรมาอยู่ในมุมที่เป็นวินาศกับชะตาโลกและชะตาเมื่อมาอยู่ในจุดนี้ทีไร เรื่องระเบียบแบบแผน มาตรฐาน คุณธรรม ความดี โชคลาภจะเป็นจุดที่เรียกว่ามาถึงจุดดับ “ล้มของเก่า” และจะอยู่ไปถึง 7 ธ.ค.54 เจ้าแห่งคุณธรรมใหญ่จะอยู่ในจุดวินาศแห่งชะตาโลกและชะตาเมือง เหตุด่วนเหตุร้ายตอนนี้ตำรวจช่วยอะไรไม่ได้ ความชั่วร้ายกระทำย่ำยีต่อโลก ธรรมชาติและภัยเกิดจากมนุษย์เต็มที่ เวลานี้จึงเรียกว่า “อัตตาหิ อัตโนนาโถ” คือตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้อย่างเต็มปาก

“ด้วยอิทธิพลแบบที่ว่า เรื่องภัยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติจะมีรุนแรงและน่ากลัวอย่างยิ่งเมื่อดูองค์ประกอบที่เรียกว่าองค์ประกอบใหญ่ทั้งชะตาโลก และพ้องกับชะตาเมืองไทยแล้วด้วยถือว่าอันตรายสุดๆ โดยเฉพาะเรื่องราวทางการเมืองไทย เรื่องซึ่งดูจากมุมของดวงเมืองแล้ว “ฟันธง” ว่าจะต้องมีอุบัติเหตุทางการเมืองที่เกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากตอนนี้ดวงของผู้นำประเทศอ่อนแอสุดๆ และหลังจากวันที่ 15 มี.ค.นี้ เวลาตี 5.59 น. พระจันทร์จะทำมุม 180 องศากับพระอาทิตย์ ดาวอาทิตย์จะยกจากราศีกุมภ์ ดาวอาทิตย์คือผู้นำโลกหรือผู้นำประเทศเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล ดาวตัวแทนของผู้นำโลกอยู่ในมุมดับ กิจกรรมผู้นำหมดกำลัง คิดผิดทำผิด คิดถูกทำแล้วไม่เกิดผล ที่ผ่านมา จะไปเกิดผลรุนแรงเป็นร้อยเท่าพันทวี เราต้องยอมรับนะว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ คิดหลายอย่างถูกดี ทำกับเหมือนคุณทักษิณ แต่ก็มีหลายอย่างที่คิดผิด ดังนั้นในช่วงเวลานี้เองเมื่อดวงผู้นำซวย ตัดสินใจอะไรก็ผิดพลาด”

หมอลักษณ์ยกตัวอย่างว่า เรื่องการต่างประเทศกับกัมพูชาที่ทำแล้วผิดพลาด เป็นต้น ก็อยากให้ท่านระวังการตัดสินใจเป็นพิษให้มากที่สุด ถัดจากนี้ก็มีอีกช่วงคือช่วงสงกรานต์ที่ต้องระวังตัว

“เพราะวันที่ 15 มี.ค.นี้ ตรงกับขึ้น 11 ค่ำ ดาวจันทร์ยังอยู่ในราศีกรกฎ ตั้งแต่ 08.28 น. หลังจากนั้นพระจันทร์จะเข้าสู่ราศีสิงค์ ในวันที่ 17 มี.ค.เวลา 12.53 น. และวันที่ 19 มี.ค.และ 15.49 น.พระจันทร์จะยกเข้าสู่ราศีกันย์ ในมุมกับพระอาทิตย์กับดาวพฤหัสบดีเป็นมุมเล็ง แล้วเป็นจุด “จันทร์เพ็ญ” อันนี้น่ากลัวมากเพราะวันพระจันทร์แปลว่า “อารมณ์ของคน” และพระเสาร์คือ “รากหญ้า” จะเป็นจุดเกิดเหตุของการปลุกระดม มีทั้งภัยทางธรรมชาติ ภัยทางการเมืองมีสภาพอย่างรุนแรงที่สุดไปจนถึงวันที่ 21 มีนาคมนี้ ซึ่งเป็นอิทธิพลจากดาวมาชุมนุมกันถึง 6 ดวง เช่น ดาวพฤหัส ดาวอาทิตย์ ดาวมฤตยู หรือดาวแห่งความตาย ดาวพุธ ดาวเกษ เล็งกันหมด”

หมอดูชื่อดังบอกว่า ทางโหรเขาจะคุยกันในกุฏิ เขาเรียกดาวดี ดาวร้ายชุมนุมในจุดวินาศของชะตาเมือง และ ดวงเมือง การเมืองในสภาจะ “ระอุดุเดือดมากๆ” บนท้องถนนจะโคตรเดือดยิ่งกว่า และอีกช่วงที่อยากให้จับตามองก็คือวันที่ 2 – 3 – 4 เม.ย. เพราะวันที่ 3 เม.ย.นี้เป็นวันจันทร์ดับมันจะเกิดอะไรที่ทำให้คนทั่วโลกตกใจ คำว่าตกใจคือคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าจะเกิด มันน่ากลัวมาก ตอนนี้ต้องสวดมนต์ไหว้พระ

“ภัยจากการเดือนของคนเกิดหนักหนาสาหัสแน่ อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงจากคนรากหญ้า ส่วนเรื่องภัยพิบัติที่หลายคนเกรงกลัวกัน เช่นภัยสึนามิ แผ่นดินไหว พายุ ผมยังเชื่อว่ามีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่เมืองไทยมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นมงคลอยู่มาก ถ้าเกิดภัยธรรมชาติประเทศไทยจะแค่เฉียดๆ เท่านั้น”

ซักถึงดวง อดีตนายกฯ ทักษิน ชินวัตร จะกลับมาเมืองไทยและมีอำนาจแบบที่คนเสื้อแดงเชื่อไหม หมอลักษณ์ บอกว่าตอนนี้ดวงคุณทักษิณไม่ใช่ว่าจะดีนัก แม้ดวงทางการเมืองจะดีขึ้น แต่สุขภาพอะไรหลายๆอย่างก็ไม่ค่อยดี

“ในวงเวียนแห่งการเกิดตอนนี้ จะเกิดเหตุที่ไม่ใช่คุณทักษิณ ชินวัตรแล้ว ผมกลัวว่าตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.ไปจนถึงช่วงสงกรานต์มันจะเกิดเหตุจากทหารเพราะดวงดาวตั้งแต่ซูเปอร์มูนเกิดขึ้นมันจะเกิดเหตุอะไรแปลกๆ เช่น การทำการเปลี่ยนแปลงประเทศโดยกองกำลังนายพันเล็กๆ ซึ่งมีสิทธิ์จะทำได้มากถึง 90 % ดังนั้นคนที่รักประชาธิปไตยก็ให้ไหว้พระทำบุญอย่าไปใส่ใจเพราะเป็นเรื่องของการแย่งอำนาจกันของกลุ่มการเมืองเท่านั้น หลังจากนั้นประเทศ เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์เพื่อนบ้านก็จะย่ำแย่เหมือนเดิม” หมอดูชื่อดังกล่าวสรุป

ขณะที่ นาย สิทธิชัย จันทรศิลปิน หัวหน้างานและนักวิชาการท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ถึงปรากฏการณ์ “ซูเปอร์มูน” หรือปรากฏการณ์ดวงจันทร์จะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 18 ปี ด้วยระยะห่าง 221,567 ไมล์ ในวันที่ 19 มีนาคมที่จะถึงนี้ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาๆ ที่ดวงจันทร์โคจรใกล้โลก ซึ่งปรากฏการณ์นี้มันทำให้เรารู้ว่าการโคจรของดวงจันทร์ไม่ได้เป็นวงกลมซะทีเดียว

“ปกติค่าเฉลี่ยของดวงจันทร์จะห่างจากโลก 384,000 กิโลเมตร แต่ครั้งนี้เขาจะโคจรมาใกล้โลกราว 356,577 กิโลเมตร (ผลการคำนวณจาก www.fourmilab.ch) ซึ่งน้อยกว่าอัตราเฉลี่ยที่ใกล้เป็นปกติ ส่งผลให้ดวงจันทร์มันโตขึ้น สว่างขึ้น ยิ่งคืนจันทร์เพ็ญมันจะส่องแสงสว่าง และมีขนาดใหญ่สวยงามมากๆ ที่สำคัญประเทศไทยถือว่าโชคดีได้เปรียบประเทศอื่นมากเพราะสามารถมองเห็นความสว่างของ “ซูเปอร์มูน” เต็มดวงอย่างสมบูรณ์แบบได้ชัดเจน และสามารถมองได้ด้วยตาเปล่าตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป”

ส่วนประเด็นที่ว่าผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศระบุว่า ปรากฏการณ์ “ซูเปอร์มูน” ในวันที่ 19 มีนาคมจะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิใหญ่ แผ่นดินไหวนั้น ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดาราศาสตร์ชี้แจ้งว่า ดวงจันทร์มีผลกับน้ำขึ้นน้ำลงก็จริงแต่ไม่น่าจะสามารถทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิใหญ่ได้

“เพราะโลกเราที่ดึงดวงจันทร์มากกว่าที่ดวงจันทร์ดึงโลก ฉะนั้นฟังเอาไว้เพื่อเท่าทันกันตื่นตระหนก แต่สิ่งที่น่าสนใจตามหลักดาราศาสตร์ก็คือ การโคจรแบบนี้มันทำให้เรารู้ว่าวงโคจรของพระจันทร์ไม่ได้เดินเป็นวงกลม แนะนำว่าคืนนั้นก็นั่งดูดวงจันทร์สวยๆ กันก็พอ”

ทั้งนี้ คำว่า “ซูเปอร์มูน” ถูกบัญญัติขึ้นหลังเหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่เข้าโจมตีเอเชียในปลายปี 2004 และวันที่ 19 มี.ค.นี้ ปรากฏการณ์ซูเปอร์มูนก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง และเป็นครั้งที่ดวงจันทร์จะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 18 ปี ด้วยระยะห่างเพียง 221,567 ไมล์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สมัครเล่นได้คาดการณ์ว่าจะเกิดสภาพอากาศรุนแรงขึ้นทั่ว โลก หรือที่มีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า “Lunar Perigee” ที่เป็นชื่อเรียกถึงเหตุการณ์ช่วงที่ดวงจันทร์เต็มดวง (Full Moon) หรือช่วงที่ดวงจันทร์ดับ (New Moon) เข้าใกล้โลกมากที่สุดถึงหลัก 90%

นอกจากนี้หลักฐานสำคัญการมีตัวตนของซูเปอร์มูน คือปีที่มันเกิดขึ้น ประกอบด้วยปี 1955, 1974, 1992 และ 2005 ซึ่งเป็นปีที่ล้วนแต่มีสภาวะสภาพอากาศรุนแรงด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปี 1955 มีเหตุการณ์น้ำท่วมในฮันเตอร์วัลเลย์ ออสเตรเลีย และปี 1974 มีพายุไซโคลนในเมืองดาร์วิน ออสเตรเลีย รวมถึงครั้งล่าสุดในปี 2005 เกิดเหตุสึนามิที่ชายฝั่งอินโดนีเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ซึ่งมีก่อนปรากฏการณ์ซูเปอร์มูนเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น รวมถึงซูเปอร์มูนในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ก็ยังถูกอ้างว่าก่อให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าแผ่นดินไหว-สึนามิของญี่ปุ่น เพียง 3 สัปดาห์เช่นกัน

ทั้งนี้ ยังมีฟอร์เวิร์ดเมล์ไปทั่วอ้างด้วยว่า ในวันที่ 30 ม.ค. 53 ยังมีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ คือมีแผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศเฮติในวันที่ 12 มกราคม ในปี 2548 ก็มีปรากฏการคล้ายๆกันนี้แต่เป็นพระจันทร์ดับในวันที่ 10 มกราคม และเกิดสึนามิที่มหาสมุทรอินเดียซึ่งมีผลกระทบถึงประเทศไทยในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 จากทั้งหมดนี้บวกกับข่าวที่มีปลาซาดีนตายเป็นล้านตัวที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 9 มีนาคมซึ่งมักจะมีลางบอกเหตุแบบนี้ก่อนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อีกด้วย
ฟันธง ปริศนา ‘ซูเปอร์มูน’ มี.ค.ดาวเรียงตัว 6 ดวง โลกวิปริต ไทยปฏิวัติ ‘มดงาน’
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

ขยับ! หลังธรณีเขย่า 'แผ่นดินเคลื่อน' โลกยิ่งเอียง น่ากลัว?

จากเหตุแผ่นดินไหวอีกหนึ่งครั้งใหญ่ของโลกซึ่งเกิดในทะเลที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยระดับ 8.9-9 ริคเตอร์ ไม่เพียงก่อให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดมหึมาช็อกโลก และทำให้เกิดการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นที่ชาวโลกไม่อาจไม่สนใจ แต่ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งนี้ยังก่อให้เกิด ’ปรากฏการณ์โลก“ ตามมาอีก 2 อย่างด้วย...

คือ ’แผ่นดินเกิดการขยับเคลื่อน“ ราว 2.4 เมตร

และ ’แกนโลกเอียงเพิ่มขึ้น“ ราว 10 เซนติเมตร

ทั้งนี้ จากรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ เมื่อ 13 มี.ค. อ้างอิงการระบุของนักธรณีฟิสิกส์สหรัฐอเมริกา และสถาบันธรณีวิทยาของอิตาลี เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์โลกอีกครั้งที่ญี่ปุ่นทำให้แผ่นดินบางส่วนของญี่ปุ่น คือเกาะฮอนชู เคลื่อนตัวออกไปจากแนวเดิมประมาณ 2.4 เมตร หรือประมาณ 8 ฟุต โดยมีสาเหตุมาจากการเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนย้อนมุมต่ำตามแนวเขตเปลือกโลกแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ และยังส่งผลให้แกนของโลกเอียงออกจากแนวเดิมเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร หรือประมาณ 4 นิ้ว

2 ปรากฏการณ์โลกดังกล่าวนี้ ก็เหมือนกับเมื่อครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปี 2547 บริเวณเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทำให้แกนโลกเอียงเพิ่มประมาณ 2.76 นิ้ว หรือเกือบ 7 เซนติเมตร ทำให้บางเกาะเล็ก ๆ ของเกาะสุมาตราเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 เมตร ทำให้ตอนปลายบนสุดของเกาะสุมาตราเคลื่อนจากจุดเดิมประมาณ 36 เมตร และเหมือนกับเมื่อครั้งแผ่นดินไหวที่ประเทศชิลี เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2553 ที่มีนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าออกมาเผยว่า ทำให้แกนโลกเอียงอีกประมาณ 3 นิ้ว หรือเกือบ 8 เซนติเมตร

แผ่นดินโลกเคลื่อนขยับ-แกนโลกเอียง...อีกแล้ว

อาจเป็นอีกครั้ง...ที่ความไม่เข้าใจทำให้แตกตื่น...

กับเรื่องนี้ รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้าภาควิชาธรณีวิทยา และหน่วยปฏิบัติการวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหวและธรณีแปรสัณฐาน ผืนแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้ความเข้าใจผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” โดยระบุว่า... จากการสอบถามและพูดคุยกับนักธรณีวิทยาชาวญี่ปุ่น พบว่าข้อมูลการเคลื่อนที่ของเกาะฮอนชูอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร โดยการเคลื่อนตัวของพื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นผลมาจากการที่รอยเลื่อนของเปลือกโลกเกิดการกระทบและเสียดสีกันมาเป็นระยะเวลานาน และได้ปลดปล่อยแรงเครียดที่ถูกสะสมไว้ออกมา ในรูปของ “พลังงานคลื่นแผ่นดินไหว” โดยมีจุดที่น่าสนใจคือ...

การเกิด “แผ่นดินไหว” ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากการปลดปล่อยพลังงานคลื่นแผ่นดินไหวออกมาจากรอยแตกหรือรอยปริของเปลือกโลกมากกว่า 1 แนว จึงทำให้เกิดความรุนแรงมาก !! ซึ่งการที่เกิดจากรอยแตกหรือรอยปริมากกว่า 1 แนวนี้ ก็ส่งผลให้เกิด “อาฟเตอร์ช็อก” ติดตามมาอีกหลายครั้ง...

รศ.ดร.ปัญญา บอกอีกว่า... เมื่อเทียบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 2547 บริเวณเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดจากปรากฏการณ์สำคัญ 2 ชนิด คือ รอยเลื่อนเปลือกโลกเกิดการยกตัวขึ้น และกดตัวลงพร้อมกัน แต่สำหรับเหตุการณ์ แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ เกิดจากปรากฏการณ์สำคัญถึง 3 ชนิดพร้อมกันคือ 1. รอยเลื่อนหรือเปลือกโลกเกิดการยกตัวขึ้น 2. เกิดการกดตัวลง และ 3. เกิดการขยับออกหรือเคลื่อนที่ออกไปในแนวข้าง ในเวลารวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวที่เกิดที่ประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลอย่างใดกับแผ่นดินบริเวณประเทศไทย เพราะญี่ปุ่นและไทยอยู่คนละแนวของรอยเลื่อน

ทั้งนี้ สำหรับประเด็น “แผ่นดินเคลื่อนตัว-แกนโลกเอียง” ทาง รศ.ดร.ปัญญา แจกแจงว่า... ตามปกติรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลก รวมถึงแกนโลก ก็มีการขยับตัวตามธรรมชาติอยู่ตลอดเวลาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว โดยแผ่นเปลือกโลกจะมีอัตราการเคลื่อนตัวอยู่ที่ประมาณ 7-10 เซนติเมตรต่อปี ซึ่งผลจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้ก็เพียงทำให้การเคลื่อนที่ดังกล่าวขยับเร็วขึ้นกว่าปกติ ส่วนกรณีแกนโลก ซึ่งหลายคนอาจจะวิตกจากกระแสร่ำลือ จากกระแสที่ว่าจะทำให้แกนโลกบิดเบี้ยว และส่งผลให้เกิดอันตรายในเร็ววันนี้ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง

แผ่นดินไหว ที่ทำให้แผ่นดินหรือเกาะเคลื่อนจากพื้นที่เดิม อาจจะทำให้แผ่นดินแตกเป็นเสี่ยง ๆ หรือสูญเสียแผ่นดินเดิม กระแสนี้ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะการเคลื่อนตัวก็เป็นปรากฏการณ์ปกติอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ทั้งแผ่น และไม่ได้มีผลรุนแรงจนทำให้แผ่นดินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ส่วนแกนโลกบิดเบี้ยวนั้น ก็ มีความเป็นไปได้ แต่กว่าจะถึงจุดนั้นก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10,000-100,000 ปี

’ไม่อยากให้ตื่นตกใจและตื่นตูมจนเกินไป แต่อยากให้ตื่นตัวและตระหนัก รวมถึงให้ความสำคัญกับปรากฏการณ์ธรรมชาติเหล่านี้ เพื่อที่จะเตรียมตัว เตรียมพร้อม อย่างเข้าใจ“ …รศ.ดร.ปัญญา ระบุ

สรุปว่า ’แผ่นดินเคลื่อน-แกนโลกเอียง“ เป็นธรรมดาโลก ซึ่ง เกาะภูเก็ต หรือแม้แต่ทั้งประเทศไทย ก็เคยเคลื่อน หลังเกิดแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย-เกิดสึนามิ ปลายปี 2547 ดังนั้น อย่ากลัวเกินไป...

กลัวว่าไทยด้อยมาตรฐานรับมือพิบัติภัย...ดีกว่า ??.
ขยับ! หลังธรณีเขย่า 'แผ่นดินเคลื่อน' โลกยิ่งเอียง น่ากลัว?
ที่มา สกู๊ปหน้า1เดลินิวส์

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

เหล่านางงามยูนิเวิร์ส โชว์ชุดว่ายน้ำ

ผู้เข้าประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 44 คน โชว์ชุดว่ายน้ำด้วยสีสันและความคึกคัก

วันนี้ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณสวนและสระน้ำ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ เขตปทุมวัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า บรรยากาศกิจกรรมของผู้เข้าประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2554 ว่าในวันนี้เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคัก เพราะทางกองประกวดฯ ได้จัดให้สาวงามผู้เข้าประกวดทั้ง 44 คน สวมใส่ชุดว่ายน้ำโชว์ทรวดทรงให้คณะกรรมการพิจารณาตัดสินรูปราวและผิวพรรณ พร้อมทั้งให้คณะช่างภาพและสื่อมวลชนบันทึกภาพกันอย่างจุใจ ก่อนวันที่ 17 มี.ค.นี้ จะเดินทางไปทัศน์ศึกษาและทำกิจกรรมการเก็บตัวที่ จ.ลำพูน ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบิน พีจี 215 เวลา 08.00 น. และเดินทางกลับในวันพุธที่ 23 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ท่ามกลางบรรยากาศร้อนอบอ้าว บรรดาสาวงามต่างเดินออกมา ปรากฏโฉมด้วยท่วงท่ามั่นใจเกินร้อย ในชุดวันพีชเกาะอก สะพายแล่งด้านขวา โทนสีม่วงและสีดำ ของแบรนด์ชุดว่ายน้ำชื่อดัง “บีเอสซี” โดยเดินเรียงออกมาครั้งละ 11 คน ยืนโพสต์ท่าต่อหน้าคณะกรรมการให้คะแนน ซึ่งประกอบด้วย พญ.ปรียา กุลละวณิชย์, นางภัทรา ศิลาอ่อน, ศ.วิโชค มุดามณี, นายศุกลวัฒน์ คณารศ, นางอาภัสสรา หงสกุล, น.ส.ชุติมา ดุรงค์เดช และนายปิติ ภิรมย์ภักดี เป็นต้น จนครบทั้ง 44 คน จากนั้นออกมาโพสต์ท่าอีกครั้งละ 5-6 คน ก่อนย้ายไปยังริมสระว่ายน้ำเพื่อให้คณะช่างภาพและสื่อมวลชนบันทึกภาพหมู่และภาพเดี่ยวเรียงตามหมายเลข

อนึ่งเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี มิสยูนิเวิร์ส น.ส.ฆิเมนา นาวาเรเต้ มิสยูนิเวิร์ส ประจำปี 2552 จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยจะเป็นผู้มอบมงกุฏให้แก่สาวไทยคนที่ 12 ซึ่งครองตำแหน่งแห่งเกียรติยศ “มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2554” ในรอบตัดสิน ค่ำคืนวันเสาร์ที่ 26 มี.ค.2554 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบรับจากองค์กรมิสยูนิเวิร์สอย่างเป็นทางการแล้ว
ที่มา เดลินิวส์

“เคน-ธีรเดช ”ลั่นยังไม่อยากให้ลูกเข้าวงการ

พระเอกหล่ออย่างหนุ่ม “เคน” ลั่นยังไม่อยากให้ลูกเข้าวงการเชื่อ “หน่อย” เข้าใจเลิฟซีน “ชมพู่”

วันนี้ 15 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเอกหล่ออย่างหนุ่ม เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ที่เจ้าตัวยอมรับว่าไม่อยากให้ลูกเป็นดาราตั้งแต่เด็ก แถมเล่าต่อว่าตอนนี้ไม่มีลูกคนไหนติดเลย เนื่องจากหายไปบวชและทำงานเยอะ ส่วนเรื่องเลิฟซีนที่ดุเดือดใน “รหัสทรชน” กับสาว ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต นั้น หนุ่มเคนลั่น หน่อย-บุษกร เข้าใจดี เพราะก็ไม่ได้จูบกับใครนอกฉาก

เคน เผยว่า “ถ้าจำนวนฉากของเลิฟซีนในเรื่องก็ไม่เยอะ แต่จะอยู่ในตัวเนื้อซีนมากกว่าครับ ส่วนเรื่องโดนแซวเรื่องนี้เยอะมั้ย จริง ๆ ตัวผมก็ไม่ค่อยรู้นะ เพราะไม่ค่อยได้ตามข่าว ถ้าคนที่เจอก็คุยปกติ เขาอาจจะเกรงใจเรา เลยไม่กล้าแซวก็ได้ แต่เรื่องที่จะโดนแซวเยอะเลยคือเรื่องยิงไม่โดน แบบโห! ไปฝึกยิงใหม่ก่อนมั้ย (หัวเราะ)” เห็นว่าเล่นเลิฟซีนเรื่องนี้ “น้องคุน” ถึงกับไม่คุยกับชมพู่เลย? “ไม่เกี่ยวหรอก ก็เด็ก แล้วแต่อารมณ์เขา อีกอย่างเขาก็ไม่ได้เจอกับชมพู่บ่อยอยู่แล้ว เลยไม่ได้สนิทหรือจะเล่นกับชมพู่ ซึ่งจริง ๆ กับเรื่องนี้เขาก็ไม่ค่อยได้ดูนะ เพราะส่วนใหญ่ก็จะไม่ให้เขาดูละครอยู่แล้ว เราจะให้ดูรายการที่เป็นของเด็กแบบนั้นมากกว่า” แล้วเลิฟซีนเรื่องนี้ได้รับจากฟีดแบ๊กจากหน่อยยังไงบ้าง? “ก็ไม่ว่าไงนะ ซึ่งเวลาที่เล่นลิฟซีนกับใคร หลายคนจะถามอย่างนี้ตลอดเลย ไม่ใช่แค่เล่นกับชมพู่คนเดียว เหมือนว่าคนจะเป็นห่วงเรามากกว่าที่เราคุยกันเอง กับเรื่องงานคุณหน่อยไม่ได้คอมเม้นต์อะไร เพราะเราก็รู้กันอยู่ และผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้ภรรยารู้สึกว่าเราจะนอกลู่นอกทางหากเขารู้ว่ามันคืองาน ถ้าผมไปจูบกับใครนอกฉากก็ค่อยมาว่ากันครับ”

กับลูกคนเล็ก “น้องจุน” เป็นยังไงบ้าง? “ตอนนี้ก็ 8 เดือนแล้วครับ คนนี้จะดูไม่ค่อยซน ถ้าเทียบกับน้องคุนตอนเด็กแล้ว จุนจะดูนิ่งกว่า” แล้ว “น้องคุน” ช่วยดูแลน้องยังไง “ก็เด็กนะ เล่นบ้าง หมั่นไส้บ้างก็มี มีวันหนึ่งที่ผมอยู่กับคุณหน่อยอีกห้อง ก็ได้ยินเสียง “น้องจุน” ร้อง แล้ว “น้องคุน” ก็ปลอบ เราก็โอ้โห! ดีเนอะ แต่พอเดินเข้าไปภาพที่เห็นคือ “น้องคุน” ขี่น้องอยู่ แล้วก็โอ๋ คือเขาไม่รู้วิธีว่าจะทำยังไง น้องก็ร้องหนักกว่าเดิม (ยิ้ม)” อย่างนี้เราก็ปล่อยไม่ได้เลย? “ก็ดูอยู่ห่าง ๆ ครับ จะไปห้ามเขาหมด เดี๋ยวเขาก็จะคิดว่าทำไมแตะน้องไม่ได้เลย” มีงานพรีเซ็นเตอร์มาติดต่อน้องบ้างมั้ย? “มันก็มีอยู่พักหนึ่ง แต่ถ้าอะไรที่มีลูกเข้ามาผมก็จะลำบากใจนิดนึง ก็ห่วงลูกครับ ซึ่งจริง ๆ ถ้าเลือกได้

ตอนนี้ผมไม่อยากให้ลูกทำงานในวงการเลย เพราะเขายังเด็ก อยากให้โตกว่านี้ก่อน ดังนั้น ณ ช่วงเวลานี้เขาคงยังไม่มีงานแน่นอนครับ” เรียกว่าเราเป็นพ่อที่หวงลูก? “ก็หวงปกติครับ แต่เผอิญผมมาทำงานตรงนี้ คนก็เลยมองว่าหวงเยอะ จริง ๆ ผมก็พาลูกไปเที่ยวปกตินะ คนที่เขาเห็นและเข้ามาขอ “น้องคุณ” ถ่ายรูปก็มีครับ” เวลามีคนรู้จักเขาเยอะ ๆ เขามีปฏิกิริยายังไง? “อย่างบางทีมีคนมาขอถ่ายรูปเขาเยอะ ๆ เขาก็ไม่ให้ถ่าย เขาบอกว่า “น้องคุณ” เหนื่อย แต่บางวันสนุกก็มี แบบบ๊ายบายคนอื่น” ระหว่างลูก 2 คน ใครติดเรามากกว่ากัน? “ตอนนี้ไม่มีใครติดเลยครับ ก็ติดคุณหน่อยกันหมด เพราะช่วงก่อนหน้านี้ที่ผมทำงานเยอะ แล้วก็ไปบวช ผมก็หาย ๆ ไป พอกลับมาก็ไม่มีใครเอาพ่อแล้ว (หัวเราะ) ซึ่งตอนนี้น้องคุนก็ยังเรียกพระพ่ออยู่เลย ก็ไม่เป็นไร ปล่อย ๆ ไปครับ”
ที่มา เดลินิวส์

เซียนหวยแห่ซื้อ311เลขสึนามิเลขหลวงตาบัว

บรรดาเซียนหวยนิยมซื้อเลขสึนามิ 311 เลขของหลวงตามหาบัวที่ 098 อายุหลวงตาฯ 305 สลากเจอฝนราคาร่วง

วันนี้ 15 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข่าวจากผู้ค้าส่งสลากกินแบ่งรัฐบาล (ล็อตเตอรี่) เปิดเผยว่า บรรยากาศการซื้อขายล็อตเตอรี่ประจำงวดวันที่ 16 มี.ค.นี้ ค่อนข้างเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากเป็นงวดกลางเดือน ประกอบกับช่วงท้าย ๆ ก่อนออกรางวัลปรากฏว่ามีฝนตกหนัก ทำให้ราคาขายส่งร่วงลงมาอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งราคาขายส่งที่เริ่มเปิดที่ 88.50 บาทนั้น ค่อนข้างสูง แม้ว่าช่วงแรก ๆ จะสามารถปรับตัวขึ้นไปถึง 90 บาทได้ก็ตาม แต่จากนั้น ก็ทยอยร่วงลงมาเรื่อย ๆ อย่างน่าใจหาย เพราะช่วงแรก ๆ นั้น พอราคาสูง ก็มียี่ปั๊ว ซาปั๊วหลายกลุ่มที่กักตุนสินค้าไว้ แต่เมื่อไม่มีผู้ซื้อ จึงนำมาเทขายช่วง 3 วันสุดท้าย ทำให้ราคาขายส่งร่วงลงมาที่ 80 บาท ทั้งหวยเล่ม และหวยชุด คาดว่า วันสุดท้ายก่อนออกรางวัลนี้ หากฝนยังคงตกอีก จะทำให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ 3 ใบ 100 บาทอีกงวดแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สำหรับเลขเด็ดที่บรรดาเซียนหวยนิยมซื้อกันมากในงวดนี้คือกลุ่มเลขอายุของแม่ถ้วน หลีกภัย คือ 99ปี เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ที่มรณภาพอายุ 88 ปี และกลุ่มเลขของหลวงตามหาบัวที่ยังคงมีเซียนหวยซื้อตามอย่างต่อเนื่องทั้ง 098 อายุหลวงตาฯ 305 คือ วันที่เผาสรีระสังขารฯ 77 พรรษาที่บวช 456 พ.ศ.เกิด นอกจากนั้นยังมีเลข 765 และทะเบียนรถราชินีฯ ที่เสด็จไปงานฯ 902 อย่างไรก็ตาม กลุ่มเลขสึนามิ ก็มีเซียนหวยแห่หาซื้อเข้ามาในช่วงวันท้าย ๆ นั่นคือ 311 ส่วนเลขอื่นๆ คือ 12 54 14 และ 50
ที่มา เดลินิวส์

19 มี.ค.เขาว่า...โลกจะเกิดภัยครั้งใหญ่จาก “ซูเปอร์มูน”

ไฟไหม้อาคารบ้านเรือนในเมืองมิยางิ หลังแผ่นดินไหวและสึนามิถล่มญี่ปุ่น (เอเอฟพี)
19 มี.ค. ที่จะถึงนี้เป็นวัน “จันทร์เต็มดวง” และมากกว่านั้น ยังเป็นวันที่ดวงจันทร์เข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 18 ปี ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสให้เรา ได้ชื่นชมความงามจากบริวารของโลกได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น แต่นักโหราศาสตร์ฝรั่งกลับเชื่อว่า โลกจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงจากปรากฏการณ์ดังกล่าว
ริชาร์ด นอลล์ (Richard Nolle) โหราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงจากเว็บไซต์ astropro.com เรียกปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดในรอบ 18 ปี ซึ่งมีระยะห่างจากโลกเพียง 356,577 กิโลเมตร ในวันที่ 19 มี.ค.2011 ว่า “เอกซ์ตรีม ซูเปอร์มูน” (extreme supermoon)
นักโหราศาสตร์จากโลกตะวันตกกล่าวว่า เมื่อดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลก ตามวันและระยะดังกล่าว จะเกิดความโกลาหลตามมา ทั้งพายุรุนแรง แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะเกิดหายนะขึ้นแก่โลก
อย่างไรก็ดี สเปซด็อทคอม ซึ่งนำเรื่องนี้มารายงาน ย้ำว่าโหราศาสตร์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ที่จริงแท้ แต่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์และปรากฏการณ์อันลึกลับเข้าไว้ด้วยกัน
อีกทั้ง เกิดคำถามว่า... จำเป็นหรือไม่ ที่เราจะต้องเตรียมตัวหาที่หลบภัยเพื่อรับมือที่อาจเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ “ซูเปอร์มูน” ดังกล่าว

ตามปกติดวงจันทร์ก็มีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลงในมหาสมุทรอยู่แล้ว และแรงโน้มถ่วงจากดวงจันทร์ ยังเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงบนแผ่นดินใหญ่ได้ ปรากฏการณ์นี้จะเห็นชัดขึ้น เมื่อจันทร์เต็มดวง ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อยู่ตรงข้ามกัน และคืนเดือนมืด (new moon) ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อยู่ด้านเดียวกัน

ตามข้อมูลของ จอห์น วิเดล (John Vidale) นักวิทยาศาสตร์ด้านแผ่นดินไหวจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันในซีแอตเทิล สหรัฐฯ (University of Washington in Seattle) ระบุว่า ทั้งดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ สร้างความเครียด มีแรงกระทำต่อโลกเล็กน้อย หากเราพิจารณาให้ละเอียด ก็จะเห็นว่า มีความเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลกเล็กน้อย เมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งเรียงกัน

“เมื่อจันทร์เต็มดวง และในคืนเดือนมืด คุณจะพบว่ามีแผ่นดินสั่นไหวเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1% และมีการตอบสนองของภูเขาไฟเพิ่มขึ้นเล็กน้อย” วิเดลกล่าว

ข้อมูลจากสเปซด็อทคอมยังบอกอีกว่า ผลของแรงดึงดูดจากดวงจันทร์นี้ จะรุนแรงที่สุดในเขตมุดแผ่นเปลือกโลก (subduction zone) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแปซิฟิก ซึ่งแผ่นเปลือกโลกหนึ่งมุดลงไปใต้อีกแผ่นเปลือกโลกหนึ่ง

วิลเลียม วิลคอค (William Wilcock) นักวิทยาศาสตร์ด้านแผ่นดินไหวจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันอีกคน อธิบายว่า ในช่วงน้ำลงจะมีน้ำน้อย ดังนั้น แรงกดดันที่ก้นทะเลก็จะน้อยด้วย ซึ่งแรงกดนี้ จะหนีบรอยเลื่อนเข้าด้วยกัน เมื่อไม่มีแรงดังกล่าว จึงง่ายที่จะทำให้ลอยเลื่อนไถลไป

จากข้อมูลของวิลคอคนั้น การเคลื่อนของแผ่นดินไหวที่เขตมุดแผ่นเปลือกโลกในช่วงน้ำลง เพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงเวลาอื่นของวันนั้น 10% แต่เขายังไม่ได้สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดแผ่นดินไหวกับช่วงน้ำลงในจันทร์เต็มดวงและคืนเดือนมืด โดยเขาเพียงสังเกตความสัมพันธ์ดังกล่าวในวงแคบๆ

แล้วในช่วงจันทร์เต็มดวงที่จะถึงนี้ และยังเป็นวันที่จันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบสิบกว่าปีนี้ จะเกิดแผ่นไหวและภูเขาไฟปะทุมากขึ้นหรือไม่?

เรื่องนี้เหล่านักวิทยาศาสตร์ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า แรงดึงดูดในช่วงจันทร์เต็มดวงไม่ได้ต่างไปจากแรงดึงดูดในช่วงระยะอื่นของดวงจันทร์ และไม่มากพอที่จะเกิดระดับน้ำขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงภัยธรรมชาติอย่างที่กล่าวมาด้วย

“มีการศึกษาเรื่องทำนองนี้จำนวนมาก โดยนักวิทยาศาสตร์ของยูเอสจีเอสเองและนักวิทยาศาสตร์ที่อื่น แต่พวกเขาก็ไม่พบนัยสำคัญอะไรเลย” จอห์น เบลลินี (John Bellini) นักธรณีวิทยาของ สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ให้ความเห็น

วิเดลก็ให้ความเห็นอีกด้วยว่า ในช่วงจันทร์เต็มดวง เราจะไม่เห็นผลกระทบอะไรเลย เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นอยู่ก่ำกึ่งระหว่าง “ไม่มีผลกระทบเลย” กับ “ผลกระทบน้อยมากจนเรามองไม่เห็น” พร้อมทั้งย้ำอีกว่า “ซูเปอร์มูน” ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไม่ได้มีอิทธิพลต่อแผ่นดินไหวเลย แม้ความคิดดังกล่าว ใช่ว่าจะไม่เข้าท่าก็ตาม

เช่นเดียวกับความเห็นของ รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ที่บอกทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า แรงดึงดูดจากดวงจันทร์ มีผลต่อปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะดึงดูดให้เปลือกโลกขยับ การที่เปลือกโลกขยับ เกิดจากแรงเค้นของแผ่นเปลือกโลกที่เกยกันอยู่

“ถึงวงโคจรดวงจันทร์จะอยู่ในตำแหน่งใกล้โลกมากที่สุด ก็มีผลแค่ทำให้น้ำขึ้น-น้ำลงมากขึ้นเท่านั้น แต่ไม่มีผลให้เปลือกโลกที่แข็งมาก กระทบกระเทือนได้ เรายังไม่มีหลักฐานแบบนั้น”

“การขยับของเปลือกโลก เกิดจากแรงเค้นตรงรอยต่อระหว่างเปลือกโลก และเหมือนปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อมีการขยับตัวที่หนึ่ง ก็จะมีการขยับไปเรื่อยๆ เพื่อปรับให้ได้สมดุล และแผ่นเปลือกโลกบริเวณวงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ก็อยู่ติดกับเปลือกโลกอีกหลายแผ่น เมื่อขยับตัวจึงมีโอกาสที่แผ่นอื่นๆ จะขยับอีก” รศ.บุญรักษากล่าว

ไม่ต่างไปจากความเห็นของ นอ.ฐากูร เกิดแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ (ลีซา) ที่ให้ความเห็นว่า ผลกระทบจากดวงจันทร์เข้าใกล้โลกมีน้อย อาจมีระดับน้ำสูงขึ้นหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นเกิดสึนามิ

ดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลกราว 380,000 กิโลเมตร หากเทียบกับระยะที่เข้าใกล้โลกที่สุด ก็คิดเป็นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ อีกทั้ง ปัจจัยการเกิดแผ่นดินไหวนั้นจากมาภายในโลกเอง

นอ.ฐากูรกล่าวว่า สิ่งที่เราควรปฏิบัติเมื่อมีข่าวสารเช่นนี้ออกมาคือ “ตั้งสติ ไม่เพ้อเจ้อ” และบอกด้วยว่า การที่เราเข้าใจธรรมชาติน้อย ทำให้เราแตกตื่นและผูกโยงเรื่องไปเอง

“อย่างการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ก็ไปผูกโยงกับภาพยนตร์เรื่อง 2012” นอ.ฐากูรกล่าว พร้อมทั้งบอกด้วยว่า หากเป็นพายุ เรายังพอพยากรณ์ได้ แต่การเกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดนั้น เป็นสิ่งที่พยากรณ์ไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำ คือศึกษาธรรมชาติ

ส่วน รศ.บุญรักษาให้ความเห็นต่อการรับข่าวสารประเภทนี้ว่า ประชาชนต้องใช้วิจารณญาณ พิจารณาถึงความเป็นไปได้ อีกทั้งช่วงนี้เป็นช่วงที่เปลือกโลกกำลังปรับตัว เราจึงได้เห็นแผ่นดินไหวบ่อยขึ้น

อย่างไรก็ดี สเปซด็อทคอมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภัยธรรมชาติบนโลกทั้งหมดไม่เกี่ยวกับดวงจันทร์เลย และโลกเราก็มีพลังงานมากมายที่กักเก็บไว้ และจะปลดปล่อยเมื่อปัจจัยทุกอย่างพร้อม

ส่วน “ซูเปอร์มูน” ก็อาจไม่มีผลอะไรเลย ซึ่งเราจะได้เห็นว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ไม่เกิน 20 มี.ค.นี้แน่นอน

นักดับเพลิงนั่งพักท่ามกลางเศษซากเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิ ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก มิใช่อิทธิพลจากดวงจันทร์ (AFP)
เพลิงในท่าเรือที่เมืองมิยางิ หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสึนามิในญี่ปุ่น (AFP)
รถยนต์ถูกคลื่นสึนามิกวาดมากองในลำคลอง หลังเกิดแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ในญี่ปุ่น (AFP)
หญิงสาวและลูกๆ ในสถานที่หลบภัยหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสึนามิในญี่ปุ่น (AFP)
ทหารลากเรือยางขนย้ายผู้ประสบภัยในเมืองมิยางิจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่นเมื่อ 11 มี.ค.ท54 (AFP)
ภาพจากสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคเผยแพร่เหตุการณ์สึนามิถล่มเมืองหลังจากเกิดแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ในญี่ปุ่น (เอเอฟพี)
น้องหมาก็เดือดร้อนจากแผ่นดินไหว (เอเอฟพี)
ภาพคลื่นสึนามิ (ซ้าย) เคลื่อนสู่แม่น้ำนากะในเมืองฮิตาชินากะ (เอเอฟพี)
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

อึ้ง “นาธาน” เล่นของ

อึ้ง “นาธาน” เล่นสกปรกทำของใส่ โดนัท,เฮียฮ้อ,เอกชัย,แหม่ม พัชริดาฯลฯ
ผงะหลักฐานเด็ดโผล่ “นาธาน” เล่นสกปรกทำของใส่ โดนัท มนัสนันท์ , เฮียฮ้อ ,เอกชัย ,แหม่ม พัชริดา ,ต้น ลาวัณย์ - หน่อย จำนรรค์ ผู้บริหารเจเอสแอล และต่อพงษ์ เศวตามร์ บก.ข่าวบันเทิงASTV ผู้จัดการออนไลน์ เพื่อให้รักและเมตตาตนเอง ด้าน “ครูแหม่ม” เผยนักร้องจอมลวงโลกชอบและเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

ถึงจะเข้าคุกคดีฉ้อโกงเงิน “น้ามด” สิทธิพร โคตรอุดมพร สบายก้นไปแล้วเพราะไม่ต้องวิ่งหนีเจ้าหนี้ให้เมื่อย แต่เรื่องราวของ “นาธาน โอร์มาน” อดีตนักร้องลวงโลกก็ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อ “ต้อม” อุทัย โคตรอุดมพร ลูกชายของน้ามดได้เข้าไปรื้อค้นข้าวของนาธานที่เอามาทิ้งไว้ที่บ้าน เพื่อหาหลักฐานมาใช้ประกอบคดี ปรากฏว่านอกจากจะเจอเอกสารสำคัญที่ใช้ในการเอาผิดนาธานได้แล้ว ก็ยังไปเจอกล่องปริศนาที่พอเปิดออกมาถึงกับผงะ เพราะในกล่องนั้นมีกระดาษที่ถูกม้วนด้วยด้ายขาวมัดรวมกันไว้ ในลักษณะเหมือนทำไสยศาสตร์

เมื่อแกะออกดูก็พบภาพของ โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล , เอกชัย ศรีวิชัย ,แหม่ม พัชริดา วัฒนา ดาราและนักร้องชื่อดัง ,เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหารเอไทม์ , ต้น ลาวัณย์ กันชาติ ,หน่อย จำนรรค์ ศิริตัน สองผู้บริหารเจเอสแอล เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้บริหารค่ายอาร์เอสกับ สุจีรา เชษฐโชติศักดิ์ ภรรยา,แพท พัทริกา ลิปตพัลลภ ช่างภาพและนักเขียนนิตยสารดิฉัน และต่อพงษ์ เศวตามร์ บรรณาธิการข่าวบันเทิง ASTV ผู้จัดการออนไลน์ และผู้อำนวยการช่องซูเปอร์บันเทิง

โดยด้านหลังภาพของ ต้น ลาวัณย์ ,หน่อย จำนรรค์ ศิริตัน ,เอกชัย ศรีวิชัย ,สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ,เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ กับภรรยาจะมีการวาดภาพที่เป็นรูปคน 2 คน โดยคนแรกเขียนว่าชื่อ “นาทาน” ส่วนคนที่สองไม่ได้เขียนชื่อ แต่ภาพของคนที่สองนั้นจะมีการวาดภาพหัวใจตรงกลาง และลากเส้นจากหัวใจไปยังภาพที่เขียนชื่อว่านาทาน และมีการเขียนอักขระ

แต่ภาพของโดนัท มนัสนันท์ , แหม่ม พัชริดา วัฒนา , แพท พัทริกา ลิปตพัลลภ และต่อพงษ์ เศวตามร์ จะมีการวาดภาพข้างหลังที่แตกต่างจากภาพของคนอื่นๆ คือ จะไม่มีการวาดภาพคนแต่จะมีการเขียนอักขระและวาดเป็นภาพสี่เหลี่ยมลักษณะเหมือนยันต์ ซึ่งต้อมก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า.....

“ตอนที่นาธานทะเลาะกับพ่อครูแหม่ม ก่อนที่เขาจะออกไปจากบ้านเขาก็เอาของมาฝากไว้ที่บ้านผม แต่พอมีเรื่องคดีเขาก็ไม่กลับมาเอาของอีกเลย ผมก็เลยไปค้นหาหลักฐานเผื่อจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคดีของแม่บ้าง และก็ไปเจอกระเป๋าใบนี้ก็จะเจอเอกสารต่างๆ พวกบัตรเครดิตและก็บุคแบงค์ของน้าแอ๊ะ(นันทนาพร พรายแสง)และก็สำเนาบัตรประชาชนของเขาและก็ใบเปลี่ยนชื่อ แต่ที่เห็นแล้วตกใจก็คงจะเป็นกล่องๆ หนึ่งที่แกะออกมาแล้วเป็นกระดาษที่มีรูปภาพของโดนัท , ต้น ลาวัณย์ กันชาติ ,หน่อย ,เอกชัย ศรีวิชัย ,สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ,เฮียฮ้อกับภรรยา,แหม่ม พัชริดา วัฒนา ,แพท พัชริกา ลิปตพัลลภ และต่อพงษ์ เศวตามร์ พันด้วยด้ายสีขาวมัดรวมกัน และด้านหลังของแต่ละภาพก็จะมีการเขียนอักขระ เราก็ตกใจว่าเขาเล่นของขนาดนี้เลยหรอ ก็หาชื่อแม่ว่ามีหรือเปล่าแต่ปรากฏว่าไม่มี แม่ก็ตกใจเหมือนกันกลัวจะมีชื่อตัวเอง”

ด้าน “ครูแหม่ม” พิสมัย ศรีกระบุตร ก็ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า เห็นแล้วรู้สึกขนลุกและเป็นห่วงคนที่อยู่ในรูปอยากจะให้ไปทำบุญ พร้อมทั้งเผยว่าคนที่อยู่ภาพล้วนเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับนาธาน และตลอดระยะเวลาที่รู้จักนาธานมาเป็น 10 กว่าปี นาธานค่อนข้างมีความสนใจและเชื่อในศาสตร์ลี้ลับ
“คนที่อยู่ในภาพส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับนาธาน อย่างเฮียฮ้อกับภรรยาก็เคยสนับสนุนเขา และเขาก็ค่อนข้างสนิทสนมกับภรรยาเฮียฮ้ออยู่ช่วงหนึ่ง ยังเคยจะไปออกแบบที่พักให้ภรรยาเฮียฮ้อ จนกระทั่งพี่ชิ(อนุชา ลังประเสริฐ) ที่เคยสนับสนุนเขาและก็คัดเลือกเขามาเป็นนักร้องมีเรื่องกับเขา และนาธานเขาก็แบบวาทศิลป์ดีและเขาก็สนิทสนมกับภรรยาเฮียฮ้อ ก็ยุให้คนนั้นทะเลาะกับคนนี้ตอนนั้นพี่ชิก็เลยมีผลกระทบเรื่องงาน”

“อย่างพี่แหม่ม พัชริดานี่ก็ให้ความรักความเมตตานาธานมาก เมตตาตั้งแต่เป็นนักร้องฝึกหัดเขาจะสงสารนาธาน เขาเหมือนครูแหม่มสงสารนาธาน นี่นาธานยังเคยเล่าให้ฟังเลยนะว่า แม่ของพี่แหม่มเขาเอ็นดูนาธานยังเคยเอาผ้าห่มมาให้ที่คอนโดเลย ส่วนมากนาธานเขาจะเจอแต่คนดีๆ คอยช่วยเหลือเขานะ อย่างเจเอสแอลก็เอาเขาไปออกรายการกับน้องอ้อมดักแด้ แต่ที่หนักก็คือไปหลอกเขาเรื่องถ่ายหนังต่างประเทศจนเขาเอาไปออกรายการ”

“กับโดนัทนี่ก็ได้ยินนาธานเล่าว่าเขาสนิทกันเคยไปเนปาลด้วยกัน เขายังเคยเอาชื่อของโดนัทมาสร้างเครดิตให้กับตัวเอง เขาเคยไปบอกเพื่อนน้องต้อม(ลูกน้ามด) ว่า จะไปนอนที่คอนโดของโดนัท ส่วนกับเอกชัยเขาก็เมตตาสงสารนาธานเหมือนผู้ใหญ่สงสารเด็กเพราะนาธานตัวคนเดียว ก็ให้ความช่วยเหลือ แต่พอมารู้เรื่องจริงก็ออกไปเลย”

“คนที่อยู่ในรูปส่วนใหญ่จะเป็นดาราหรือเป็นคนที่มีชื่อเสียง อย่างคุณต่อพงษ์เขาก็มีชื่อเสียงนะ แต่ตอนแรกที่เห็นรูปจำไม่ได้ แล้วก็มาคิดถึงตอนที่ไปงานซูเปอร์บันเทิงก็เลยจำได้ว่าเป็นคุณต่อพงษ์ ก็งงว่าเอามาทำไมเพราะแกไม่ใช่ดารา แต่พอคิดถึงข่าวของนาธานที่ผู้จัดการนำเสนอ ก็เลยเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงโดน เพราะข่าวของผู้จัดการแน่และก็จริง แล้วถ้าเล่นใครมันเรื่องจริงไง”

“ที่ผู้จัดการไปแฉเขาเปิดเผยความจริงมันคมชัดลึกมากเลย ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือมันจริง ซึ่งตอนแรกเราไม่เชื่อเลยเพราะภาพลักษณ์นาธานเขาน่ารักช่วยเหลือคน แต่ข่าวของผู้จัดการจุดประกายเรื่องจริงขึ้นมา เป็นการเปิดโปงความจริงทั้งหมด ทำให้เขาคงจะแค้นก็เลยทำเรื่องพวกนี้ใส่”

“ครูแหม่มรู้จักเขามาเป็น 10 ปีรู้ว่าเขาจะชอบและเชื่อเรื่องพวกนี้มาก เขายังเคยบอกผู้มีพระคุณของเขาเลยแต่ขออนุญาติไม่เอ่ยชื่อนะว่าเป็นใคร เขาก็บอกว่าผู้มีพระคุณของเขาเป็นพญานาคอยู่ที่เชียงคาน เคยเป็นเจ้าหญิงอยู่ที่เชียงคานอะไรพวกนี้ แล้วก็เคยเห็นเขาพกพวกของขลังคล้ายๆ พระเป็นเม็ดกลมๆ ดำๆ คือวัยอย่างเขาไม่น่าจะเชื่อของพวกนี้ แต่เขาเชื่อ เวลาเขาจะทำอะไรก็จะดูฟ้าดูดินก่อน”

“พอมาเห็นแล้วตกใจรีบถามน้องต้อมมีชื่อพี่แหม่มไหม ปรากฏว่าเป็นคนละแหม่ม คิดว่าที่ไม่มีคงเป็นเพราะว่าตอนนั้นยังอยู่ข้างเขาอยู่ ใครมาบอกอะไรเรื่องนาธานก็ไม่เชื่ออันนี้เดาเอานะ กับน้ามดก็เหมือนกันที่ไม่มีอาจจะเป็นเพราะตอนนั้นยังดีกับเขาอยู่ พอมาเห็นของพวกนี้แล้วขนลุก รีบไปรื้อดูที่บ้านมันมีแบบนี้ซุกไว้ที่ไหนหรือเปล่าก็ไม่มี แล้วก็นึกไปถึงคนที่อยู่ในรูปจะเดือดร้อนไหม ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เลยบอกว่า ใครที่ทำของทำอะไรมาเราต้องเอาลอดขาก่อนเลย ครูแหม่มก็เอามาลอดขาเลย ถึงไม่มีเราก็ลอดไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้ใครมาเป็นอะไร”

“ก็อยากจะให้คนที่มีรูปอยู่ในนี้ไปทำบุญทำทานเยอะๆ สิ่งดีๆ จะได้มาช่วยนำพาเรา คนเราเวลาเดือดร้อนก็จะนึกถึงพระก่อน อย่างวันที่ขึ้นศาลน้ามดไปเจอหน้านาธานปรากฏว่านาธานก็ไม่มองหน้า น้ามดก็นั่งท่องพุทโธๆ ในใจ ครูแหม่มก็กดโทรศัพท์บริจาควัดพระบาทน้ำพุ ก็จะมีเสียงพระมาให้พรเรา จะช่วยดับความร้อนในจิตใจเรา ก็อยากจะให้ทุกคนทำบุญเยอะๆ ยิ่งใครที่มีรูปในนี้ก็อยากจะให้ไปทำบุญจะได้เป็นสิริมงคล ของอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”

“แต่นาธานนี่ไม่รู้ยังไง ใครเจอเขาก็รัก อย่างที่บ้านของครูแหม่มตอนที่ดูข่าวเรื่องพี่เต็ม(สมาน สุขเสริม)ก็ไม่ชอบนะ แต่พอเห็นตัวจริงนาธานก็อดสงสารไม่ได้ ทำไมเขาน่ารักอย่างนี้ เป็นคนที่เอนเตอร์เทนคร๊าบๆ จะเลี้ยงยายไปตลอดชีวิต น้ามดก็จะเลี้ยงจะสร้างบ้านให้ใหม่ มาอยู่ใหม่ๆ ก็จะกวาดบ้านเก็บขยะซึ่งจริงๆ นาธานเขาไม่ชอบสิ่งเหล่านี้หรอก แต่อันไหนที่เป็นผลประโยชน์เขาจะทำ วันนั้นก็ซื้อเหล้าไปให้แฟนน้ามด 3 ขวดบอกว่าไปเดินแบบมาได้ เพื่อที่จะให้แฟนน้ามดยอมเซ็นต์ให้เอาที่ไปจำนอง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เงินนาธานหรอกเป็นเงินน้ามดนี่แหละ”

“ใครที่เห็นนาธานแล้วจะรักทุกคน อย่างกับครูแหม่มเห็นครั้งแรกเขายกมือไหว้บอกตัวเองกำพร้าพ่อแม่เป็นลูกครึ่งเนปาลอยู่กับย่า เจอกันครั้งหน้าก็บอกย่าตายแล้วตอนนี้อยู่คนเดียวเราก็สงสาร เขาจะอ่อนน้อมถ่อมตนมากแต่ลับหลังปากร้ายมาก”

อย่างไรก็ตามเพื่อความกระจ่าง ทีมข่าวบันเทิง EXCLUSIVE ผู้จัดการออนไลน์ ได้นำเอาภาพที่มีการลงอักขระดังกล่าวไปสอบถาม “ครูสอนศาสนาอิสลาม” คนหนึ่งในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นอำเภอที่นาธานเคยหนีตำรวจคดี “แม่บ้านเต็ม สมาน สุขเสริม” ไปอาศัยอยู่กับชาวอิสลามที่นั่น โดยในครั้งนั้นแหล่งข่าวที่อยู่ใกล้กับบ้านที่นาธานไปพักอยู่นั้น ได้เปิดเผยว่า นาธานมาทำพิธีอาบน้ำล้างซวยและทำพิธีกรรมบางอย่างที่บ้านหลังนั้นด้วย

ซึ่งทันทีที่ครูสอนศาสนาอิสลามเห็นภาพดังกล่าวก็บอกว่า เป็นการทำพิธีกรรมเพื่อให้ได้รับความเมตตาทำให้คนในภาพรักและหลง ซึ่งอักขระดังกล่าวนั้นก็คือ ภาษามลายู ที่มักจะใช้กันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
“อันนี้เป็นภาษามาเลย์หรือมลายู ที่มีภาพคนสอง คนหนึ่งเขียนภาษาไทยว่า นาทาน ส่วนอีกคนเขียนเป็นภาษามลายู บางภาพก็เขียนเป็นภาษามลายูว่าผู้หญิง บางภาพก็เขียนเป็นภาษามลายูว่าผู้ชาย และก็มีการเขียนโยงหัวใจไปยังภาพที่ชื่อว่านาทาน ก็คือทำให้รักทำให้เมตตา”

ส่วนภาพและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่อยู่ข้างหลังภาพของ โดนัท มนัสนันท์ , แหม่ม พัชริดา วัฒนา , แพท พัทริกา ลิปตพัลลภ และ ต่อพงษ์ เศวตามร์ ที่มีลักษณะเหมือนการลงยันต์นั้น ครูสอนศาสนาอิสลามได้อธิบายความหมายไว้ว่า เป็นการเขียนยันต์เพื่อความเมตตาของอิสลามเช่นกัน
“อันนี้ที่เป็นรูปกากบาทเป็นเหมือนผ้ายันต์อย่างหนึ่ง เหมือนทำยันต์เพื่อความเมตตาไม่ใช่การแช่ง เป็นยันต์อย่างหนึ่งของอิสลามเขียนเพื่อให้หลงรัก ส่วนตัวอักษรนี่อ่านไม่เป็นภาษาเพราะเขียนเป็นตัวอักษรพยัญชนะเหมือนเขียน ก ข ฃ ค ”

“ลักษณะการเขียนแบบนี้ไม่เคยเห็นในพิธีกรรมของอิสลาม แต่ว่าเคยเห็นในตำราบางเล่ม คือถ้าต้องการชอบหรือหลงรักใครซักคนก็ต้องทำแบบนี้และก็ต้องพยายามสวดวิงวอน แต่อันนี้ทำขึ้นเองไม่ได้ต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญ”

“พอทำแล้วสำหรับบางคนก็จะมีการห้ามในเรื่องต่างๆ เช่น ห้ามลอดราว หรือแบบถ้าทำแบบนี้แล้วใส่กระเป๋าเอาไว้แล้วแต่ถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องเอาออกไม่งั้นมันจะเสื่อม มันก็จะไม่เกิดประโยชน์ไม่ได้ผล สวดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล ส่วนคนที่ถูกทำก็จะมารักคนที่ทำหรือบางครั้งถึงขั้นหลงใหล ขึ้นอยู่กับการสวดด้วย”

“คนที่สวดก็คือคนที่ทำ คือนาธานอาจจะไม่ได้สวดเองแต่ให้คนที่ทำพิธีเป็นคนสวดให้และก็ให้ซองขาวไป ถึงของสิ่งนี้จะอยู่กับนาธานแต่คนที่ทำพิธีก็สามารถสวดให้ได้ อย่างสมมติผมเป็นหมอแล้วคุณเป็นนาธาน ก็บอกว่าเขาชอบคนนั้นคนนี้ให้หมอทำให้หน่อยสิ แล้วก็ให้หมอช่วยสวดให้หน่อยมันก็เป็นไปได้”

“การทำแบบนี้ไม่ใช่เป็นการทำให้ผู้หญิงมาหลงรักผู้ชาย หรือผู้ชายหลงรักผู้หญิง แต่ทำให้ผู้ชายมาหลงรักผู้ชาย ผู้หญิงหลงรักผู้หญิงด้วยกันก็ได้ คนที่ถูกทำก็มีผลก็คือทำให้หลงรักคนที่ทำ แต่จะไม่เป็นแบบสรีระเปลี่ยนแปลงหรือหน้าตาหมองคล้ำ จริงๆ แล้วอันนี้ก็ถือว่าเป็นด้านดีเพราะทำให้คนรักไม่ได้ทำให้คนเกลียด แต่ถ้าเป็นพวกหมอเขมรทำให้คนเกลียดสรีระก็อาจจะเปลี่ยนแปลง แต่อิสลามไม่มีทำด้านนั้น”

“แต่ส่วนมากคนอิสลามเขาไม่ใช้กันหรอก คนที่ใช้ก็คือหมอดูหมอทำของอะไรต่างๆ อิสลามเขาไม่ทำกันหรอก แต่ก็มีอิสลามบางคนที่ศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะ มันเป็นตำราที่มีไว้ศึกษาเท่านั้นว่ามันมีอยู่ แต่เขาจะไม่เอามาใช้กันเพราะทำลำบากทำยาก”

“ถามว่าเหมือนการทำเสน่ห์หรือเล่นของแบบของไทยหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่ามีส่วน(เหมือนการทำไสยศาสตร์ของไทยหรือเปล่า) ก็มีส่วน คือตำรานี้มันมีแต่เขาไม่ทำกัน ศึกษาค้นคว้าแต่ไม่ทำกัน ตำราตัวนี้ไม่มีตัวอย่างให้ดูเพราะคนที่ศึกษาพวกนี้จะต้องเป็นพวกหมอดูหรือพวกเล่นของ”

ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าบุคคลที่อยู่ในภาพนั้นส่วนใหญ่จะเคยเกี่ยวข้องและออกมาปกป้อง “นาธาน” กรณีลวงโลกโกอินเตอร์และโกงเงิน “แม่บ้านเต็ม สมาน” ไม่ว่าจะเป็น โดนัท มนัสนันท์ , เอกชัย ศรีวิชัย , แหม่ม พัชริดา ส่วน ต้น ลาวัณย์ กันชาติ ,หน่อย จำนรรค์ ศิริตัน ผู้บริหารเจเอสแอล , สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหารเอไทม์ เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้บริหารอาร์เอสและภรรยาก็ล้วนเคยมีความสัมพันธ์อันดีและให้ความช่วยเหลือนาธาน จะมีก็แต่ ต่อพงษ์ เศวตามร์ บรรณาธิการข่าวบันเทิง ASTV ผู้จัดการออนไลน์ และผู้อำนวยการช่องซูเปอร์บันเทิงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนาธาน ส่วน พัทริกา ลิปตพัลลภ ช่างภาพและนักเขียนนิตยสารดิฉันนั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับนาธานอย่างไร
"ต้อม" ลูกน้ามด ยกกระเป๋าของ "นาธาน" มาให้ดู
ภาพต้น ลาวัณย์-หน่อย จำนรรค์ สองผู้บริหารเจเอสแอล กับ เอกชัย ศรีวิชัย ถูกมัดไว้ด้วยด้ายขาว
ภาพด้านหน้า "ต้น ลาวัณย์" ผู้บริหารเจเอสแอล กับภาพด้านหลังที่มีการทำไสยศาสตร์เพื่อให้รักหลง "นาธาน" เป็นภาษามลายู
ภาพด้านหน้า "หน่อย จำนรรค์" ผู้บริหารเจเอสแอล กับภาพด้านหลังที่มีการทำไสยศาสตร์เพื่อให้รักหลง "นาธาน" เป็นภาษามลายู
ภาพด้านหน้า "เอกชัย ศรีวิชัย" กับภาพด้านหลังที่มีการทำไสยศาสตร์เพื่อให้รักหลง "นาธาน" เป็นภาษามลายู
ภาพด้านหน้า "เฮียฮ้อกับภรรยา" และภาพด้านหลังที่มีการทำไสยศาสตร์เพื่อให้รักหลง "นาธาน" เป็นภาษามลายู
ภาพด้านหน้า "เจ๊ฉอด" กับภาพด้านหลังที่มีการทำไสยศาสตร์เพื่อให้รักหลง "นาธาน" เป็นภาษามลายู
ภาพด้านหน้า "โดนัท มนัสนันท์" กับภาพด้านหลังที่มีการทำไสยศาสตร์เพื่อให้รักหลง "นาธาน" เป็นภาษามลายู
ภาพด้านหน้า "ต่อพงษ์" บก.บันเทิงผู้จัดการรายวัน กับภาพด้านหลังที่มีการทำไสยศาสตร์เป็นภาษามลายู
ภาพด้านหน้า "แพท พัทริกา" ช่างภาพนักเขียนดิฉันกับภาพด้านหลังที่มีการทำไสยศาสตร์เป็นภาษามลายู
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

'เต้ย' ขอเป็นตัวเอง ไม่ต้องเหนื่อยเฟค

ถ้าถามหนุ่ม ๆ ว่านักแสดงวัยรุ่นหญิงคนไหนที่น่ารักสดใสโดนใจ หนุ่ม ๆ หลายคนก็มักจะพร้อมใจกันตอบว่าสาวคนนั้นคือ เต้ย–จรินทร์พร จุนเกียรติ ที่เรารู้จักกันดี เต้ย มีทั้งผลงานโฆษณา ภาพยนตร์ ละคร และงานพิธีกร แต่ถึงจะลองงานในวงการบันเทิงเกือบครบทุกด้านแล้ว แต่หลายคนกลับมองว่ายังไม่สามารถจดจำเต้ยในบทบาทที่ต่างไปจากบทสาววัยรุ่นใส ๆ เท่าไหร่นัก งานนี้ “ดาวต่างมุม” จึงขอนั่งคุยกับเต้ยแบบสบาย ๆ ไล่เรียงตั้งแต่ก้าวแรกในวงการมาจนถึงปัจจุบัน เต้ยโตขึ้นและมีมุมมองในการทำงาน และการใช้ชีวิตยังไงบ้าง ที่สำคัญเรื่องหัวใจที่หนุ่ม ๆ หลายคนอยากรู้ซะเหลือเกิน

@@@เข้าวงการมาได้กี่ปีแล้ว?

“เต้ยเข้าวงการมาประมาณ 5 ปีแล้ว เต้ยว่ามันก็เร็วเหมือนกันนะ ถามว่าชินกับวงการหรือยังเหมือนมันก็เพิ่งจะเริ่มรู้สึกว่ามันโอเค สนุก เพราะตอนเด็ก ๆ ยังเกร็ง ที่ต้องมาเจอคนเยอะ ๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง เต้ยเป็นคนขี้เล่นไม่รู้ว่าเล่นแบบนี้ไปคนอื่นจะอะไรหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ทำให้รู้ว่าจริง ๆ เราไม่ต้องคิดมากเราเป็นในสิ่งที่เราเป็นดีที่สุด เราไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับใคร ฉะนั้นทุกคนรอบข้างเราจะเข้าใจเราไปเอง ไม่ต้องคิดมาก คิดเผื่อแทนใคร”

@@@แสดงว่าตอนเข้ามาแรก ๆ เรามีความกลัว กลัวในเรื่องของอะไรบ้าง?

“ไม่กลัวเรื่องข่าวหรืออะไรนะ เหมือนกับว่าก่อนที่จะเข้ามาวงการเต็มตัว เต้ยโดนวิจารณ์ว่าทำศัลยกรรมในอินเทอร์เน็ตค่ะ คือช่วงนั้นยังเป็นช่วงที่คนยังรับไม่ค่อยได้กับดาราที่ทำศัลยกรรม ซึ่งตอนนั้นเต้ยไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ สาบานได้ว่าแค่ดัดฟัน ก็จะโดนกระแส ทุกอย่างให้ประสบการณ์ที่ดีกับเต้ยตลอด ตอนนั้นยอมรับเสียใจจริง ๆ แต่พอเราโตขึ้นมา 3-4 ปีผ่านไปก็มองกลับไปเป็นเรื่องที่เล็กจริง ๆ แต่เข้าใจอะไรที่เจอกับตัวเองมักเป็นเรื่องใหญ่เสมอ ตอนนี้เต้ยไม่เคยรู้สึกแย่หรืออะไรเลยที่เจออย่างนั้น มองย้อนกลับไปดีใจซะอีกที่เจอแบบนั้นเพราะมันสอนเรา ทำให้เราแกร่งขึ้นค่ะ”

@@@บางคนยังจดจำเราในฐานะนักแสดงไม่ได้เท่าไหร่รู้สึกยังไง?

“ส่วนใหญ่เต้ยชอบได้แต่บทเดิม (หัวเราะ) จะได้บทใส ๆ แต่มีที่ฉีกออกไปที่เห็นได้ชัดคือละคร “ชิงชัง” อีกเรื่องคือหนังสั้นทางช่อง 3 เรื่อง “มั่นใจคนไทยหนึ่งร้อยคนเกลียดเมธาวี” นี่เป็นผลงานที่เต้ยชอบมาก ๆ เลย มันฉีกไปเลย ถามว่าเต้ยเบื่อมั้ยกับการเล่นอะไรแบบนี้มันก็สามารถเล่นได้แหละ แต่ก็อยากลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง แล้ว “ชิงชัง” เป็นดราม่า ซึ่งเต้ยยังทำได้ไม่ดีหรอก แต่ว่ารู้สึกดีที่ได้เล่นบทอื่น ๆ บ้าง อย่างเมธาวีเนี่ยชอบมาก”

@@@ถ้าให้เลือกได้เราอยากลองบทไหน?

“เลือกไม่ได้จริง ๆ แต่ถ้าได้ลองดูบทแล้ว น่าสนใจก็ลอง แต่ให้บอกว่าอยากเล่นแบบไหนไม่รู้เลย ถ้าสนุก ๆ คอมเมดี้ขำ ๆ กัด ๆ ร้าย ๆ นิดนึง แต่ไม่ใช่ร้ายน่ากลัวก็น่าสนุกดีนะ แต่เดี๋ยวจะได้เล่นละครคล้าย ๆ ลูกสาวกำนันมีบทบู๊ด้วย กำลังอยู่ในขั้นคุย ๆ ค่ะ เชื่อว่าน่าจะได้เห็นกันแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นะคะ”

@@@เคยกลับมาดูผลงานการแสดงของเราบ้างมั้ยว่าโตขึ้นบ้างหรือเปล่า?

“เต้ยว่าจริง ๆ ยังต้องฝึกอีกเยอะเลยค่ะ การทำงานแบบนี้มันต้องมีสมาธิ เต้ยเป็นคนสมาธิสั้น เต้ยยอมรับ คือจะไม่อยู่เฉย ขี้ลืมด้วยนิดนึง เลยคิดว่ายังต้องฝึกอีกเยอะเลย”

@@@แล้วจริง ๆ เราฝันอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่แรกเลยมั้ย?

“ไม่เลยค่ะ เต้ยเหมือนเด็กทั่วไปที่ตอนนั้นเป็นกระแส ไปแคสต์งานหาเงิน จริง ๆ เลยเต้ยอยากทำธุรกิจของตัวเอง หรือไปเรียนด้านดีไซน์ แต่พอพลิกมาอยู่ในวงการแล้วรู้สึกรักแล้ว รู้สึกเราได้อะไรจากวงการนี้เยอะมากค่ะ เป็นคนชอบท่องเที่ยวก็ได้เที่ยวจากวงการนี้ ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้ก็อาจจะไม่มีโอกาสไป บ้านเต้ยไม่ใช่บ้านที่มีฐานะขนาดนั้น แต่เราได้ไปอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี มีความสุขมาก แล้วล่าสุดก็ทำงานกับพี่ย้ง-ทรงยศ เป็นรายการท่องเที่ยวไม่เหมือนใคร ไม่มีพิธีกร ไม่มีสคริปต์อะไรทั้งสิ้น ไม่มีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว เหมือนถ่ายหนัง จะพูดอะไรก็พูดเป็นตัวเอง เทปแรกเราพาเขาไปทะเลแหวก ไปถึงดันมีพายุเราไม่รู้มาก่อน แต่เราก็ถ่ายแบบว่าสถานการณ์นั้นน่ากลัวยังไง คนดูเองก็จะรู้สึกว่าได้ไปเที่ยวกับพวกเต้ยจริง ๆ ค่ะ”

@@@เรื่องการเรียนล่ะเป็นยังไงบ้าง มีผลกระทบอะไรมั้ย?

“มีผลกระทบแน่นอน มันก็มีกระท่อนกระแท่น เต้ยก็พยายามจะให้จบพร้อมเพื่อน ๆ พยายามมาก ๆ เลยค่ะ แล้วเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็น่ารักมาก ทุกคนช่วยกัน วันนี้ต้องส่งงานโน่นนี่นะ ทุกคนน่ารักช่วยเราตลอดค่ะ เต้ยเคยดร็อปเรียนไปครึ่งเทอมตอนถ่ายหนังเรื่อง “กาลิเลโอ” เพราะฉะนั้นต้องตามให้ทัน แล้วก็มีบางวิชาที่เวลาเรียนไม่ครบก็ต้องดร็อปไปก่อน แต่จากที่เต้ยมานั่งเช็ก ดูแล้วจะพยายามทำให้ทัน ต้องทันค่ะสาธุ (ยิ้ม)”

@@@การวางตัวในวงการบันเทิงล่ะ มีวิธีการดูแลตัวเองยังไงบ้าง?

“เป็นตัวของตัวเองค่ะ อย่าไปทำความเดือดร้อนให้ใคร การมีคาแรกเตอร์ที่มาจากธรรมชาติเป็นตัวเองมันสบายที่สุดแล้ว แต่ว่าก็ต้องมีบ้างเจอใครถ้าเป็นตัวเองจนเกินไปก็ไม่ได้ ต้องรู้กาลเทศะ ทำอะไรก็คิดถึงตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ก่อน แต่จริง ๆ เต้ยก็ทำตัวปกติเหมือนคนทั่วไปนะ อยากไปไหนก็ไป ไปคนเดียวก็ไปก็คิดว่าไม่แต่งหน้าไม่มีใครจำได้หรอก (หัวเราะ) แต่ก็มีคนจำได้ ก็ตกใจมากจำได้ยังไง คือเต้ยแต่งหน้ากับไม่แต่งหน้านี่คนละคนเลย ไม่แต่งนี่หมวยโล้นมาก เต้ยว่าการที่เราเป็นตัวเราทำไปเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป ดีกว่าที่มาแอบ ๆ ทำอะไรที่เป็นตัวเรามันจะสบายใจที่สุดนะ”

@@@ถามถึงเรื่องความรักบ้าง ตอนนี้มีคนมาจีบหรือยัง?

“จริง ๆ มันก็มีคุยกันบ้างนะคะ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้คุยกับใครแล้ว ไม่มีเลย อยู่แบบนี้เต้ยว่ามันสบายที่สุด เต้ยอยู่คนเดียวไม่ได้คบกับใครเป็นเรื่องเป็นราวมาปีกว่าแล้ว แต่ใครเข้ามาก็รู้จักเอาไว้คุยกันไปในฐานะพี่น้องก็ได้ แต่ตอนนี้คืออยู่อย่างนี้ดีแล้วค่ะ แฮปปี้ บางทีเวลาคนเรามีความรักมันจะสูญเสียอะไรบางอย่าง เต้ยต้องเรียนแล้วก็ทำงาน ถ้ามีแฟนปุ๊บเต้ยอาจจะแบ่งเวลาไม่ถูกก็ได้ แต่พออยู่อย่างนี้ได้มีเวลา เราไม่ต้องรีบไปไหน หรือเรียนก็ได้เต็มที่กับมัน อาจเป็นเพราะว่าอยู่ตรงนี้สักพักหนึ่งจนรู้สึกดีแล้ว”

@@@ข่าวกับพี่ฌอห์น จินดาโชติ ล่ะมาเล่นละครคู่กันก็มีข่าวว่ากิ๊กกันออกมาเขามีท่าทีมาจีบเรามั้ย?

“กับพี่ฌอห์นรู้จักกันมานานมาก เต้ยเล่นรับเชิญหินกลิ้งก็เจอพี่เขา พี่เขาเป็นคนที่น่ารักดี มีความเป็นผู้ใหญ่ให้คำปรึกษาได้ แต่เราก็เป็นพี่น้องกัน เรื่องจีบมั้ยเต้ยก็ไม่รู้เหมือนกัน (ยิ้ม) เราก็ใช้ชีวิตของเราไปแหละเนอะ แล้วก็เปิดโอกาสให้แต่ละคนได้เจออะไร เอาจริง ๆ อันนี้ไม่ได้พูดตามประสาดาราหรืออะไรนะคะ เต้ยรู้สึกว่าอายุเพิ่งจะ 21 หนทางยังอีกไกลมากก็เลยเป็นพี่น้องกันไปไม่ได้เสียหายอะไร ก็เป็นมิตรภาพที่ดีค่ะ”

@@@จริง ๆ มุมมองความรักของเต้ยล่ะเป็นยังไง?

“มันเปลี่ยนไปนะคะ จากตอนที่เต้ยเป็นเด็กอยู่มัธยมก็เป็นเรื่องสำคัญ ตามประสาผู้หญิงวัยรุ่นมีแฟน ชอบคนนี้ แต่พอโตขึ้นมาตอนนี้ด้วยความที่เราทำงานยังฝันที่จะเจอคนที่ใช่อยู่แต่ยังไม่เจอ แต่เป็นใครนิสัยยังไงตอนนี้ไม่รู้แล้ว คือมันแล้วแต่ว่าเราจะเข้ากันได้มั้ยมากกว่า ส่วนสเปกน่ะ สูง ขาว ตี๋ หล่อ อันนี้ตอนเด็ก ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เอาหน้าตาพอดูได้ เต้ยชอบผู้ชายที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีแบบอารมณ์ดีน่ะค่ะ นิ่ง ๆ แต่แอบกวน ๆ นิดนึง แต่ว่ายังไม่เจอ (ยิ้มเขิน ๆ)”

@@@อนาคตในวงการบันเทิงของเรา เรามองว่ายังไงต่อไปบ้าง?

“จะพยายามทำให้มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ต้องมีการพัฒนาไปในทางที่ดีเนอะ ถ้าให้พูดแบบฝัน ๆ หน่อยอยากทำอะไรควบคู่กัน ถ้ามีงานในวงการบันเทิงต่อยอดไปเรื่อย ๆ ก็ยังจะทำอยู่ ก็จะดูว่าอันไหนเหมาะสมกับเรา อันไหนไม่เหมาะสมกับเรา วงการบันเทิงทุกคนก็น่าจะรู้ว่าไม่ได้เป็นอาชีพที่มั่นคงมีขึ้นลงได้ตลอด เต้ยอยากทำธุรกิจหรืออะไรที่เราชอบจริง ๆ แล้วมีความสุขกับมันก็อยากทำ เต้ยชอบอะไรเกี่ยวกับหนังหรือถ่ายภาพ หรือออกแบบตกแต่งบ้าน ทำอะไรพวกนี้แล้วมีความสุข แต่เต้ยก็ยังไม่ได้มีเป็นชิ้นเป็นอันว่าอยากทำอะไร แต่รู้ว่าชอบแนว ๆ นี้ค่ะ”

@@@สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานเราอยู่มั้ย?

“ฝากติดตามรายการ “ซิสเตอร์เดย์” นะคะ แล้วก็มีรายการแฮงค์โอเวอร์ไทยแลนด์ ทางแทรเวลแชนแนล ทรู ช่อง 73 แล้วเดี๋ยวเต้ยจะมีละครมาให้ดูแน่ๆ ก็อยากให้ลองติดตามกัน แล้วก็ขอขอบคุณที่ให้เสียงตอบรับ ก็คอยให้กำลังใจไม่ว่าจะเจอแค่แป๊บเดียวเวลาเต้ยไปงาน ซึ่งเขารู้อยู่แล้วพอเต้ยลงจากเวทีเต้ยก็ต้องกลับแล้ว แต่เขาก็มาน่ารักมาก ๆ ค่ะ”.

คนกลาง : เรื่อง / สุรเชษฎ์ วัชรวิศิษฎ์ : ภาพ
ที่มา เดลินิวส์

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปฏิบัติการ"ไฟเขียว"ไอ้โม่งสั่งเสียบปลั๊ก..ตู้ม้า ลุยเล่นต่อ

เสียงชาวบ้านบ่น เสียงชาวบ้านร้อง มันหนาหู ว่า “ตู้ม้า” โผล่เกลื่อนเมืองแล้วพี่น้อง ชุกชุมยิ่งกว่ายุง พึ่ง ตำรวจก็ยังเฉย โทรแจ้งก็ยังนิ่ง ร้องแล้วร้องอีก ก็ไม่มีใครช่วยขจัดปัดเป่า ดังนั้นที่ คนแวดวงสีกากี ที่ออกมาเป่าประกาศกับสังคมสม่ำเสมอว่า ไม่มีตู้มันคงใช่ไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อ นายกฯ ออกมาคำราม หรือ สื่อมวลชน นำเสนอครั้งหนึ่ง จะมีผู้รับผิดชอบออกมาอ้างว่า ท้องที่ไหนที่เรื่องอบายมุข ผกก.ต้องรับผิดชอบ แต่ก็ไม่เห็นใครกลัว คาดมีไฟเขียวจาก ไอ้โม่งผู้มีอำนาจ ทั้ง นักการเมือง ตำรวจใหญ่ ค่อยให้ท้ายเป็นอีแอบ เก็บเกี่ยวเงินเปิดสัมปทานตู้ ดังสุภาษิต ปากว่าตาขยิบ ก็เป็นจริงใช่ไม่ครับ
ความจริงวันนี้ต้องปรากฏ ปฏิบัติการถอนทุนคืน ก็เริ่มต้น แฉกันชนิดขุดรากถอนโค่นกันไปเลย คนเมืองหลวง เขาโวยว่าพื้นที่ นครบาล เริ่มไฟเขียวแล้ว หลังจากติดไฟแดงมาระยะหนึ่ง เพราะนายกฯ เป่าประกาศทางทีวีตู้เกลื่อน เลยนักเลงถอดปลั๊กขนตู้หนีไปเก็บโกดัง เท่าที่มีข้อมูลว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไอ้โม่งกินเงินตู้ม้า เปิดไฟเขียว สั่งเสียบปลั๊ก วางตู้แล้วทั้ง ฝั่งพระนคร ฝั่งธนฯ มีมูลว่า ขบวนการนี้มี นักการเมืองคนดัง มีเอี่ยว ร่วมหัวกับ ท่านรองสีกากีเม็ดมะยม ปฏิบัติการลุยหาผลประโยชน์ ขนาดบาง บก. รองผู้การฯใหม่ ดูแลงานด้านอบายมุข ลงทุนเป็นหน้าเสือควบคุมดูแล จัดสรรโควต้า แบ่งปันผลประโยชน์กันลงตัว
ในขณะที่ สน.ท้องที่ ผู้กินกับจัดหนัก ทั้งแบ่ง ทั้งออม รวบ งานนี้ลูกน้องแฉเองครับท่าน อาทิ สน.สวนดังกลางเมือง ยังเหมือนเดิม ไม่มีทุกข์ร้อนใดๆ วางตามใจทั้ง ผับ-บาร์ โต๊ะสนุก ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม มาครั้งนี้ภารกิจกระชับพื้นที่ ยึดครองบัญชี ด้วยบารมีเพื่อนฝากมา สงสัยจะเป็นกระเป๋าจ่ายแทน โพกัสไปที่ สน.วัด-ทุ่ง- พระ และ สน.ถนนดัง ใช้วิธีแอบซุก โต๊ะสนุก ตรอก ซอย ชุมชน แล้วแต่จะตบตากัน หนักหน่อยเล่นกันซึ่งหน้า วางกันทุกซอกซอย ก็รอคอยกันมานาน อดยากปากแห้ง
ขณะท้องที่ บก.ตัวเลข อื่นๆ มีหมด เจ้าของตู้รายใหญ่ ได้รับความไว้วางใจจาก อีแอบ ให้เปิดซองประมูลสัมปทาน เพราะลงขันจัดหนักเลข 7 หลัก ต่อมาพื้นที่ยอดฮิตต้อง ภาค 1 งานนี้ เฮี่ยดังคอนถม ได้รับฉันทมติ ทำมาหารับประทานได้ นนท์ ปทุม ปากน้ำ กรุงเก่า หระรี่ จัดไปเต็มๆแบ่งเค๊กไป คาดคงไม่นาน ชาวบ้านสุดทน ถ่ายคลิป มาแฉความเน่าของสีกากี ปล่อยปะละเลย ขอแนะนำถ้าพึ่งพา ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ได้ผล ให้หันไปพึ่ง สื่อมวลชน เดียวจะช่วยกันแฉแหลกรายวัน เอาชนิดเรื่องเล่าเช้าเย็น กระหนำส่ง SMS ข้อความ ผ่านรายการโทรทัศน์ ดูสิสีกากีรายไหน นั่งติดบ้างให้มันรู้ไป
กูรูสีกากี
ที่มา เดลินิวส์

“อนันดา-หนูนา”คว้าดารานำ

“อนันดา-หนูนา” คว้าดารานำ “เวทีสุพรรณหงส์” ด้าน“ชั่วฟ้า ดินสลาย”กวาด 5 รางวัลใหญ่

ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช จ.ชลบุรี วันที่ 6 มี.ค.สมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ มีการประกาศรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ “สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 20” ภายใต้คอนเซ็ป “ ไทย ฟล์มส์...เดอะ ลีดเดอร์ ออฟ ครีเอทีฟ อิโคโนมี่” โดยนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการภาพยนตร์ และวีดีทัศน์แห่งชาติ เดินทางมาเป็นประธาน มีนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พร้อมชาวพัทยาให้การต้อนรับ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เหล่าคนในวงการบันเทิงพร้อมใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ดาราผู้หญิงส่วนใหญ่จะแต่งตัวเน้นสวยงาม ไม่แต่งวาบหวิวโชว์สัดส่วนเหมือนที่ผ่านมามากนัก สำหรับรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 20 มีทั้งสิ้น 16 รางวัล ได้แก่ 1.รางวัลการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม ได้ บริษัท กันตนา แอนิเมชั่น สตูดิโอ จำกัด หนังเรื่องอินทรีแดง 2.เทคนิคการแต่งหน้ายอดเยี่ยม จากหนังเรื่อง 9 วัด 3.ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ได้ภาพยนตร์ “ชั่วฟ้า ดินสลาย” 4.รางวัลกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ “ชั่วฟ้า ดินสลาย” 5. ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม หนังเรื่อง ซามูไรอโยธยา
6. เพลงประกอบยอดเยี่ยม ได้ เรา สอง สาม คน 7. บันทึกเสียงและผสมเสียงยอดเยี่ยม หนังเรื่องลุงบุญมีระลึกชาติ 8. ลำดับภาพยอดเยี่ยม จากหนัง “ชั่วฟ้า ดินสลาย” 9. ถ่ายภาพยอดเยี่ยม จาก สวรรค์บ้านนา 10.บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หนังเรา สอง สาม คน 11.รางวัลผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ทราย เจริญปุระ จากหนังเรื่องนาคปรก 12. ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ได้ สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ จากนาคปรก 13. ผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ตกเป็นของหนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ จากหนัง “กวน มึน โฮ”14. ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม ได้แก่ อนันดา เอเวอริ่งแฮม จากภาพยนตร์ “ชั่วฟ้า ดินสลาย” 15. ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้อุรุพงศ์ รักษาสัตย์ จากหนัง “สวรรค์บ้านนา” และ 16. ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตกเป็นของบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หนังเรื่อง “ชั่วฟ้า ดินสลาย”

นอกจากนี้ในปีนี้สมาพันธ์ฯ ยังมีมติเลือกผู้ที่ได้รับรางวัล “สุพรรณหงส์เกียรติยศ ครั้งที่ 20” โดยกัน 2 คน คือนายเจริญ เอี่ยมพึ่งพร และนายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ซึ่งพิจารณาจากคุณสมบัติของบุคคลที่อุทิศตนให้กับวงการภาพยนตร์ไทยและสังคมอย่างสม่ำเสมอ และเป็นบุคคลที่คนในวงการให้การยอมรับด้วย
ที่มา เดลินิวส์

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

สาวจีนดังทะลุเน็ตเกาหลีฯ งามหนอ งามเกิ๊น "คน" หรือ "หุ่น"

สื่อออนไลน์จีน เผย หวัง เจียหยุน นักเรียนสาววัยรุ่นจีน โด่งดังทำอินเทอร์เน็ตแดนกิมจิร้อนฉ่า เมื่อชื่อของเธอถูกสืบค้นมากเป็นอันดับหนึ่งเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ทั้งหลายทั้งปวงมีที่มาจากภาพของเธอชุดหนึ่งได้เผยแพร่ไปในอินเทอร์เน็ต และมีชาวเน็ตบอกต่อปากต่อปาก และติดอันดับสุดยอดชื่อที่ถูกค้นหา ในเว็บเกาหลี เมื่อวันที่ 16 - 17 เดือนก.พ. ถึง 3.5 ล้านครั้ง

โดยเสียงวิพากวิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในทางประหลาดใจในใบหน้าของเธอ ที่แบ๊วแว้วเหมือนหุ่นตุ๊กตาเหลือเกิน หลายคนไม่เชื่อสายตา และกล่าวว่าคงสวยด้วยโฟโต้ช็อป สวมวิก หรือใส่เลนส์ตาโต และแต่งหน้าจัดจ้าน เหมือนเช่นที่เคยเห็นตามเทคนิกการแต่งหน้าขั้นเทพทั้งหลาย

ชาวเน็ตโสมขาวหลายคนบอกว่า อยากเห็นภาพอื่นๆ ของเธออีก บ้างแสดงข้อความชื่นชมประทับใจจนทะลุหน้าจอ อยากที่จะขอเป็นเพื่อน หรือไม่ก็จะสมัครเป็นแฟนคลับของเธอ ฯลฯ

รายงานข่าวให้ข้อมูลว่า หวัง เจียหยุน สูงประมาณ 164 ซม. หนัก 48 กิโลกรัม คนนี้ ชื่อของเธอถูกสืบค้น จนถึงวันที่ 17 ก.พ. นั้น เป็นจำนวนกว่า 3.5 ล้านครั้งไปแล้ว โดยมียอดสืบค้น 1.18 ล้านครั้ง ในวันที่ 17 เพียงวันเดียว สื่อฯ อ้างคำกล่าวของหวังเจียหยุน ว่า เธอเกิดที่เกาลูน ฮ่องกง และปัจจุบันอาศัยอยู่ที่เมืองเสิ่นเจิ้น มณฑลก่วงตง มีชื่อไอดีบล็อกฯ ของตนว่า “冰山” [bingshan, "iceberg"]

(ชมภาพชุดของ หวัง เจียหยุน - ภาพจาก sina.cn)




ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

"นาธาน"จอมลวงโลกไม่มีใครช่วยหมดท่านอนคุก

“นาธาน”นอนคุกหาใครมาประกันตัวไม่ได้ หลังถูกน้ามดฟ้องฉ้อโกงเงินกว่า7แสน ศาลนัดไกล่เกลี่ยแต่หยิ่งขอต่อสู้คดี

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ศาลจังหวัดเลย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลได้พิจารณาคดีที่นางสิทธิพร โคตรอุดมพร หรือน้ามด แจ้งความดำเนินคดีกับนายนธัน โอมานันท์ หรือนาธาน โอมาน อดีตนักร้องชื่อดัง ข้อหาฉ้อโกงเงินจำนวน 702,800 บาท โดยนาธานเดินทางมาขึ้นศาลครั้งนี้ด้วย

โดยพนักงานอัยการเป็นโจทย์บรรยายคำฟ้องสรุปว่า เมื่อราวเดือน เม.ย.2553 ถึงวันที่ 25 พ.ย.2553 จำเลยได้หลอกลวงนางสิทธิพร ผู้เสียหายว่าสามารถจัดธุรกิจนำเที่ยวได้ทั่วโลก และจัดหาลูกค้านักท่องเที่ยวไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ ได้ หากผู้เสียหายร่วมลงทุน จะได้กำไรเป็นเงินจำนวนมาก ความจริงการกระทำของจำเลย เป็นเพียงกลอุบายเพื่อให้ได้ไปเพื่อทรัพย์สินจากผู้เสียหาย โดยการหลอกลวงดังกล่าว ทำให้นางสิทธิพรผู้เสียหายหลงเชื่อ มอบเงินให้จำเลยไปหลายครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 702,800 บาท

ทว่าจำเลยให้การปฎิเสธ และจะหาทนายเอง ซึ่งศาลได้กำหนดนัดพร้อมในวันที่ 14 มี.ค.นี้เวลา 08.00 น. ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกัน ศาลจังหวัดเลยยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่ามูลค่าความเสียหายที่จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายไป ป็นเงินจำนวนถึง 7 แสนกว่าบาท หากจำเลยประสงค์จะยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ให้หาหลักประกันมายื่นต่อศาลต่อไป

จากนั้นศาลได้นำตัวนาธานจำเลย กับนางสิทธิพรผู้เสียหาย เข้าห้องไกล่เกลี่ยคดี โดยมีผู้พิพากษาศาลหัวหน้าศาลจังหวัดเลย ทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ย เบื้องต้นจำเลยประสงค์จะต่อสู้คดี ไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย ศาลเลยนำตัวจำเลยไปควบคุม เพื่อรอการยื่นขอประกันตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนาธานไม่ยอมไกล่เกลี่ยกับน้ามด และพยายามติดต่อกับคนรู้จัก เพื่อให้มาประกันตัว แต่ไม่สามารถติดต่อหรือหาใครมาประกันตัวได้ จนหมดเวลาทำการของศาล เจ้าหน้าที่เลยคุมตัวนาธานขึ้นรถ ไปควบคุมที่เรือนจำจังหวัดเลยต่อไป.

ที่มา เดลินิวส์